เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานหลักที่ให้บริการเมืองมัณฑะเลย์ อยู่ห่างจากเมืองมัณฑะเลย์ไปทางตอนใต้ประมาณ 40 กิโลเมตร ที่นี่เป็น 1 ใน 3 ท่าอากาศยานนานาชาติของประเทศพม่า สร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2542 อีกทั้งยังเป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดในประเทศ มีทางวิ่ง (รันเวย์) ซึ่งถือว่ามีความยาวที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมืองสกายน์ เป็นหนึ่งในศูนย์กลางพระพุทธศาสนาที่สำคัญ ตั้งอยู่ในแม่น้ำอิระวดี อยู่ห่างจากมัณฑะเลย์ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร เมืองนี้มีอารามทางศาสนาและอารามที่สำคัญหลายแห่ง โดยเฉพาะเจดีย์จำนวนมากตามสันเขาที่ทอดยาวขนานไปกับแม่น้ำ
วัดเจดีย์นมนาง สร้างโดยพระเจ้าต้าหลู่ เมื่อปี ค.ศ.1636 เพื่อใช้เป็นที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วหรือพระทันตธาตุที่ได้มาจากลังกา เจดีย์นี้เป็นเจดีย์ทรงโอคว่ำแบบสิงหล หรือเจดีย์ทรงลังกา มีตำนานเล่าว่าองค์ระฆังทรงกลมผ่าครึ่งซีกนี้ ได้ต้นแบบมาจากถัน พระชายาคนโปรดของพระเจ้าต้าหลู่ องค์เจดีย์มีความสูง 46 เมตร เส้นรอบวงวัดได้ 274 เมตร และใช้อิฐในการก่อสร้างมากถึง 10,126,552 ก้อน
ตั้งอยู่ในเขตมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า เป็นเมืองหลวงเก่าของพม่าถึง 5 ครั้งในช่วง 360 ปีระหว่าง ค.ศ. 1365 ถึง ค.ศ. 1842 ทั้งในสมัยราชวงศ์อังวะ ราชวงศ์ตองอู และราชวงศ์อลองพญา ในประวัติศาสตร์เมืองอังวะผ่านการสู้รบ ถูกปล้นสะดมและฟื้นฟูมาแล้วหลายครั้ง ปัจจุบันถูกทิ้งร้างหลักจากถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง อันเป็นผลมาจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ค.ศ. 1839 ซากปรักหักพังที่เหลืออยู่ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวจากมัณฑะเลย์
เป็นหอคอยประจำเมืองอังวะ ที่เป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังเพื่อใช้สังเกตการณ์ข้าศึก สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1822 หลังจากที่เกิดแผ่นดินไหวในปี ค.ศ.1838 หอแห่งนี้เกิดการเอียงตัว แต่ได้รับการบูรณะเป็นโครงสร้างเดิม นี้เป็นหนึ่งในรูปแบบสถาปัตยกรรมพม่าในช่วงต้นศตวรรษที่ 19
วัดมหาอ่องเหม่บอนซาน เป็นวัดใหญ่ที่สร้างจากหินแกะสลักสวยงาม มีการสร้างหลายๆชั้นสลับซับซ้อน
วัดนี้สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1834 ช่วงรัชสมัยของพระเจ้าบากีดอว์(Bagyidaw) โดยสร้างขึ้นด้วยไม้สักทั้งหลัง ประกอบด้วยเสาไม้สักขนาดมหึมาทั้งสิ้น 267 ต้น เสาต้นที่ใหญ่สุดวัดความสูงได้ 60 ฟุต มีเส้นรอบวง 9 ฟุต วัดนี้มีโครงสร้างที่ใหญ่โต โดยมีขนาดความยาว 188 ฟุต กว้าง 103 ฟุต วัดนี้เป็นที่เก็บมรดกทางวัฒนธรรมของพม่าไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรมหรืองานแกะสลักเก่าแก่หลายๆชิ้น ซึ่งยากที่จะพบเจอในยุคสมัยนี้แล้ว
ล่องเรือแม่น้ำอิระวดี แม่น้ำที่ชาวพม่าเรียกว่า “เอยาวดี” แปลว่า “มหานที” นั้น ทั้งเป็นอู่ข้าวอู่น้ำหล่อเลี้ยงชีวิตและอู่อารยธรรมหล่อเลี้ยงนับพันปี มีต้นกำเนิดมาจากขุนเขาในรัฐกะฉิ่น ทางตอนเหนือสุดของพม่าไหลผ่านใจกลางพม่าไปออกทะเลอันดามัน ที่เขตอิรวดีใกล้กรุงย่างกุ้ง
มิงกุนอยู่ห่างจากเมืองมัณฑะเลย์ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 11 กิโลเมตร ตั้งอยู่ทางฝั่งซ้ายขอม่น้ำอิระวดี ที่นี่เป็นพื้นที่ทางโบราณสถานที่สำคัญอีกแห่งของพม่า
เป็นมหาเจดีย์ยักษ์ที่สร้างไม่สมบูรณ์ในมิงกุน โดยอยู่ห่างประมาณ 10 กิโลเมตรไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของมัณฑะเลย์ การก่อสร้างขนาดใหญ่นี้เริ่มต้นโดยพระเจ้าบดอว์พญาในปี 1790 โดยภายหลังทรงพ่ายแพ้ไทยในสงครามเก้าทัพ มหาเจดีย์จึงปรากฏเพียงแค่ฐาน แต่ว่ามีความใหญ่โตมหึมาดั่งภูเขาอิฐที่มีความมั่นคง ซึ่งหากสร้างเสร็จตามแผนจะเป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดและสูงที่สุดในโลก
ระฆังมิงกุนมีเส้นรอบวงถึง 10 เมตร สูง 3.70 เมตร น้ำหนัก 87 ตัน ระฆังนี้มีตำนานเล่าขานกันมาว่า พระเจ้าปดุงไม่ทรงต้องการให้มีใครสร้างระฆังเลียนแบบ จึงรับสั่งให้ประหารนายช่างทันทีที่สร้างเสร็จ ปัจจุบันระฆังใบนี้ถือว่าเป็นระฆังยักษ์ที่เล็กกว่าระฆังแห่งพระราชวังเคลมลินในกรุงมอสโคเพียงใบเดียว แต่ระฆังเคลมลินนั้นแตกร้าวไปแล้ว ไม่สามารถนำมาใช้งานได้อีก ระฆังมิงกุนจึงเป็นระฆังยักษ์ที่สามารถส่งเสียงก้องกังวานได้จริงๆ ที่เหลืออยู่ในโลก
เจดีย์นี้ประดิษฐานอยู่เหนือระฆังมิงกุนไม่ไกล ได้ชื่อว่าเป็นเจดีย์ที่สวยสง่ามากแห่งหนึ่ง สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2359 โดยพระเจ้าบากะยีดอว์ พระราชนัดดาในพระเจ้าปดุง เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักที่พระองค์มีต่อพระมหาเทวีชินพิวมิน ซึ่งถึงแก่พิราลัยก่อนเวลาอันควร จึงได้รับสมญานามว่า “ทัชมาฮาลแห่งลุ่มอิรวดี” เจดีย์องค์นี้เป็นพุทธศิลป์ที่สร้างขึ้นด้วยภูมิจักรวาลคือมีองค์เจดีย์สถิตอยู่ตรงกลางณยอดเขาพระสุเมรุอันเชื่อกันว่าเป็นศูนย์กลางและโลกและจักรวาล ล้อมรอบด้วยขุนเขาและมหาสมุทรตามหลักไตรภูมิ
เป็นคอมเพล็กซ์ของพระราชวังที่ก่อสร้างด้วยไม้สักที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้โดนระเบิดจากเครื่องบินฝ่ายพันธมิตรกองทัพอังกฤษ ปัจจุปันพระราชวังที่เห็นอยู่เป็นพระราชวังที่รัฐบาลพม่าได้จำลองรูปแบบของพระราชวังของเก่าขึ้นมา แต่ที่เหมือนวังเก่าก็แค่เพียงโครงสร้างกับ ชื่อเท่านั้น
เป็นอนุสรณ์แห่งการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 4 ซึ่งพระเจ้ามินดงทรงให้จารึกพระไตรปิฎก 84,000 พระธรรมขันธ์ ลงบนหินอ่อน 729 แผ่น ถือเป็นพระไตรปิฎกเล่มใหญ่ที่สุดในโลก และถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการบันทึกพระไตรปิฎกเป็นภาษาบาลี ตัวเจดีย์หลักในวัดมีความสูง 30 เมตร ซึ่งจำลองรูปแบบมาจากพระมหาเจดีย์ชเวสิกองแห่งเมืองพุกาม
พระมหามัยมุนี ได้ชื่อว่าเป็นพระพุทธรูปมีชีวิต เพราะชาวพม่าเชื่อว่าพระพุทธเจ้าได้มาประทานลมหายใจอันศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในพระวรกายของพระพุทธรูปองค์นี้ พระมหามัยมุนีจึงเป็นดังตัวแทนของพระพุทธองค์ที่มีชีวิตจิตใจ ใครที่มากราบไหว้บูชาจะได้รับศรัทธาอันสูงล้ำ เป็นพระพุทธรูปหล่อทองสำริด ปางมารวิชัยทรงเครื่อง ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่ “วัดมหามัยมุนี” หรือชื่อแท้ดั้งเดิมคือ วัดปยกยี หรือวัดยะไข่
เป็นท่าอากาศยานหลักที่ให้บริการเมืองมัณฑะเลย์ อยู่ห่างจากเมืองมัณฑะเลย์ไปทางตอนใต้ประมาณ 40 กิโลเมตร ที่นี่เป็น 1 ใน 3 ท่าอากาศยานนานาชาติของประเทศพม่า สร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2542 อีกทั้งยังเป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดในประเทศ มีทางวิ่ง (รันเวย์) ซึ่งถือว่ามีความยาวที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย