เป็นจุดศูนย์กลางทางการบินในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สามารถเชื่อมโยงการคมนาคมทางอากาศไปยังจุดต่างๆ ของโลกได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการบินภายในภูมิภาคเอเชียด้วยกัน หรือระหว่างทวีปยุโรป ทวีปอเมริกา ทวีปออสเตรเลีย ซึ่งสามารถใช้เป็นจุดแวะลงและเชื่อมต่อในการเดินทางของผู้โดยสารตลอดจนพัสดุไปรษณียภัณฑ์ไปยังจุดอื่นๆ ได้อย่างดี
เป็นท่าอากาศยานที่ให้บริการจังหวัดฟุกุชิมะและพื้นที่ใกล้เคียงของประเทศญี่ปุ่นตอนกลาง ตั้งอยู่ในเขตเมืองสุกะงะวะ เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 มีนาคม ปี 1993 เพื่อใช้เป็นท่าอากาศยานภายในประเทศในตอนแรก กระทั่งมีการให้บริการเส้นทางต่างประเทศหลังจากอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศถูกเปิดใช้งานในปี 1999
เป็นความสวยงามที่ธรรมชาติสร้างขึ้น โดยหน้าผาริมแม่น้ำโอคาวะนี้ถูกกัดเซาะโดยน้ำที่ไหลผ่านกว่าจะสึกกร่อนเป็นเวลานานเป็นล้านปี จนกลายมาเป็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ชื่อโทโนะเฮทสึริ เป็นภาษาถิ่นของไอสึ แปลว่าหน้าผา และด้วยรูปร่างหน้าตาของหน้าผาชันๆ ที่ดูคล้ายกับเจดีย์ จึงเป็นที่มาของชื่อโทโนะเฮทสึริ หรือ หน้าผารูปเจดีย์
ที่นี่เป็นสถานีรถไฟเพียงแห่งเดียวของญี่ปุ่นที่มีอาคารสถานีทำจากหลังคาแบบญี่ปุ่นโบราณ อีกทั้งติดกันยังมีจุดออนเซนเท้าให้ใช้บริการได้ฟรีระหว่างที่รอรถไฟด้วย ผู้โดยสารที่มารอรถไฟหรือมาเดินเล่นจะชอบมานั่งแช่เท้ากันที่นี่
เป็นหมู่บ้านสไตล์ญี่ปุ่นที่มีบ้านแบบมุงหลัง ปัจจุบันยังคงรักษาไว้เป็นอย่างดี และมีการดัดแปลงเป็นร้านค้า ร้านอาหาร และบ้านพักแบบโฮมสเตย์ต่างๆ อาหารยอดนิยมคือบะหมี่โซบะ และปลาเทร้าต์ย่าง นอกจากนี้ยังมีศาลเจ้าและวัดประจำเมืองโออูจิจูคุ นักท่องเที่ยวสามารถชมทิวทัศน์อันงดงามของเมืองได้จากบริเวณด้านบนของวัดได้ตามอัธยาศัย
เป็นเมืองใหญ่เมืองหนึ่งในภูมิภาคโทโฮคุที่มีประชากรกว่าล้านคนอยู่อาศัย ถึงแม้ว่าเซนไดจะเป็นเมืองใหญ่และทันสมัย แต่ความก้าวหน้าในด้านต่างๆ ของเมืองได้ผสมกลมกลืนกับธรรมชาติอย่างได้สมดุล หลายๆแห่งในเมืองมีทัศนียภาพงดงามชวนให้ต้องหยุดมอง เช่น ทิวทัศน์น้ำใสไหลรินของแม่น้ำฮิโระเซะ หรือต้นเคยะขิที่เขียวชอุ่มเป็นแนวตลอดสายถนน ความเขียวขจีของแมกไม้ในเมืองนี้เองที่ทำให้เซนไดได้สมญาว่าเป็น “เมืองแห่งต้นไม้"
เป็นซากปราสาทที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1600 โดยเจ้าเมืองเซนไดชื่อ Date Masamune ในช่วง 400 ปี หลังยุคศักดินาถูกต่อต้านในช่วงสมัยเมจิเกิดไฟใหม้ในปี 1882 และโดนระเบิดในปี 1945 จึงทำให้ปัจจุบันเหลือเพียงเศษซากกำแพงหินด้านนอกและหอรักษาความปลอดภัย จากทำเลที่ตั้งของปราสาทเดิมทำให้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองเซนไดด้านล่างที่งดงามได้
ล่องเรือชมความงามรอบอ่าวมัตสึชิม่าอันสวยงาม สัมผัสวิถีชีวิตของชาวประมง การเลี้ยงหอยนางรม หรือให้อาหารนกนางนวลที่บินไปมาตามเรือได้
ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าถึง 5 องค์ เป็นสถาปัตยกรรมแบบโมโมยามะ สร้างด้วยไม้ มีระเบียงทั้งสี่ด้าน ที่นี่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาอยู่เสมอไม่ขาดสายด้วยไปถึงได้ง่ายและไม่เสียค่าเข้าชม การข้ามไปศาลเจ้าจะมีสะพานช่วงสั้นๆ 3 ช่วง สองช่วงก่อนถึงศาลเจ้าเรียกว่า ซึคาชิบาชิ สร้างจากไม้ เว้นช่องระหว่างไม้กระดาน เมื่อเดินข้ามจะมองเห็นพื้นน้ำด้านล่าง มักมีคู่รักมาจูงเมื่อข้ามสะพานเพราะเชื่อว่า จะทำให้สานสัมพันธ์แห่งรักแนบแน่นยิ่งขึ้น
เป็นวัดนิกายเซนที่ประกอบด้วยหลังคาใหญ่คลุมอารามสงฆ์พื้นเป็นไม้ตัดกับกำแพงขาว พร้อมวิหารที่งดงามด้วยภาพวาดนกยูง อีกทั้งประตูโอนะริมน (Onarimon) และประตูนะคะมน(Nakamon) ถูกสร้างในปีค.ศ.1604 โดยคำสั่งของเจ้าเมือง Date Masamune และตกแต่งอย่างวิจิตรแบบสถาปัตยกรรมแห่งยุค Azuchi Momoyama ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมแห่งชาติ Zuiganji (วัดซุยกันจิ) ยังเป็นวัดที่สำคัญแห่งหนึ่งในเขตโตโฮคุ และยังเป็นวัดประจำตระกูลดาเตะที่ปกครองมัตสุชิม่า ในช่วงคริสศตวรรษที่ 17
เป็นวัดประจำศาสนาพุทธนิกายเซ็นแห่งหนึ่ง สร้างโดยหลานแท้ๆของเจ้าเมืองเซ็นไดรุ่นแรก ดาเตะ มาซามุเนะ นามว่ามิทสึมุเนะ เพื่อใช้เป็นสุสานประจำตัว อาคารหลักของวัดนี้ชื่อว่า คาวาราบุ ตัวอาคารผสมผสานกับสวนญี่ปุ่นบริเวณรอบ ให้บรรยากาศของความสงบร่มรื่นแบบเซ็นได้เป็นอย่างดี ภายในสวนมีบ่อน้ำสำหรับดอกบัวญี่ปุ่น ต้นเมเปิล ต้นชวนชม และพันธุ์ไม้ต่างๆจากบริเวณทิวเขา ผลัดกันเบ่งบานอวดโฉมในฤดูกาลต่างๆ หลังจากผู้มาเยือนเข้าสักการะศาลเจ้า เป็นเวลาที่เหมาะมากสำหรับเดินชมบรรยากาศโดยรอบสวน
ซื้อสินค้าปลอดภาษี DUTY FREE แหล่งรวมสินค้าแบรนด์เนมมากมาย เช่น นาฬิกา แว่นตา เครื่องสำอาง กระเป๋า กล้องถ่ายรูป และสินค้าแบรนด์อื่นๆ อีกมากมาย
เป็นพื้นที่หมู่บ้านเก่าแก่ที่ตั้งอยู่มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 ในพื้นที่ขนาด 20 เฮกตาร์ ในลักษณะบรรยากาศแบบชุมชนยุคเฮอันที่มีเอกลักษณ์ ซึ่งมีจุดถ่ายรูปต่างๆ ที่สวยงามหลายๆ มุม ที่นี่ยังเปนสถานที่โปรดของการถ่ายทำภาพยนตร์และโทรทัศน์หลายๆ เรื่องของญี่ปุ่น นอกจากนี้นักท่องเที่ยยังวสามารถใช้การบริเช่าชุดกิโมโน แต่งกายย้อนยุคเดินเล่นกันในหมู่บ้านได้
เป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคโทโฮคุทางฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก อิวาเตะเป็นที่ๆ มีความหนาแน่นของประชากรต่ำเมื่อเทียบกับจังหวัดอื่นๆ
ที่นี่มีชื่อเสียงโด่งดังในบานะที่เป็นถิ่นฐานของชาวซามูไรและเคยเป็นที่ตั้งของปราสาทคาคุโนะดาเตะ สิ่งของเก่าแก่มากมายที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วเมืองเป็นสิ่งแสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองของซามูไรในสมัยก่อน ในปัจจุบันยังมีบ้านพักอาศัยอยู่ประมาณ 80 หลังคาเรือนที่ยังคงสถาปัตยกรรมซามูไรแบบดั้งเดิมที่เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีบ้านเพียง 6 หลังที่เปิดให้ผู้คนได้เข้าไปชมความสวยงามภายในบ้าน
หมู่บ้านออนเซ็นกินซัง (Ginzan Onsen) เมืองน้ำพุร้อนที่เงียบสงบในภูเขาของจังหวัดยามากาตะ มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของญี่ปุ่นว่าเป็นเมืองออนเซ็นที่สวยงาม เรียกังของที่นี่เป็นสไตล์ดั้งเดิม ที่เป็นคาคารไม้ 3-4 ชั้น ผสมผสานกับผนังปูนสีขาวสะอาดทำให้รู้สึกเหมือนย้อนกลับไปในอดีต และยังเป็นสถานที่ถ่ายทำซีรี่ย์ดังของญี่ปุ่น โอชิน แล้วก็เป็นหมู่บ้านแรงบันดาลใจของคุณ Hayao Miyazaki ในการเอามาทำเรื่องแอนิเมชั่นดังเรื่อง Spirited Away
เป็นเมืองใหญ่เมืองหนึ่งในภูมิภาคโทโฮคุที่มีประชากรกว่าล้านคนอยู่อาศัย ถึงแม้ว่าเซนไดจะเป็นเมืองใหญ่และทันสมัย แต่ความก้าวหน้าในด้านต่างๆ ของเมืองได้ผสมกลมกลืนกับธรรมชาติอย่างได้สมดุล หลายๆแห่งในเมืองมีทัศนียภาพงดงามชวนให้ต้องหยุดมอง เช่น ทิวทัศน์น้ำใสไหลรินของแม่น้ำฮิโระเซะ หรือต้นเคยะขิที่เขียวชอุ่มเป็นแนวตลอดสายถนน ความเขียวขจีของแมกไม้ในเมืองนี้เองที่ทำให้เซนไดได้สมญาว่าเป็น “เมืองแห่งต้นไม้"
เป็นย่านช้อปปิ้งหลักที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเซนได ตรงบริเวณสถานีรถไฟเซนไดและสถานีรถไฟใต้ดินโอบะ โดริ อิจิบังโจ ย่านนี้ถือเป็นย่านช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคโทโฮคุ ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวางยาวไปหลายช่วงตึก เริ่มตั้งแต่อาคาร AER และ Parco ยาวไปจนถึงโคคุบุนโช มีทั้งสินค้าต่างๆ มากมาย ร้านแบรนด์เนม ห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง ร้านอาหารหลากชนิด คาเฟ่ ไปจนถึงร้าน 100 เยน
เป็นชื่อกำแพงหิมะของถนนทางหลวงหมายเลข 12 ที่วิ่งตัดทางภูเขาไฟซาโอะ โดยถนนเส้นนี้ยาว 26 กิโลเมตร และเชื่อมแหล่งออนเซ็นที่มีชื่อเสียงตรงตีนเขาทั้งสองฝั่งเข้าด้วยกัน คือซาโอะออนเซ็นในฝั่งยามากาตะ และโทกัตตะออนเซ็นในฝั่งมิยากิ
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงตุ๊กตาไม้โคเคชิ ของฝากขึ้นอีกอย่างหนึ่งของภูมิภาคโทโฮคุ โดยลักษณะของตุ๊กตาโคเคชินั้นจะเป็นตุ๊กตาไม้โบราณ ที่มีหัว และลำตัวเท่านั้น และตัวตุ๊กตาจะเพ้นด้วยงานภาพวาดที่เป็นเส้นลายแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมที๋ดูเป็นเอกลักษณ์ ตุ๊กตาไม้นี้เป็นตุ๊กตาโบราณที่ได้รับการอนุรักษ์มาอย่างยาวนาน และเป็นที่รู้จักในประเทศต่างๆ ว่าเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงประเทศญี่ปุ่น
เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศญี่ปุ่น ครอบคลุมพื้นที่ชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิคมากกว่า 150 กิโลเมตร ลึกเข้าไปในภูเขาของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะฮอนชู พื้นที่ 10% เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ส่วนที่เหลืออีก 90%(พื้นที่กว้างในภาคตะวันตกของฟูกุชิมะ รวมถึงภูเขา และเมืองประวัติศาสตร์อาอิซุ-วาคามัตสึ(Aizu-Wakamatsu) ปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว
เมืองไอสุวาคามัสสึ หรือมีชื่อเรียกสั้นๆ ว่าเมืองไอสุ ตั้งอยู่ในจังหวัดฟูกุชิมะ มีจุดท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่นเยอะแยะมากมาย โด่งดังในงานฝีมือดั้งเดิมที่เรียกว่า“เครื่องเคลือบไอสึ”นอกจากนั้นยังเป็นแหล่งผลิตข้าวและเหล้าสาเกอีกด้วย
เป็นปราสาทที่เป็นศูนย์รวมการปกครองทางทหารในแถบเมือง Aizu-wakamatsu ปัจจุบัน ภายในปราสาทถูกจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์ มีการบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติของปราสาทแห่งนี้ รวมถึงวิถีชีวิตของเหล่าซามูไรอีกด้วย นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถขึ้นไปชมได้ถึงชั้นบนสุดของปราสาท ส่วนบริเวณสวนรอบปราสาทนั้นรายรอบไปด้วยต้นซากุระ ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนปราสาทแห่งนี้ในช่วงกลางเดือนเมษายนของทุกปี
ในช่วงหน้าหนาวแบบนี้ จะมีฝูงหงส์จำนวนมากอพยพมาริมทะเลสาบมากมายหลายตัวเลยทีเดียว แม้จะมีหิมะปกคลุมแต่ที่นี่ก็สวยงาม ตั้งอยู่ใจกลางจังหวัดฟุคุชิมะ บางครั้งเราสามารถมองเห็นวิวภูเขาบันไดสะท้อนลงบนผิวน้ำ เลยทำให้ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบกระจกสวรรค์ ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาถ่ายภาพตลอดทุกฤดู
การแช่น้ำแร่ ธรรมชาติของทางโรงแรม ซึ่งสามารถรักษาโรคเหน็บชา โรคกระดูก ฯลฯ ให้ท่านอิสระกับกิจกรรมการอาบน้ำแร่ภายในสระรวม ซึ่งจะแยกสระชายและหญิง การแช่น้ำแร่สระรวม ส่วนมากเขาไม่ใส่เสื้อผ้ากันนะคะ
เป็นท่าอากาศยานที่ให้บริการจังหวัดฟุกุชิมะและพื้นที่ใกล้เคียงของประเทศญี่ปุ่นตอนกลาง ตั้งอยู่ในเขตเมืองสุกะงะวะ เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 มีนาคม ปี 1993 เพื่อใช้เป็นท่าอากาศยานภายในประเทศในตอนแรก กระทั่งมีการให้บริการเส้นทางต่างประเทศหลังจากอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศถูกเปิดใช้งานในปี 1999
เป็นจุดศูนย์กลางทางการบินในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สามารถเชื่อมโยงการคมนาคมทางอากาศไปยังจุดต่างๆ ของโลกได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการบินภายในภูมิภาคเอเชียด้วยกัน หรือระหว่างทวีปยุโรป ทวีปอเมริกา ทวีปออสเตรเลีย ซึ่งสามารถใช้เป็นจุดแวะลงและเชื่อมต่อในการเดินทางของผู้โดยสารตลอดจนพัสดุไปรษณียภัณฑ์ไปยังจุดอื่นๆ ได้อย่างดี