เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานนานาชาติหลักของประเทศเบลเยียม ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2483 ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองบรัสเซลส์ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือราว 12 กิโลเมตร ในเขตเทศบาลซาเฟินเตม, มาเคอเลิน และสเตโนกเกอร์เซลของมณฑลเฟลมิชบราบันต์ ตัวท่าอากาศยานมีอาคารผู้โดยสารขนาดใหญ่หลังเดียว ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 โถงขาออก
เมืองบรูจจ์ เป็นเมืองริมชายฝั่งทะเลที่โด่งดังเมืองหนึ่งของประเทศเบลเยียม เมืองนี้ถูกล้อมรอบด้วยคูเมืองถึงสองชั้น ซึ่งน่าจะเป็นการป้องกันข้าศึกศัตรูในสมัยก่อนวิธีหนึ่ง ในปัจจุบัน บ้านเรือน อาคาร และโบสถ์ ยังคงรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบเดิม คือเฟลมมิชและเรเนซอง ที่ดูวิจิตรสวยงามดุจดั่งมนต์ขลัง
ตลาด Grote Markt นี้ได้กลายมาเป็นศูนย์กลางของชีวิตคนเมืองบรูจส์ ที่นี่เต็มไปด้วยพ่อค้าแม่ขายและผู้จับจ่ายสินค้า ปัจจุบันตลาด Grote Markt ยังถือเป็นฮับด้านการท่องเที่ยวด้วย ลองใช้เวลาเดินให้ทั่วเพื่อสัมผัสประสบการณ์ของร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านขายของที่ระลึกของที่นี่ และยังมีทัวร์ชมอาคารต่างๆ และสถาปัตยกรรมอันงดงามของส่วนหนึ่งของเมืองบรูจส์
เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดและเป็นเมืองหลวงของจังหวัดฟลานเดอร์ตะวันออกในบริเวณเฟลมมิชของประเทศเบลเยียม เดิมตัวเมืองเริ่มจากการตั้งถิ่นฐานที่ปากแม่น้ำสเกลต์และแม่น้ำลูส ในยุคกลางเกนต์เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดและมั่งคั่งที่สุดในตอนเหนือของยุโรป ในปัจจุบันเป็นเมืองท่าและเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเกนต์
เป็นมหาวิหารประจำเมืองเกนต์ ที่ตั้งอยู่ในศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของเมือง มหาวิหารแห่งนี้สืบอายุย้อนกลับไปได้ถึงศตวรรษที่ 10 ที่นี่มีความโดดเด่นคือเป็นมหาวิหารสไตล์โกธิคที่มีหอหลักด้านหน้าซึ่งมีความสูงถึง 89 เมตร ที่สำคัญอีกส่วนคือแท่นบูชา “Adoration of the Mystic Lamb” ที่โด่งดังมาก รูปภาพของ Virgin Mary, Christ the King และ Deesis ถูกวาดไว้อย่างสวยงาม
เป็นสิ่งก่อสร้างที่ตั้งอยู่กรุงบรัสเซลส์ เมืองหลวงของประเทศ ถือกันว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อีกอย่างหนึ่ง สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1958 ในงาน World Expo โครงสร้างเป็นเหล็ก มีความสูง 102 เมตร มีน้ำหนักประมาณ 2,400 ตัน ในแต่ละอะตอมทำเป็นทรงกลม มีเส้นผ่านศูนย์กลางยาว 18 เมตร ห่อหุ้มด้วยอลูมิเนียม ที่สะท้อนแสงแดดเป็นประกาย เมื่อยามต้องกับแสงอาทิตย์ ทรงกลมแต่ละทรงกลมจัดแบ่งเป็นสองชั้น
เป็นเมืองหลวงของราชรัฐลักเซมเบิร์ก ตั้งอยู่ใจกลางของยุโรปตะวันตก ตั้งอยู่ห่างจากกรุงบรัสเซลส์ 188 กม., กรุงปารีส 289 กม., และโคโลญ 190 กม
เป็นอีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและน่ามาเยือนมากเมืองหนึ่งของรัฐบาเดิน-เวิอร์ทเทมแบร์ก ด้วยบรรยากาศอันแสนโรแมนติก เสน่ห์ของตัวเมืองเก่าสตไล์บาโรก รวมไปถึงปราสาทโบราณที่มีความงดงาม นั่นจึงทำให้เมืองไฮเดลเบิร์กได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวและสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศให้มาเยือนได้เป็นจำนวนมาก
เป็นปราสาทยุคกลางที่แข็งแกร่งแห่งนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่สิบสาม โครงสร้างป้อมส่วนใหญ่ยังคงตั้งตระหง่านอยู่ แม้ว่าจะเผชิญกับไฟไหม้ ฟ้าผ่า และสงครามมายาวนานนับศตวรรษ ในอดีตที่นี่มีทั้งแขกผู้มาเยือน นักโทษ และผู้มีเกียรติ สวนของปราสาท สร้างขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่สิบหก มีความสวยงามอย่างยิ่ง และเป็นการจัดสวนขั้นสูงที่ได้รับการยอมรับทั่วทั้งยุโรปว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับที่แปดของโลก
เป็นประตูเก่าที่สร้างตั้งแต่ปี ค.ศ.1528 ได้รับการขนานนามว่า “ประตูคืนเดียว” ด้วยเหตุผลว่า ประตูนี้ พระเจ้าเฟรดริชที่ 5 มีบัญชาให้สร้างขึ้น เพื่อเป็นของขวัญให้แก่ภรรยาคือ เจ้าหญิงอลิซาเบธ เมื่อมีอายุครบ 19 ปี อีกชื่อหนึ่งที่กล่าวขานถึงคือ เป็นประตูที่สร้างขึ้นด้วยพลังแห่งความรัก
เป็นเมืองใหญ่ที่มีความเหมาะสมจะเป็นเมืองหลวงของประเทศเยอรมันตะวันตกได้สบายๆ ด้วยความครบครันของสาธารณูปโภคและความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะด้านการเงิน นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางของการเดินทางโดยเฉพาะด้านการบิน เนื่องจากท่าอากาศยานแฟรงค์เฟิร์ตถือเป็นท่าอากาศยานที่มีปริมาณการจราจรทางอากาศมากที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปและของโลก
จัตุรัสนี้เป็นที่ตั้งของศาลาว่าการกลางเมืองเก่านครแฟรงเฟิร์ต ตรงกลางจัตุรัสเป็นน้ำพุแห่งความยุติธรรม ด้านหน้าจัตุรัสโรเมอร์เป็นบ้านโครงไม้สมัยกลางที่ได้รับการบูรณะแล้ว ปัจจุบัน จตุรัสโรเมอร์ ยังคงความงามสง่ารายล้อมด้วยสถาปัตยกรรมตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 14
ถนนไซยน์ ที่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นตลาดค้าวัวควายขนาดใหญ่ และได้กลายมาเป็นย่านการค้าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 17 ถึงกลางศตวรรษที่ 18 ถนนไซยน์ ค่อยๆเปลี่ยนไปทีละน้อย จนในที่สุดเต็มไปด้วยที่พักและร้านค้า ทุกวันนี้ ถนนเส้นนี้เปิดให้คนเดินเท่านั้น ขนาบข้างด้วยแนวต้นไม้ คาเฟ่ และร้านฟาสฟู้ด กลายเป็นย่านการค้าที่มียอดขายสูงที่สุดในเยอรมัน และสูงเป็นอันดับสำคัญในยุโรป
เป็นเมืองริมแม่น้ำไรน์ที่ถือเป็นท่าเรือจุดขึ้นลงสำคัญที่หนึ่ง และเป็นเมืองริมแม่น้ำที่มีมนต์เสน่ห์อันงดงามไม่แพ้เมืองอื่นๆ
ล่องเรือแม่น้ำไรน์ ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ยาวและสำคัญที่สุดในทวีปยุโรป มีความยาวทั้งสิ้น 1,230 กิโลเมตร มีต้นน้ำจากเทือกเขาแอลป์ ไหลผ่านประเทศอิตาลี, สวิตเซอร์แลนด์, ลิกเตนสไตน์, ออสเตรีย, เยอรมนี, ฝรั่งเศส, ลักเซมเบิร์ก, เบลเยี่ยม, และเนเธอร์แลนด์ ไปออกที่ทะเลเหนือ
เป็นผาหินในประเทศเยอรมัน ซึ่งได้ชื่อนี้มาจากท้องถิ่นที่แปลว่าการบ่นพึมพำหรือกระซิบ รวมกับคำว่าหินเพราะเสียงของลมและน้ำที่ทำให้เกิดเสียงคล้ายกัน
ท่าเรือเซนต์กอร์ (St. Goar) นำท่านล่องเรือชมความสวยงามของแม่น้ำไรน์แม่น้ำสายสำคัญที่สุดสายหนึ่งของยุโรป ชมทัศนียภาพอันสวยงามตลอดสองฟากฝั่งแม่น้ำเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ของไร่องุ่น และปราสาทของโบราณอายุกว่า 600ปี และอาคารบ้านเรือนของอดีตเหล่าขุนนางเยอรมนีที่เรียงรายอยู่สองฟากฝั่งแม่น้ำ ลงเรือเฟอร์รี่ล่องแม่น้ำไรน์มากกว่านั่งรถเลียบฝั่ง
เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสหพันธรัฐนอร์ธไรน์-เวสต์ฟาเลียและเป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับสี่ของประเทศเยอรมนี ตั้งอยู่บนฝั่งซ้ายของแม่น้ำไรน์โคโลญจน์ เมืองโคโลญจน์เป็นที่มาของน้ำหอมชนิดหนึ่งที่เรียกว่าออดิโคโลญจน์ ทั้งนี้เพราะผู้ผลิตน้ำหอมชนิดนี้ตั้งอยู่ในเมืองนี้
เป็นมหาวิหารคริสต์โรมันคาทอลิกที่สำคัญในเมืองโคโลญจน์ เป็นสถานที่ประทับของอาร์ชบิชอปแห่งโคโลญจน์ สถานที่นี้มีชื่อเสียงในฐานะเป็นที่ศาสนสถานนิกายเยอรมันคาทอลิก เพื่อเป็นสถานที่ประพิธีกรรมของสามมหากษัตริย์แห่งจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์และเป็นสถานที่เก็บหีบสามกษัตริย์ไว้ ณ ที่แห่งนี้ด้วย ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองแห่งนี้
เป็นเอาท์เลตที่อยู่ใกล้ๆ กับพรมแดนประเทศเนเธอร์แลนด์และเยอรมัน เป็นสถานที่ที่ดีด้วยหลากหลายของร้านค้าของดีไซเนอร์ ที่คะแนนจากแบรนด์สินค้าที่มีชื่อเสียงในราคาที่ดี เตรียมตัวสำหรับฝูงชนกลุ่มใหญ่ในวันหยุดสุดสัปดาห์ บ่อยครั้งที่ไกด์จะพานักท่องเที่ยวเดินทางไปช้อปป้งที่เอ้าเลตแห่งนี้ เอาท์เลทขนาดใหญ่ที่เป็นแหล่งช๊อปปิ้งของคนเนเธอร์แลนด์, เยอรมัน และ เบลเยี่ยม ที่นิยมมาเลือกซื้อสินค้าราคาย่อมเยาว์นานาชนิด
เป็นสวนที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ด้วยทิวลิปที่มีมากกว่า 7 ล้านต้นในแต่ละปี รวมทั้งไม้หัวอื่นๆ เช่น ลิลลี่ แดฟโฟดิล นาซิสซัส และไฮยาซินธ์ จะออกดอกบานสะพรั่งดูละลานตา สวนได้ถูกออกแบบไว้อย่างสวยงาม ประกอบไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่อันเก่าแก่ มีทางเดินอันร่มรื่น มีงานประติมากรรมประดับสวนอยู่เป็นระยะ มีสระน้ำและน้ำพุ มีศาลาจัดแสดงกิจกรรมต่างๆ เกี่ยวกับดอกไม้มากมาย
เป็นเมืองหลวงของประเทศเนเธอร์แลนด์ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอัมสเตล (Amstel) ที่นี่รายล้อมไปด้วยทัศนียภาพงดงามและสถาปัตยกรรมเก่าแก่ เหมาะแก่การเดินเล่นซึมซับบรรยากาศแสนโรแมนติก หรือจะขี่จักรยานชมเมืองก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะอัมสเตอร์ดัมถือเป็น ‘เมืองหลวงจักรยานโลก’ ที่ผู้มาเยือนจะพบจักรยานได้ในทุกหนทุกแห่ง
เป็นเรือหลังคากระจก ที่จะล่องไปตามลำคลองของแม่น้ำอัมสเทล ให้ได้เห็นบ้านเรือนแบบชาวดัชต์ที่สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 มีเอกลักษณ์พิเศษจะเป็นอาคารทรงแคบ ที่มีตะขออยู่ชั้นบนสุดของอาคารเอาไว้ขนเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้าน ซึ่งระหว่างเส้นทางล่องเรือผ่านบ้านเรือที่จอดอยู่ริมคลองที่มีอยู่มากถึง 2,500 หลัง
สถาบันเจียระไนเพชร ที่มีชื่อเสียงของประเทศเนเธอร์แลนด์ แสดงการสาธิตการเจียระไนเพชร ที่มีชื่อเสียงของโลก
เป็นจัตุรัสที่ตั้งอยู่พื้นที่ใจกลางเมือง และชื่อของจัตุรัสมีความเกี่ยวพันอย่างมากกับชื่อของอัมสเตอร์ดัม ซึ่งมีที่มาจาก ‘เขื่อนที่อยู่ริมแม่น้ำอัมสเตล โดยเขื่อนแห่งแรกถูกก่อสร้างขึ้นในบริเวณจัตุรัสเมื่อปีคริสตศักราช 1200 และปัจจุบันจัตุรัสแห่งนี้เป็นสถานที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่ง
เป็นเมืองหลวงของประเทศเบลเยียม เมืองหลวงอย่างไม่เป็นทางการของสหภาพยุโรป เมืองหลวงของกรุงเบลเยี่ยมแห่งนี้ถือได้ว่ามีความสมบูรณ์แบบเหมาะแก่การเป็นสถานที่พักผ่อนในช่วงวันหยุดสำหรับนักเดินทางที่ปรารถนาจะได้สัมผัสกับอารยธรรมตะวันตกที่มีความเป็นสากล
เป็นจตุรัสที่สวยงามที่สุดในยุโรป เป็นกลุ่มอาคารที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมทั้งบาโร้ค โกธิค นีโอ-โกธิค และเป็นสถานที่ซึ่งยูเนสโก้ ยกย่องให้เป็นมรดกโลกตั้งแต่ปี ค.ศ.1983
เป็นน้ำพุขนาดเล็กหล่อด้วยทองแดงเป็นรูปเด็กชายยืนเปลือยกายกำลังปัสสาวะใส่อ่าง มีความสูงประมาณ 61 ซ.ม. ตั้งอยู่บริเวณใจกลางกรุงบรัสเซลส์
เป็นท่าอากาศยานนานาชาติหลักของประเทศเบลเยียม ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2483 ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองบรัสเซลส์ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือราว 12 กิโลเมตร ในเขตเทศบาลซาเฟินเตม, มาเคอเลิน และสเตโนกเกอร์เซลของมณฑลเฟลมิชบราบันต์ ตัวท่าอากาศยานมีอาคารผู้โดยสารขนาดใหญ่หลังเดียว ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 โถงขาออก
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย