เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานประจำประเทศตุรกี อยู่ห่างจากตัวเมืองอิสตันบูลเพียง 20 กิโลเมตร เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 1912 ในฐานะเป็นสนามบินของกองทัพก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสนามบินพลเรือนในเวลาต่อมา เดิมมีชื่อว่าท่าอากาศยาน Yeşilköy ในปี 1980 ได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นท่าอากาศยานอิสตันบูลอตาเติร์ก เพื่อเป็นเกียรติแก่ Mustafa Kemal Atatürk ประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐตุรกี
เป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่ตั้งอยู่ทางเหนือของเมืองปอร์โต้ไปประมาณ 11 กิโลเมตร เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 1945 บนพื้นที่เกษตรกรรมในชื่อสนามบิน Pedras Rubras ชื่อปัจจุบันถูกเปลี่ยนมาในปี 1990 ตามชื่อนายกรัฐมนตรีโปรตุเกส Francisco de Sá Carneiro เพื่อเป็นการระลึกถึงเขา ซึ่งได้เสียชีวิตในอุบัติเหตุเครื่องบินตกเมื่อเขาเดินทางไปสนามบินนี้ในวันที่ 4 ธันวาคม ปี 1980
เป็นจัตุรัสกลางเมืองปอร์โต้ ที่ประกอบด้วยอาคารสวยงามที่เป็นที่ทำการของธนาคารและโรงแรม และศาลาว่าการเมือง
เป็นสถานีรถไฟอันสวยงาม ตั้งอยู่ในศูนย์กลางประวัติศาสตร์ครอบครองพื้นที่ขนาดใหญ่คั่นด้วย Praha Almeida Garrett, Rua da Madeira และ Rua do Loureiro อาคารหินแกรนิตแบบสมมาตรสามชั้นมีรูปแบบ "U" พร้อมด้วยอาคารหลักซึ่งหันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ภายในมีการตกแต่งด้วยกระเบื้องเขียนสีที่มีลวดลายสีน้ำเงิน ที่เล่าเรื่องราวของชาวโปรตุเกส
มีอีกชื่อว่ามหาวิหารแซ ได้ชื่อว่าเป็นมหาวิหารที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองปอร์โต้ มีอายุกว่าพันปี โบสถ์แห่งนี้เป็นที่จัดงานอภิเษกสมรสของกษัตริย์ João ที่ 1 บิดาของเจ้าชายเฮนรี่ ผู้บุกเบิกการเดินเรืออันยิ่งใหญ่ของโปรตุเกส สร้างอยู่บนเนินที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมือง
เมืองนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือแม่น้ำมอนเดโก (Mondego) ซึ่งสมัยถูกปกครองโดยอาณาจักรโรมันได้รับการเรียกขานว่า เอมีเนียม และได้ถูกยึดครองโดยชาวแขกมัวร์ ในปี ค.ศ.711 และเป็นเมืองที่เชื่อมการค้าระหว่างชาวคริสต์ทางเหนือและชาวมุสลิมทางใต้ จนในปี ค.ศ.1064 กษัตริย์เฟอร์ดินัลที่ 1 แห่งลีออน ได้รบชนะแขกมัวร์และปลดปล่อยเมืองโกอิมบรา
เป็นเมืองทางเหนือของลิสบอน ห่างไปประมาณ 140 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของโบสถ์คาทอลิกที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลกที่สร้างเพื่ออุทิศให้กับพระแม่มารี ซึ่งพร้อมยินดีต้อนรับผู้แสวงบุญและนักท่องเที่ยวนับล้านจากทั่วทุกมุมโลก โดยเฉพาะในวันแสวงบุญในเดือนพฤษภาคมและตุลาคม
โบสถ์แม่พระฟาติมา (The Lady of Fatima Basilica) ซึ่งเป็นโบสถ์โรมันคาทอลิก ก่อสร้างในปี 1928 – 1953 ชมรูปปั้นพระแม่มารี ที่มีความศักดิ์สิทธิ์และเป็นหนึ่งในหลายเส้นทางของคริสต์ศาสนิกชนในการแสวงบุญ ที่มีความเชื่อว่าพระแม่มารีได้เคยปรากฏตัวให้เด็กน้อย 3 คนได้เห็นเป็นครั้งแรกที่แอบหลบภัยสงครามโลกครั้งที่ 1 และได้บอกกับเด็กทั้งสามคนถึงเหตุผลที่พระองค์ลงมาจากสวรรค์ เพื่อให้ลูเซีย ได้บันทึกไว้ถึงคำทำนายและคำสอนของพระแม่มารี ซึ่งเหตุการณ์ต่างๆที่ลูเซียได้บันทึกไว้ก็ล้วนเป็นความจริงที่ปรากฏขึ้นมาภายหลัง
เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศโปรตุเกส ตั้งอยู่ทิศตะวันตกของประเทศ ริมชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกของคาบสมุทรไอบีเรีย การที่ลิสบอนตั้งอยู่ทางใต้ของทวีปยุโรปและติดกับมหาสมุทร จึงได้รับอิทธิพลจากกระแสน้ำกัลฟ์สตรีม ทำให้ลิสบอนเป็นเมืองหลวงที่มีภูมิอากาศอบอุ่นที่สุดในยุโรป
สร้างขึ้นในปี 1960 เพื่อฉลองการครบ 500 ปี แห่งการสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายเฮนรี่ เดอะเนวิเกเตอร์ ผู้เป็นบุคคลสำคัญที่ได้รับการยกย่องในฐานะบิดาแห่งการสำรวจและการค้าทางทะเล
หอคอยนี้ตั้งอยู่ในเขตเบเล็ง กรุงลิสบอน เป็นแลนมาร์คของเมืองที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมากที่มาท่องเที่ยวในประเทศโปรตุเกส หอคอยแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี 1515 เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินเรือออกไปสำรวจ และค้นพบโลกของวาสโก ดากามา นักเดินเรือชาวโปรตุเกส เป็นอีกหนึ่งสถาปัตยกรรมแบบมานูเอลไลน์ที่สวยงาม รูปแบบของหอคอยเป็นศิลปะแบบเรอเนสซองซ์ ซึ่งแต่ครั้งอดีต หอหอยแห่งนี้ทำหน้าที่เป็นประภาคาร และป้อมปราการที่คอยปกป้องเขตเบเลม
เป็นวิหารที่ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ วาสโกดากามา ที่เดินทางสู่อินเดียเป็นผลสำเร็จ ในปี ค.ศ.1498 จัดเป็นผลงานอันเยี่ยมยอดของงานสถาปัตยกรรมที่เรียกกันว่ามานูเอลไลน์ (Manueline) ใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้นถึง 70 ปี จึงแล้วเสร็จสมบูรณ์ และได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก้ว่าให้เป็นมรดกโลก
เป็นแหลมจุดที่ปลายด้านตะวันตกสุดของทวีปยุโรป อยู่ในเขตเทศบาลเมืองโปรตุเกสของซินตราใกล้ Azóia ในทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองลิสบอน แหลมนี้มีแนวหน้าผาสูงกว่า 100 เมตรและตัดเป็นหินผลึกประกอบด้วยหน่วยตะกอนที่ดูแปลกตา ที่นี่เป็นจุดไฮไลท์สำคัญที่ต้องมาเยือนหากได้มาเที่ยวโปรตุเกส
เป็นอีกหนึ่งเมืองตากอากาศยอดนิยมของนักท่องเที่ยว และยังเป็นที่ตั้งของพระราชวังที่สวยงาม ที่ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย ความร่มรื่นของเขตอุทยานเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจในวันหยุดของชาวเมือง
เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์และแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองลิสบอน หนึ่งในมรดกโลกของยูเนส สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19 โดยกษัตริย์เฟอร์ดินานด์ที่สอง มีจุดประสงค์เพื่อสร้างเป็นพระราชวังฤดูร้อน จึงสร้างพระราชวังเหนือยอดเขาเมืองซิงตรา มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามสไตล์ “จิตนิยม” การตกแต่งจะสะท้อนออกมาในงานศิลปะแบบภาพวาด ดนตรี และวรรณกรรม พระเจ้าเฟอร์ดินานต้องการตกแต่งพระราชวังให้คล้ายกับโรงละครโอเปราห์ แต่สถาปัตยกรรมนั้นประกอบด้วยศิลปะในหลายรูปแบบ ทั้งอาคารโดมคล้ายกับสุเหร่าของอิสลาม หอนาฬิกาประจำวัง และสีสันที่ถูกแต่งแต้มขึ้น โดยใช้สีแดงกับสีเหลืองเป็นหลัก
เป็นเมืองชายแดนทางตะวันตกของสเปน บาดาจอซเป็นเมืองที่มีความโดดเด่นในระดับหนึ่งเนื่องจากอยู่ติดกับซากเนินปราสาทมัวร์และยังสามารถมองเห็นแม่น้ำกวาเดียนาที่ไหลผ่านระหว่างตัวเนินปราสาทกับป้อมซานกริสโตบัลที่มีการเสริมกำลังอย่างแข็งแกร่งอีกด้วย สถาปัตยกรรมในตัวเมืองเป็นตัวบ่งชี้ประวัติศาสตร์ที่วุ่นวายของเมืองเอง แม้แต่อาสนวิหารบาดาโคซที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1238 ก็ยังมีลักษณะเป็นป้อมปราการ
เซบีย่า หรือ เซวิลล์ เป็นศูนย์กลางทางการเงิน วัฒนธรรม และศิลปะของภาคใต้ของประเทศสเปน และยังเป็นเมืองหลวงของแคว้นปกครองตนเองอันดาลูซีอาและจังหวัดเซบียาอีกด้วย
เป็นพลาซ่าในเขตสวน Maria Luisa Park ของกรุงเซบียา ประเทศสเปน เกิดขึ้นในปี 1928 สำหรับนิทรรศการ Ibero-American เช่นเดียวกับพลาซ่าในกรุงมาดริด ที่นี่เป็นตัวอย่างสถานที่สำคัญของสถาปัตยกรรมภูมิภาคนิยมผสมองค์ประกอบของสถาปัตยกรรมบาร๊อค ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ และยุคมัวร์
หอคอยกิร์ลด้า หรือหอคอยฆีรัลดาเป็นหอระฆังศักดิ์สิทธิ์ของเมืองเซบีย่า ถูกสร้างขึ้นสำหรับสุเหร่าใหญ่แห่งเซบียาในอัล-ดาลัส ด้วยสไตล์ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา ที่นี่ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโกในปี 1987
มหาวิหารแห่งนี้เริ่มสร้างใน 1042 และสร้างเสร็จปี 1519 ใช้เวลาในการก่อสร้างร้อยปีเศษ เป็นวิหารแบบโกธิคที่ใหญ่ที่สุดในสเปน ฝีมือการตกแต่ง แกะสลัก หน้าต่างกระจกภาพสี แท่นบูชา ล้วนประณีตด้วยฝีมือช่างชั้นยอดจากชาติต่างๆ มากกว่ายี่สิบประเทศ
เป็นเมืองในแคว้นปกครองตนเองอันดาลูซีอาทางภาคใต้ของประเทศสเปน และเป็นเมืองหลักของจังหวัดกอร์โดบา ริมแม่น้ำกวาดัลกีบีร์ ทุกวันนี้ ในความเป็นเมืองสมัยใหม่ขนาดกลาง ตัวเมืองเก่ายังคงมีสถาปัตยกรรมน่าประทับใจหลายแห่งที่ย้อนไปเมื่อครั้งเมืองนี้เป็นเมืองหลวงที่เจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรกาหลิปแห่งกอร์โดบาของชาวมุสลิมซึ่งเคยปกครองพื้นที่เกือบทั้งหมดในคาบสมุทรไอบีเรีย
เป็นพระราชวังอัลคาซาร์ประจำเมืองเซบีย่าของสเปน ถูกสร้างขึ้นโดย Castilian บนที่อยู่เดิมของชาวมุสลิม Abbadid เพื่อเป็นที่ประทับของกษัตริย์คริสเตียนปีเตอร์แห่งคาสติล ที่นี่เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของสถาปัตยกรรมมูเดจาร์แห่งคาบสมุทรไอบีเรีย ผสานกับองค์ประกอบการออกแบบสไตล์โกธิค เรอเนสซองซ์ และโรมาเนสก์ พระราชวังอัลคาซาร์แห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกเมื่อปี 1987
เป็นเมืองและเขตเทศบาลหนึ่งที่ตั้งอยู่ทางภาคกลางของประเทศสเปน โดยเป็นเมืองหลักของจังหวัดโทเลโดและของแคว้นคาสตีล-ลามันชา องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้เมืองนี้เป็นแหล่งมรดกโลก เนื่องจากมีมรดกทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอย่างมากมายในฐานะหนึ่งในเมืองหลวงของจักรวรรดิสเปน รวมทั้งยังเป็นสถานที่ที่ปรากฏร่องรอยวัฒนธรรมของชาวคริสต์ ชาวยิว และชาวมัวร์อยู่ร่วมกันอีกด้วย
เป็นคริสตจักรโรมันคาทอลิกที่สำคัญของเมืองโทเลโด้ โดยเป็นที่ทำการของอัครสังฆมณฑลประจำเมือง ที่นี่เป็นหนึ่งในสามมหาวิหารกอธิคระดับสูงในศตวรรษที่ 13 ในสเปนในช่วงภายใต้การปกครองของเฟอร์ดินานด์ที่ 3 ที่นี่ยังเป็นที่รู้จักกันในชื่อท้องถิ่นว่า Dives Toletana (หมายถึง The Rich Toledan ที่แปลว่า "โทเลโด้อันรุ่งโรจน์" ในภาษาละติน)
เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศสเปน กรุงมาดริดเป็นหนึ่งเมืองใหญ่ในยุโรปที่มีจำนวนของต้นไม้ และพื้นที่สีเขียวต่อประชากรสูงที่สุด และถือได้ว่ายังเป็นเมืองสีเขียวอันดับสองของโลกรองจากโตเกียวอีกด้วย ชาวมาดริดส่วนใหญ่มักจะใช้สวนสาธารณะหรือพื้นที่ธรรมชาติต่างๆ ในการเดินโดยเฉลี่ย 15 นาทีต่อวัน ซึ่งตั้งแต่ปีค.ศ. 1997 อัตราการเพิ่มขึ้นของต้นไม้และสวนสาธารณะนั้นเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 16
เป็นเครือข่ายห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และใหญ่ที่สุดในประเทศสเปน มียอดขายในปี 2555 กว่า 14,000 ล้านยูโร นอกจากกลุ่มที่เราคุ้นเคยอย่างกลุ่ม Inditex ที่เป็นเจ้าของเสื้อผ้าแบรนด์ดังอย่าง ZARA หรือกลุ่มธุรกิจเสื้อผ้ายี่ห้ออื่น ๆ เช่น H&M, MNG และห้างเอล คอร์เต้นั้นมีประวัติเก่าแก่ยาวนานเกือบ 100 ปี
เมืองเซอโกเบีย (Segovia) เมืองท่องเที่ยวอีกเมืองหนึ่งของสเปน องค์การ UNESCO ยังได้ขึ้นทะเบียนให้เมืองนี้เป็นเมืองมรดกโลกในปี 1985
เป็นทางน้ำของเมืองซาโกเวียซึ่งสร้างเมื่อกลางศตรวรรษที่1 มีความสูงประมาณ28เมตร และยาวราวๆ14กิโลเมตร เพื่อนำน้ำมาจากแม่น้ำ Frío เป็นทางน้ำโบราณที่สภาพดีเป็นอันดับต้นๆของยุโรป
เป็นพระราชวังที่ตั้งอยู่บนเนินเขาริมฝั่งแม่น้ำแมนซานาเรส สวยงามโอ่อ่าอลังการไม่แพ้พระราชวังใดในทวีปยุโรป พระราชวังหลวงแห่งนี้ถูกสร้างในปี ค.ศ. 1738 ด้วยหินทั้งหลังในสไตล์บาโรค โดยการผสมผสานระหว่างศิลปะแบบฝรั่งเศสและอิตาเลียน ประกอบด้วยห้องต่างๆกว่า 2,830 ห้อง อุทยานหลวงที่มีการเปลี่ยนพันธุ์ไม้ทุกฤดูกาล และมีอนุสาวรีย์เซอร์แวนเตส กวีเอกชาวสเปนที่ตั้งอยู่เหนืออนุสาวรีย์ดอนกิโฆเต้ในสวนสาธารณะ
อนุสาวรีย์ดอน กิโฮเต้ (don quixote sculpture) ภาพของวีรบุรุษขี่ม้าที่ในละครบอกว่าเป็นม้าหย็องกรอด ชื่อของมันคือ โรสินันเต้ หรือ “ม้าที่เคยทุร–ลักษณ์” แต่เขากลับภูมิใจที่จะขี่มันไปทุกที่ เพื่อต่อสู้กับเหล่าอธรรม ข้างๆกัน รูปปั้น ซานโช่ ปานซ่า ชาวนาพุงพลุ้ยที่อ่านหนังสือไม่ออก แต่ยอมติดตามดอน กิโฮเต้ ด้วยหลงเชื่อว่าจะได้เป็นผู้ปกครองดินแดนที่มีน้ำล้อมรอบ ดอน กิโฮเต้ และ ซานโช่ เดินทางไปด้วยกันตลอด แม้โกรธเคืองกันสักกี่ครั้งกี่หนก็กลับมาคืนดีกันเสมอ เพราะเหตุที่ทั้งคู่มีสิ่งหนึ่งที่คนอื่นไม่มี นั่นคือ การเชื่อในกันและกัน และการเคารพยกย่องอีกฝ่ายอย่างจริงใจ
ฟลามิงโกมีกำเนิดจากนิทานพื้นบ้านของสเปนใต้ แล้วพัฒนาเป็นศิลปะที่มีรูปแบบซับซ้อน ทั้งเพลง ดนตรี และการเต้นรำ โดยเมื่อแรกอยู่ในหมู่คนยากไร้ในสังคม ความเป็นมาของระบำฟลามิงโกกล่าวกันหลายแบบ บ้างว่ามาจากชาวตาร์เตสซาน ที่อพยพมาจากแอฟริกา เมื่อ 400-600 ปีก่อนคริสตกาล บ้างก็ว่าพัฒนามาจากระบำยิปซี โดยผสมผสานเข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่นของสเปนเองโดยเฉพาะในแถบอันดาลูเซีย แต่ประการหลังน่าจะมีความน่าเชื่อถือกว่า ในทศวรรษ 1760 ฟลามิงโก เริ่มเป็นที่รู้จักในแถบกาดิซ เฆเรซ และเซบิญา และในต้นศตวรรษที่ 19 ระบำฟลามิงโกก็เข้าสู่โรงละครและผ่านไปสู่สถาบันการเต้นรำ ปัจจุบัน สามารถชมการแสดงระบำฟลามิงโกได้ตามภัตตาคารที่มีการแสดงนี้
เป็นเมืองที่มีประชากรคับคั่งเป็นอันดับ 2 ของสเปนและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเขตเมดิเตอเรเนียน มีท่าเรือสำคัญและทีมฟุตบอลชื่อดัง
รถไฟด่วน AVE (HIGH SPEED TRIAN) AVE TRAIN เปิดให้บริการเฉพาะการเดินทางในประเทศสเปนเท่านั้น
เป็นเนินเขาในบาร์เซโลน่าที่มีทัศนียภาพของเมืองอันงดงาม ทางด้านตะวันออกของเนินเขายังมีหน้าผาสูงชันซึ่งทำหน้าที่เป็นดั่งกำแพงเมือง ส่วนด้านบนเป็นที่ตั้งของป้อมปราการหลายแห่ง
ที่นี่เป็นสนามฟุตบอลหลักของสโมสรบาร์เซโลน่า ตั้งอยู่ที่เมืองบาร์เซโลนา แคว้นกาตาลุญญา ประเทศสเปน เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ค.ศ. 1954 และเปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 24 กันยายน ค.ศ. 1957 มีความจุทั้งสิ้น 98,772 คน
เป็นโบสถ์คริสต์โรมันคาทอลิกอันศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองบาร์เซโลนา โดยฝีมือการออกแบบของ อันตอนี เกาดี สถาปนิกชาวคาตาลัน เป็นผลงานที่เรียกว่า โมเดิร์นนิสโม เป็นงานศิลปะเฉพาะถิ่นและเป็นอาร์ตนูโวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเริ่มสร้างตั้งแต่ปี 1882 แม้กระทั้งจนถึงปัจจุบันก็ยังสร้างไม่แล้วเสร๊จ ถึงกระนั้นองค์การยูเนสโก้ ก็ได้จัดให้เป็นมรดกโลก โดยมหาวิหารมีลักษณะสถาปัตยกรรมโดดเด่นแปลกตาไม่เหมือนที่ใดในโลก
สวนสาธารณะที่ประกอบด้วยสวนและองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรม ตั้งอยู่ที่เขตคาร์เมลฮิลล์ในบาร์เซโลนาของสเปน เป็นหนึ่งในงานของสถาปนิกดังชื่อ Antoni Gaudí ที่สร้างอุทิศให้กับชาวเมือง โดยออกแบบตั้งแต่ปี 1900 - 1914 และเปิดอย่างเป็นทางการในฐานะสวนสาธารณะในปี 1926 จนในปี 1984 องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้อุทยานแห่งนี้เป็นสถานที่มรดกโลก
ถนนที่มีชีวิตชีวามากที่สุดในบาร์เซโลน่า มีทั้งสินค้านานาชนิด, แผงดอกไม้, ศิลปินเร่และละครใบ้เชื้อเชิญให้นักท่องเที่ยวเดินชมอย่างไม่รู้เบื่อ ปลายสุดของถนนเป็นอนุสาวรีย์โคลัมบัส นักเดินเรือผู้ค้นพบโลกแถบใหม่หมู่เกาะเวสต์อินดีส
เป็นท่าอากาศยานประจำกรุงบาร์เซโลน่าขอประเทศสเปน ตั้งอยู่ห่างไปทางตะวันตกเฉียงใต้ของใจกลางกรุงบาร์เซโลน่าประมาณ 12 กิโลเมตร ที่นี่เป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศสเปน และอันดับ 6 ของทวีปยุโรป
เป็นท่าอากาศยานประจำประเทศตุรกี อยู่ห่างจากตัวเมืองอิสตันบูลเพียง 20 กิโลเมตร เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 1912 ในฐานะเป็นสนามบินของกองทัพก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสนามบินพลเรือนในเวลาต่อมา เดิมมีชื่อว่าท่าอากาศยาน Yeşilköy ในปี 1980 ได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นท่าอากาศยานอิสตันบูลอตาเติร์ก เพื่อเป็นเกียรติแก่ Mustafa Kemal Atatürk ประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐตุรกี
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย