เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
ท่าอากาศยานนี้ตั้งอยู่ในเขตชางงี เป็นท่าอากาศยานหลักของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์, สิงคโปร์แอร์ไลน์คาร์โก, ซิลค์แอร์, ไทเกอร์แอร์เวย์, เจ็ตสตาร์เอเชียแอร์เวย์ และแวลูแอร์ ในปี พ.ศ. 2549 ท่าอากาศยานแห่งนี้รองรับผู้โดยสารจำนวนถึง 35 ล้านคน เพิ่มมากขึ้น 8% จากปีงบประมาณ 2548 พ.ศ. 2552 ท่าอากาศยานนานาชาตินี้เคยได้รับการลงคะแนนให้เป็นท่าอากาศยานที่ดีที่สุดในโลก
ท่าอากาศยานนี้ตั้งอยู่ที่เมืองดุสเซลดอร์ฟ ประเทศเยอรมนี เป็นท่าอากาศยานที่มีผู้ใช้บริการมากเป็นอันดับ 3 ของเยอรมนี เป็นรองจากมิวนิค และแฟรงค์เฟิร์ต และยังเป็นท่าอากาศยานหลักของสายการบินแอลทียู และลุฟต์ฮันซา
เป็นเมืองสมัยใหม่ของประเทศเยอรมนี แต่ยังคงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิม เปรียบเสมือนอัญมณีของงานสถาปัตยกรรมแบบบาร็อค ทั้งยังเป็นศูนย์รวมการค้า และเมืองแฟชั่นของเยอรมัน เมืองดุสเซลดอร์ฟยังเต็มไปด้วยสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่,พิพิธภัณฑ์, โรงละคร รวมไปถึงวิถีชีวิตยามค่ำคืน เมืองแห่งนี้ยังมีชื่อเสียงทางด้านถนนสำหรับช้อปปิ้ง ทางเดินถนนที่นำสมัย และย่านการค้าอีกมากมาย
เป็นอาคารสำนักงานหนึ่งในดุสเซลดอร์ฟ ที่ออกแบบโดยบริษัทผู้ออกแบบสถาปัตยกรรมชื่อ Petzinka, Overdiek ตัวอาคารมีทั้งหมด 20 ชั้น มีความสูง 73 เมตร ตัวอาคารสอดคล้องกับรูปสี่เหลี่ยมด้านขนานซึ่งได้มาจากรูปทรงเรขาคณิต อาคารนี้มีจุดเด่นคืออาคารคือโถงกลางสูง 65 เมตรซึ่งเรียงรายไปด้วยสำนักงานทั้งสองด้านและบนพื้นห้องใต้หลังคา
เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสหพันธรัฐนอร์ธไรน์-เวสต์ฟาเลียและเป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับสี่ของประเทศเยอรมนี ตั้งอยู่บนฝั่งซ้ายของแม่น้ำไรน์โคโลญจน์ เมืองโคโลญจน์เป็นที่มาของน้ำหอมชนิดหนึ่งที่เรียกว่าออดิโคโลญจน์ ทั้งนี้เพราะผู้ผลิตน้ำหอมชนิดนี้ตั้งอยู่ในเมืองนี้
เป็นมหาวิหารคริสต์โรมันคาทอลิกที่สำคัญในเมืองโคโลญจน์ เป็นสถานที่ประทับของอาร์ชบิชอปแห่งโคโลญจน์ สถานที่นี้มีชื่อเสียงในฐานะเป็นที่ศาสนสถานนิกายเยอรมันคาทอลิก เพื่อเป็นสถานที่ประพิธีกรรมของสามมหากษัตริย์แห่งจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์และเป็นสถานที่เก็บหีบสามกษัตริย์ไว้ ณ ที่แห่งนี้ด้วย ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองแห่งนี้
เป็นเมืองใหญ่ที่มีความเหมาะสมจะเป็นเมืองหลวงของประเทศเยอรมันตะวันตกได้สบายๆ ด้วยความครบครันของสาธารณูปโภคและความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะด้านการเงิน นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางของการเดินทางโดยเฉพาะด้านการบิน เนื่องจากท่าอากาศยานแฟรงค์เฟิร์ตถือเป็นท่าอากาศยานที่มีปริมาณการจราจรทางอากาศมากที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปและของโลก
สถานีรถไฟแฟรงก์เฟิร์ต เป็นสถานีรถไฟแห่งหลักที่มีผู้โดยสารมากที่สุดในเมืองแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี มีผู้โดยสารกว่า 350,000 คนต่อวัน จัดเป็นสถานีรถไฟที่มีผู้โดยสารมากที่สุดเป็นอันดับสองในประเทศเยอรมนี
จัตุรัสนี้เป็นที่ตั้งของศาลาว่าการกลางเมืองเก่านครแฟรงเฟิร์ต ตรงกลางจัตุรัสเป็นน้ำพุแห่งความยุติธรรม ด้านหน้าจัตุรัสโรเมอร์เป็นบ้านโครงไม้สมัยกลางที่ได้รับการบูรณะแล้ว ปัจจุบัน จตุรัสโรเมอร์ ยังคงความงามสง่ารายล้อมด้วยสถาปัตยกรรมตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 14
เป็นเมืองหลวงของราชรัฐลักเซมเบิร์ก ตั้งอยู่ใจกลางของยุโรปตะวันตก ตั้งอยู่ห่างจากกรุงบรัสเซลส์ 188 กม., กรุงปารีส 289 กม., และโคโลญ 190 กม
สะพานโรมันนี้นี้มีชื่อทางการว่า Adolphe ที่นี่เป็นสัญลักษณ์ประจำชาติอย่างไม่เป็นทางการที่แสดงถึงความเป็นอิสระของลักเซมเบิร์ก และกลายเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวหลักของเมืองลักเซมเบิร์ก
ที่นี่ดำเนินการสร้างมาตั้งแต่ปี 1613 การก่อสร้างเป็นสถาปัตยกรรมในสไตล์โกธิกผสมเรอเนซองส์ โดยมีจุดเด่นคือยอดแหลมสูง 3 ยอดที่มองเห็นได้แต่ไกล ต่อมาได้เปลี่ยนเป็น โบสถ์คริสต์คาทอลิก ได้มีการก่อสร้างต่อเติมและบูรณะซ่อมแซมหลายครั้ง จนมีขนาดใหญ่ขึ้น และในปี 1870 ได้รับการยกระดับเป็นมหาวิหาร Cathedral of Notre – Dame ซึ่งถือเป็นมหาวิหารแห่งเดียวในประเทศลักเซมเบิร์ก
ที่นี่เป็นศาลากลางประจำกรุงลักเซมเบิร์ก เป็นศูนย์กลางของการปกครองท้องถิ่นรวมถึงการใช้เป็นสำนักงานส่วนตัวของนายกเทศมนตรี สันนิษฐานว่าถูกสร้างขึ้นระหว่างปี 1830 ถึง 1838 มีลักษณะเป็นอาคารสองชั้นสร้างขึ้นในสไตล์นีโอคลาสสิก
สร้างขึ้นเมื่อปี 1506 โดยเคานท์ซิเอกฟิลด์ ผู้ก่อตั้งราชวงศ์ลักเซมเบิร์ก ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองหลวงลักเซมเบิร์ก ซึ่งในอดีตเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ พระราชวังถูกสร้างในศิลปะแบบเรเนซองส์ซึ่ง เป็นสถาปัตกรรมเก่าแก่ที่มีความงดงามอลังการที่สุดแห่งหนึ่งของลักเซมเบิร์ก โดยในขณะนี้เป็นที่ประทับของแกรนด์ดยุคอ็องรีที่ 1 แห่งลักเซมเบิร์ก ซึ่งเป็นแกรนด์ดยุคองค์ปัจจุบัน ภายในพระราชวังมีห้องต่างๆ มากมายซึ่งล้วนแล้วแต่ตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม เช่น ห้องประชุม ห้องสัมมนา ห้องจัดเลี้ยง และห้องรับรองแขกบ้านแขกเมือง และส่วนหนึ่งของพระราชวังยังเป็นห้องทำงานของอาคารรัฐสภาประจำกรุงลักเซมเบิร์กอีกด้วย
ที่นี่เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิกประจำกรุงลักเซมเบิร์ก เป็นศาสนสถานที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังหลงเหลืออยู่ในเมืองลักเซมเบิร์ก ออกแบบด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบโรมันและบาโรกรวมกัน
เป็นอดีตป้อมปราการแห่งกรุงลักเซมเบิร์ก ที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์อันยิ่งใหญ่สำหรับการควบคุมฝั่งซ้ายของแม่น้ำไรน์ในกลุ่มประเทศต่ำ และพื้นที่ชายแดนระหว่างฝรั่งเศสและเยอรมนี ป้อมแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในป้อมปราการที่แข็งแกร่งที่สุดของยุโรป แต่ก็ทำให้เป็นหนึ่งในศูนย์กลางความขัดแย้งที่สำคัญในยุโรปเมื่ออดีตเช่นกัน
เป็นเมืองหลวงของประเทศเบลเยียม เมืองหลวงอย่างไม่เป็นทางการของสหภาพยุโรป เมืองหลวงของกรุงเบลเยี่ยมแห่งนี้ถือได้ว่ามีความสมบูรณ์แบบเหมาะแก่การเป็นสถานที่พักผ่อนในช่วงวันหยุดสำหรับนักเดินทางที่ปรารถนาจะได้สัมผัสกับอารยธรรมตะวันตกที่มีความเป็นสากล
เป็นสิ่งก่อสร้างที่ตั้งอยู่กรุงบรัสเซลส์ เมืองหลวงของประเทศ ถือกันว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อีกอย่างหนึ่ง สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1958 ในงาน World Expo โครงสร้างเป็นเหล็ก มีความสูง 102 เมตร มีน้ำหนักประมาณ 2,400 ตัน ในแต่ละอะตอมทำเป็นทรงกลม มีเส้นผ่านศูนย์กลางยาว 18 เมตร ห่อหุ้มด้วยอลูมิเนียม ที่สะท้อนแสงแดดเป็นประกาย เมื่อยามต้องกับแสงอาทิตย์ ทรงกลมแต่ละทรงกลมจัดแบ่งเป็นสองชั้น
เป็นจตุรัสที่สวยงามที่สุดในยุโรป เป็นกลุ่มอาคารที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมทั้งบาโร้ค โกธิค นีโอ-โกธิค และเป็นสถานที่ซึ่งยูเนสโก้ ยกย่องให้เป็นมรดกโลกตั้งแต่ปี ค.ศ.1983
เป็นน้ำพุขนาดเล็กหล่อด้วยทองแดงเป็นรูปเด็กชายยืนเปลือยกายกำลังปัสสาวะใส่อ่าง มีความสูงประมาณ 61 ซ.ม. ตั้งอยู่บริเวณใจกลางกรุงบรัสเซลส์
เป็นเมืองใหญ่อันดับสองในประเทศเนเธอร์แลนด์ และมีท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีตำแหน่งที่ตั้งที่แม่น้ำ Rhine-Meuse-Scheldt delta ไหลผ่าน และเป็นใจกลางของการเดินทางทั้งรถไฟ, ถนน, เครื่องบิน และการเดินทางทางน้ำจึงถูกเรียกกันว่า “Gateway to Europe” มีชื่อเสียงทางด้านเศรษฐศาสตร์ และสถาบันสถาปัตยกรรมแห่งเนเธอร์แลนด์
1 ในสัญลักษณ์ของเมืองมีถึง 40 หลัง ตั้งต่อเรียงกัน 45 องศา ใจกลางเมืองรอทเทอดัม Cube Houses การออกแบบของเขาต้องการนำเสนอถึงบ้านที่สร้างด้วยไม้ทั้งบ้าน และเป็นหมู่บ้านที่อยู่ใจกลางเมืองใหญ่ได้
อาคารซึ่งรอดพ้นจากการโดนถล่มเมืองโดยกองทัพของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นหนึ่งในอาคารที่เก่าแก่ของเมือง
เป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจากกรุงอัมสเตอร์ดัม และรอตเทอร์ดาม โดยตัวเมืองนั้นตั้งอยู่ทางตะวันตกของประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของ อุตสาหกรรมแปรรูปอาหารและการพิมพ์ เป็นที่ตั้งของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ "ศาลโลก"
เป็นอาคารรัฐสภาสมัยโบราณในย่านบินเนนฮอฟของกรุงเฮก ที่มีลักษณะเป็นปราสาทกอธิคสมัยศตวรรษที่ 13 ที่กษัตริย์ในอดีตใช้เป็นที่ว่าราชการกับข้าราชสำนัก ภายในเป็นลานกว้างล้อมรอบด้วยอาคาร ตรงกลางมีน้ำพุสีทองสวยงาม ซึ่งเป็นที่ประชุมของอัศวินในสมัยก่อน มีฐานะหนึ่งในอาคารที่โดดเด่นและเก่าแก่ที่สุดในกรุงเฮก
ศาลโลก มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า"ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ" (International Court of Justice : ICJ) ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2489 มีฐานะเป็นองค์กรหนึ่งขององค์การสหประชาชาติ (United Nations : UN) สำนักงานของศาลโลกตั้งอยู่ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ หลักของศาลโลกมี 2 ประการ คือ 1. ตัดสินคดีพิพาทระหว่างรัฐบาลของรัฐภาคีที่เป็นสมาชิกของ UN และเป็นประเทศที่ยอมรับอำนาจของศาลโลก ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ทั้งหมด 62 ประเทศ จากสมาชิก UN รวม 188 ประเทศ นอกจากนี้ยังรวมถึงสวิตเซอร์แลนด์ ที่มิได้เป็นสมาชิกของ UN แต่ยอมรับอำนาจของศาลโลก 2. วินิจฉัย ตีความ และให้คำปรึกษา ในประเด็นปัญหาข้อกฎหมายแก่องค์กรระหว่างประเทศที่ยอมรับอำนาจของศาลโลก ศาลโลก ประกอบด้วย คณะผู้พิพากษาต่างสัญชาติกันจำนวน 15 คน
เป็นเมืองหลวงของประเทศเนเธอร์แลนด์ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอัมสเตล (Amstel) ที่นี่รายล้อมไปด้วยทัศนียภาพงดงามและสถาปัตยกรรมเก่าแก่ เหมาะแก่การเดินเล่นซึมซับบรรยากาศแสนโรแมนติก หรือจะขี่จักรยานชมเมืองก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะอัมสเตอร์ดัมถือเป็น ‘เมืองหลวงจักรยานโลก’ ที่ผู้มาเยือนจะพบจักรยานได้ในทุกหนทุกแห่ง
เป็นจัตุรัสที่ตั้งอยู่พื้นที่ใจกลางเมือง และชื่อของจัตุรัสมีความเกี่ยวพันอย่างมากกับชื่อของอัมสเตอร์ดัม ซึ่งมีที่มาจาก ‘เขื่อนที่อยู่ริมแม่น้ำอัมสเตล โดยเขื่อนแห่งแรกถูกก่อสร้างขึ้นในบริเวณจัตุรัสเมื่อปีคริสตศักราช 1200 และปัจจุบันจัตุรัสแห่งนี้เป็นสถานที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่ง
เป็นย่านที่ประกอบด้วยถนนหลายสายเชื่อมต่อกัน และเป็นย่านที่โสเภณีประกอบอาชีพได้อย่างถูกกฎหมายของเนเธอร์แลนด์ จะมีการโชว์สิ้นค้าทางหน้าต่างร้านโดยเปิดไฟนีออนเอาไว้ โดยทางเมืองได้เข้าซื้ออาคารหลายแห่งซึ่งเคยใช้เป็นสถานบริการ โดยมีเจตนาที่จะปิดหน้าต่างโชว์สินค้าเหล่านี้ และซ่องจำนวนมากเกี่ยวข้องกับการต้มตุ๋น, การค้ามนุษย์ และอาชญากรรมชนิดมีการจัดองค์กรต่างๆ โสเภณีหรือผู้หญิงอาชีพพิเศษในเมือง ไอโฮเวิร์น”ของเนเธอร์แลนด์
เป็นเรือหลังคากระจก ที่จะล่องไปตามลำคลองของแม่น้ำอัมสเทล ให้ได้เห็นบ้านเรือนแบบชาวดัชต์ที่สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 มีเอกลักษณ์พิเศษจะเป็นอาคารทรงแคบ ที่มีตะขออยู่ชั้นบนสุดของอาคารเอาไว้ขนเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้าน ซึ่งระหว่างเส้นทางล่องเรือผ่านบ้านเรือที่จอดอยู่ริมคลองที่มีอยู่มากถึง 2,500 หลัง
สถาบันเจียระไนเพชร ที่มีชื่อเสียงของประเทศเนเธอร์แลนด์ แสดงการสาธิตการเจียระไนเพชร ที่มีชื่อเสียงของโลก
เป็นหมู่บ้านกังหันลมที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือห่างจากอัมสเตอร์ดัม มีการอนุรักษ์กังหันลม และบ้านเรือนดั้งเดิมของฮอลแลนด์ ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเปิดให้เข้าชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวดัชต์ ที่ใช้กังหันลมกว่าร้อยแห่งในงานอุตสาหกรรมมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17-18 โดยทำหน้าที่ผลิตน้ำมันจากดอกมัสตาร์ด กระดาษงานไม้
แหล่งช้อปปิ้งเอาท์เลตที่อยู่ไม่ไกลจากอัมสเตอร์ดัม แหล่งรวมสินค้าแบรนด์เนมต่างๆ กว่า 250 ร้านค้า
เป็นเมืองหลวงของประเทศเนเธอร์แลนด์ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอัมสเตล (Amstel) ที่นี่รายล้อมไปด้วยทัศนียภาพงดงามและสถาปัตยกรรมเก่าแก่ เหมาะแก่การเดินเล่นซึมซับบรรยากาศแสนโรแมนติก หรือจะขี่จักรยานชมเมืองก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะอัมสเตอร์ดัมถือเป็น ‘เมืองหลวงจักรยานโลก’ ที่ผู้มาเยือนจะพบจักรยานได้ในทุกหนทุกแห่ง
ชื่อเสียงของท่าอากาศยานสคิปโพลในอัมสเตอร์ดัมนั้นโด่งดังมานานในฐานะท่าอากาศยานที่ใหญ่และมีความสำคัญของยุโรป ปีที่แล้วรองรับผู้โดยสารมากกว่า 45 ล้านคน
ท่าอากาศยานนี้ตั้งอยู่ในเขตชางงี เป็นท่าอากาศยานหลักของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์, สิงคโปร์แอร์ไลน์คาร์โก, ซิลค์แอร์, ไทเกอร์แอร์เวย์, เจ็ตสตาร์เอเชียแอร์เวย์ และแวลูแอร์ ในปี พ.ศ. 2549 ท่าอากาศยานแห่งนี้รองรับผู้โดยสารจำนวนถึง 35 ล้านคน เพิ่มมากขึ้น 8% จากปีงบประมาณ 2548 พ.ศ. 2552 ท่าอากาศยานนานาชาตินี้เคยได้รับการลงคะแนนให้เป็นท่าอากาศยานที่ดีที่สุดในโลก
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย