เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศหลักของเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนามตอนกลาง และเป็นท่าอากาศนานาชาติที่สามของประเทศนอกเหนือจากท่าอากาศยานนอยไบกับท่าอากาศยานโฮจิมินห์ ท่าอากาศยานนี้ถูกสร้างขึ้นโดยรัฐบาลอาณานิคมของฝรั่งเศสในทศวรรษที่ 1940 ที่นี่ยังเคยเป็นท่าอากาศยานของทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สงครามอินโดจีน รวมถึงสงครามเวียดนาม
วัดหลินอึ๋ง มีเจ้าแม่กวนอิมหลินอึ๋งแกะสลักด้วยหินอ่อนสูงใหญ่ยืนโดดเด่นสูงที่สุดในเวียดนาม ซึ่งมีทำเลที่ตั้งดี หันหน้าออกสู่ทะเลและด้านหลังชนภูเขา ตั้งอยู่บนฐานดวกบัวสง่างาม ชาวประมงนิยมไปกราบไหว้ขอพรให้ช่วยปกปักรักษา หลินอึ๋งมีความหมายว่าสมปรารถนาทุกประการ วัดแห่งนี้นอกจากเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านมากราบไหว้บูชาและขอพรแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม ที่เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่สวยงามชองเมืองดานัง
ยอดเขาบานาฮิลล์อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 40 กิโลเมตร ที่นี่เป็นรีสอร์ท โรงแรม ความสนุกสนานอยู่ที่เครื่องเล่นใน Disney vietnam ที่สูงที่สุดอีกแห่งหนึ่ง สามารถสัมผัสความสวยงามท่ามกลางทัศนียภาพของภูเขาสูงของที่นี่ การเดินทางด้วยกระเช้าสู่เขาบานาฮิลล์ อาจทำให้เราลืมเวลาไปเลยก็ได้ เพราะสายตาจะจดจ่ออยู่กับความสวยงามของทัศนียภาพในหุบเขาสีเขียวเหนือพื้นดิน
ยอดเขาบานาฮิลล์อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 40 กิโลเมตร ที่นี่เป็นรีสอร์ท โรงแรม ความสนุกสนานอยู่ที่เครื่องเล่นใน Disney vietnam ที่สูงที่สุดอีกแห่งหนึ่ง สามารถสัมผัสความสวยงามท่ามกลางทัศนียภาพของภูเขาสูงของที่นี่ การเดินทางด้วยกระเช้าสู่เขาบานาฮิลล์ อาจทำให้เราลืมเวลาไปเลยก็ได้ เพราะสายตาจะจดจ่ออยู่กับความสวยงามของทัศนียภาพในหุบเขาสีเขียวเหนือพื้นดิน
ที่นี่เป็นสวนสนุกบนบาน่าฮิลล์ ภายในมีหลายรูปแบบ เช่น ท้าทายความมันส์ของหนัง 4D, ระทึกขวัญกับบ้านผีสิง และอื่นๆ ถ้าไดโนเสาร์เกมส์สนุกๆเครื่องเล่นเบาๆรถไฟเหาะแมงมุนเวียนหัวตลอดไปจนถึงระทึกขวัญสั่นประสาทอีกมากมาย หรือจะเดินช้อปปิ้งซื้อของที่ระลึกภายในสวนสนุกอย่างจุใจก็ได้
เมืองเว้ตั้งอยู่ใจกลางของประเทศ อยู่ห่างจากชายฝั่งทะเล 12 กิโลเมตร เป็นเมืองของกษัตริย์ในราชวงศ์เหวียน ซึ่งได้ปกครองต่อกันมาเพียง 33 ปี ฝรั่งเศสก็บุกเข้าโจมตีเมืองเว้ มาถึงปีพ.ศ.2488 ญี่ปุ่นก็เข้ามายึดครองบังคับให้พระเจ้าเบาได๋สละราชสมบัติ ต่อมาเมืองเว้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเวียดนามใต้ ตามการแบ่งประเทศออกเป็น 2 ส่วน และได้เสื่อมสลายลงภายใต้การปกครองของโงดินห์เยียม เมืองเว้ดึงดูดนักท่องเที่ยวเพราะมีแหล่งประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม เสน่ห์ที่ไร้กาลเวลาของสถาปัตยกรรมที่ล้ำค่ามีแบบฉบับของตนเอง และยังมีความงามตามธรรมชาติบนฝั่งแม่น้ำหอมด้วย
เป็นพระราชวังเพียงแห่งเดียวในประเทศเวียดนาม และเป็นที่ประทับของกษัตริย์ในราชวงค์เหงียนทั้ง 13 พระองค์ ในช่วงระหว่าง ค.ศ. 1802 – 1935 โดยมีกษัตริย์องค์แรกชื่อกษัตริย์ยาลอง พระองค์สร้างพระราชวังนี้เมื่อ ค.ศ.1805 แต่แล้วเสร็จในปี ค.ศ 1832 รวมระยะเวลาก่อสร้างนานถึง 27 ปี กษัตริย์องค์สุดท้ายที่ประทับคือกษัตริย์เบ่าได๋ ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของเวียดนาม
เป็นตลาดสินค้าขนาดใหญ่ของเมืองเว้ ที่อยู่ติดกับเมื่อน้ำเหือง หรือแม่น้ำหอม เป็นแหล่งชุมนุมคนไทยในเมืองเว้ที่ไม่ได้นัด หมายกันมาก่อน ของที่นี่สามารถต่อรองได้ และจำเป็นต้องต่อด้วย เพราะราคาบางอย่างก็สูง
เป็นเมืองท่าสำคัญของเวียดนามกลางตอนใต้ ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลจีนใต้ จัดเป็น 1 ใน 5 เขตการปกครองส่วนท้องถิ่นในเวียดนาม
ให้ชมและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ผลิตจากไผ่
หมู่บ้านแกะสลักหินอ่อน เป็นหมู่บ้านแห่งหนึ่งอยู่ในตัวเมืองดานังที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกในเรื่องงานฝีมือ การแกะสลักหินอ่อน หินหยก ที่นักท่องเที่ยวสามารถเลือกชมและซื้อกลับไปเป็นของฝากทางบ้านได้
หมู่บ้านกั๊มทาน สนุกสนานไปกับกิจกรรม!! นั่งเรือกระด้ง Cam Thanh Water Coconut Village หมู่บ้านเล็กๆ ในเมืองฮอยอันตั้งอยู่ในสวนมะพร้าวริมแม่น้ำ ในอดีตช่วงสงครามที่นี่เป็นที่พักอาศัยของเหล่าทหาร อาชีพหลักของคนที่นี่คือ อาชีพประมง ระหว่างการล่องเรือท่านจะได้ชมวัฒนธรรมอันสวยงาม ชาวบ้านจะขับร้องเพลงพื้นเมือง ผู้ชายกับผู้หญิงจะหยอกล้อกันไปมานำที่พายเรือมาเคาะกันเป็นจังหวะดนตรีสุดสนุกสนาน
เป็นเมืองขนาดเล็กริมฝั่งทะเลจีนใต้ทางตอนกลางของประเทศเวียดนาม ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดกว๋างนาม มีประชากรอาศัยอยู่ราว 80,000 คน ในอดีตเคยเป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งในเวียดนาม องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนเขตเมืองเก่าของฮอยอันให้เป็นมรดกโลก
เป็นบ้านที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามแบบเฉพาะของฮอยอัน สร้างโดยไม้ 2 ชั้นด้วยความประณีต ด้านหน้าจะทำเป็นร้านบูติก ด้านหลังเป็นที่เก็บสินค้า ภายในเป็นที่อยู่อาศัย มีลาดเปิดโล่งเห็นท้องฟ้า และมีเฉลียงเชื่อมต่อส่วนที่พักอาศัยหลายส่วน รูปแบบของหลังคาทรงกระดองปู
เป็นสะพานเก่าแก่ที่เชื่อมโยงถนนสองแห่ง สร้างขึ้นอย่างแข็งแรงตั้งแต่ปี 1593 โดยชาวญี่ปุ่น ที่มาอาศัยอยู่ในเเมืองฮอยอัน ต่อมามีการขยายถนนลอดใต้สะพานเพื่อให้รถผ่านได้โดยชาว ฝรั่งเศสเมื่อครั้งที่เข้ามามีบทบาทในการปกครองเวียดนาม และต่อมาได้มีการบูรณะซ่อมแซมครั้งใหญ่ในปี 1986 ซึ่งบนสะพานจะมีศาลเจ้าเล็กๆ ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสซึ่งเป็นศาลเก่าแก่อยู่คู่เมืองนี้มานาน
เป็นจักรยานสามล้อปั่นรับจ้างในเวียดนาม หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ "ซิโคล่" เป็นที่ดึงดูดทั้งคนธรรมดาสามัญ ไปถึงบุคคลสำคัญระดับประเทศนี้ ด้วยลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวรถเปิดกว้างรับอากาศบริสุทธิ์ เคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆ สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์รอบข้าง โดยไม่มีสิ่งกีดขวางสายตาจากบรรยากาศรอบตัว สามารถที่จะมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นบนถนน ไปจนถึงร้านค้าข้างทางได้ง่ายกว่าการโดยสารรถแท็กซี่ หรือยานพาหนะอื่นๆ
สะพานแห่งความรัก ตั้งอยู่ทางตะวันออกของถนน Tran Hung Dao ระหว่างสะพานมังกรและสะพานแม่น้ำฮัน นี่เป็นสถานที่นัดพบที่โรแมนติคมากสำหรับคู่รักที่รักกันและราวกับจะพิสูจน์ความรักอันภักดีของพวกเขามีคู่รักจำนวนมากที่ปิดกั้นความรักไว้บนสะพาน "สะพานแห่งความรัก" ยังเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับ "คู่รัก" ถ่ายภาพงานแต่งงาน
สะพานมังกร เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวที่สำคัญของเมืองดานัง มีความยาว 666 เมตร ความกว้างเท่าถนน 6 เลน ด้วยงบประมาณราคาเกือบ 1.5 ล้านล้านดอง เชื่อมต่อสองฟากฝั่งของแม่น้ำฮัน เปิดให้บริการเมื่อ 29 มีนาคม พ.ศ. 2556 เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 38 ปี แห่งอิสรภาพของเมืองดานัง สะพานมังกรแห่งนี้ถือเป็นแลนมาร์คสำคัญที่หนึ่งของเมืองดานัง ซึ่งมีรูปปั้นที่มีหัวเป็นมังกรและหางเป็นปลา พ่นน้ำ คล้ายๆ สิงคโปร์
เป็นท่าอากาศหลักของเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนามตอนกลาง และเป็นท่าอากาศนานาชาติที่สามของประเทศนอกเหนือจากท่าอากาศยานนอยไบกับท่าอากาศยานโฮจิมินห์ ท่าอากาศยานนี้ถูกสร้างขึ้นโดยรัฐบาลอาณานิคมของฝรั่งเศสในทศวรรษที่ 1940 ที่นี่ยังเคยเป็นท่าอากาศยานของทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สงครามอินโดจีน รวมถึงสงครามเวียดนาม
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย