เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานประจำประเทศตุรกี อยู่ห่างจากตัวเมืองอิสตันบูลเพียง 20 กิโลเมตร เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 1912 ในฐานะเป็นสนามบินของกองทัพก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสนามบินพลเรือนในเวลาต่อมา เดิมมีชื่อว่าท่าอากาศยาน Yeşilköy ในปี 1980 ได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นท่าอากาศยานอิสตันบูลอตาเติร์ก เพื่อเป็นเกียรติแก่ Mustafa Kemal Atatürk ประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐตุรกี
เป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่ให้บริการเมืองบาทูมิ และเป็น 1 ใน 3 ท่าอากาศยานนานาชาติของจอร์เจีย ตั้งอยู่ 2 กิโลเมตรไปทางใต้ของเมืองบาทูมิ เมืองบนชายฝั่งทะเลดำ ท่าอากาศยานนี้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ประมาณปีละ 600,000 คน
เป็นโบสถ์สำนักสงฆ์ในยุคกลางที่อยู่ใกล้เมืองคูไทซิ ซึ่งถือเป็นผลงานชิ้นเอกของยุคทองในจอร์เจียช่วงจักรวรรดิไบแซนไทน์ ก่อตั้งขึ้นในปี 1106 โดยพระเจ้าเดวิดที่ 4 เพื่อเป็นอารามศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์จอร์เจีย ภายในวัดเต็มไปด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังและภาพจำนวนมากมายรอบๆ โบสถ์ และตัวโบสถ์ปกคลุมด้วยซุ้มโค้งที่ทอดยาวเหนือภูเขา ที่นี่เป็นอีกสถานที่ทางประวัติศาสตร์ในจอร์เจียที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่บริเวณจัตุรัสกลางเมืองในกอรี่ ที่นำเสนอเรื่องราวชีวิตของโจเซฟ สตาลิน หนึ่งในผู้นำอันโด่งดังตลอดยุคของอดีตสหภาพโซเวียตซึ่งมีบ้านเกิดในเมืองนี้ ตัวพิพิธภัณฑ์ได้จัดแสดงสิ่งต่างๆ ในยุคโซเวียต ทั้งบ้านบ้านสตาลิน ส่วนพิพิธภัณฑ์หลัก ที่ทำงาน และรถไฟหุ้มเกราะส่วนตัวซึ่งมีน้ำหนักถึง 83 ตัน
เป็นเมืองสกีรีสอร์ทที่มีชื่อเสียงที่ตั้งอยู่บริเวณที่ราบเชิงเขาของเทือกเขาคอเคซัสใหญ่ ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,100 เมตร สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งที่พักผ่อนเล่นสกีของชาวจอร์เจียที่จะนิยมมาเล่นในเดือนธันวาคมจนถึงเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่สวยงามและมีหิมะปกคลุมอยู่ตลอดเวลา ส่วนในช่วงปกติที่นี่ก็มีธรรมชาติของที่ราบสูงอันสวยงาม
เป็นอนุสรณ์สถานแห่งความสัมพันธ์ที่สร้างขึ้นในปี 1983 เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบสองร้อยปีของสนธิสัญญาจอร์เจียวิกและมิตรภาพที่ต่อเนื่องระหว่างโซเวียตจอร์เจียและโซเวียตรัสเซีย ตั้งอยู่บนทางหลวงทหารจอร์เจียระหว่างเมืองสกีรีสอร์ทของ Gudauri และ Jvari pass มีลักษณะเป็นหินทรงกลมขนาดใหญ่และโครงสร้างคอนกรีตเสริม จากตรงนี้สามารถมองเห็นวิว Devil's Valley ของเทือกเขาคอเคซัสได้อย่างงดงาม
นั่งรถ 4WD ขึ้นสู่โบสถ์เกอร์เกตี้ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในดินแดนเทือกเขาคอเคซัส ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดอย่างยิ่งหากได้มาเยือนประเทศจอร์เจียนี้
โบสถ์นี้อยู่ใกล้กับหมู่บ้าน Gergeti ในเมืองคาชเบกี้ของประเทศจอร์เจีย ตั้งอยู่บนฝั่งขวาของแม่น้ำ Chkheri บนระดับความสูง 2170 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 โดยตั้งโดดเดี่ยวบนยอดเขาสูงชันที่ล้อมรอบด้วยธรรมชาติอันกว้างใหญ่สุดสวยงาม การเข้าถึงโบสถ์นี้ก่อนหน้านี้จะต้องเดินเขาขึ้นไปซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง กระทั่งในธันวาคม 2018 มีการทำถนนลาดยางขึ้นไป ให้พาหนะอย่างรถยนต์สามารถเข้าถึงได้ในเวลาไม่กี่นาที
อิสระให้ท่านเพลิดเพลินกับกิจกรรมต่างๆ บนลานสกี ท่านจะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่กับหิมะอันขาวโพลน ให้ท่านได้สนุกสนานกับกระดานเลื่อน ที่ไหลลงมาจากเนินเขาหิมะ หรือท่านใดสนใจจะลองเล่นสกี ก็สามารถเช่าชุดและอุปกรณ์ได้ อิสระตามอัธยาศัย
เป็นป้อมปราการอันเก่าแก่ที่มีกำแพงล้อมรอบ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำอรักวี สันนิษฐานว่าที่นี่ถูกสร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 16-17 หลังกำแพงโบสถ์ 2 หลังที่ตั้งอยู่หลังกำแพง ซึ่งเป็นโบสถ์ของชาวเวอร์จิ้น ภายในยังมีหอคอยทรงสี่เหลี่ยมใหญ่ที่ตั้งตระหง่าน ทำให้เห็นภาพทิวทัศน์อันสวยงามจากมุมสูงของป้อมปราการนี้
เป็นอ่างเก็บแม่ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่แม่น้ำ Aragvi มีจุดประสงค์หลักในการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานน้ำ เปิดให้บริการในปี 1986 เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ด้วยลักษณะบรรยากาศของทะเลสาบสีฟ้าที่มีความอุดมสมบูรณ์กับพื้นที่ธรรมชาติรอบด้าน
เป็นมหาวิหารคริสเตียนนิกายอีสเติร์นออร์โธด็อกซ์ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองมิสเคต้า ถูกสร้างขึ้นประมาณราวศตวรรษที่ 11 ออกแบบโดยสถาปนิกชาวจอร์เจียชื่อ Arsukisdze ซึ่งถือผลงานชิ้นเอกที่ยอดเยี่ยมอย่างหนึ่งของยุคกลาง เป็นสิ่งก่อสร้างยุคโบราณที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศจอร์เจีย อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในศูนย์กลางสำคัญที่ทำให้ชาวจอร์เจียเปลี่ยนความเชื่อและหันมานับถือศาสนาคริสต์เมื่ออดีต
เป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ที่เป็นเสาหินขนาดใหญ่อันน่าตื่นตาตื่นใจ สร้างขึ้นโดย Zurab Tsereteli นักประติมากรชาวจอร์เจียในปี 1985 ประกอบด้วยเสาหิน 16 แท่ง แต่ละเสาสูงประมาณ 35 เมตร โดยเสาหินขนาดใหญ่นี้มีคอลัมน์อยู่บนเนินเขาซึ่งตัวเสาหินได้บันทึกประวัติศาสตร์ของประเทศจอร์เจียที่เขียนด้วยอักษรจอร์เจียนพร้อมด้วยภาพแกะสลัก ส่วนบนของรูปปั้นนั้นมีกษัตริย์และราชินีแห่งจอร์เจีย ส่วนล่างแสดงถึงชีวิตของพระคริสต์ สิ่งนี้ถือเป็นหนึ่งในสิ่งปลูกสร้างที่ยิ่งใหญ่และน่าทึ่งที่สุดในประเทศจอร์เจีย
เป็นถนนคนเดินเล็กๆ ที่เป็นหนึ่งในศูนย์กลางของชีวิตทางวัฒนธรรมและสังคมของเมืองทบิลิซี ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวและชาวเมืองด้วยมีความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์ ชื่อของถนนตั้งชื่อตามนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งชื่อ Jean Chardin ซึ่งเขาเป็นพ่อค้าอัญมณีในศตวรรษที่ 17 ที่เป็นที่รักของชาวจอร์เจียในยุคนั้น ถนนเส้นนี้เต็มไปด้วยร้านแกลเลอรี่ ร้านกาแฟนั่งชิลล์ และร้านของฝากต่างๆ
เมืองซิกนากีมีกำแพงล้อมรอบด้วยป้อมปราการสมัยศตวรรษที่ 18 ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกำแพงที่ยาวที่สุดในประเทศจอร์เจีย ตัวกำแพงมีหอคอยมากกว่า 20 หลัง ทุกหลังตั้งชื่อตามถนนที่ผ่านแต่ละประตู บนกำแพงสามารถเดินเล่นชมวิวเบื้องล่างอันกว้างใหญ่และหุบเขาอลาซานนีอันงดงามได้
เป็นคอมเพล็กซ์อารามคริสต์นิกายจอร์เจียนออโธดอกซ์และเป็นที่นั่งของบิชอปออฟโบบ์ ตั้งอยู่ห่างไปทางตะวันออกเฉียงใต้จากเมืองซิกนากีไปประมาณ 2 นาที วิหารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9 เป็นหนึ่งในสถานที่แสวงบุญที่สำคัญในจอร์เจียเนื่องจากมีการเชื่อมโยงกับ St. Nino ซึ่งเป็นผู้เผยแพร่ศาสนาในจอร์เจียในศตวรรษที่ 4 ซึ่งที่นี่ได้มีการเก็บพระธาตุ(เถ้ากระดูก) ส่วนหนึ่งของเขาด้วย
ให้ท่านได้ชิมไวน์รสดี
เป็นสะพานข้ามถนนรูปทรงโค้ง โดดเด่นด้วยโครงสร้างเหล็กและแก้วส่องสว่างด้วยหลอด LED จำนวนมากเหนือแม่น้ำ Kura ในตัวเมืองทบิลิซี มีความยาว 150 เมตร ได้รับคำสั่งจากศาลาว่าการทบิลิซิเพื่อสร้างรูปแบบการออกแบบร่วมสมัยที่เชื่อมต่อเขตเก่ากับเขตใหม่เข้าด้วยกัน สะพานนี้เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ปี 2010 ตัวสะพานจะเปิดไฟก่อนอาทิตย์ตกประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งในยามค่ำคืนที่นี่จะมีความสวยงามมาก
เป็นกระเช้าที่พานักท่องเที่ยวขึ้นไปยังป้อมนาริคาล่า ป้อมปราการโบราณประจำเมืองหลวง ระหว่างทางจะได้ชมวิวเมืองทบิลิซีอันสวยงามจากมุมสูง
เป็นอนุสาวรีย์ที่สำคัญแห่งหนึ่งในทบิลิซี ถูกสร้างขึ้นบนยอดเขา Sololaki ในปี 1958 ซึ่งเป็นปีที่ที่ทบิลิซีฉลองครบรอบอายุเมือง 1500 ปี ตัวอนุสาวรีย์มีความสูงที่ 20 เมตร ถูกออกแบบโดย Elguja Amashukeli ประติมากรชาวจอร์เจียผู้โด่งดังคนหนึ่ง โดยมีลักษณะเป็นผู้หญิงในชุดประจำชาติของจอร์เจีย ในมือซ้ายของเธอเธอถือชามไวน์เพื่อทักทายผู้ที่มาเป็นมิตร และในมือขวาของเธอเป็นดาบเพื่อพร้อมสู้กับผู้ที่มาเป็นศัตรู
เป็นมหาวิหารคาทอลิกของคริสต์นิกายจอร์เจียนออโธด็อกซ์ (สาขาหนึ่งของอีสเติร์นออร์โธด็อกซ์) ตั้งอยู่บน Elia Hill ซึ่งตั้งอยู่เหนือฝั่งซ้ายของแม่น้ำ Kura ในทบิลิซี เมืองหลวงของรัฐจอร์เจีย ที่นี่ถูกสร้างขึ้นระหว่างปี 1995 และ 2004 ในสไตล์จอร์เจียนโบราณ เป็นมหาวิหารอีสเติร์นออร์โธด็อกซ์ที่สูงที่สุดเป็นอันดับสามของโลกและเป็นหนึ่งในอาคารทางศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในโลก
เป็นท่าอากาศยานหลักประจำประเทศจอร์เจีย ตั้งอยู่ห่างไปทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองทบิลิซีไป 17 กิโลเมตร สร้างขึ้นในปี 1952 ออกแบบโดยสถาปนิก V. Beridze ในรูปแบบของสถาปัตยกรรมสตาลินนิสต์ เพื่อเชื่อมการเดินทางระหว่างสหภาพโซเวียตกับดินแดนห่างไกลอื่นๆ หลังโซเวียตล่มสลายที่นี่ได้กลายเป็นท่าอากาศยานประจำประเทศจอร์เจียไป
เป็นท่าอากาศยานประจำประเทศตุรกี อยู่ห่างจากตัวเมืองอิสตันบูลเพียง 20 กิโลเมตร เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 1912 ในฐานะเป็นสนามบินของกองทัพก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสนามบินพลเรือนในเวลาต่อมา เดิมมีชื่อว่าท่าอากาศยาน Yeşilköy ในปี 1980 ได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นท่าอากาศยานอิสตันบูลอตาเติร์ก เพื่อเป็นเกียรติแก่ Mustafa Kemal Atatürk ประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐตุรกี
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย