เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานหลักประจำประเทศจอร์เจีย ตั้งอยู่ห่างไปทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองทบิลิซีไป 17 กิโลเมตร สร้างขึ้นในปี 1952 ออกแบบโดยสถาปนิก V. Beridze ในรูปแบบของสถาปัตยกรรมสตาลินนิสต์ เพื่อเชื่อมการเดินทางระหว่างสหภาพโซเวียตกับดินแดนห่างไกลอื่นๆ หลังโซเวียตล่มสลายที่นี่ได้กลายเป็นท่าอากาศยานประจำประเทศจอร์เจียไป
เป็นเมืองตากอากาศเล็กๆ ในหุบเขาทางตอนใต้ของประเทศจอร์เจีย เมืองนี้มีชื่อเสียงในด้านอุตสาหกรรมน้ำแร่ยี่ห้อชื่อเดียวกับเมือง ธุรกิจน้ำแร่บรรจุขวดจึงถือเป็นแหล่งรายได้หลักของเมือง นอกจากนี้เมืองบอร์โจมียังเป็นที่ตั้งของสวนสนุกที่มีระบบนิเวศกว้างขวางที่สุดในพื้นที่เทือกเขาคอเคซัส
เป็นสวนสาธารณะประจำเมืองบอร์โจมีที่ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนที่สำคัญของชาวเมือง ตั้งอยู่ใกล้กับโรงแรม Crowne Plaza Borjomi ในอดีตที่นี่เป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตน้ำแร่สาขาหนึ่ง ซึ่งหลังจากย้ายออกไปก็ได้บริจาคที่ดินเดิมให้กับเมืองเพื่อสร้างเป็นสวนสาธารณะ ภายในสวนมีพื้นที่สวนสนุกเล็กๆ พื้นที่่ป่าที่เหมาะแก่การออกกำลังกายและเดินสำรวจธรรมชาติ พื้นที่ตั้งแคมป์ปิกนิก สระว่ายน้ำกำมะถันพร้อมน้ำพุร้อน จุดชิมน้ำแร่ นอกจากนี้ยังมีจุดชมวิวภายในสวนที่สามารถให้บริการกระเช้าขึ้นไปได้
เป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 3 ในจอร์เจีย มีความสำคัญไม่แพ้ไปกว่าเมืองหลวงทลิบิซี โดยตั้งอยู่ทางตะวันตกของทลิบิซีไป 221 กิโลเมตร ที่นี่เคยเป็นเมืองหลวงของราชอาณาจักรจอร์เจียในยุคกลาง ตัวเมืองล้อมรอบด้วยเชิงเขาที่เต็มไปด้วยป่าผลัดใบและพื้นที่เกษตรกรรม
เป็นเมืองๆ หนึ่งที่ตั้งในจอร์เจียทางตะวันออก ทำหน้าที่เป็นเมืองหลวงระดับภูมิภาคของ Shida Kartli และเป็นศูนย์กลางของเขตปกครองที่มีชื่อเสียง ในอดีตที่นี่เป็นเมืองยุทธศาสตร์สำคัญ เนื่องจากเป็นเมืองที่เสมือนป้อมปราการทางทหารในยุคกลาง ที่มีที่ตั้งอยู่บนทางหลวงสายหลักที่เชื่อมระหว่างส่วนตะวันออกและตะวันตกของจอร์เจีย เมืองนี้ยังเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นบ้านเกิดของผู้นำสหภาพโซเวียตอย่างโจเซฟสตาลิน และนักออกแบบขีปนาวุธชื่ออเล็กซานเดอร์นาดิราราด
เป็นเมืองที่มีลักษณะเป็นถ้ำหินอันเก่าแก่ทางตะวันออกของประเทศจอร์เจีย อยู่ห่างจากเมืองกอรี่ไปประมาณ 10 กิโลเมตร ตัวเมืองสร้างขึ้นบนฝั่งซ้ายของแนวหินสูงริมแม่น้ำ Mtkvari มีโครงสร้างต่างๆ ตั้งแต่ยุคเหล็กต้นถึงปลายยุคกลาง และโดดเด่นด้วยการผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมการตัดหินหลากหลายรูปแบบจากอนาโตเลีย อิหร่าน รวมถึงการมีอยู่ร่วมของคนต่างศาสนา และสถาปัตยกรรมคริสเตียน ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกในปี 2007
เป็นป้อมปราการอันเก่าแก่ที่มีกำแพงล้อมรอบ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำอรักวี สันนิษฐานว่าที่นี่ถูกสร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 16-17 หลังกำแพงโบสถ์ 2 หลังที่ตั้งอยู่หลังกำแพง ซึ่งเป็นโบสถ์ของชาวเวอร์จิ้น ภายในยังมีหอคอยทรงสี่เหลี่ยมใหญ่ที่ตั้งตระหง่าน ทำให้เห็นภาพทิวทัศน์อันสวยงามจากมุมสูงของป้อมปราการนี้
เป็นอ่างเก็บแม่ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่แม่น้ำ Aragvi มีจุดประสงค์หลักในการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานน้ำ เปิดให้บริการในปี 1986 เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ด้วยลักษณะบรรยากาศของทะเลสาบสีฟ้าที่มีความอุดมสมบูรณ์กับพื้นที่ธรรมชาติรอบด้าน
เป็นเมืองสกีรีสอร์ทที่มีชื่อเสียงที่ตั้งอยู่บริเวณที่ราบเชิงเขาของเทือกเขาคอเคซัสใหญ่ ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,100 เมตร สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งที่พักผ่อนเล่นสกีของชาวจอร์เจียที่จะนิยมมาเล่นในเดือนธันวาคมจนถึงเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่สวยงามและมีหิมะปกคลุมอยู่ตลอดเวลา ส่วนในช่วงปกติที่นี่ก็มีธรรมชาติของที่ราบสูงอันสวยงาม
เมืองนี้มีอีกชื่อท้องถิ่นว่าสเตพานมินด้า (Stepantsminda) ตั้งอยู่ในแนวเทือกเขาคอเคซัส ทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจอร์เจีย บนความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,740 เมตร เป็นเมืองที่มีความสวยงามอันเป็นเอกลักษณ์ของเมืองบนธรรมชาติที่ราบสูงที่เป็นหนึ่งในจุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยว
นั่งรถ 4WD ขึ้นสู่โบสถ์เกอร์เกตี้ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในดินแดนเทือกเขาคอเคซัส ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดอย่างยิ่งหากได้มาเยือนประเทศจอร์เจียนี้
เป็นอนุสรณ์สถานแห่งความสัมพันธ์ที่สร้างขึ้นในปี 1983 เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบสองร้อยปีของสนธิสัญญาจอร์เจียวิกและมิตรภาพที่ต่อเนื่องระหว่างโซเวียตจอร์เจียและโซเวียตรัสเซีย ตั้งอยู่บนทางหลวงทหารจอร์เจียระหว่างเมืองสกีรีสอร์ทของ Gudauri และ Jvari pass มีลักษณะเป็นหินทรงกลมขนาดใหญ่และโครงสร้างคอนกรีตเสริม จากตรงนี้สามารถมองเห็นวิว Devil's Valley ของเทือกเขาคอเคซัสได้อย่างงดงาม
เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศจอร์เจีย เป็นศูนย์กลางการปกครองและย่านเศรษฐกิจของประเทศ เป็นเมืองหลวงที่มีเสน่ห์ประกอบกับมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์เพราะมีแหล่งน้ำมากมายพร้อมกับมีทำเลที่ดีในการปกครอง ทำให้เมืองนี้กลายเป็นเมืองหลวงของจอร์เจียในที่สุด
เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคฝั่งตะวันออกสุดของประเทศจอร์เจีย เป็นหนึ่งในเมืองที่เล็กที่สุดของจอร์เจีย ที่ทำหน้าที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมเนื่องจากที่ตั้งอยู่ใจกลางภูมิภาคปลูกไวน์ของจอร์เจีย เช่นเดียวกับภูมิทัศน์ที่งดงามของหุบเขาอลาซานนีและเทือกเขาคอเคซัสที่อยู่ห่างออกไป
เมืองซิกนากีมีกำแพงล้อมรอบด้วยป้อมปราการสมัยศตวรรษที่ 18 ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกำแพงที่ยาวที่สุดในประเทศจอร์เจีย ตัวกำแพงมีหอคอยมากกว่า 20 หลัง ทุกหลังตั้งชื่อตามถนนที่ผ่านแต่ละประตู บนกำแพงสามารถเดินเล่นชมวิวเบื้องล่างอันกว้างใหญ่และหุบเขาอลาซานนีอันงดงามได้
เป็นคอมเพล็กซ์อารามคริสต์นิกายจอร์เจียนออโธดอกซ์และเป็นที่นั่งของบิชอปออฟโบบ์ ตั้งอยู่ห่างไปทางตะวันออกเฉียงใต้จากเมืองซิกนากีไปประมาณ 2 นาที วิหารแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9 เป็นหนึ่งในสถานที่แสวงบุญที่สำคัญในจอร์เจียเนื่องจากมีการเชื่อมโยงกับ St. Nino ซึ่งเป็นผู้เผยแพร่ศาสนาในจอร์เจียในศตวรรษที่ 4 ซึ่งที่นี่ได้มีการเก็บพระธาตุ(เถ้ากระดูก) ส่วนหนึ่งของเขาด้วย
เป็นเมืองทางตะวันออกเฉียงเหนือตรงบริเวณหุบเขาอลาซานนีที่จุดใกล้ๆ กับเทือกเขาคอเคซัส เมืองนี้ขึ้นชื่อในเรื่องการเป็นแหล่งผลิตไวน์แดงคุณภาพชั้นเยี่ยมแห่งหนึ่งของประเทศ
เป็นถนนคนเดินเล็กๆ ที่เป็นหนึ่งในศูนย์กลางของชีวิตทางวัฒนธรรมและสังคมของเมืองทบิลิซี ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวและชาวเมืองด้วยมีความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์ ชื่อของถนนตั้งชื่อตามนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งชื่อ Jean Chardin ซึ่งเขาเป็นพ่อค้าอัญมณีในศตวรรษที่ 17 ที่เป็นที่รักของชาวจอร์เจียในยุคนั้น ถนนเส้นนี้เต็มไปด้วยร้านแกลเลอรี่ ร้านกาแฟนั่งชิลล์ และร้านของฝากต่างๆ
เป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ที่เป็นเสาหินขนาดใหญ่อันน่าตื่นตาตื่นใจ สร้างขึ้นโดย Zurab Tsereteli นักประติมากรชาวจอร์เจียในปี 1985 ประกอบด้วยเสาหิน 16 แท่ง แต่ละเสาสูงประมาณ 35 เมตร โดยเสาหินขนาดใหญ่นี้มีคอลัมน์อยู่บนเนินเขาซึ่งตัวเสาหินได้บันทึกประวัติศาสตร์ของประเทศจอร์เจียที่เขียนด้วยอักษรจอร์เจียนพร้อมด้วยภาพแกะสลัก ส่วนบนของรูปปั้นนั้นมีกษัตริย์และราชินีแห่งจอร์เจีย ส่วนล่างแสดงถึงชีวิตของพระคริสต์ สิ่งนี้ถือเป็นหนึ่งในสิ่งปลูกสร้างที่ยิ่งใหญ่และน่าทึ่งที่สุดในประเทศจอร์เจีย
เป็นมหาวิหารคาทอลิกของคริสต์นิกายจอร์เจียนออโธด็อกซ์ (สาขาหนึ่งของอีสเติร์นออร์โธด็อกซ์) ตั้งอยู่บน Elia Hill ซึ่งตั้งอยู่เหนือฝั่งซ้ายของแม่น้ำ Kura ในทบิลิซี เมืองหลวงของรัฐจอร์เจีย ที่นี่ถูกสร้างขึ้นระหว่างปี 1995 และ 2004 ในสไตล์จอร์เจียนโบราณ เป็นมหาวิหารอีสเติร์นออร์โธด็อกซ์ที่สูงที่สุดเป็นอันดับสามของโลกและเป็นหนึ่งในอาคารทางศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในโลก
เป็นกระเช้าที่พานักท่องเที่ยวขึ้นไปยังป้อมนาริคาล่า ป้อมปราการโบราณประจำเมืองหลวง ระหว่างทางจะได้ชมวิวเมืองทบิลิซีอันสวยงามจากมุมสูง
เป็นอนุสาวรีย์ที่สำคัญแห่งหนึ่งในทบิลิซี ถูกสร้างขึ้นบนยอดเขา Sololaki ในปี 1958 ซึ่งเป็นปีที่ที่ทบิลิซีฉลองครบรอบอายุเมือง 1500 ปี ตัวอนุสาวรีย์มีความสูงที่ 20 เมตร ถูกออกแบบโดย Elguja Amashukeli ประติมากรชาวจอร์เจียผู้โด่งดังคนหนึ่ง โดยมีลักษณะเป็นผู้หญิงในชุดประจำชาติของจอร์เจีย ในมือซ้ายของเธอเธอถือชามไวน์เพื่อทักทายผู้ที่มาเป็นมิตร และในมือขวาของเธอเป็นดาบเพื่อพร้อมสู้กับผู้ที่มาเป็นศัตรู
เป็นสะพานข้ามถนนรูปทรงโค้ง โดดเด่นด้วยโครงสร้างเหล็กและแก้วส่องสว่างด้วยหลอด LED จำนวนมากเหนือแม่น้ำ Kura ในตัวเมืองทบิลิซี มีความยาว 150 เมตร ได้รับคำสั่งจากศาลาว่าการทบิลิซิเพื่อสร้างรูปแบบการออกแบบร่วมสมัยที่เชื่อมต่อเขตเก่ากับเขตใหม่เข้าด้วยกัน สะพานนี้เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ปี 2010 ตัวสะพานจะเปิดไฟก่อนอาทิตย์ตกประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งในยามค่ำคืนที่นี่จะมีความสวยงามมาก
เป็นหนึ่งในโรงอาบน้ำเก่าแก่ที่รู้จักกันมากที่สุดในทลิบิซี มีชื่อเสียงในเรื่องหลังคาโดมอิฐของโรงอาบน้ำใต้ดินที่โดดเด่น ภายในมีลักษณะคล้ายโรงอาบน้ำเหมือนกับการออนเซ็นของชาวญี่ปุ่นผสมรวมกับการอาบน้ำแบบตุรกี ซึ่งตัวเมืองบิลิซีนั้นได้รับชื่อจากน้ำพุร้อนธรรมชาติที่ไหลเวียนอยู่ภายใต้ส่วนนี้ของเมือง ดังนั้นอ่างอาบน้ำเหล่านี้จึงเป็นส่วนสำคัญของประวัติศาสตร์พื้นที่นี้
เป็นท่าอากาศยานหลักประจำประเทศจอร์เจีย ตั้งอยู่ห่างไปทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองทบิลิซีไป 17 กิโลเมตร สร้างขึ้นในปี 1952 ออกแบบโดยสถาปนิก V. Beridze ในรูปแบบของสถาปัตยกรรมสตาลินนิสต์ เพื่อเชื่อมการเดินทางระหว่างสหภาพโซเวียตกับดินแดนห่างไกลอื่นๆ หลังโซเวียตล่มสลายที่นี่ได้กลายเป็นท่าอากาศยานประจำประเทศจอร์เจียไป
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย