เป็นจุดศูนย์กลางทางการบินในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สามารถเชื่อมโยงการคมนาคมทางอากาศไปยังจุดต่างๆ ของโลกได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการบินภายในภูมิภาคเอเชียด้วยกัน หรือระหว่างทวีปยุโรป ทวีปอเมริกา ทวีปออสเตรเลีย ซึ่งสามารถใช้เป็นจุดแวะลงและเชื่อมต่อในการเดินทางของผู้โดยสารตลอดจนพัสดุไปรษณียภัณฑ์ไปยังจุดอื่นๆ ได้อย่างดี
เป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีความสำคัญเป็นลำดับสองของประเทศลาว รองจากท่าอากาศยานนานาชาติวัตไตที่กรุงเวียงจันทน์ ท่าอากาศยานแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับใจกลางเมืองหลวงพระบาง และยังเป็นฐานการบินลำดับที่สองของสายการบินลาว
พระธาตุภูษี (Phou Si Mountian) สองข้างทางร่มรื่นด้วยต้นดอกจำปา ภูษีนี้ หมายถึง “ภูศรี” คือเป็นศรีของเมืองหลวงพระบางนั่นเอง ตั้งโดดเด่นกลางใจเมืองมีจุดชมวิวก่อนถึงยอดพระธาตุ มองเห็นวัด บ้านเรือน ทอดยาวขนานกับแม่น้ำโขงจรดปากแม่น้ำคาน ยอดสูงสุดของภูษี อยู่บนพื้นที่ราบแคบๆ ตัวพระธาตุเป็นทรงดอกบัวสี่เหลี่ยมทาสีทอง ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมยอดประดับด้วยเศวตฉัตรทองสำริด 7 ชั้น สูงประมาณ 21 เมตร จะสวยมากในยามบ่ายแก่ๆ แบบนี้แสงแดแจะส่ององค์พระธาตุเป็นสีทองสุกปลั่ง มีทางเดินรอบองค์พระธาตุ
เป็นตลาดกลางคืนบนบนถนนศรีสว่างวงศ์ ตั้งแต่หน้าพระราชวังจนสุดถนน ในตลาดมีสินค้าในบรรยากาศแบบหลวงพระบางยามราตรี มีทั้งเสื้อยืดสกรีนเป็นภาษาลาว, ผ้าคลุมไหล่, กระเป๋าถือ, เครื่องประดับ, โลหะเกะสลัก, ภาพเขียน ฯลฯ จุดเด่นคือ สินค้าแทบทุกชิ้นเป็นสินค้าแฮนด์เมดของชาวบ้านแท้ๆ ซึ่งวางจำหน่ายในราคาที่ต่อรองกันได้ อีกทั้งยังมีเบเกอรี่ ต่าง ๆ เพื่อให้ท่านได้ลิ้มลอง และขนมเค้กอันแสนอร่อยนานาชนิด หากท่านใดจะเลือกซื้อของใส่บาตรในเช้าวันรุ่งขึ้นก็สามารถจัดแจงหาซื้อได้เช่นกัน
เป็นอาคารเก่าที่ออกแบบโดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส สถาปัตยกรรมฝรั่งเศสผสมผสานวัฒนธรรมลาว ด้านนอกอาคารเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์เจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ พระราชวังแห่งนี้อดีตนั้นเป็นที่ประทับของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ.2518 พระราชวังหลวงพระบาง ได้ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นพิพิธภัณฑ์ ภายในเป็นที่ประดิษฐานของ “พระบาง” พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองหลวงพระบาง
ที่นี่เป็นศูนย์หัตกรรมพื้นบ้านอีกแห่งหนึ่งของเมืองหลวงพระบางที่รวบรวมสินค้าหัตกรรมงานฝีมือต่างๆ ไว้สำหรับนักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมหรือเรียนรู้วิธีการทำ อาทิ การทำงานกระดาษสา การทอผ้าไหมของลาว
บ้านซ่างไห (Sanghai) ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง เป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงเรื่องการต้มเหล้าขาว หรือที่ชาวต่างประเทศเรียกกันว่า “เหล้าลาว (Lau Lao)” แทบทุกหลังคาเรือนจะมีการต้มเหล้า อันเป็นเอกลักษณ์เด่นๆ และเป็นอาชีพหลักของหมู่บ้านซ่างไห นอกจากจะให้ท่านได้ชมกรรมวิธีการต้มเหล้าแล้วยังมีสินค้าที่เป็นเหล้าหมักอีกมากมาย อาทิเช่น เหล้าดองแมงป่อง เหล้าดองงู จะซื้อเป็นของฝากก็ได้นอกจากจะมีเหล้าต้มแล้วยังมีการทอผ้า เครื่องเงินและของที่ระลึกของชาวเขาเผ่าแม้ววางจำหน่ายอีกด้วย
ล่องเรือชม ถ้ำติ่ง ตั้งอยู่ในภูเขาลูกใหญ่ตระหง่านอยู่ริมน้ำโขง เป็นลักษณะถ้ำริมหน้าผามีโพรงถ้ำตื้นๆ มีหินงอกหินย้อยเล็กน้อย เดิมมีพระพุทธรูปทอง เงิน นาก ปัจจุบันเหลือแต่พระพุทธรูปไม้จำนวนนับพันองค์ ในอดีตเจ้ามหาชีวิตแห่งหลวงพระบาง ต้องไปสักการะบูชาพระพุทธรูปในถ้ำ โดยเฉพาะช่วงปีใหม่ลาว ทั้งเจ้ามหาชีวิต ข้าราชบริพาร พระสงฆ์ ประชาชนทั่วไปจะเดินทางไปสรงน้ำพระพุทธรูปที่ถ้ำติ่งบนและถ้ำติ่งล่าง ดังนั้นถ้ำติ่งจึงเป็นอีกไฮไลสำคัญที่ท่านจะไปไปชมและสักการะพระพุทธรูปภายในถ้ำ
น้ำตกตาดกวางสี ซึ่งหมายถึงกวางหนุ่ม น้ำตกนี้ตกจากเขาที่สูง 70 เมตร สามารถถ่ายภาพจากด้านหน้าซึ่งมีสะพานพาดผ่านสายน้ำที่ตกลงมา ฉากหลังคือน้ำตกหินปูนสีขาวและน้ำใสๆ บางครั้งอาจเป็นละอองเกิดเป็นสีรุ้งให้ได้เห็น ทัศนีย์ภาพโดยรอบเป็นธรรมชาติให้เหล่านักท่องเที่ยวได้ศึกษาแมกไม้พืชพันธ์และยังมีจุดลงเล่นน้ำตามลำธารเล็กๆ บริเวณด้านล่างของน้ำตกท่านจะได้พบกับหมีดำที่นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายรูป นอกจากความงามของน้ำตกแล้ว ยังหาซื้อของที่ระลึกที่ทางเข้าน้ำตกได้อีกด้วย
ตักบาตรข้าวเหนียว (Tak Bat Kaonew) การใส่บาตรของชาวบ้านในยามเช้าตรู่ โดยทุกๆ เช้าราวตีห้าครึ่ง พระสงฆ์และสามเณรจากทุกวัดในตัวเมืองราว 300-400 รูป จะออกมาบิณฑบาตตามท้องถนนเมืองหลวงพระบางนี้ นิยมใส่บาตรร่วมกับชาวหลวงพระบาง บางคนเรียกการตักบาตรแบบชาวหลวงพระบางว่า “ ตักบาตรข้าวเหนียว” เหตุเพราะสังเกตเห็นว่าคนหลวงพระบางใส่บาตรแต่ข้าวเหนียวเปล่า โดยไม่มีกับข้าวเหมือนในเมืองไทย
วัดเชียงทอง เป็นวัดที่สำคัญและมีความงดงามที่สุดแห่งหนึ่งจนได้รับการยกย่องจากนักโบราณคดีว่าเป็นดั่งอัญมณีแห่งสถาปัตยกรรมลาว วัดเชียงทองถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ผนังภายในปิดทองฉลุบนพื้นรักสีดำ เล่าเรื่องพุทธประวัติพระสุธน-มโนราห์ ทศชาติชาดกและภาพนิทานเพื่อนบ้าน พระประธานมีชื่อว่า “พระองค์หลวง”นอกจากวัดเชียงทองจะมีพระอุโบสถที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบล้านช้างแล้ว การตกแต่งลวดลายตามผนังภายในมีการตบแต่งด้วยการนำกระจกสีมาตัดต่อกันเป็นรูปต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ ด้านข้างก็ติดเป็นรูปสัตว์ในวรรคดี ยามบ่ายที่แสงแดดส่องสะท้อนลงมาดูสวยงาม
วังเวียง อีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวใน แขวงเวียงจันทน์ ห่างจากเวียงจันทน์ประมาณ 160 ก.ม. วังเวียง เมืองในลุ่มน้ำซองที่เงียบสงบโอบล้อมไปด้วยขุนเขากับสายหมอกยามเช้าที่สวยที่สุด ดังคำล่ำลือที่นักท่องเที่ยวขนานนามว่า กุ้ยหลินเมืองลาว
เป็นอีกหนึ่งสถานที่เที่ยวไฮไลท์หลักที่ต้องแวะเมื่อมาวังเวียง โดยบลูลากูนจะมีลักษณะเป็นธารน้ำใสสีฟ้าอมเขียว ที่นั่งท่องเที่ยวนิยมมาเล่นและโดดน้ำ ทั้งยังมีกิ่งไม้ใหญ่ยื่นลงลำธารให้นักท่องเที่ยวกระโดดน้ำเล่น
ล่องเรือแม่น้ำซอง ชมธรรมชาติและเก็บภาพบรรยากาศตลอดสองข้างทาง แม่น้ำซอง หรือ Song River ที่มีความหมายว่า แม่น้ำแห่งเสียงเพลง ที่มีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขาที่อยู่ไม่ไกลนัก ที่เป็นทั้งสายน้ำบริสุทธิ์ และเป็นสายน้ำแห่งชีวิตของชาวลาวที่อาศัยอยู่ตามลุ่มแม่น้ำซอง
เป็นนครหลวงของประเทศลาว และเป็นเขตที่ตั้งของกรุงเวียงจันทน์ ซึ่งเป็นทั้งเมืองหลวงของลาวและเมืองเอกของเขตการปกครองดังกล่าว ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ มีเขตติดต่อกับหนองคายของประเทศไทย เชื่อมต่อคมนาคมด้วยสะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว แห่งที่ 1 นครหลวงเวียงจันทน์เป็นเขตปกครองที่มีความเจริญของเมืองมากที่สุดในบรรดาเขตการปกครองระดับบนสุด 17 แห่งของประเทศลาว ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2532 โดยแยกออกมาจากแขวงเวียงจันทน์[1] เดิมชื่อ "กำแพงนครเวียงจันทน์" (ກຳແພງນະຄອນວຽງຈັນ) ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น "นครหลวงเวียงจันทน์"
ศูนย์เครื่องเงิน ให้ท่านได้ชมงานฝีมือการทำเครื่องเงิน และเครื่องประดับของใช้ต่างๆ ที่มีการออกแบบไว้อย่างสวยงาม อีกทั้งยังเป็นสินค้าส่งออกที่มีชื่อเสียงของบาหลี
นมัสการ พระธาตุหลวง มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า พระเจดีย์โลกะจุฬามณี นับเป็นปูชนียสถานอันสำคัญยิ่งของเมืองเวียงจันทน์ ตำนานกล่าวว่าพระธาตุหลวงมีประวัติการก่อสร้างนับพันปีเช่นเดียวกันพระธาตุพนมในประเทศไทย วัดพระธาตุหลวงถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์สำคัญของประเทศลาว บริเวณด้านหน้ามีอนุสาวรีย์พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชประดิษฐานอยู่ และยังมีร้านค้าจัดจำหน่ายสินค้าพื้นบ้านและหัตถกรรม
อนุสาวรีย์ประตูชัย เป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานศิลปะล้านช้างกับฝรั่งเศส เข้าด้วยกันอย่างงดงามและกลมกลืนอย่างยิ่ง เป็นอนุสาวรีย์ที่ระลึกให้ชาวลาวผู้เสียชีวิต ของสงครามในใจกลางของลาว ในการต่อสู้เพื่อการเป็นอิสรภาพจากฝรั่งเศสและสงครามต่างๆ ตั้งอยู่ทาง ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของนครเวียงจันทน์ ลักษณะสถาปัตยกรรม ซุ้ม ประตูขนาดใหญ่ ลักษณะคล้ายประตูชัยของฝรั่งเศสที่กรุงปารีส แต่รายละเอียดเป็นศิลปะล้านช้าง ไม่ว่าจะเป็นยอดปราสาทบนประตู ลาลายปูนปั้นและภาพวาดบนเพดาน
เป็นหนึ่งในสี่ท่าอากาศยานนานาชาติของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตั้งอยู่ที่เมืองศรีโคตรบอง นครหลวงเวียงจันทน์ เป็นท่าอากาศยานหลักของการบินลาว และลาวเซ็นทรัลแอร์ไลน์ ท่าอากาศยานมีอาคาร 2 หลังประกอบด้วย 1.อาคารผู้โดยสารในประเทศ 2. อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ โดยสนามบินวัดไต สามารถจอด เครื่องบินขนาด Boeing 747 ขึ้นไปได้ 25 ลำและยังมีโรงซ่อมเครื่องบินขนาด A320 ที่เก็บได้ 2 ลำ ของสายการบินลาวด้วย
เป็นจุดศูนย์กลางทางการบินในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สามารถเชื่อมโยงการคมนาคมทางอากาศไปยังจุดต่างๆ ของโลกได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการบินภายในภูมิภาคเอเชียด้วยกัน หรือระหว่างทวีปยุโรป ทวีปอเมริกา ทวีปออสเตรเลีย ซึ่งสามารถใช้เป็นจุดแวะลงและเชื่อมต่อในการเดินทางของผู้โดยสารตลอดจนพัสดุไปรษณียภัณฑ์ไปยังจุดอื่นๆ ได้อย่างดี