เป็นจุดศูนย์กลางทางการบินในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สามารถเชื่อมโยงการคมนาคมทางอากาศไปยังจุดต่างๆ ของโลกได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการบินภายในภูมิภาคเอเชียด้วยกัน หรือระหว่างทวีปยุโรป ทวีปอเมริกา ทวีปออสเตรเลีย ซึ่งสามารถใช้เป็นจุดแวะลงและเชื่อมต่อในการเดินทางของผู้โดยสารตลอดจนพัสดุไปรษณียภัณฑ์ไปยังจุดอื่นๆ ได้อย่างดี
เป็นหนึ่งในสี่ท่าอากาศยานนานาชาติของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตั้งอยู่ที่เมืองศรีโคตรบอง นครหลวงเวียงจันทน์ เป็นท่าอากาศยานหลักของการบินลาว และลาวเซ็นทรัลแอร์ไลน์ ท่าอากาศยานมีอาคาร 2 หลังประกอบด้วย 1.อาคารผู้โดยสารในประเทศ 2. อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ โดยสนามบินวัดไต สามารถจอด เครื่องบินขนาด Boeing 747 ขึ้นไปได้ 25 ลำและยังมีโรงซ่อมเครื่องบินขนาด A320 ที่เก็บได้ 2 ลำ ของสายการบินลาวด้วย
เป็นนครหลวงของประเทศลาว และเป็นเขตที่ตั้งของกรุงเวียงจันทน์ ซึ่งเป็นทั้งเมืองหลวงของลาวและเมืองเอกของเขตการปกครองดังกล่าว ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ มีเขตติดต่อกับหนองคายของประเทศไทย เชื่อมต่อคมนาคมด้วยสะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว แห่งที่ 1 นครหลวงเวียงจันทน์เป็นเขตปกครองที่มีความเจริญของเมืองมากที่สุดในบรรดาเขตการปกครองระดับบนสุด 17 แห่งของประเทศลาว ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2532 โดยแยกออกมาจากแขวงเวียงจันทน์[1] เดิมชื่อ "กำแพงนครเวียงจันทน์" (ກຳແພງນະຄອນວຽງຈັນ) ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น "นครหลวงเวียงจันทน์"
นมัสการ พระธาตุหลวง มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า พระเจดีย์โลกะจุฬามณี นับเป็นปูชนียสถานอันสำคัญยิ่งของเมืองเวียงจันทน์ ตำนานกล่าวว่าพระธาตุหลวงมีประวัติการก่อสร้างนับพันปีเช่นเดียวกันพระธาตุพนมในประเทศไทย วัดพระธาตุหลวงถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์สำคัญของประเทศลาว บริเวณด้านหน้ามีอนุสาวรีย์พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชประดิษฐานอยู่ และยังมีร้านค้าจัดจำหน่ายสินค้าพื้นบ้านและหัตถกรรม
วังเวียง อีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวใน แขวงเวียงจันทน์ ห่างจากเวียงจันทน์ประมาณ 160 ก.ม. วังเวียง เมืองในลุ่มน้ำซองที่เงียบสงบโอบล้อมไปด้วยขุนเขากับสายหมอกยามเช้าที่สวยที่สุด ดังคำล่ำลือที่นักท่องเที่ยวขนานนามว่า กุ้ยหลินเมืองลาว
เป็นถนนในเมืองวังเวียงที่มีร้านอาหารตั้งเรียงรายอยู่ตามทาง โดยเฉพาะโรตีวังเวียงซึ่งถือเป็นสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนวังเวียง
เป็นอีกหนึ่งสถานที่เที่ยวไฮไลท์หลักที่ต้องแวะเมื่อมาวังเวียง โดยบลูลากูนจะมีลักษณะเป็นธารน้ำใสสีฟ้าอมเขียว ที่นั่งท่องเที่ยวนิยมมาเล่นและโดดน้ำ ทั้งยังมีกิ่งไม้ใหญ่ยื่นลงลำธารให้นักท่องเที่ยวกระโดดน้ำเล่น
ที่นี่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากบลูลากูน 1 ของวังเวียง เป็นถ้ำศักดิ์สิทธิ์ มีระยะทางขึ้นถ้ำประมาณ 80 เมตร เป็นทางลาดชัน มีพระพุทธรูปนอนอยู่ภายใน คนลาวเชื่อกันว่าคนที่เข้าไปภายในถ้ำปูคำแล้วเห็นปูคำ (ปูที่มีกระดองสีเหลืองทอง) ถือว่าโชคดีหรือมีบุญ เพราะน้อยคนที่จะได้เห็นปูคำจริงๆ
เป็นเมืองเอกของแขวงหลวงพระบาง ประเทศลาว อยู่ทางภาคเหนือของประเทศ ตัวเมืองตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขงและแม่น้ำคาน ซึ่งไหลมาบรรจบกัน หลวงพระบางได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกด้วยเหตุผล คือ มีวัดวาอารามเก่าแก่มากมาย มีบ้านเรือนอันเป็นเอกลักษณ์โคโลเนียลสไตล์ ตัวเมืองตั้งอยู่ริมน้ำโขงและน้ำคาน ซึ่งไหลบรรจบกันท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม และชาวหลวงพระบางมีบุคลิกที่ยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นมิตร และมีขนบธรรมเนียมประเพณีที่งดงาม
วัดใหม่สุวรรณภูมาราม หรือที่ชาวหลวงพระบางเรียกกันสั้นๆ ว่า "วัดใหม่" เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชบุญทัน ซึ่งเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์สุดท้ายของลาวและยังเคยเป็นที่ประดิษฐานพระบาง พระพุทธรูปคู่เมืองหลวงพระบางในรัชสมัยของเจ้ามหาชีวิตสักรินฤทธิ์ จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2437 จึงได้อัญเชิญพระบางไปประดิษฐานในหอพระบางภายในพระราชวังจวบจนกระทั่งปัจจุบัน เมื่อมาเยือนวัดแห่งนี้สิ่งที่เราจะสังเกตเห็นถึงความแตกต่างจากวัดอื่นๆ คือ ตัวอุโบสถ (สิม) ลักษณะจะเป็นอาคารทรงโรง หลังคามีขนาดใหญ่ มีชายคาปกคลุมทั้งสี่ด้านสองระดับต่อเนื่องกัน ผนังด้านหน้าพระอุโบสถตกแต่งด้วยภาพลงรักปิดทองดูเหลืองอร่ามงามตายาวตลอดผนัง เล่าเรื่องพระเวสสันดรชาดก โดยฝีมือช่างหลวงประจำรัชกาลเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์
วัดเชียงทอง เป็นวัดที่สำคัญและมีความงดงามที่สุดแห่งหนึ่งจนได้รับการยกย่องจากนักโบราณคดีว่าเป็นดั่งอัญมณีแห่งสถาปัตยกรรมลาว วัดเชียงทองถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ผนังภายในปิดทองฉลุบนพื้นรักสีดำ เล่าเรื่องพุทธประวัติพระสุธน-มโนราห์ ทศชาติชาดกและภาพนิทานเพื่อนบ้าน พระประธานมีชื่อว่า “พระองค์หลวง”นอกจากวัดเชียงทองจะมีพระอุโบสถที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบล้านช้างแล้ว การตกแต่งลวดลายตามผนังภายในมีการตบแต่งด้วยการนำกระจกสีมาตัดต่อกันเป็นรูปต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ ด้านข้างก็ติดเป็นรูปสัตว์ในวรรคดี ยามบ่ายที่แสงแดดส่องสะท้อนลงมาดูสวยงาม
พระธาตุภูษี (Phou Si Mountian) สองข้างทางร่มรื่นด้วยต้นดอกจำปา ภูษีนี้ หมายถึง “ภูศรี” คือเป็นศรีของเมืองหลวงพระบางนั่นเอง ตั้งโดดเด่นกลางใจเมืองมีจุดชมวิวก่อนถึงยอดพระธาตุ มองเห็นวัด บ้านเรือน ทอดยาวขนานกับแม่น้ำโขงจรดปากแม่น้ำคาน ยอดสูงสุดของภูษี อยู่บนพื้นที่ราบแคบๆ ตัวพระธาตุเป็นทรงดอกบัวสี่เหลี่ยมทาสีทอง ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมยอดประดับด้วยเศวตฉัตรทองสำริด 7 ชั้น สูงประมาณ 21 เมตร จะสวยมากในยามบ่ายแก่ๆ แบบนี้แสงแดแจะส่ององค์พระธาตุเป็นสีทองสุกปลั่ง มีทางเดินรอบองค์พระธาตุ
เป็นอาคารเก่าที่ออกแบบโดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส สถาปัตยกรรมฝรั่งเศสผสมผสานวัฒนธรรมลาว ด้านนอกอาคารเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์เจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ พระราชวังแห่งนี้อดีตนั้นเป็นที่ประทับของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ.2518 พระราชวังหลวงพระบาง ได้ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นพิพิธภัณฑ์ ภายในเป็นที่ประดิษฐานของ “พระบาง” พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองหลวงพระบาง
วัดวิชุนราช ถูกสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าวิชุนราช (พ.ศ. 2046) นับเป็นอีกหนึ่งพระธาตุที่ชาวหลวงพระบางให้ความนับถือ ซึ่งเป็นพระธาตุที่มีรูปทรงคล้ายกับลูกแตงโมผ่าครึ่ง ชาวหลวงพระบางจึงเรียกชื่อ "พระธาตุหมากโม" มาจนถึงปัจจุบัน
ตั้งอยู่บนถนนศรีสว่างวงศ์ ตั้งแต่หน้าพระราชวังจนสุดถนน เพื่อให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้า ในบรรยากาศถนนคนเดินเมืองหลวงพระบางยามราตรี
ตักบาตรข้าวเหนียว (Tak Bat Kaonew) การใส่บาตรของชาวบ้านในยามเช้าตรู่ โดยทุกๆ เช้าราวตีห้าครึ่ง พระสงฆ์และสามเณรจากทุกวัดในตัวเมืองราว 300-400 รูป จะออกมาบิณฑบาตตามท้องถนนเมืองหลวงพระบางนี้ นิยมใส่บาตรร่วมกับชาวหลวงพระบาง บางคนเรียกการตักบาตรแบบชาวหลวงพระบางว่า “ ตักบาตรข้าวเหนียว” เหตุเพราะสังเกตเห็นว่าคนหลวงพระบางใส่บาตรแต่ข้าวเหนียวเปล่า โดยไม่มีกับข้าวเหมือนในเมืองไทย
เป็นตลาดสดให้ท่านเลือกซื้ออาหารพื้นเมืองและชมของป่าซึ่งของป่าบางชนิดก็แปลกตาและเป็นที่สนใจของเหล่านักท่องเที่ยวผู้มาเยือน จะมีการรอใส่บาตรข้าวเหนียว พร้อมกับประชาชนชาวหลวงพระบาง ซึ่งพระสงฆ์และสามเณรจากวัดต่างๆ ทั่วเมืองหลวงพระบางจะออกบิณฑบาตเป็นแถวนับร้อยรูป ซึ่งเป็นภาพอันน่าประทับใจและสื่อถึงความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาของชาวเมืองหลวงพระบาง
น้ำตกตาดกวางสี ซึ่งหมายถึงกวางหนุ่ม น้ำตกนี้ตกจากเขาที่สูง 70 เมตร สามารถถ่ายภาพจากด้านหน้าซึ่งมีสะพานพาดผ่านสายน้ำที่ตกลงมา ฉากหลังคือน้ำตกหินปูนสีขาวและน้ำใสๆ บางครั้งอาจเป็นละอองเกิดเป็นสีรุ้งให้ได้เห็น ทัศนีย์ภาพโดยรอบเป็นธรรมชาติให้เหล่านักท่องเที่ยวได้ศึกษาแมกไม้พืชพันธ์และยังมีจุดลงเล่นน้ำตามลำธารเล็กๆ บริเวณด้านล่างของน้ำตกท่านจะได้พบกับหมีดำที่นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายรูป นอกจากความงามของน้ำตกแล้ว ยังหาซื้อของที่ระลึกที่ทางเข้าน้ำตกได้อีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีความสำคัญเป็นลำดับสองของประเทศลาว รองจากท่าอากาศยานนานาชาติวัตไตที่กรุงเวียงจันทน์ ท่าอากาศยานแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับใจกลางเมืองหลวงพระบาง และยังเป็นฐานการบินลำดับที่สองของสายการบินลาว
เป็นจุดศูนย์กลางทางการบินในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สามารถเชื่อมโยงการคมนาคมทางอากาศไปยังจุดต่างๆ ของโลกได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการบินภายในภูมิภาคเอเชียด้วยกัน หรือระหว่างทวีปยุโรป ทวีปอเมริกา ทวีปออสเตรเลีย ซึ่งสามารถใช้เป็นจุดแวะลงและเชื่อมต่อในการเดินทางของผู้โดยสารตลอดจนพัสดุไปรษณียภัณฑ์ไปยังจุดอื่นๆ ได้อย่างดี