เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานประจำประเทศตุรกี อยู่ห่างจากตัวเมืองอิสตันบูลเพียง 20 กิโลเมตร เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 1912 ในฐานะเป็นสนามบินของกองทัพก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสนามบินพลเรือนในเวลาต่อมา เดิมมีชื่อว่าท่าอากาศยาน Yeşilköy ในปี 1980 ได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นท่าอากาศยานอิสตันบูลอตาเติร์ก เพื่อเป็นเกียรติแก่ Mustafa Kemal Atatürk ประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐตุรกี
เป็นท่าอากาศยานประจำประเทศตุรกี อยู่ห่างจากตัวเมืองอิสตันบูลเพียง 20 กิโลเมตร เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 1912 ในฐานะเป็นสนามบินของกองทัพก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสนามบินพลเรือนในเวลาต่อมา เดิมมีชื่อว่าท่าอากาศยาน Yeşilköy ในปี 1980 ได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นท่าอากาศยานอิสตันบูลอตาเติร์ก เพื่อเป็นเกียรติแก่ Mustafa Kemal Atatürk ประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐตุรกี
เป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดในเอสโตเนีย ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางสำหรับสายการบินแห่งชาตินอร์ดิก้าและเผ็นบ้านเกิดของสายการบินเอสโตเนียแอร์ไลน์ ตั้งอยู่ห่างไป 5 กิโลเมตรไปทางตะวันออกเฉียงใต้ของศูนย์กลางเมืองทาลลินน์ ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของฝูงบินขับไล่ที่ 384 แห่งกองทัพอากาศเอสโตเนียด้วย
ซึ่งมีประวัติศาสตร์อันยาวนานมากกว่า 3,000 ปี เคยถูกยึดครองโดยเดนมาร์ก สวีเดน และรัสเซีย ภายหลังได้อิสรภาพจากสหภาพโซเวียต ในปี ค.ศ. 1991 ซึ่งองค์การยูเนสโกได้ประกาศให้เป็นมรดกโลก นำท่านเที่ยวชมเขตโอลด์ทาวน์ของเมืองทาลลินน์ที่โอบล้อมด้วยกำแพงเมืองและป้อมปราการในยุคกลาง ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในยุคอัศวิน
เป็นที่ตั้งของปราสาททูมเปีย ปัจจุบันได้ใช้เป็นอาคารรัฐสภาและหน่วยงานราชการ, โบสถ์อเล็กซานเดอร์ เนฟสกี้ (Alexander Nevsky Cathedral) โบสถ์รัสเซียนออร์โธดอกซ์ที่ใหญ่ที่สุดในเอสโทเนีย เป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามมาก แล้วเดินลัดเลาะแนวกำแพงเมืองสู่จตุรัสกลางเมืองอันเป็นที่ตั้งของศาลากลางรายล้อมด้วยอาคารที่ต่างยุคสมัยกันตั้งแต่ศตวรรษที่ 15-17
เป็นมหาวิหารใหญ่ที่มียอดโดมใหญ่ที่สุดในเมืองทาลลินน์ เป็นโมหาวิหารคริสต์ออร์โธด็อกซ์ที่สร้างขึ้นเมื่อปี 1900 ในช่วงที่เอสโตเนียเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิซาร์แห่งรัสเซีย สถาปนิกผู้ออกแบบโบสถ์แห่งนี้ก็คือ Mikhail Preobrazhenski จากเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่เจ้าชายอเล็กซานเดอร์ ยาโรสลาวิทซ์ เนฟสกี้ ด้านบนมีหอระฆังใหญ่ มีระฆัง 11 อัน รวมถึงอันที่ใหญ่ที่สุดในเมืองซึ่งมีน้ำหนักถึง 15 ตัน
เป็นมหาวิหารที่ตั้งอยู่บนเนินเขาทูมเปียในทาลลินน์ของประเทศเอสโตเนีย สร้างโดยนักบุญ Danes ในศตวรรษที่ 13 ซึ่งเดิมทีเป็นมหาวิหารนิกายโรมันคาทอลิค แต่ได้เปลี่ยนเป็นนิกายลูเทอแรนในปี 1561 จนถึงปัจจุบัน ที่นี่เป็นที่นั่งของอาร์คบิชอปแห่งทาลลินน์ผู้นำทางจิตวิญญาณของโบสถ์นิกายลูเธอรันแห่งเอสโตเนียและเป็นประธานของคณะผู้ปกครองของโบสถ์แห่งนี้
ป้อมปราการเมืองเก่าในยุคกลาง จากนั้นเข้าสู่จัตุรัสทาวน์ฮอลล์ในเขตโลเวอร์ทาวน์ งดงามด้วยศิลปะแบบโกธิคสร้างก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 15 อาคารบ้านเรือนทั้งแบบอาร์ตนูโวและโกธิค ล้วนได้ รับการบูรณะไว้อย่างน่าชม
เป็นร้านยาที่ได้ชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังคงเปิดทำการมาจนถึงปัจจุบัน ที่นี่ถูกกล่าวถึงเป็นครั้งแรกในบันทึกของเมืองในปี 1422 เมื่อเภสัชกรชื่อนิคคาเวสถูกเรียกตัวให้เข้าร่วมการปกครองของเมือง ภายในมีนิทรรศการเกี่ยวกับยาและสต็อกของร้านขายยาในพิพิธภัณฑ์ที่อยู่ห้องใต้ดิน และนอกเหนือจากการขายยาปัจจุบันแล้ว ที่นี่ก็ยังจำหน่ายของที่ระลึกจากในอดีตอีกด้วย
เป็นเส้นถนนคนเดินหลักประจำเมืองทาลลินน์ ซึ่งมีจุดแลนมาร์คที่สำคัญคือประตูวิรู ที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบป้องกันของกำแพงเมืองทาลลินน์ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 ถนนคนเดินนี้มีร้านค้าและร้านอาหารมากมาย และเป็นหนึ่งในถนนคนเดินที่พลุกพล่านที่สุดในเมืองทาลลินน์
เป็นเมืองตากอากาศในประเทศเอสโตเนียซึ่งอยู่ติดกับอ่าวแปร์นู เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเพราะชายหาดที่ลากยาวและรีสอร์ทมากมายที่มาเปิดให้บริการ เมืองนี้พึ่งได้เอกราชและเป็นส่วนหนึ่งของเอสโตเนียอย่างเป็นทางการหลังสงครามโลกครั้งที่ 1
เป็นบ้านไม้เก่าแก่ที่ตั้งกระจายอยู่ตามเมืองปาร์นู ถูกสร้างด้วยสไตล์เอสโตเนียแบบดั้งเดิมที่ยังมีให้เห็นอยู่ทั่วไป
เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดในกลุ่มรัฐบอลติก ทั้งยังเป็นศูนย์กลางด้านวัฒนธรรม การศึกษา การเมืองการปกครอง ธุรกรรม พาณิชยกรรม และอุตสาหกรรมในภูมิภาคนี้ ที่สำคัญ ย่านเมืองเก่าหรือศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ของเมืองริกา ซึ่งถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ยังเต็มไปด้วยอาคารเก่าแก่ ทั้งที่เป็นอาคารไม้สไตล์นีโอคลาสสิกและอาคารที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบอาร์ตนูโว นอกจากนี้ ริกายังได้รับเลือกให้เป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมของยุโรป ประจำปี 2014 อีกด้วย
เป็นอนุสาวรีย์ที่สร้างเพื่อเป็นเกียรติแก่โรแลนด์ ผู้เป็นทั้งนักรบและเป็นบาทหลวงองค์ที่สามของวัดซิสเตอร์เรียนที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1140 เขาได้ชื่อว่าเป็นผู้เข้ามาก่อตั้งเมืองริก้าในยุคแรกๆ และได้รับการยกย่องเป็นนักบุญในเวลาต่อมา โดยรูปปั้นที่นี่มีลักษณะแบบนักบุญในชุดนักรบ ที่มือซ้ายถือโล่และมือขวาถือดาบแลดูทะมัดทะแมง
เป็นอาคารอดีตศูนย์กลางการค้าที่พ่อค้าผู้ร่ำรวยคนหนึ่งสร้างขึ้นก่อนจะมีกลุ่มพ่อค้าที่เรียกตัวเองว่ากลุ่มหัวดำ อาคารแห่งนี้เคยถูกรัสเซียทำลายในปี 1941 แต่ได้รับการบูรณะเพื่อเฉลิมฉลองวาระที่เมืองมีอายุครบ 800 ปี
เป็นที่งดงามเป็นโบสถ์โกธิคที่สำคัญ และสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองริก้า ในอดีตโบสถ์แห่งนี้มีชื่อว่า “โบสถ์พ่อค้า” (Merchants Church) เนื่องจากเคยใช้เป็นสถานที่สำหรับจัดประชุมของเหล่าพ่อค้าในยุคนั้น ๆ โบสถ์เซนต์ปีเตอร์เป็นโบสถ์แบบกอธิคมาจนถึงปี ค.ศ.1523 กระทั่งถึงช่วงการเปลี่ยนนิกายจากคาทอลิกมาเป็นลูเธอรัน โบสถ์แห่งนี้จึงเปลี่ยนเป็นโบสถ์สไตล์แบบบาร็อคแทน
เป็นจัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดในเมืองริก้า ที่นี่ถือเป็นหัวใจสำคัญของเมืองที่เป็นจุดบรรจบของถนนเจ็ดสาย เกิดขึ้นในช่วงประมาณปลายศตวรรษที่ 19 โดยอาคารหลายหลังบริเวณนี้ถูกรื้อออกเพื่อเป็นลานว่างสำหรับเป็นทางเข้าของมหาวิหารริก้าในช่วงนั้น จัตุรัวนี้รายล้อมไปด้วยอนุสรณ์สถานทางสถาปัตยกรรมหลายแห่ง โดยเฉพาะมหาวิหารริก้าที่ถือเป็นแลนมาร์คหลักของที่นี่
เป็นคอมเพล็กซ์ของกลุ่มอาคารซึ่งประกอบด้วยบ้านสามหลังที่อยู่ติดกัน ตั้งอยู่ในริกาใจกลางเมืองเก่าตรงบริเวณใกล้ๆ กับจัตุรัสโดม โดยอยู่รวมกันเป็นรูปแบบอันซับซ้อนที่เก่าแก่ ด้านหน้าโดดเด่นด้วยทรงหน้าจั่วแบบอีกา มีการตกแต่งแบบโกธิคและรายละเอียดยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาตอนต้น สภาพที่เห็นในปัจจุบันมาจากการได้รับการบูรณะในปี 1955 โดยสถาปนิกชื่อ P. Saulitis
เป็นตลาดนัดที่ขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป และเป็นตึกที่มีความสำคัญที่สุดในลัทเวียจากศตวรรษที่ 20 ซึ่งได้เริ่มสร้างตั้งแต่ปี 1924-1930 และได้จดบันทึกไว้เป็นมรดกโลก
รูนดาเลพาเลซ ซึ่งเป็นพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดของลัตเวีย ก่อสร้างสไตล์บาร็อค และร็อคโคโค ในศตวรรษที่ 18 ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาเลี่ยน เป็นคนเดียวกันกับผู้สร้างพระราชวังฤดูหนาวในเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กของรัสเซีย พระราชวังแห่งนี้ถือว่าเป็นพระราชวังฤดูร้อนของท่านดุ๊กแห่งคอร์แลนด์ เอิรน์ โจฮันน์ ไบรอน
เป็นหนึ่งในเมืองที่มีความเก่าแก่ที่สุดเมืองหนึ่งของประเทศลิทัวเนีย ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ 1236 ในอดีตเป็นเมืองที่เคยถูกเผาในช่วงยุคสงครามถึง 7 ครั้ง 7 คราวด้วยกัน แต่ปัจจุบันสามารถฟื้นฟูได้จนกลายเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรม และอุตสาหกรรมที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของลิทัวเนีย
เป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิค ที่คริสต์ศาสนิกชนให้ความเคารพนับถือ โดยกำเนิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 14 ในอดีตไม้กางเขนจะถูกนำมาวางที่สุสานแห่งนี้ เวลาที่มีการต่อสู้กับผู้บุกรุก หรือเวลาที่มีการเรียกร้องอิสรภาพให้กับชาวลิทัวเนีย พื้นที่นี้จึงมีผู้คนนำไม้กางเขนหลายรูปแบบ มาปักรวมกับรูปปั้นพระเยซูและพระแม่มารี โดยเริ่มต้นจากการปักไม้กางเขนแค่ไม่กี่อัน
เมืองเคานัส (Kaunas) เคานัสเคยเป็นเมืองหลวงชั่วคราวของประเทศลิทัวเนีย ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ตั้งอยู่ตรงที่บรรจบกันของแม่น้ำเนริส และแม่น้ำเนมาน เป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของประเทศลิทัวเนีย และเป็นเมืองหลวงของเทศมณฑลเคานัส เคานัสเคยเป็นเมืองหลวงชั่วคราวของประเทศลิทัวเนีย
เป็นศาลาว่าการที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเคานัสของประเทศลิธัวเนีย ถูกตั้งมาแต่ศตวรรษที่ 16 ได้รับการบูรณะและดูแลเรื่อยมา
ปราสาทหินที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 เพื่อป้องการกันการโจมทางด้านศาสนา แรกเริ่มอาคารปราสาทนี้ได้รับการบันทึกไว้ ในปี 1361 แต่ถูกทาลายด้วยผู้ก่อสงครามทางด้านศาสนา และได้มีการก่อสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้งในปี 1408 จากที่นี่สามารถชมทัศนียภาพอันงดงามของแม่น้าทั้งสองสายที่มาบรรจบกันที่เมืองนี้คือแม่น้าเนริสและแม่น้ำ เนมานอีกด้วย
วิหารเคานัส ที่มีการสร้างแบบผสมผสานตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 15
จุดหมายปลายางด้านการท่องเที่ยวที่เราอยากให้คุณมีโอกาสมาเยือนสักครั้ง ในอดีตเมืองเล็กๆแห่งนี้เคยเป็นเมืองหลวงเก่าของลิทัว เนีย ซึ่งปัจจุบันลิทัวเนียมีเมืองหลวงใหม่ชื่อวิลนีอุส (Vilnius) เมืองทราไก ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองวิลนีอุส โดยอยู่ห่างไปประมาณ 28 กิโลเมตร ปัจจุบันเมืองเล็กๆที่มีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์แห่งนี้ได้ กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของท่องเที่ยว
ปราสาททราไก ปราสาทที่ตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆใน ทะเลสาบเกรฟ ซึ่งหลายคนที่เคยมาเยือนต่างก็เรียกขานปราสาทแห่งนี้ว่า "Little Marienburg " เป็นปราสาทหินที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 โดยดยุควีเตาตาส เจ้าผู้ครองแคว้นทราไกในสมัยอดีต ปัจจุบันเป็นปราสาทแห่งนี้ถือ ว่าเป็นปราสาทที่มีความสำคัญทางด้านการจัดการเชิงกลยุทธ์ที่ดีมากแห่งหนึ่ง
เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศลิทัวเนีย มีจำนวนประชากรมากกว่า 540,000 คน ในปี พ.ศ. 2546 นอกจากนี้ยังมีฐานะเป็นเมืองศูนย์กลางการบริหารของเทศบาลนครวิลนีอุส (Vilnius city municipality) และเทศบาลเขตวิลนีอุส (Vilnius district municipality) รวมทั้งเป็นที่ตั้งเทศมณฑลวิลนีอุสด้วย
เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศลิทัวเนีย มีจำนวนประชากรมากกว่า 540,000 คน ในปี พ.ศ. 2546 นอกจากนี้ยังมีฐานะเป็นเมืองศูนย์กลางการบริหารของเทศบาลนครวิลนีอุส (Vilnius city municipality) และเทศบาลเขตวิลนีอุส (Vilnius district municipality) รวมทั้งเป็นที่ตั้งเทศมณฑลวิลนีอุสด้วย
เมืองหลวงของประเทศลิทัวเนีย เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่าใหญ่ และสวยงามที่สุดของประเทศลิทัวเนีย ค้นพบในปี ค.ศ. 1323 ตรงจุดบรรจบของแม่น้ำวิลเนีย และแม่น้ำเนริส อีกทั้งยังเป็นเมืองที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนส โกเมื่อปี ค.ศ. 1994 ย่านเมืองเก่าของ เมืองวิลนีอุส (Vilnius Old Town) ได้ชื่อว่าเป็นเขตเมืองเก่าที่ใหญ่ที่สุดในเขตยุโรปกลาง มีตึกอาคารเก่าแก่งดงามที่ย้อนยุคไปในช่วงศตวรรษที่ 15-16
เป็นท่าอากาศยานที่ตั้งอยู่ในเมืองวิลนีอุส ประเทศลิทัวเนีย
เป็นท่าอากาศยานประจำประเทศตุรกี อยู่ห่างจากตัวเมืองอิสตันบูลเพียง 20 กิโลเมตร เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 1912 ในฐานะเป็นสนามบินของกองทัพก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสนามบินพลเรือนในเวลาต่อมา เดิมมีชื่อว่าท่าอากาศยาน Yeşilköy ในปี 1980 ได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นท่าอากาศยานอิสตันบูลอตาเติร์ก เพื่อเป็นเกียรติแก่ Mustafa Kemal Atatürk ประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐตุรกี
เป็นท่าอากาศยานประจำประเทศตุรกี อยู่ห่างจากตัวเมืองอิสตันบูลเพียง 20 กิโลเมตร เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 1912 ในฐานะเป็นสนามบินของกองทัพก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสนามบินพลเรือนในเวลาต่อมา เดิมมีชื่อว่าท่าอากาศยาน Yeşilköy ในปี 1980 ได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นท่าอากาศยานอิสตันบูลอตาเติร์ก เพื่อเป็นเกียรติแก่ Mustafa Kemal Atatürk ประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐตุรกี
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย