เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นชื่อที่ตั้งขึ้นในสมัยสงครามระหว่างรัฐ (จ้านกั๋วก่อนคริสต์กาล 403-221 ปี) อย่างไรก็ตามประวัติศาสตร์ของพื้นที่อันเป็นที่ตั้งของลั่วหยางนี้มีมาก่อนหน้านั้นยาวนานมานับพัน ๆ ปี เนื่องจากตั้งอยู่ในเขตพื้นที่การดำรงชีพและการปกครองของบรรพบุรุษชาวจีนมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ โดยพื้นที่อันเป็นเมืองลั่วหยางในปัจจุบันก็ปรากฎหลักฐานทางประวัติศาสตร์มากมาย
ถ้ำหินหลงเหมิน มีอายุราว 1,500 ปี เริ่มก่อสร้างในรัชสมัยเว่ยเหนือ ค.ศ. 494 ใช้ระยะเวลาในการก่อสร้าง บูรณะ และต่อเติมยาวนานถึง 400 กว่าปีจนถึงยุคราชวงค์ถังและซ่ง มีความยาวตั้งแต่เหนือจรดใต้ประมาณ 1 กิโลเมตร ปัจจุบันยังคงหลงเหลือถ้ำผาแกะสลักอยู่จำนวน 2,100 กว่าคูหา โพรงแท่นบูชา 2,345 ช่อง ศิลาจารึกสลักอักษรจีนและหมายเหตุบันทึกต่างๆ อีก 3,600 กว่าหลัก รวมถึงเจดีย์พุทธ 50 กว่าแห่ง พระพุทธรูปสลักมากกว่า 100,000 องค์
เป็นวัดเส้าหลินมีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดในประเทศจีนและในต่างประเทศ ได้รับการกล่าวขานในเรื่องของกระบวนท่าวิทยายุทธ เพลงหมัดมวย พลังลมปราณและกังฟูเส้าหลินเป็นอย่างมาก เป็นแหล่งวิชาการต่อสู้และศิลปะการป้องกันตัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจีน ปรากฏชื่อในนิยายกำลังภายในหลายต่อหลายเรื่อง ซึ่งล้วนแต่กล่าวถึงวิชาเพลงหมัดมวย พลังลมปราณและกังฟูเส้าหลินอยู่เสมอ
ชมการแสดงกังฟู ที่มีการสืบทอดเป็นบทเรียนและมีการจัดแสดงให้นักท่องเที่ยวได้ชม ที่โรงเรียนฝึกกังฟูในบริเวณใกล้เคียงวัดเส้าหลิน
ที่นี่มีเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า จูนเซินถ่าหลิน หรือวัดเจดีย์ขาว เป็นเจดีย์ขาวที่ใหญ่ที่สุดในเขตกันจือโจว ตรงกลางเป็นเจดีย์สูง 37 เมตร รองลงมาเป็นเจดีย์ล้อมรอบอีก 4 ชั้นรวมทั้งหมด 108 เจดีย์ล้อมรอบเจดีย์อันใหญ่ ฐานเจดีย์ยังมีคัมภีร์หมุนอีกมากมาย เป็นที่ที่ชาวธิเบตชอบมากราบไหว้
เป็นภูเขาที่ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองฮัวยินในมณฑลซานซี อยู่ห่างไปประมาณ 120 กิโลเมตรทางตะวันออกของเมืองซีอาน เป็นภูเขาทางตะวันตกของภูเขาใหญ่ทั้งห้าของจีนและมีประวัติศาสตร์อันยาวนานของความสำคัญทางศาสนา และเคยเป็นที่มาของนวนิยายกำลังภายในที่ได้กลายเป็นภาพยนตร์ที่โด่งดังไปทั่วโลกหลายเรื่อง
ชาวจีนเรียกสุสานแห่งกองทัพของจักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้ว่า “ฉินหย่ง” บ้างเรียก “ปิงหม่าหย่ง” โดยปิง หมายถึง ทหาร , หม่า หมายถึง ม้า , หย่ง หมายถึง หุ่น ซึ่งสุสานกองทัพมีทั้งหมด 3 หลุม ซึ่งชาวนาขุดพบโดยบังเอิญ ในปี ค.ศ. 1974 โดยชาวนาในหมู่บ้านซีหยาง ในขณะที่ขุดดินเพื่อทำบ่อน้ำ บริเวณเชิงเขาหลีซาน ห่างจากตัวเมืองซีอาน ไปทางทิศตะวันออกประมาณ 35 กม. โดยในระหว่างที่ขุดนั้น ก็บังเอิญพบกับซากของทหารดินเผา ที่ทราบภายหลังว่ามีอายุมากกว่า 2,000 ปี ปัจจุบันรัฐบาลจีนขุดค้นพบวัตถุโบราณที่เป็นกองทัพทหารดินเผา สรรพาวุธ รถม้าและม้าศึก จำนวนทั้งสิ้นกว่า 7,400 ชิ้น
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย