เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
มีชื่อเรียกอีกอย่างว่าท่าอากาศยานเตินเซินเญิ้ต (Tan Son Nhat) ที่นี่ถือกำเนิดขึ้นเมื่อต้นทศวรรษที่ 1930 (พ.ศ. 2473-2482) โดยรัฐบาลภายใต้อาณัติของฝรั่งเศสได้สร้างท่าอากาศยานขนาดเล็กขึ้นในหมู่บ้านเตินเซินเญิ้ต จึงเป็นที่รู้จักในชื่อนี้ ท่าอากาศยานโฮจิมินห์ถือเป็นหนึ่งในประตูเข้าออกระหว่างประเทศที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศเวียดนาม
เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม และเล่นบทสำคัญในสงครามเวียดนาม ได้ผ่านการเปลี่ยนชื่อมาหลายครั้ง แต่ชื่อที่คนจดจำก็คือเมืองไซง่อน เป็นเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศเวียดนาม ตั้งอยู่บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง โฮจิมินห์เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของเวียดนาม จากประชากรร้อยละ 7.5 ของประเทศ แต่มีจีดีพีถึงร้อยละ 20.2 และการลงทุนจากต่างประเทศมากถึงร้อยละ 34.9 ของทั้งประเทศ
โบสถ์นี้ตั้งอยู่บริเวณกลางเมืองโฮจิมินห์ บนถนน Han Thuyen ได้รับการก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2420 ใช้ระยะเวลาการสร้าง 6 ปี โบสถ์นี้ไม่มีการประดับด้วยกระจกสีเหมือนโบสถ์คริสต์ที่อื่น เพราะได้รับความเสียหายจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สำหรับโบสถ์แห่งนี้ได้รับการยกย่องว่ามีความงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในเวียตนาม โดยในแต่ละวันมีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากมาย ที่นี่ถือเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของโฮจิมินห์
ศาลาไปรษณีย์นี้ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมืองโฮจิมินห์ ใกล้กับโบสถ์นอร์ทเธอดาม ที่นี่ได้รับการก่อสร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2439 โดยอาณานิคมฝรั่งเศส แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2444 มีการออกแบบและก่อสร้างในสไตล์ฝรั่งเศส และได้รับการออกแบบตกแต่งอย่างงดงามด้วยกระจกสี มีความโอ่โถงและอ่อนช้อยทว่ามั่นคง จนทำให้นักออกแบบมากมายต้องมาศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับการออกแบบตกแต่งอาคารแห่งนี้ ภายในตัวอาคารมีการระดับภาพแผนที่ทางทะเลโบราณ และภาพของอดีตผู้นำประเทศโฮจิมินห์ มีการบริการทั้งการส่งจดหมาย แสตมป์เพื่อการสะสม โปสการ์ด โทรศัพท์ระหว่างประเทศในอัตราค่าบริการมาตรฐาน
เป็นเมืองตากอากาศชั้นดีของประเทศเวียดนาม ตั้งอยู่ชายฝั่งทะเลของจังหวัดบิ่ญถ่วน ในภูมิภาคภาคกลางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองโฮจิมินห์ ประมาณ 230 กิโลเมตร (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง) เมืองแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องของชายหาดที่เงียบสงบ และทะเลทรายอันกว้างใหญ่
ที่นี่เป็นหมู่บ้านที่มีจุดจอดพักเรือของชาวประมง ซึ่งเราจะได้เห็นเรือประมงเต็มไปหมด ไฮไลท์ของที่นี่คือเรือกระด้งรูปทรงกลมซึ่งเป็นเรือพื้นบ้านของเวียดนาม
เป็นกระแสน้ำที่สูงแค่ระดับข้อเท้า เป็นน้ำผสมทรายแดงทำให้ดูเหมือนโคลนแดง แต่มีความเย็นสบายเมื่อเดินด้วยเท้าเปล่า และระหว่างทางจะมีหินทรงแปลกธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
ทะเลทรายแดง มีขนาดกว้างใหญ่ทอดตัวยาวตั้งแต่ริมฝั่งทะเลเข้าไปในตัวแผ่นดิน ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 50 เฮกเตอร์ เวลาที่เหมาะสมในการเที่ยวชมคือช่วงเช้า หรือช่วงหลังจาก 15.00 น. เป็นต้นไป เพราะกระแสลมไม่แรงและแดดไม่ร้อนมากจนเกินไป
ทะเลทรายขาว เป็นทะเลทรายสีขาวอันกว้างใหญ่ที่ตั้งอยู่ทางด้านเหนือของเมืองมุยเน่ ห่างไปประมาณ 20 กิโลเมตร มีทะเลสาบที่สวยงามขนาบข้างของเนินทราย เรียกว่า "ทะเลสาบ Bau Trang" ซึ่งครอบคลุมเนื้อที่มากถึง 70 เฮกเตอร์ กว้างประมาณ 500 เมตร และลึกประมาณ 19 เมตร ในทะเลทรายมีทะเลสาบเล็กๆ อยู่ตรงกลาง ภายในทะเลสาบเต็มไปด้วยดอกบัวสีสันสดใส
ให้ชมและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ผลิตจากไผ่
ไนท์มาเก็ตที่เมืองดาลัดเขาจะมีถนนคนเดินที่อยู่ริมถนนเส้นล่างด้านหน้าตลาดดาลัด มีร้านเสื้อผ้า ร้านขายอาหารมากมายริมถนน มีจักรยานให้เช่าปั่นเล่น มีศิลปินมารับวาดรูปเหมือน เขียนหนังสือภาษาเวียดนาม และอื่นๆ มากมายให้นักท่องเที่ยวเดินชมกันได้ตามอัธยาศัย
เป็นสวนดอกไม้ที่มีดอกไฮเดรนเยียร์สีสันสวยสดใสเบ่งบานสะพรั่งไปทั่วสวน และเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองดาลัดที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองแห่งนี้ ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับการเก็บภาพความสวยงามนี่ไว้เป็นที่ระลึกอย่างเต็มอิ่ม
เป็นวัดพุทธนิกายเซนที่มีชื่อเสียงของเวียดนาม ภายในประกอบไปด้วยหอระฆังที่สูงที่สุดในเวียดนามที่มีความสูงถึง 37 เมตร และผนังด้านบนภายในวิหารยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสีสันสดใส บอกเล่าเรื่องราวพุทธประวัติตั้งแต่ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน
วัดตั๊กลัมวัดพุทธในนิกายเซนแบบญี่ปุ่น ตั้งอยู่บนเทือกเขาเฟืองฮว่าง ภายในวัดมีสิ่งก่อสร้างที่สวยงาม สะอาด เป็นระเบียบ ทัศนียภาพโดยรอบล้อมรอบไปด้วยดอกไม้ที่ผลิดอกบานสะพรั่ง นับได้ว่าเป็นหนึ่งในวัดที่นิยมและงดงามที่สุดในเมืองดาลัด
น้ำตกดาตันลา ได้ชื่อว่าเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดในดาลัด อยู่นอกเมืองไปทางทิศใต้ประมาณ 5 กิโลเมตร น้ำตกดาตันลาเป็นน้ำตกที่ไม่ใหญ่มากแต่มีความสวยงามเนื่องจากสภาพแวดล้อมต่างๆ ที่เกื้อหนุนทำให้มีนักท่องเที่ยวแวะมาเที่ยวชมกันเป็นจำนวนมาก
เป็นโบสถ์สีชมพูที่ตั้งอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆ บนถนนโงเกวี่ยนในเมืองดาลัดท่ามกลางแนวต้นสนใหญ่ ที่นี่เป็นโบสถ์สีชมพูตั้งอยู่อย่างสงบและสง่างามยิ่งนัก โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 2483-2485 โดย Zuzanne Humbert ภริยาของผู้ว่าการอินโดไชน่าชาวฝรั่งเศส ด้านหน้าโบสถ์เป็นจุดถ่ายรูปที่มีความสวยงามมาก
เป็นจัตุรัสหลักประจำเมืองดาลัด ที่เป็นย่านเดินเล่นชิวๆ โดยเฉพาะในตอนเย็นจะเป็นแหล่งรวมผู้คนทั้งเด็ก วัยรุ่น และคนทำงานมาพักผ่อนหย่อนใจ บางคนมาเล่นสเก็ต เตะฟุตบอล เดินออกกำลังกาย รวมไปถึงสถานที่ๆ คู่รักชอบมาออกเดท ที่ชั้นใต้ดินของจัตุรัสนี้ยังมีบิ๊กซี และโรงภาพยนตร์ให้บริการด้วย
เป็นจุดเช็คอินยอดนิยมสุดฮิตเมื่อมาเที่ยวโฮจิมินห์ มีลักษณะเป็นอาร์ตเมนท์เก่าที่มีอยู่ 9 ชั้น ที่ถูกดัดแปลงใหม่ให้เป็นร้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านเสริมสวย และร้านอื่นๆ มารวมอยู่ในอาคารแห่งเดียว
มีชื่อเรียกอีกอย่างว่าท่าอากาศยานเตินเซินเญิ้ต (Tan Son Nhat) ที่นี่ถือกำเนิดขึ้นเมื่อต้นทศวรรษที่ 1930 (พ.ศ. 2473-2482) โดยรัฐบาลภายใต้อาณัติของฝรั่งเศสได้สร้างท่าอากาศยานขนาดเล็กขึ้นในหมู่บ้านเตินเซินเญิ้ต จึงเป็นที่รู้จักในชื่อนี้ ท่าอากาศยานโฮจิมินห์ถือเป็นหนึ่งในประตูเข้าออกระหว่างประเทศที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศเวียดนาม
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย