เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นเมืองหลวงของมณฑลเหอนาน ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำเหลืองตอนปลายของที่ราบจีนเหนือ เป็นเมืองเก่าแก่ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซ่ง มีประชากรประมาณ 1 ล้านคน มีพื้นที่สีเขียวและสวนสาธารณะต่างๆ เป็นจำนวนมาก ปัจจุบันเจิ้งโจวนับเป็นเมืองอุตสาหกรรมแห่งใหม่ของจีน
อุทยานสวรรค์ “หยุนไถซาน” อุทยานที่สวยงามที่สุดของมณฑลเหอหนาน ระดับ 4A ของประเทศจีน สัมผัสหยุนไถซาน อุทยานธรรมชาติที่ได้บรรจงสร้างอย่างงดงาม ชมน้ำตกที่มีฟองน้ำใสสะอาด กระจายดุจดังสำลี ตอนกลางวันจะมีแสงสีรุ้งพาดโค้งทิวทัศน์เป็นภูเขาสูงตระหง่านเกินเอื้อมถึงเมฆและหมอกลอยหนุนระหว่างยอดเขาตลอดปี โดยเฉพาะช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีจะเหมือนอุทยานที่เต็มไปด้วยสีสันของใบไม้หลากสีสวยงามเต็มพื้นที่ทั่วอุทยานสวรรค์หยุนไถซาน
เป็นวัดเส้าหลินมีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดในประเทศจีนและในต่างประเทศ ได้รับการกล่าวขานในเรื่องของกระบวนท่าวิทยายุทธ เพลงหมัดมวย พลังลมปราณและกังฟูเส้าหลินเป็นอย่างมาก เป็นแหล่งวิชาการต่อสู้และศิลปะการป้องกันตัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจีน ปรากฏชื่อในนิยายกำลังภายในหลายต่อหลายเรื่อง ซึ่งล้วนแต่กล่าวถึงวิชาเพลงหมัดมวย พลังลมปราณและกังฟูเส้าหลินอยู่เสมอ
ชมการแสดงกังฟู ที่มีการสืบทอดเป็นบทเรียนและมีการจัดแสดงให้นักท่องเที่ยวได้ชม ที่โรงเรียนฝึกกังฟูในบริเวณใกล้เคียงวัดเส้าหลิน
ป่าเจดีย์ สุสานเจ้าอาวาสและหลวงจีน พระพุทธรูปภายในวิหารเจ้าอาวาส สถาปัตยกรรมต่าง ๆ ภายในวัดเส้าหลินมีเป็นจำนวนมาก บริเวณด้านหน้าของอารามต้าฉงเป่าเทียน ประกอบด้วยอารามและวิหารหลวงหลายหลัง ซึ่งล้วนแต่เป็นสถาปัตยกรรมแบบจีนโบราณ ที่มีความงดงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเช่น อารามตั๊กม้อ, อารามไป๋อี, อารามพระพุทธ, อารามเจ้าอาวาส โดยเฉพาะอารามเจ้าอาวาส เคยใช้เป็นสถานที่สำคัญสำหรับต้อนรับวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีแห่งรัสเซียซึ่งเป็นผู้มีความสนใจส่วนตัวและความเชี่ยวชาญในศิลปะป้องกันตัวหลายแขนง [24] ที่เยือนวัดเส้าหลิน
ถ้ำหินหลงเหมิน มีอายุราว 1,500 ปี เริ่มก่อสร้างในรัชสมัยเว่ยเหนือ ค.ศ. 494 ใช้ระยะเวลาในการก่อสร้าง บูรณะ และต่อเติมยาวนานถึง 400 กว่าปีจนถึงยุคราชวงค์ถังและซ่ง มีความยาวตั้งแต่เหนือจรดใต้ประมาณ 1 กิโลเมตร ปัจจุบันยังคงหลงเหลือถ้ำผาแกะสลักอยู่จำนวน 2,100 กว่าคูหา โพรงแท่นบูชา 2,345 ช่อง ศิลาจารึกสลักอักษรจีนและหมายเหตุบันทึกต่างๆ อีก 3,600 กว่าหลัก รวมถึงเจดีย์พุทธ 50 กว่าแห่ง พระพุทธรูปสลักมากกว่า 100,000 องค์
เป็นศาลที่ตั้งอยู่ทางใต้ของเมืองลั่วหยาง ภายในบริเวณมีรูปปั้นกวนอูแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ในสมัยสามก๊ก(ค.ศ.220-265) ผู้ซึ่งได้รับสมญานามให้เป็นถึงมหาเทพแห่งความจงรักภักดี คุณธรรมและความกล้าหาญของชาวจีน อีกทั้งยังเป็นที่ฝังศีรษะของกวนอูซึ่งโจโฉเป็นผู้ที่จัดพิธีฝังให้อย่างสมเกียรติ
ชาวจีนเรียกสุสานแห่งกองทัพของจักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้ว่า “ฉินหย่ง” บ้างเรียก “ปิงหม่าหย่ง” โดยปิง หมายถึง ทหาร , หม่า หมายถึง ม้า , หย่ง หมายถึง หุ่น ซึ่งสุสานกองทัพมีทั้งหมด 3 หลุม ซึ่งชาวนาขุดพบโดยบังเอิญ ในปี ค.ศ. 1974 โดยชาวนาในหมู่บ้านซีหยาง ในขณะที่ขุดดินเพื่อทำบ่อน้ำ บริเวณเชิงเขาหลีซาน ห่างจากตัวเมืองซีอาน ไปทางทิศตะวันออกประมาณ 35 กม. โดยในระหว่างที่ขุดนั้น ก็บังเอิญพบกับซากของทหารดินเผา ที่ทราบภายหลังว่ามีอายุมากกว่า 2,000 ปี ปัจจุบันรัฐบาลจีนขุดค้นพบวัตถุโบราณที่เป็นกองทัพทหารดินเผา สรรพาวุธ รถม้าและม้าศึก จำนวนทั้งสิ้นกว่า 7,400 ชิ้น
เป็นเจดีย์แห่งวัดฉือเอิน สร้างเสร็จในปี 652 โดยถังเกาจง (หลี่จื้อ) ฮ่องเต้องค์ที่สาม แห่งราชวงศ์ถัง และ ได้นิมนต์พระภิกษุสวนจั้ง หรือรู้จักในนามพระถังซัมจั๋ง พระเถระที่มีชื่อเสียงที่สุดในสมัยถัง ซึ่งใช้เวลากว่า 15 ปี จาริกไปถึงอินเดียและได้นำพระธรรมคำสั่งสอนในพระพุทธศาสนา กลับมาเผยแผ่ ในแผ่นดินจีนให้มาอยู่ที่วัดฉือเอินแห่งนี้ พระถังซัมจั๋งได้ใช้เวลาออกแบบและร่วมสร้างเจดีย์ห่านป่าใหญ่ในวัดฉือเอินเพื่อใช้ในการเก็บรักษาพระไตรปิฎก ที่ท่านได้นำมาจากอินเดียและแปลเป็นภาษาจีนนับจำนวนกว่าพันเล่ม
เป็นกำแพงเมืองโบราณที่สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง มีอายุเก่าแก่กว่า 600 ปี และได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี มีแนวกำแพงจากทิศเหนือถึงทิศใต้ยาว 2.8 กิโลเมตร ทิศตะวันออกถึงทิศตะวันตกยาว 4.2 กิโลเมตร ความยาวโดยรอบ 14 กิโลเมตร สูง 12 เมตร มีประตูเข้าออกทั้งสี่ด้านรวม 13 ประตู
วัดลามะกว่างเหริน เป็นวัดลามะแห่งเดียวในนครซีอาน เป็นศาสนสถานของพุทธศาสนานิกายวัชรยาน ซึ่งเป็นนิกายที่ผสมผสานระหว่างนิกายมหายานจากประเทศจีนและนิกายตันตระจากประเทศอินเดีย วัดนี้สร้างขึ้นเมื่อ 1705 ครั้งฮ่องเต้คังซี ในเสด็จเยือนนครซีอานเห็นว่าการสร้างวัดนี้จะเป็นการสะดวกพักระหว่างทางสำหรับลามะผู้ใหญ่จากทิเบตที่ต้องเดินทางผ่านส่านซีเข้าสู่วังหลวงปักกิ่งเพื่อเข้าเฝ้า ในปัจจุบันวัดแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในวัดลามะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศจีน
ตั้งอยู่ใจกลางเมืองซีอาน สร้างจากอิฐและไม้ เป็นอาคารหลังคาสามชั้น มีความสูงทั้งหมด 36 เมตร หอระฆังแห่งนี้เริ่มสร้างเมื่อปีที่ 17 สมัยจักรพรรดิหงอู่แห่งราชวงศ์หมิง(ค.ศ.1384) เป็นรูปแบบศิลปะสถาปัตยกรรมที่เด่นชัดของราชวงศ์หมิง เป็นหอระฆังที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและรักษาไว้สมบูรณ์แบบที่สุดของจีนโบราณที่สืบทอดจนถึงปัจจุบัน
จัตุรัสหอกลอง เป็นหนึ่งในจัตุรัสที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองซีอาน บนถนนซีต้าเจีย เป็นสถาปัตยกรรมสมัยราชวงศ์หมิง ต่อมาในสมัยราชวงศ์ชิงได้ทำการบูรณะขึ้นมาใหม่สองครั้ง โดยรักษารูปแบบเดิมไว้ โครงสร้างหลังคาเป็นไม้ 3 ชั้น ฐานอิฐสูง 77 เมตร กว้าง 52.6 เมตร ยาว 38 เมตร ประตูด้านเหนือและใต้สูงและกว้าง 6 เมตร ชั้นล่างก่อเป็นผนังอิฐและประตูทางเข้าชั้นที่สองและชั้นที่สามเป็นเครื่องใม้หลังคามุงด้วยกระเบื้องเคลือบ สร้างขึ้นในปีที่ 17 แห่งการครองราชย์ของพระจักรพรรดิหงหวู่ (จูหยวนจาง) ซึ่งเป็นพระจักรพรรดิองค์แรกของราชวงศ์หมิง
เป็นถนนคนเดินอิสลามที่เป็นแหล่งรวมของอาหารพื้นเมืองขึ้นชื่อหลากชนิด รวมถึงร้านขายของที่ระลึกและร้านขายผลไม้แห้ง เช่น พุทธา อินทผาลัม ลูกพลับ กีวี่ วอลนัทและถั่วต่างๆ ก็มีให้ท่านได้เลือกซื้อมากมายหลายร้าน ท่านใดที่เป็นนักชิมรับรองว่า อาหารพื้นเมืองหลากหลายชนิดในตลาดมุสลิมแห่งนี้ไม่ทำให้ท่านผิดหวังอย่างแน่นอน
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย