เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
ท่าอากาศยานนี้ตั้งอยู่ที่เขตเซปัง รัฐสลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย ห่างจากตัวเมืองกัวลาลัมเปอร์ประมาณ 50 กิโลเมตร เปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2541 เพื่อใช้เป็นท่าอากาศยานหลักแทนท่าอากาศยานสุลต่าน อับดุล อาซิส ซาห์(สูบัง) ซึ่งตั้งห่างอยู่ทางทิศเหนือ (ปัจจุบันเปิดทำการในสายภายในประเทศ และเครื่องบินขนาดเล็ก)
คาเมอรอน ไฮแลนด์ สถานที่พักผ่อนตากอากาศที่ขึ้นชื่อที่สุด แห่งหนึ่งของประเทศมาเลเซีย ตามเส้นทางที่คดเคี๊ยวตามไหล่เขาชมทัศนียภาพ ที่สวยงามของธรรมชาติสองข้างทาง (ระยะทาง 250 กม)
ตลาดเช้าที่เป็นแหล่งซื้อขายสินค้าพิ้นบ้านตามวิถีพื้นเมือง ทั้งพืชผักผลไม้ ดอกไม้สด กระบองเพชร สินค้าที่ระลึกต่าง ๆ
สตอเบอร์รี่ที่ไร่คาเมร่อนนั้นออกผลตลอดปี ท่านสามารถเก็บสตรอเบอรี่สดจากไร่ หรือซื้อผลิตภัณฑ์จากสตรอเบอรี่เป็นของฝาก ตื่นตากับความงามหลากสีสันของบรรดาดอกไม้ในสถานเพาะพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ อาทิ กุหลาบ คาร์เนชัน เบญจมาศ เบิร์ดออฟพาราไดซ์
ซื้อหาผลิตภัณฑ์จากน้ำผึ้งปลอดสารพิษในฟาร์ม
ชมความสวยงาม ของไร่ชาคาเมรอน ที่ปลูกทั่วทั้งขุนเขา ทัศนียภาพสวยงามมาก ถ่ายรูปกับคนที่รู้ใจ พร้อมอิสระให้ท่านได้เลือกชิมชารสชาติดี หรือซื้อเป็นของฝากกับคนทางบ้าน
น้ำตกอีสกันดา (Lata Iskandar Waterfall) เป็นน้ำตกที่มีความสวยงามแบบธรรมชาติอย่างมาก ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเส้นทางลงจากคาเมรอนไฮแลนด์ โดยชื่อเต็มของน้ำตกอีสกันดาก็คือ Lata Iskandar Waterfall อยู่ในรัฐเปรัค ประเทศมาเลเซีย
เก็นติ้ง ไฮแลนด์ เป็นคอมเพล็กซ์ของสิ่งปลูกสร้าที่ตั้งอยู่บนยอดเขาเก็นติ้ง ที่นี่เป็นเสมือนนครที่ไม่เคยหลับใหล มีอากาศหนาวเย็นตลอดปีจากการตั้งอยู่บนยอดเขาสูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,700 เมตร บนเก็นติ้งไฮแลนด์พรั่งพร้อมไปด้วยร้านค้า ภัตตาคาร ร้านกาแฟ และยังมี "เฟิสท์ เวิลด์พลาซ่า" ที่สามารถเพลิดเพลินกับดิสโก้, คาราโอเกะ, โบว์ลิ่ง 30 เลน, บริการนวดแผนโบราณ, สวนสนุกทั้งในร่มและกลางแจ้ง หรือแม้แต่คาสิโนให้นักท่องเที่ยวเข้าไปลองเล่นเสี่ยงโชคได้
เป็นวัดที่ประดิษฐานรูปปั้นของพระอาจารย์ชิน สวี ซึ่งเป็นเทพเจ้าทื่ชาวบ้านในมณฑลฟูเจี้ยนให้ความเคารพนับถือ นอกจากนั้นนักท่องเที่ยวทั้งชาวมาเลเซียและชาวต่างชาติก็นิยมมาทำบุญสักการะพระที่วัดแห่งนี้อยู่เสมอ ทั้งนี้วัดชิน สวีตั้งอยู่ในป่าหินที่มีระดับความสูงเหนือน้ำทะเลถึง 4,600 ฟุต ภายในวัดประกอบไปด้วยเจดีย์แบบจีน พระพุทธรูปหินขนาดใหญ่ รูปแกะสลักเจ้าแม่กวนอิม หอชมวิว สถานปฏิบัติธรรม และ ร้านอาหารเจ รวมไปถึงรูปปั้นต่างๆ ที่เรียงรายตามทางเดินเลียบภูเขา
วัดถ้ำบาตู เป็นวัดฮินดูขนาดใหญ่ที่อยู่ภายในถ้ำ มีองค์พระขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงปากทางขึ้นบันไดสู่ปากถ้ำ
มัสยิดอาเหม็ด ซึ่งเป็นมัสยิดเก่าแก่และสวยที่สุดในมาเลเซีย แวะถ่ายรูปคู่กับอนุสาวรีย์ทหารอาสา เพื่อลํารึกถึงเหตุการณ์การสู้รบในสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2
เป็นพระราชวังแห่งชาติ ที่เป็นสถานที่ประทับของสมเด็จพระราชาธิบดีหรือยังดีเปอร์ตวนอากง พระราชวังแห่งนี้จะเป็นกลุ่มอาคารรูปทรงโดมเชื่อมกับทางหลวงไปยังตัวเมือง และมีถนนทางเข้าพิเศษหลายเส้นทางพระราชวังแห่งนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 100,000 ตารางเมตร ซึ่งมีการครอบครองมาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1990 และกลายเป็นเขตพระราชฐานนับตั้งแต่นั้น
เป็นจัตุรัสที่เกิดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองความเปนเอกราชหลังจากที่ถูกอังกฤษปกรองมาอย่างยาวนาน ตัวจัตุรัสเป็นลานหญ้าสีเขียวขนาดใหญ่ และเป็นที่ตั้งของเสาธงที่สูงที่สุดในโลก Union Jack ที่สูงถึง 100 เมตร โดยบริเวณรอบๆนี้ ยังเป็นสถาปัตยกรรมอังกฤษอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นตึก อาคาร หอนาฬิกา ที่ทุกๆ วันชาติของมาเลเซีย ชาวมาเลเชียจะมาชุมชนเพื่อเฉลิมฉลองและมีงานรื่นเริงกัน
เป็นอาคารสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นของเมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ออกแบบโดยเซซาร์ เปลลี ตั้งอยู่บริเวณใจกลางย่านธุรกิจของเมือง ที่แวดล้อมด้วยสวนสาธารณะและส่วนอาคารคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ ตึกปิโตรนัสมี 2 ตึกตั้งคู่กัน เชื่อมโดยสะพานลอยฟ้า (Skybridge) ที่นี่นับว่าเป็นอาคารแฝดที่สูงที่สุดของโลก
แวะชมและถ่ายรูปกับอาคารที่ทำงานของนายกรัฐมนตรี อาคารมัสยึดสีชมพูอาคารที่ ทำ การรัฐ สะพาน แขวน ทะเลสาบ ทีมีทัศนียภาพทีสวยงาม เป็นสถาปัตยกรรมมัสยิดสีชมพูลอยอยู่บนแหลมปุตราจายา จุดที่สูงที่สุดของมัสยิด มีความสูงเทียบเท่าตึกประมาณ 25 ชั้น เป็นจุดเด่นที่สำคัญของเมือง นอกจากนั้นก็ มีทะเลสาบที่สร้างขึ้นโดยการขุด จึงทำให้เมืองปุตราจายามีภูมิทัศน์ที่สวยงาม และ มีสะพานที่ออกแบบอย่างสวยงามถึง 5 สะพาน
เมืองมะละกา เมืองประวัติศาสตร์มะละกา เป็น สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เป็นเมืองท่าสำคัญที่ มีการติดต่อค้าขายหรือเป็นเมือง เศรษฐกิจจนได้รับฉายาว่า Golden Age หรือ ขวาน ทอง เป็นต้นเหตุต่อการเปลี่ยนแปลง ประวัติศาสตร์ของมาเลเซียอยู่หลายครั้งหลายหน มีมรดกตกทอดทาง สถาปัตยกรรมของ ชาติยุโรปอยู่หลายแห่ง และเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของมาเลเซีย
ให้ท่านได้สัมผัสบรรยากาศความเป็นมะละกาผ่านการล่องเรือชมวิถีชีวิต บรรยากาศบ้านเรือน ร้านค้า บนแม่น้ำสายสำคัญที่เคยเป็นช่องทางหลักในการสัญจรในอดีต
ย่าน Dutch Square หรือ อาณาจักรสีแดงและยังมีรถสามล้อลาก ที่ตกแต่งคล้ายกับขบวนรถบุปผาชาติที่สวยงามที่วิ่งกันขวักไขว่สวยงาม เต็มไปด้วย โบราณสถานที่เป็นร่องรอยของอารยธรรมตะวันตกกับตะวันออก ที่โคจรมาพบกัน และอยู่ร่วมกันในดินแดนแห่งนี้ด้วย สายโซ่ทางศาสนาและวัฒนธรรมที่หลากหลาย ทั้งพุทธ คริส อิสลาม เพราะรัฐบาลได้มียุทธวิธีในการปกครองเพื่อการอยู่ร่วมแบบสันติ โดยให้ประชาชนได้มีเสรีในการใช้ชีวิตในทิศทางที่แตกต่างแต่ไม่แตกแยกได้ อย่างน่าเลื่อมใสด้วยการให้เกียรติกันและกัน บนสายสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมดั้งเดิมของแต่ละชนชาติ ซึ่งกลายเป็นรากฐานทางการเมืองการปกครองของมาเลเซีย มาจนถึงปัจจุบันนี้
โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นโดยกัปตันเรือชาวโปรตุเกส และใช้ชื่อโบสถ์ว่า Duarte Coelho ในปี 1521 ด้วยความตั้งใจให้เป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในเมือง เมื่อครั้งที่พวกดัตช์ เข้ายึดครองได้เปลี่ยนชื่อโบสถ์แห่งนี้เป็น ST. Paul’s Church เมื่อโบสถ์นี้สร้างเสร็จในปี 1753 ได้มีการยกเลิกการใช้งานโบสถ์ และชาวดัตช์เปลี่ยนที่นี่ให้เป็นสุสานฝั่งศพของบุคคลสำคัญ โดยที่นี่เคยเป็นสถานที่ฝั่งศพของ St. Francis Xavier เมื่อปี 1553 หลังจากนั้นได้มีการเคลื่อนย้ายส่วนที่เหลืออยู่ไปยังเมืองโกอา ที่บริเวณโบสถ์บนยอดของเนิน เป็นสถานที่ชมวิวอันน่าตื่นตา และหลุมฝั่งศพแบบดัตช์ที่สวยงาม สามารถพบเห็นได้ภายในโบสถ์
ท่าอากาศยานนี้ตั้งอยู่ที่เขตเซปัง รัฐสลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย ห่างจากตัวเมืองกัวลาลัมเปอร์ประมาณ 50 กิโลเมตร เปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2541 เพื่อใช้เป็นท่าอากาศยานหลักแทนท่าอากาศยานสุลต่าน อับดุล อาซิส ซาห์(สูบัง) ซึ่งตั้งห่างอยู่ทางทิศเหนือ (ปัจจุบันเปิดทำการในสายภายในประเทศ และเครื่องบินขนาดเล็ก)
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย