เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานพาณิชย์ที่อยู่ในเขตเมืองลี่เจียง ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในหุบเขาที่มีทัศนียภาพงดงาม ท่าอากาศยานนี้สร้างขึ้นในปี 1995 โดยอยู่ห่างไปทางใต้ขอเมืองลี่เจียงประมาณ 25 กิโลเมตร
เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของมณฑลยูนนานซึ่งมีพรมแดนติดกับอาณาเขตหนาซี ของเมืองลี่เจียง และอาณาจักรหยี ของเมืองหนิงหลาง ซึ่งอยู่ห่างจากนครคุนหมิงถึง 700 กิโลเมตร เมืองนี้อุดมไปด้วยธรรมชาติที่งดงามของป่าไม้, ทุ่งหญ้า, ภูเขา, ทะเลสาบและสัตว์นานาชนิด ด้วยภูมิประเทศรวมกับทัศนีย์ภาพที่งดงาม สถานที่แห่งนี้จึงได้ชื่อว่า “ ดินแดนแห่งความฝัน ”
เมืองโบราณนี้ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลยูนนาน เขตปกครองพิเศษของชาวธิเบตตี๋ชิ้ง บนที่ราบในวงล้อมของขุนเขา เป็นเมืองโบราณอันสวยงามที่ล่้อมรอบด้วยราบทุ่งหญ้า มีภูเขาล้อมรอบ คำว่า"จง" นั้นหมายถึงศูนย์กลาง หรือสิ่งที่กว้างใหญ่อันเป็นศูนย์กลาง ส่วน"เตี้ยน" นอกจากจะแปลว่าทุ่งหญ้าแล้ว ยังอาจแปลว่าอาณาจักรได้ด้วย
เป็นวัดที่ใหญ่และสำคัญของเมืองแชงกรีล่า โดยอยู่ห่างจากตัวเมืองจงเตี้ยนไปทางเหนือไปประมาณ 5 กิโลเมตร วัดนี้สร้างในสมัยทะไลลามะองค์ที่ 5 ช่วงศตวรรษที่ 18 ในสมัยจักรพรรดิ์คังซี แห่งราชวงศ์ชิง โดยสร้างจำลองแบบจากพระราชวังโปตาลา (Potala) ในกรุงลาซา (Lhasa) มาไว้ในวัดนี้ เป็นวัดนิกายลามะแบบธิเบตที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลยูนนาน มีอายุเก่าแก่กว่า 300 ปี และในยามเทศกาล ชาวทิเบตที่นี่ยังคงรักษาประเพณีที่จะจัดขึ้นตามวัดสำคัญๆ เหล่านี้ ด้วยการเต้นระบำหน้ากากและเป่าแตรงอน
เป็นสะพานแก้วที่ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ในลี่เจียง ตั้งอยู่นหุบเขาลึกที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกเมื่อนานมาแล้ว บนพื้นที่ความสูง 2,880 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มีความยาวทั้งหมดที่ 137 เมตร สามารถรับน้ำหนักได้ทั้งหมด 16 ตัน ที่นี่ถือเป็นที่เที่ยวใหม่ที่เป็นจุดถ่ายรูปอันสวยงามที่ไม่แพ้ไปกว่าสะพานแก้วที่อื่นๆ ในประเทศจีนเลย
เป็นสระน้ำที่ผุดขึ้นมาจากใต้ดินเสมือนเป็นโอเอซิสกลางทะเลทราย เดิมสระน้ำนี้มีชื่อว่า ซาจิ่ง ที่แปลได้ว่า “บ่อน้ำกลางทะเลทราย” มีพื้นที่ประมาณ 6 ไร่ ลึกโดยเฉลี่ย 3 เมตร น้ำในสระใสจนสะท้อนแสงได้ราวกับกระจก ความมหัศจรรย์ของสระน้ำแห่งนี้คือ ถึงแม้จะอยู่กลางทะเลทราย แต่ทว่าน้ำในสระไม่เคยเหือดแห้งหายไปเลย
ภูเขานี้ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของลี่เจียง เป็นภูเขาสูงที่ตั้งตระหง่าน ซึ่งมีหิมะปกคลุมอยู่ตลอดทั้งปี ทิวเขาแห่งนี้ประกอบไปด้วยสภาพแวดล้อมต่างๆ ทั้งหุบห้วย ธารน้ำ แนวผา และทุ่งหญ้าน่าซี ทิวเขาแห่งนี้เมื่อมองจากระยะไกล จะเห็นเป็นลักษณะคล้ายมังกรกำลังเลื้อย สีขาวของหิมะที่ปกคลุมอยู่นั้นดูราวกับหยกขาว ที่ตัดกับสีน้ำเงินของท้องฟ้า คล้ายมังกรขาวบนฟากฟ้า มีจุดชมวิวบนยอดเขาที่สามารถชมวิวทิวทัศน์และธรรมชาติบนจุดที่สวยงามที่สุดของที่นี่
เป็นธารน้ำที่มีลักษณะเป็นเชิงชั้นหินปูนสีขาวลดหลั่นลงมางดงาม ดุลจำลองความงดงามของอุทยานธารขาวกับหลวงหลงมารวมกัน ในลักษณะของน้ำตกหินปูนขนาดเล็กและภูเขาหิมะมังกรหยกเป็นพื้นหลัง น้ำที่ไหลผ่านหุบเขานี้คือน้ำที่ละลายจากหิมะบนยอดเขาหิมะมังกรหยก เนื่องจากจุดนี้มีทิวทัศน์ที่สวยงามที่มีฉากหลังคือภูเขาหิมะมังกรหยกมีน้ำตก และแม่น้ำกึ่งทะเลสาบจึงเป็นที่นิยมของศิลปินนักวาดภาพและคู่รักที่มักจะมาถ่ายภาพที่น่าประทับใจ
เป็นเมืองโบราณอันเงียบสงบที่เป็นหนึ่งในเขตที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองลี่เจียง ตั้งห่างจากลี่เจียงไปทางเหนือประมาณ 8 กิโลเมตร เคยเป็นหมู่บ้านชาว Naxi และเป็นบ้านเกิดของผู้ว่าการหมู่บ้านตระกูลมู่ ซึ่งแปลว่า "หาดทรายสีขาว" ในอดีตที่นี่เคยเป็นเมืองหลวงเก่าของลี่เจียง เป็นศูนย์กลางการเมืองเศรษฐกิจและวัฒนธรรมประจำลี่เจียงในช่วงก่อนราชวงศ์หมิง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่จะได้เห็นชีวิตของชาว Naxi ซึ่งเป็นชาวบ้านพื้นเมืองแถบนี้
ที่นี่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ทะเลสาบน้ำมนต์ขอพร เพราะชาวเผ่ามีการเล่าขานว่าเมื่อใดที่มีเรื่องเดือดร้อนใจ ให้มากราบไหว้เทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองทะเลสาบนามูแห่งนี้จะทำให้เรื่องที่เดือดเนื้อร้อนใจคลายลง ทะเลสาบนี้ถือเป็นทะเลสาบที่มีความสำคัญยิ่งนัก มีประวัติความเป็นมากว่า 1,000 ปีผ่านมา น้ำทะเลสาบนั้นจะมีสีสันที่แตกต่างกันไปแล้วแต่ช่วงฤดูกาล โดยในช่วงหน้าหนาวจะเป็นสีขาวเต็มไปด้วยหิมะน้ำแข็งที่ดูแล้วคล้ายดั่งยืนอยู่ในยุโรปไม่เหมือนอยู่ในเมืองจีน
เป็นท่าอากาศยานพาณิชย์ที่อยู่ในเขตเมืองลี่เจียง ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในหุบเขาที่มีทัศนียภาพงดงาม ท่าอากาศยานนี้สร้างขึ้นในปี 1995 โดยอยู่ห่างไปทางใต้ขอเมืองลี่เจียงประมาณ 25 กิโลเมตร
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย