
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย

เป็นท่าอากาศยานประจำประเทศตุรกี อยู่ห่างจากตัวเมืองอิสตันบูลเพียง 20 กิโลเมตร เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 1912 ในฐานะเป็นสนามบินของกองทัพก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสนามบินพลเรือนในเวลาต่อมา เดิมมีชื่อว่าท่าอากาศยาน Yeşilköy ในปี 1980 ได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นท่าอากาศยานอิสตันบูลอตาเติร์ก เพื่อเป็นเกียรติแก่ Mustafa Kemal Atatürk ประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐตุรกี


หอคอยหินยุคกลางในเขตกาลาตา-คาราค็อยของนครอีสตันบูล, ประเทศตุรกี เป็นอีกหนึ่งในสถานที่สำคัญที่โดดเด่น ที่สุดของเมืองด้วยลักษณะทรงกระบอกสูง ของหอคอยที่โดดเด่นเหนือเส้นขอบฟ้า ทำให้เกิดทัศนียภาพอันงดงาม ของคาบสมุทร และบริเวณโดยรอบของเมืองอีสตันบูล

เป็นแหล่งช็อปปิ้งที่คึกคัก เป็นที่นิยมของคนพื้นเมืองและชาวต่างชาติมีรถรางแล่นเป็นแนวขนานกับรถตลอดสาย ตามถนนต่างๆ เรียงรายด้วยร้านอาหารนานาประเภท ร้านขายของเก่า และสินค้าที่ทันสมัยประปนและกลมกลืนและมีเสน่ห์

เป็นตลาดที่ตั้งอยู่ในร่มและเป็นตลาดใหญ่อันดับสองในอิสตันบูลรองจากแกรนด์บาร์ซาร์ เป็นตลาดเครื่องเทศแห่งกรุงอิสตันบูล โดยเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์การค้า เยนี คามี รายได้จากค่าเช่าร้านส่วนหนึ่งจะนำมาบำรุงมัสยิดและกิจกรรมการกุศลอื่นๆ มักเรียกขานกันจนติดปากว่าตลาดอียิปต์ เพราะที่นี่มีชื่อเสียงในเรื่องสินค้าที่นำเข้าจากกรุงไคโร
_(29144769345)-min.jpg)
คือขนมหวานขึ้นชื่อของประเทศตุรกี ซึ่งคนท้องถิ่นเรียกกันว่าโลคุม (Lokum) เป็นขนมหวานทรงลูกเต๋าที่ประกอบขึ้นจากแป้งและน้ำตาล มักจะมีอัลมอนด์ ถั่วพิสทาชิโอ วอลนัท และแมคคาเดเมียผสมเข้าไปด้วย โดยส่วนมากหน้าตาจะมีสีชมพูเข้ม แต่ก็ดูจางลงไปทันทีเมื่อเสิร์ฟกับน้ำตาลไอซิ่งที่คลุกเคล้าประหนึ่งแป้งฝุ่น มีรสหวาน สอดแทรกด้วยความกรอบและมันของถั่วคุณภาพดี ชาวตุรกีนิยมทานคู่กับชาร้อน หรือ ชากลิ่นแอ๊ปเปิ้ล

นั่งเรือเฟอร์รี่ Ariake สัมผัสบรรยากาศวิวทะเลญี่ปุ่นอันสวยงาม ระหว่างทางจะมีนกนางนวลทะเลบินไปมาโฉบเทียบข้างๆ เรือ ที่เราสามารถให้อาหารและถ่ายรูปได้

เป็นมัสยิดขนาดใหญ่ที่เพิ่งสร้างเสร็จไม่นานในเดือนพฤษภาคม ปี 2019 ที่ตั้งอยู่ในอิสตันบูลและเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในตุรกี สามารถรองรับผู้คนได้ถึง 63,000 คน ทั้งยังมีพิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ ห้องสมุด ห้องประชุม และที่จอดรถใต้ดินสำหรับยานพาหนะ 3,500 คัน มัสยิดนี้ออกแบบโดยสถาปนิกหญิงสองคนคือ Bahar Mızrak และ Hayriye Gül Totu ซึ่งมัสยิดนี้เป็นหนึ่งในเมกะโปรเจ็กต์ที่รัฐบาลตุรกีสร้างขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจประเทศ

จัตุรัสนี้สร้างในสมัยจักรพรรดิเซ็ปติมุส เซเวรุส โดยเป็นอดีตสนามอารีน่าที่ใช้สำหรับการแข่งม้า และกิจกรรมต่างๆสามารถจุผู้คนได้กว่า 100,000 คน ในฮิปโปโดรมมีอนุสาวรีย์เด่นๆสามแห่งคือ เสาโอบีลิสก์ฟาโรหืธุตโมส (Obelisk of Pharaoh Thutmose) ซึ่งคอนคอนสแตนตินมหาราชนำมาจากเมืองคาร์นัคประเทศอียิปในสมัยที่มีการขนย้ายอนุสาวรีย์ต่างๆมาจากอาณาจักรยุคโบราณ, เสางู (Serpentine colum) สลักเป็นรูปสามเหลี่ยมตัวกระหวัดรัดพันกันเดิทตั้งอยู่ที่วิหารเทพอพอลโล่แห่งเมืองเดลฟี, เสาคอลัมน์คอนสแตนตินที่ 7 (Column of Constantine VII) ตั้งขึ้นในปี ค.ศ.940 แต่ไม่ทราบประวัติที่แน่ชัด

ในอดึตสุเหร่าแห่งนี้เป็นโบสถ์ที่ไว้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาคริสต์ แต่ปัจจุบันเป็นที่ประชุมสวดมนต์ของชาวมุสลิม สร้างโดย "พระเจ้าจักรพรรดิ์คอนสแตนติน" โดยโบสถ์แห่งนี้ใช้เวลาสร้างถึง 17 ปี แต่ก็ถูกผู้ก่อการร้ายบุกเผาทำลายหลายครั้ง วอดวายนับไม่ถ้วน โดยมีสาเหตุหลักเนื่องจากความขัดแย้งทางศาสนาระหว่างศาสนาคริสต์และศาสนาอิสลาม

มีชื่อเดิมว่า "สุเหร่าสุลต่านห์อาร์เหม็ดที่ 1" ภายในประดับด้วยกระเบื้องสีฟ้าจากอิซนิค ลวดลายเป็นดอกไม้ต่างๆ เช่นกุหลาบ ทิวลิป คาร์เนชั่น เป็นต้น ตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา ภายในมีที่ให้สุลต่านและนางในฮาเร็มทำละหมาดและสวดมนต์โดยเฉพาะ สนามด้านหน้าและด้านนอกจะเป็นที่ฝังศพของกษัตริย์และพระราชวงศ์และจะมีสิ่งก่อสร้างที่อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนทั่วไป
เข้าชมอ่างเก็บน้ำใต้ดินเยเรบาตัน (Yerebatan Saray or The Underground Cistern) ซึ่งเป็นอุโมงค์เก็บน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในนครอิสตันบูล สามารถเก็บน้ำได้มากถึง 88,000 ลูกบาศก์เมตร สร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 6 กว้าง 70 เมตร ยาว 140 เมตร ลึก 8 เมตร ภายในอุโมงค์ มีเสากรีกต้นสูงใหญ่ค้ำเรียงรายเป็นแถวถึง 336 ต้น และมีเสาต้นที่เด่นมากคือ เสาเมดูซ่า อิสระให้ท่านถ่ายรูปและชมความงามใต้ดินของอุโมงค์เก็บน้ำขนาดใหญ่

เมืองนี้ตั้งอยู่บนทะเลมาร์มาราและทะเลอีเจียนบนชายฝั่งทางตอนใต้ของดาร์ดาแนลส์ เมืองแห่งนี้เคยเป็นชุมทางการค้า ศูนย์กลางการเดินเรือเชื่อมต่อเอเชียกับยุโรป เมืองนี้ยังเป็นเมืองที่ตั้งของเขตทรอย ซึ่งเป็นที่ตั้งของม้าไม้เมืองทรอยซึ่งจัดแสดงที่ริมทะเล

เป็นม้าไม้ที่เป็นสัญลักษณ์สงครามที่สำคัญในตำนานของกรีก เป็นสงครามระหว่างกองทัพของชาวกรีกและกรุงทรอย โดยกรีกได้สร้างม้าไม้โทจันขึ้นเพื่อเป็นแผนการหลอกชาวทรอย เพื่อลอบเข้าไปยึดเมือง

เป็นเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวสุดไฮไลท์คือปราสาทปุยฝ้ายสุดวิจิตร บ่อน้ำร้อนศักดิ์สิทธิ์แห่งตุรกี ทั้งงดงามราวกับเป็นน้ำพุร้อนจากสวรรค์ และมีสรรพคุณในการบำบัดโรคจนกลายเป็นสปาธรรมชาติมานานกว่าพันปี

เป็นน้ำพุเกลือแร่ร้อนที่มีลักษณะเป็นหน้าผาที่กว้างใหญ่ ด้านข้างของอ่างน้ำจะเป็นรูปร่างคล้ายหอยแครงและน้ำตกแช่แข็ง มองดูเหมือนสร้างจากหิมะ เมฆ หรือปุยฝ้าย นำ้แร่ที่ไหลลงแต่ละชั้นจะกลายเป็นหินปูนย้อยห้อยเป็นรูปต่างๆ อย่างมหัศจรรย์ ในอดีตชาวโรมันเชื่อว่าน้ำที่นี่สามารถรักษาโรคได้

เป็นเมืองโบราณในเขตปามุคคาเล่ ประกอบด้วยพื้นที่พิพิธภัณฑ์โบราณคดีที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ที่นี่มีไฮไลต์อยู่ที่สระน้ำแร่โบราณที่เชื่อกันว่าถูกใช้งานมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 2 ซึ่งมีน้ำแร่ธรรมชาติผุดขึ้นมาชั่วนาตาปีนับแต่อดีตคราวสร้างเมืองจนถึงปัจจุบัน และเป็นน้ำแร่ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของสรรพคุณการรักษาโรค

โรงงานผลิตเสื้อหนังคุณภาพดี ให้ท่านมีเวลาเลือกซื้อ ผลิตภัณฑ์เสื้อหนัง ตามอัธยาศัย

ที่นี่เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเซลจุก ซึ่งเป็นอาณาจักรแห่งแรกของพวกเติร์กบนแผ่นดินตุรกี ทำให้สถาปัตยกรรมแบบเซลจุกดั้งเดิมมีให้เห็นอย่างโดดเด่นที่นี่ และยังเป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางของนิกายเมฟเลวี ที่ถือกำเนิดมาจากการก่อตั้งของเมฟลานา เยลาเลดิน ผู้ซึ่งเป็นกวีชาวอัฟกานิสถานที่ทำให้ชาวคริสต์จำนวนไม่น้อยหันมานับถือศาสนาอิสลามเขาจึงเปรียบเหมือนผู้วิเศษในสายตาเหล่าสาวก

เดิมเป็นสถานที่นักบวชในศาสนาอิสลามทำสมาธิ โดยการเดินหมุนเป็นวงกลมขณะฟังเสียงขลุ่ยส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์เป็นสุสานของเมฟานาเจลาเลดดิน อาจารย์ทางปรัชญาประจำราชสำนักแห่งสุลต่านอาเลดิน เคย์โคบาท ภายนอกเป็นหอทรงกระบอกปลายแหลมสีเขียวสดใส ภายในประดับฝาผนังแบบมุสลิม และยังเป็นสุสานสำหรับผู้ติดตาม สานุศิษย์ บิดา และบุตร ของเมฟลานาด้วย

เป็นโรงแรมที่พักสมัยโบราณที่สามารถให้คนมาจอดรถคาราวานของเขาได้ เป็น 1 ใน 3 อนุสรณ์ที่สำคัญของโรงแรมคาราวานในประเทศตุรกี

เป็นบริเวณที่อยู่ระหว่างทะเลดำกับภูเขาเทารุสเป็นพื้นที่พิเศษที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ ทำให้ลาวาที่พ่นออกมาและเถ้าถ่านจำนวนมหาศาล กระจายไปทั่วบริเวณทับถมเป็นแผ่นดินชั้นใหม่ขึ้นมา จากนั้นกระแสน้ำ ลม ฝน แดด และหิมะ ได้ร่วมด้วยช่วยกันกัดเซาะกร่อนกินแผ่นดินภูเขาไฟไปเรื่อยๆ นับแสนนับล้านปี จนเกิดเป็นภูมิประเทศประหลาดแปลกตาน่าพิศวง ดูประหนึ่งดินแดนในเทพนิยาย จนชนพื้นเมืองเรียกขานกันว่า “ปล่องไฟนางฟ้า”

ที่นี่เป็นหนึ่งในนครใต้ดินที่สำคัญของตุรกี ซึ่งเกิดจากการขุดเจาะพื้นดินลึกลงไป เพื่อใช้เป็นที่หลบภัยจากข้าศึกศัตรู เมืองใต้ดินแห่งนี้มีครบเครื่องทุกอย่างทั้งห้อง โถง ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องถนอมอาหาร ห้องครัว ห้องอาหาร โบสถ์ ทางหนีฉุกเฉิน ฯลฯ

พรมเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงของตุรกี ซึ่งมีสองแบบตามลักษณะความยาวของเส้นใยที่ใช้ทอคือ ฮาลื่อและคิลิม ฮาลื่อเป็นพรมแบบทั่วไปที่เห็นกัน วัสดุที่ใช้ทอมีทั้งขนสัตว์ฝ้าย ไหม เมื่อผูกปมแล้วจะตัดเส้นใยออก ด้านหนึ่งจึงปุยขึ้นเป็นลายตามที่ช่างต้องการ ส่วนคิลิมใช้วัสดุเหมือนกัน แต่ทอโดยไม่ตัดด้ายพรม จึงมีลายเหมือนกันสองด้าน

เลือกชม เลือกซื้อเครื่องประดับจากประเทศตุรกีกันได้ตามอัธยาศัย

เป็นอดีตศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ ซึ่งชาวคริสต์มีความต้องการที่จะเผยแพร่ศาสนา ได้ขุดเจาะแท่งหินที่เกิดจากเศษเถ้าจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อสามสิบล้านปีก่อน (แท่งหินมีรูปร่างแปลกตาเพราะถูกกัดเซาะจากหิมะและลมในขณะที่ยังไม่แข็งตัวดี) เป็นถ้ำต่างๆ เป็นจำนวนมากให้เป็นโบสถ์เพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และเพื่อสำหรับหลบภัยและป้องกันการรุกรานของชนเผ่าลัทธิอื่นที่ไม่เห็นด้วยกับศาสนาคริสต์ "เกอเรเม่" ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกในปี ค.ศ.1985

หุบเขานกพิราบ Pigeon Valley หน้าผาที่ชาวเมืองโบราณได้ขุดเจาะเป็นรู เพื่อให้นกพิราบเข้าไปทำรังอาศัยอยู่อย่างมากมาย ณ จุดนี้ ท่านจะสามารถมองเห็น ปราสาทอุชิซาร์ (Uchisar Castle) ได้ในระยะไกล ที่นี่จะมีนกพิราบมากมาย ที่ชาวบ้านเลี้ยงนกพิราบ เพื่อนำอึ มาทำเป็นปุ๋ยบำรุงต้นไม้
.jpg)
เมืองไกเซรี เป็นเมืองอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่ทางตอนกลางของอานาโตเลียในประเทศตุรกี โดยอยู่ที่เชิงภูเขาไฟ Erciyes ที่ดับสูญซึ่งมีความสูง 3,916 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ไกเซรีถือว่าเป็นเมืองที่ยังคงรักษาอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์จำนวนมากรวมถึงสถานที่หลายแห่งในยุคเซลจุก และมีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์มากมาย

เป็นท่าอากาศยานที่ให้บริการเมืองเนฟเชียร์ของประเทศตุรกี ตั้งอยู่ห่างไป 30 กิโลเมตรทางตะวันตกเฉียงเหนือของเนฟเชียร์ เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 1998 ตัวท่าอากาศยานครอบคลุมพื้นที่ 3,500 ตารางเมตรและมีที่จอดรถสำหรับรถยนต์ 400 คัน

เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย