เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานที่ตั้งอยู่ในเมืองมิงกาลาดง ซึ่งห่างจากเมืองย่างกุ้งไป 15 กิโลเมตร ที่นี่เป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ และเป็นท่าอากาศยานหลักของเมืองย่างกุ้ง
สักการะ พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี (Kyauk Htatgyi Buddha) หรือ พระนอนตาหวาน นมัสการพระพุทธรูปนอนที่มีความยาว 55 ฟุต สูง 16 ฟุต ซึ่งเป็นพระที่มีความพระที่มีความสวยที่สุดมีขนตาที่งดงาม พระบาทมีภาพมงคล 108 ประการ
เป็นเจดีย์ที่ก่อสร้างขึ้นเพื่อรับพระเกศาธาตุก่อนที่จะนำไปบรรจุในพระเจดีย์ชเวดากอง เมื่อพระเกศาธาตุได้ถูกอัญเชิญขึ้นจากเรือได้นำมาประดิษฐานไว้ที่พระเจดีย์แห่งนี้ ก่อนองค์พระเจดีย์ได้ถูกทำลายในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ โดยที่ใต้ฐานพระเจดีย์มีโครงสร้างโปร่ง ให้คนเดินเข้าไปภายในได้ ด้านฝาผนังใต้ฐานพระเจดีย์ได้นำทองคำและของมีค่าต่างๆ ที่พุทธศาสนิกชนชาวพม่านำมาถวายองค์พระเจดีย์มาจัดแสดงไว้
เป็นธิดาของพญานาค ที่เกิดศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า รักษาศีล ไม่ยอมกินเนื้อสัตว์จนเมื่อสิ้นชีวิตไปกลายเป็นนัต ซึ่งชาวพม่าเคารพกราบไหว้กันมานานแล้ว ตามความเชื่อนั้น เวลาที่จะขอพรกับท่าน จะต้องกระซิบ มีคนได้รับผลอธิษฐานสมปรารถนากลับมาแก้บน และบอกต่อกัน จนรายการไหว้เทพกระซิบถูกบรรจุเข้าไปในรายการทัวร์ไทยทุกบริษัท
เจดีย์นี้ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาเชียงกุตระ เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า เชื่อกันว่าเป็นมหาเจดีย์ที่บรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าจำนวน 8 เส้น หนังสือ Guinness Book of Records ได้จัดให้พระเจดีย์ชเวดากองเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในโลก
เป็นท่าอากาศยานที่ตั้งอยู่ในเมืองมิงกาลาดง ซึ่งห่างจากเมืองย่างกุ้งไป 15 กิโลเมตร ที่นี่เป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ และเป็นท่าอากาศยานหลักของเมืองย่างกุ้ง
เป็นท่าอากาศยานประจำเมืองพุกาม ตั้งอยู่ในเขตเนียงอู ที่นี่เป็นประตูหลักสำหรับการเดินทางเข้าออกและการไปยังสถานที่ต่างๆ ของเมืองพุกาม
เป็นเมืองเก่าแก่ตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 16 เป็นเมืองที่ติดอันดับเมืองที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางด้านประวัติศาสตร์ที่สวยงามมากแห่งหนึ่งของประเทศพม่า โดยเฉพาะความยิ่งใหญ่ของเจดีย์จำนวนมากกว่า 5,000 องค์ จนได้รับสมญานามว่าเป็นเมืองแห่งเจดีย์สี่พันองค์ ซึ่งเป็นลักษณะที่บ่งบอกถึงความรุ่งเรืองของพุทธศาสนาในประเทศพม่าได้เป็นอย่างดี คนทั่วไปจึงขนานนามเมืองพุกามนี้ว่าเป็นอู่แห่งอารยธรรมของประเทศ
เป็นองค์เจดีย์สีทองอร่ามทรงระฆังคว่ำ สูง 160 เมตร ภายในมีหอผีนัต ซึ่งเป็นวิหารยาวที่ตั้งรูปผีหลวงที่ชาวพม่าเคารพนับถือ ในอดีตนั้นเจดีย์แห่งนี้มีความสำคัญของชาวพม่ามาก เพราะใช้เป็นสัญลักษณ์การแสดงตนเป็นพุทธมามกะมาตั้งแต่โบราณ สิ่งที่น่าสนใจสำหรับการเข้าชมเจดีย์นี้คือภาพประวัติพุทธชาดกของพระพุทธเจ้าที่ปรากฏบริเวณผนัง
ที่นี่ได้รับการยกย่องว่าเป็นศาสนสถานขนาดใหญ่ที่งดงามมากที่สุดในพุกาม และได้รับยกย่องว่าเป็น “เพชรน้ำเอกของพุทธศิลป์สกุลช่างพุกาม” ที่ได้ชื่อว่างดงามที่สุดเพราะวัดแห่งนี้เต็มไปด้วยเชิงชั้นทางศิลปะครบทุกแขนง โดยเป็นวิหารที่มีอิทธิพลของอินเดียอยู่มาก
เป็นวิหารขนาดใหญ่อันเก่าแก่ที่มีชื่อที่หนึ่งของพุกาม วิหารแห่งนี้สร้างโดยพระเจ้านรถู ระหว่างการก่อสร้าง พระเจ้านรถูจะเสด็จมาตรวจงานทุกวัน จะทรงถือเข็มเล่มหนึ่ง ถ้าตรวจไปพบว่าบริเวณใดที่มีการก่ออิฐแล้วเป็นโพรงหรือรูขนาดให้เข็มสอดเข้าไปได้ พระองค์จะสั่งให้จับช่างที่ก่ออิฐนั่งไฟตัดมือเป็นการลงโทษ วิหารธรรมยางยีเป็นเจดีย์วิหารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในพุกาม แต่สร้างไม่เสร็จ มีประตูทางเข้าออกทั้ง 4 ทิศ ทำให้ตัดกันคล้ายกับไม้กางเขนแบบกรีก
วัดนี้สร้างโดยพระโอรสของพระเจ้าจันสิทธะ มีความโดดเด่นด้วยภาพจิตกรรมฝาผนังที่งดงามที่สุดในพุกามและยังคงหลงเหลืออยู่ถึงปัจจุบัน เนื่องจากรัฐบาลแห่งสหภาพเมียนมาร์ ไม่อนุญาตให้นำกล้องบันทึกภาพเข้าไปภายในวิหารหรือพระเจดีย์ ด้วยเกรงว่าแสงจากแฟลชจะทำลายภาพภายในให้เสียหาย ดังนั้น จึงไม่สามารถบันทึกภาพจิตรกรรมที่เขากว่ากันว่าสวยงาม และทรงคุณค่าทางศิลปะได้
ที่นี่ได้รับการยกย่องว่าเป็นวัดที่สวยงามทั้งภายนอกและภายใน เป็นวัดที่สร้างแบบก่ออิฐถือปูน ภายในวิหารมีช่องบันได เดินขึ้นสู่ระเบียงชั้นบนได้ และวิหารแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นวิหารองค์สุดท้ายที่มีการสร้างในแบบสถาปัตยกรรมพุกาม ภายในมีช่องแสงที่เมื่อส่องกระทบพระพุทธรูปแล้วงดงามมากมาย ตัวพระพุทธรูปที่ประดิษฐานภายในนั้นมีความแตกต่าง เพราะช่วงนั้นเริ่มได้รับอิทธิพลมาจากจีน
เป็นวิหารที่สร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้าอลองสิธู เมื่อปี ค.ศ.1131 ซึ่งเป็นช่วงที่อาณาจักรพุกามเจริญถึงขีดสุดในทุกๆ ด้าน และเป็นช่วงที่เข้าสู่ยุคของการเปลี่ยนรูปแบบศิลปกรรมแบบมอญไปเป็นแบบพม่าแท้อย่างเต็มรูปแบบ วัดชเวกูจีจึงเป็นตัวอย่างที่แสดงถึงสถาปัตยกรรมแบบพม่าได้เป็นอย่างดี เล่ากันว่าตัววิหารใช้เวลาสร้างเพียงประมาณ 7 เดือนเท่านั้น
เป็นเจดีย์ที่มีความสูงที่สุดในเมืองพุกาม ตั้งอยู่ใจกลางเมืองตรงบริเวณถัดจากวัดอนันดา โดยมีความสูงอยู่ที่ประมาณ 61 เมตร ตัวเจดีย์มีศิลปะแบบปาละของอินเดีย ที่นี่ถือเป็นหนึ่งในแม่แบบของสถาปัตยกรรมพม่าที่สำคัญ
เจดีย์แห่งนี้สร้างขึ้นโดยกษัตริย์ที่มีอำนาจมากพระองค์หนึ่งแห่งอาณาจักรพุกาม นอกจากเจดีย์แห่งนี้จะเป็นที่บรรจุของพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าแล้ว ก็ยังมีรูปปั้นเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาฮินดูตั้งอยู่บริเวณลานของวิหาร จึงมีชื่อเรียกแบบฮินดูว่าเจดีย์กาเนซา เจดีย์ชเวสันดอกนี้ยังเป็นสถานที่เหมาะสำหรับการชมทุ่งเจดีย์อีกแห่งหนึ่งของพุกามเมื่อยามอาทิตย์ขึ้นและตก
เป็นวัดในพุทธศาสนาที่สร้างขึ้นในย่าน Myinkaba ใกล้ๆ กับเมืองพุกาม โดยเชลยมอญกษัตริย์มานูฮาในปี 1067 ตามคำจารึกของกษัตริย์มานูฮา ที่นี่มีลักษณะเป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสองชั้น อาคารประกอบด้วยพระพุทธรูปนั่งสามองค์และพระพุทธรูปเข้าสู่นิพพาน วัด Manuha เป็นหนึ่งในวัดที่เก่าแก่ที่สุดในพุกาม
เมืองนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอิระวดี เป็นอดีตเมืองหลวงที่สำคัญของประเทศพม่า ก่อตั้งโดยกษัตริย์มินดง แต่ภายหลังจากที่พม่าได้ตกเป็นเมืองขึ้นของจักรวรรดิอังกฤษ ทำให้เมืองแห่งนี้ลดความสำคัญลงไป แต่ปัจจุบัน เมืองมัณฑะเลย์ได้รับการปรับปรุงจนกลายเป็นเมืองศูนย์กลางที่สำคัญเมืองหนึ่งทางตอนเหนือของประเทศพม่า โดยมีขนาดประชากรที่มากเป็นอันดับ 2 ของประเทศ และมีความสำคัญทั้งในแง่ของศิลปะ วัฒนธรรม เศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว
เป็นวัดใหญ่ที่สุดของพม่าที่เมืองอมรปุระ ซึ่งในช่วงเพลจะมีภิกษุสงฆ์นับร้อยรูปเดินเรียงแถวด้วยอาการสำรวมเพื่อรับอาหารพระพุทธมหามุนี หรือรู้จักกันในนามพระล้างหน้า ที่มีความงดงามตามศิลปกรรมพม่า ที่มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปสำริดปิดทอง ที่อย คู่บ้านคู่เมืองมาช้านาน เป็นสถานที่ที่สำคัญรองจากพระธาตุเชเวดากองในกรุงย่างกุ้ง
เป็นคอมเพล็กซ์ของพระราชวังที่ก่อสร้างด้วยไม้สักที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้โดนระเบิดจากเครื่องบินฝ่ายพันธมิตรกองทัพอังกฤษ ปัจจุปันพระราชวังที่เห็นอยู่เป็นพระราชวังที่รัฐบาลพม่าได้จำลองรูปแบบของพระราชวังของเก่าขึ้นมา แต่ที่เหมือนวังเก่าก็แค่เพียงโครงสร้างกับ ชื่อเท่านั้น
ที่นี่สร้างสมัยพระเจ้ามิงดง เป็นพระตำหนักที่สร้างจากไม้สักแกะสลักด้วยลวดลายพม่า ปิดด้วยแผ่นทองทั้งหลัง ต่อมาภายหลังพระเจ้าธีบอขึ้นครองราชย์จึงทรงยกตำหนักถวายเป็นวัดให้พระสงฆ์ได้มาศึกษาธรรมะ แม้ตอนนี้ภายนอกพระตำหนักจะไม่ปรากฏความแวววับของแผ่นทองแล้ว แต่หากลองถ่ายภาพด้วยแสงแฟลชภายในพระตำหนัก ภาพที่ออกมาช่างงดงามอร่ามตายิ่งนัก
เป็นอนุสรณ์แห่งการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 4 ซึ่งพระเจ้ามินดงทรงให้จารึกพระไตรปิฎก 84,000 พระธรรมขันธ์ ลงบนหินอ่อน 729 แผ่น ถือเป็นพระไตรปิฎกเล่มใหญ่ที่สุดในโลก และถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการบันทึกพระไตรปิฎกเป็นภาษาบาลี ตัวเจดีย์หลักในวัดมีความสูง 30 เมตร ซึ่งจำลองรูปแบบมาจากพระมหาเจดีย์ชเวสิกองแห่งเมืองพุกาม
เป็นภูเขาที่ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดหากได้มาเยือนมัณฑะเลย์ มีความสูง 240 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของใจกลางเมืองมัณฑะเลย์ โดยเมืองนี้ใช้ชื่อมาจากเนินเขามัณฑะเลย์ฮิลล์ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่ามีเจดีย์และอารามมากมายและเป็นสถานที่แสวงบุญที่สำคัญสำหรับพุทธศาสนิกชนชาวพม่ามาเกือบสองศตวรรษ ที่นี่ยังเป็นจุดชมวิวสวยงามของเมืองมัณฑะเลย์ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวต่างพากันแวะเวียนมาสัมผัส เที่ยวชมตลอดเวลา
เป็นสะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลก สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าโบดอพญา สร้างขึ้นเพื่อข้ามทะเลสาบ Toungthamon ระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร จุดเด่นของสะพานเเห่งนี้นอกจากจะเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดเเล้วนั้น สะพานอูเบ็ง ยังสร้างมาจากไม้สัก ที่รื้อมาจากพระราชวังเเห่งกรุงอังวะอีกด้วย
พระมหามัยมุนี ได้ชื่อว่าเป็นพระพุทธรูปมีชีวิต เพราะชาวพม่าเชื่อว่าพระพุทธเจ้าได้มาประทานลมหายใจอันศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในพระวรกายของพระพุทธรูปองค์นี้ พระมหามัยมุนีจึงเป็นดังตัวแทนของพระพุทธองค์ที่มีชีวิตจิตใจ ใครที่มากราบไหว้บูชาจะได้รับศรัทธาอันสูงล้ำ เป็นพระพุทธรูปหล่อทองสำริด ปางมารวิชัยทรงเครื่อง ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่ “วัดมหามัยมุนี” หรือชื่อแท้ดั้งเดิมคือ วัดปยกยี หรือวัดยะไข่
เป็นท่าอากาศยานประจำเมืองเฮโฮ เมืองหนึ่งในเขตกะลอว์ของรัฐฉาน ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 1,176 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ท่าอากาศยานนี้เคยทำหน้าที่เป็นฐานทัพอากาศสำหรับทั้งพันธมิตรและญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ที่นี่ยังเป็นท่าอากาศยานที่สำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการมาเที่ยวอินเล หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาดของพม่าด้วย
FIVE DAYS MARKET จะเป็นศูนย์รวมของชนเผ่าต่างๆ ขนของจากดอย ใส่เกวียนมาขายกันในตลาดแห่งนี้ ซึงท่านจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชนเผ่าต่างๆ อย่างใกล้ชิด
วัดชเวยันเป สร้างโดยเจ้าฟ้าไทยใหญ่ มีอายุราว 115 ปี ก่อนนี้ปิดทองทั้งหลัง กาลเวลาก็ทำให้หลุดไปแต่ก็ยังเหลือพอให้เห็นบ้างบางส่วน มีการแกะสลักเป็นแบบชาวไทใหญ่ ทั้งบานประตูและบนหลังคา วัดแห่งนี้เป็นสถานที่ศึกษาธรรมของเณรส่วนใหญ่แถบนั้น
ล่องเรือทะเลสาบอินเล ทะเลสาบที่อยู่ท่ามกลางหุบเขาที่สวยงามของรัฐฉาน เหมาะแก่การมาเที่ยวชมเพื่อกาศึกษาถึงชีวิตความเป็นอยู่ของชาวพม่า ที่เรียกได้ว่ากลมกลืนกับธรรมชาติเป็นอย่างยิ่ง ทะเลสาบแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยของกลุ่มชนที่เรียกตนเองว่า ชาวอินทา ชนเผ่านี้อาศัยอยู่ในทะเลสาบอินเลมานานนับร้อยปีแล้ว โดยใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางการทำการเกษตรบนเกาะวัชพืชที่พวกเขาสร้างขึ้นมาเองกลางลำน้ำในทะเลสาบ
เป็นสำนักสงฆ์ที่รวบรวมพระพุทธรูปสำคัญๆ ไว้เป็นจำนวนมาก เป็นวัดที่ได้รับการประกาศให้เป็นโบราณสถาน ประกอบด้วยเสาไม้สักถึง 654 ต้น สร้างในปี ค.ศ. 1205 สมัยพระเจ้ามินดง และชมแมวกระโดดลอดบ่วงซึ่งได้รับการฝึกมาอย่างดีจากพระวัดนี้เพื่อโชว์ให้นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ
หนึ่งสิ่งมหัศจรรย์ลอยน้ำ ที่สร้างความทึ่งให้กับคนที่ไปเที่ยวทะเลสาบอินเล ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของชาวอินตาที่รู้จักดึงเอาธรรมชาติรอบตัวมาใช้เป็นประโยชน์ได้อย่างอย่างสูงสุด และเหมาะสม
เป็นท่าอากาศยานที่ตั้งอยู่ในเมืองมิงกาลาดง ซึ่งห่างจากเมืองย่างกุ้งไป 15 กิโลเมตร ที่นี่เป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ และเป็นท่าอากาศยานหลักของเมืองย่างกุ้ง
เป็นท่าอากาศยานที่ตั้งอยู่ในเมืองมิงกาลาดง ซึ่งห่างจากเมืองย่างกุ้งไป 15 กิโลเมตร ที่นี่เป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ และเป็นท่าอากาศยานหลักของเมืองย่างกุ้ง
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นตลาดใหญ่และน่าเที่ยวที่สุดในกรุงย่างกุ้ง เดิมคือ “สก๊อตมาร์เก็ต” สร้างโดยชาวสก็อต ตลาดนี้ถือเป็นแหล่งรวบรวมสินค้าจากทั่วประเทศ ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของพม่าซึ่งตลาดแห่งนี้ท่านสามารถเลือกซื้อของฝากญาติมิตรได้นานาชนิด