เป็นจุดศูนย์กลางทางการบินในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สามารถเชื่อมโยงการคมนาคมทางอากาศไปยังจุดต่างๆ ของโลกได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการบินภายในภูมิภาคเอเชียด้วยกัน หรือระหว่างทวีปยุโรป ทวีปอเมริกา ทวีปออสเตรเลีย ซึ่งสามารถใช้เป็นจุดแวะลงและเชื่อมต่อในการเดินทางของผู้โดยสารตลอดจนพัสดุไปรษณียภัณฑ์ไปยังจุดอื่นๆ ได้อย่างดี
เป็นท่าอากาศยานหลักของเขตปกครองพิเศษมาเก๊า ซึ่งมีกฏระเบียบการเดินทางเป็นของตัวเอง ที่ไม่เหมือนกันจีนแผ่นดินใหญ่ หรือฮ่องกง
เป็นเกาะที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และเป็นเมืองขึ้นของโปรตุเกสจนปีคศ 1999 ในตอนแรกเป็นเมืองที่จีนปล่อยให้โปรตุเกสเช่าเพื่อเป็นเมืองท่า ปัจจุบันมาเก๊าเป็นหนึ่งในเขตปกครองพิเศษของจีน และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของทวีปเอเชีย
เป็นรูปปั้นขนาดใหญ่ของเจ้าแม่กวนอิม ซึ่งหันหลังให้ทะเล และยืนอยู่บนโดมดอกบัวขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมทะเล สร้างด้วยทองสัมฤทธิ์ทั้งองค์ มีความสูง 18 เมตร และมีน้ำหนักมากถึง 1.8 ตัน ประดิษฐานอยู่บนฐานดอกบัว ภายในฐานรูปปั้นเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงประวัติความเป็นมา นอกจากเป็นพิพิธภัณฑ์แล้ว ยังเป็นพื้นที่ที่ให้ประชาชนเข้ามานั่งสมาธิ ถือได้ว่าเป็นสถานที่ซึ่งชาวมาเก๊านิยมเข้ามาพักผ่อนหย่อนใจมากที่สุดอีกแห่งหนึ่ง และวัตถุประสงค์ในการสร้างนั้นเนืองมาจากเป็นเจ้าแม่กวนอิมที่โปรตุเกสตั้งใจสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับมาเก๊า ในโอกาสที่ส่งมอบมาเก๊าคืนให้กับจีน
เป็นจตุรัสที่อยู่ในเขตเซของเมืองมาเก๊า และเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์ประวัติศาสตร์ยูเนสโกมรดกโลกมาเก๊า ที่นี่มีลักษณะเป็นจัตุรัสรูปสามเหลี่ยม ครอบคลุมพื้นที่ 3,700 ตารางเมตร จัตุรัสแห่งนี้ตั้งชื่อตาม Leal Senado สถานที่นัดพบสำหรับชาวจีนและโปรตุเกสในศตวรรษที่ 16 ถึง 18 ส่วนใหญ่ของอาคารรอบจตุรัสเป็นสไตล์ยุโรป ที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวห้ามพลาดหากได้มาเยือนมาเก๊า
เป็นคาสิโนขนาดใหญ่ที่ออกแบบสไตล์อิตาลี ภายในมีอาหาร ที่พักและกิจกรรมให้ทำมากมาย และตัวบริการต่างๆ นั้นนับว่าอยู่ในระดับ High End สุดๆ เลยทีเดียว
จูไห่เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ 1 ใน 5 ของประเทศจีน ที่นี่ได้รับยกย่องจากสหประชาชาติให้เป็น "เมืองมหัศจรรย์ แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน" สัญลักษณ์ของเมืองจูไห่ คือ "หวี่หนี่" เป็นรูปปั้นนางฟ้าถือไข่มุก ซึ่งยื่นออกไปในทะเล และยังมีถนนคู่รัก เป็นถนนซึ่งอยู่ริมชายหาดที่รัฐบาลจูไห่ได้ตกแต่งภูมิทัศน์ ได้อย่างสวยงามเหมาะสำหรับพักผ่อน
เป็นซากปรักหักพังของศาสนสถานคาทอลิกสมัยศตวรรษที่ 17 เคยเป็นโบสถ์และโรงเรียนเซนต์ปอล ปัจจุบันซากปรักหักพังเป็นหนึ่งในจุดสังเกตที่รู้จักกันดีที่สุดของมาเก๊า ในปี 2005 ที่นี่ได้รับการจดทะเบียนอย่างเป็นทางการว่าเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์ประวัติศาสตร์แห่งมาเก๊าซึ่งเป็นมรดกโลก
จูไห่เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ 1 ใน 5 ของประเทศจีน ที่นี่ได้รับยกย่องจากสหประชาชาติให้เป็น "เมืองมหัศจรรย์ แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน" สัญลักษณ์ของเมืองจูไห่ คือ "หวี่หนี่" เป็นรูปปั้นนางฟ้าถือไข่มุก ซึ่งยื่นออกไปในทะเล และยังมีถนนคู่รัก เป็นถนนซึ่งอยู่ริมชายหาดที่รัฐบาลจูไห่ได้ตกแต่งภูมิทัศน์ ได้อย่างสวยงามเหมาะสำหรับพักผ่อน
เป็นสัญลักษณ์ของเมืองจูไห่ เป็นหินแกะสลักตั้งเด่นสง่าอยู่ริมทะเลบริเวณอ่าวเซียงหู มีลักษณะเป็นรูปของหญิงสาวสวย ขนาดใหญ่มีความสูงถึง 8.7 เมตร และมีน้ำหนักถึง 10 ตัน ที่มือถือไข่มุกไว้โดยยกขึ้นเหนือศีษระ ซึ่งรูปสลักนี้สร้างขึ้นตามนิทานพื้นบ้านของเมืองจูไห่
เป็นวัดที่ผู้คนมักจะมาสักการะองค์เจ้าแม่กวนอิม เพื่อเสริมสร้างความเป็นสิริมงคลให้แก่ชีวิต วัดแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณเขามีความยื่งใหญ่อลังการมาก อีกทั้งเป็นวัดที่คนจูไห่นิยมมาสวดมนตข์อให้ กิจการงานก้าวหน้า
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมบนสายถนนสวยงามสุดโรแมนติกของจูไห่ เพราะมีการจัดเตรียมสถานที่ให้เหมาะสมกับคู่รักมากที่สุด
เป็นตลาดที่อยู่ชั้นใต้ดินของเมืองจูไห่ ตลาดที่นี่จะคล้าย ๆ มาบุญครองบ้านเรา ที่มีลักษณะเหมือนห้างช้อปปิ้งขนาดเล็ก ภายในมีทั้งร้านเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับ และสินค้าอื่น ๆ อีกมากมาย ที่สำคัญของที่นี่ราคาถูกมากเพราะว่ามีสินค้าที่นี่ทำเลียนแบบจากจีน
สวนหยวนหมิงแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นแทนพระราชวังใหม่หยวนหมิง ณ กรุงปักกิ่ง พระราชวังแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นใหม่อีกครั้ง ณ ใจกลางของ "ภูเขาชิลิน" ในเมือง "จูไห่" ทำให้สวนแห่งนี้โอบล้อมด้วยขุนเขาที่เขียวชอุ่ม ภายในสวนมีทะเลสาปขนาด 80,000 ตารางเมตร ซึ่งมีขนาดเท่ากับสวนเดิมในกรุงปักกิ่ง เป็นศูนย์กลางล้อมรอบด้วยสิ่งก่อสร้างต่างๆ กว่าร้อยชิ้น สวนหยวนหมิงถือได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งจำลองมาจากสถานที่ในประวัติศาสตร์ มีคุณค่าทั้งในแง่วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และธุรกิจการท่องเที่ยว
เป็นท่าอากาศยานหลักของเขตปกครองพิเศษมาเก๊า ซึ่งมีกฏระเบียบการเดินทางเป็นของตัวเอง ที่ไม่เหมือนกันจีนแผ่นดินใหญ่ หรือฮ่องกง
เป็นจุดศูนย์กลางทางการบินในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สามารถเชื่อมโยงการคมนาคมทางอากาศไปยังจุดต่างๆ ของโลกได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการบินภายในภูมิภาคเอเชียด้วยกัน หรือระหว่างทวีปยุโรป ทวีปอเมริกา ทวีปออสเตรเลีย ซึ่งสามารถใช้เป็นจุดแวะลงและเชื่อมต่อในการเดินทางของผู้โดยสารตลอดจนพัสดุไปรษณียภัณฑ์ไปยังจุดอื่นๆ ได้อย่างดี