เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในเมืองเฉิงตู ประเทศจีน โดยอยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 16 กิโลเมตร ในเขตซวงหลิว ในปี 2552 ท่าอากาศยานแห่งนี้ได้กลายเป็นท่าอากาศยานที่วุ่นวายที่สุดในภาคตะวันตกของจีน มีผู้โดยสารมาใช้บริการทั้งสิ้นกว่า 22,637,762 คน
เป็นเมืองเอกของมณฑลเสฉวน ในปัจจุบันเป็นทั้งศูนย์กลางด้านการเมือง การทหาร และด้านการศึกษาของภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ ในสมัยจิ๋นซีฮ่องเต้ ได้มีการจัดการชลประทานขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่เกิดเป็นประจำทุกปี เมื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้ ชาวนาชาวไร่เพาะปลูกได้ดี ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น คนจึงเริ่มอพยพมาที่เมืองนี้มากขึ้นเรื่อยๆ จึงได้ชื่อว่าเฉิงตู
ทิเบตมีเมืองหลวงชื่อ ลาซา (Lhasa) เป็นเมืองหลวงที่สูงที่สุดในโลก ตั้งอยู่ตอนกลางของที่ราบสูงทิเบต ทางเหนือของเทือกเขาหิมาลัย มีแม่น้ำลาซาซึ่งเป็นแควสายหนึ่งของแม่น้ำยาลูจัมโปทอดตัวไหลผ่าน เมืองที่สูงที่สุดในโลกแห่งนี้อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 3,650 เมตร เป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ของศาสนิกชนที่นับถือพุทธศาสนานิกายทิเบต
เป็นท่าอากาศยานในนครลาซา ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเขตการปกครองพิเศษทิเบตของประเทศจีน ถูกสร้างขึ้นในปี 1965 ตั้งอยู่ทางตอนทิศตะวันตกเฉียงใต้ ของนครลาซา ในมณฑลซานหนานของจีน เป็นหนึ่งในท่าอากาศยานที่อยู่สูงที่สุดของโลก
ตำหนักแห่งนี้ตั้งอยู่ชานเมืองด้านตะวันตกของกรุงลาซา มีเนื้อที่โดยรวม 360,000 ตารางกิโลเมตร คำว่าหลัวปู้หลินข่าเป็นภาษาทิเบต แปลว่า สวนป่าที่วิเศษ หรือสวนป่ามหาสมบัติ
ทิเบตมีเมืองหลวงชื่อ ลาซา (Lhasa) เป็นเมืองหลวงที่สูงที่สุดในโลก ตั้งอยู่ตอนกลางของที่ราบสูงทิเบต ทางเหนือของเทือกเขาหิมาลัย มีแม่น้ำลาซาซึ่งเป็นแควสายหนึ่งของแม่น้ำยาลูจัมโปทอดตัวไหลผ่าน เมืองที่สูงที่สุดในโลกแห่งนี้อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 3,650 เมตร เป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ของศาสนิกชนที่นับถือพุทธศาสนานิกายทิเบต
พระราชวังโปตาลา ตั้งอยู่ที่กรุงลาซา เขตปกครองตนเองทิเบต ประเทศจีน พระราชวังแห่งนี้อยู่เหนือกว่าระดับน้ำทะเลกว่า 3,600 เมตร บนที่ราบสูงทิเบต พระราชวังซึ่งเป็นทั้งป้อมปราการ และ สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ สร้างขึ้นราวศตวรรษที่ 17 ในรัชสมัยของ พระเจ้าซรอนซันกัมโป พระราชวังโปตาลามีระเบียงที่มีภาพเขียนสีเรียงซับซ้อน มีทั้งบันไดไม้บันไดหิน มีห้องสวดมนต์ที่ตกแต่งสวยงาม มีรูปเคารพเกือบสองแสนองค์ ปัจจุบันพระราชวังโปตาลากลายเป็นพิพิธภัณฑ์และสถานสักการะ ภายในวังขาว มีสำนักงาน โรงเรียนศาสนา ส่วนวังแดงเป็นส่วนที่ยังใช้ประกอบพิธีกรรมอยู่ เป็นศูนย์รวมใจของโปตาลา
วัดโจคัง (Jokhang Monastery)ในปี ค.ศ.647 พระเจ้าซงเซน กัมโป โปรดให้สร้าง วัดโจคัง หรือ ต้าเจาซื่อ (Dazhao Si) ขึ้น เพื่อประดิษฐาน พระพุทธรูปพระอักโษภยพุทธะ (Akshobhya) ที่ เจ้าหญิงภกุฎเทวี ทรงอัญเชิญมาจากประเทศเนปาล ตามตำนานกล่าวว่า เป็นรูปเหมือนพระพุทธเจ้า เมื่อมีพระชนมายุได้ 8 ชันษา แต่ต่อมา ในคริสต์ศวรรษที่ 8 เจ้าหญิงจากจีนอีกพระองค์หนึ่งคือ เจ้าหญิงจินเฉิง (Jincheng Gongzu) ซึ่งได้เดินทางมาอภิเษกสมรสกับ พระเจ้าซื่อเต่อจู่จั้น-กษัตริย์ของทิเบตได้สลับเอา พระพุทธรูปโจโว ริมโปเช (Jovo Rimpoche) หรือ รูปเหมือนพระพุทธเจ้าเมื่อมีพระชนมายุได้ 12 ชันษา ที่ เจ้าหญิงเหวินเฉิง อัญเชิญจากนครฉางอาน ราชธานีแห่งราชวงศ์ถังมาสู่ดินแดนทิเบต ในครั้งที่ทรงเดินทางมาอภิเษกสมรสกับพระเจ้าซงเซน กัมโป ซึ่งเดิมประดิษฐานอยู่ ณ วัดราโมช (Ramoche Monastery) หรือ เสี่ยวเจาซื่อ (Xiaozhao Si) มาใว้ที่มหาวิหารวัดโจคัง แล้วย้ายพระพุทธรูปอักโษภยะไปใว้ที่วัดราโมชแทน
ตลาดแปดเหลี่ยม หรือจัตุรัสบาคอร์ ตั้งอยู่หน้าวิหารโจคัง เป็นตลาดทิเบตที่ใหญ่ที่สุดของเมืองลาซา มีความยาว 800 เมตร มีของพื้นเมืองของทิเบตขายให้นักท่องเที่ยวมากมาย ราคาตั้งแต่ชิ้นละไม่กี่หยวน จนถึงชิ้นละพันหยวน นักท่องเที่ยวจากต่างแดนจะสามารถเลือกซื้อหินสีแปลกๆ และของที่ระลึกจิปาถะ โดยพ่อค้าแม่ค้าสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดี
ถังกู่ลา-ซาน จุดสูงสุดของทางรถไฟสายนี้ สูงจากระดับน้ำทะเล 5,072 เมตร ซึ่งมีความยากลำบากในการก่อสร้างอย่างมาก เพราะนอกจากอากาศที่หนาวเย็น และอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลมาก ทำให้ออกซิเจนในอากาศมีน้อยกว่าปกติ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการทำงานทั้งคน และเครื่องจักร
“ทะเลสาบแห่งสวรรค์” คือคำนิยามของน่ามู่ชั่ว. ในปีที่ 60-70 แห่งการเปลี่ยนแปลงทางภูมิทัศน์ของหิมาลัย และภายหลังเพราะอิทธิพลของพื้นที่ราบสูงแห่งทิเบตประกอบกับความแห้งแล้งของอากาศทำให้พื้นที่ทะเลสาบเล็กลงเป็นอันมาก จึงกลายมาเป็น “น่ามู่ชั่ว” ในปัจจุบัน เป็นทะลสาบน้ำเค็มที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศจีน แต่เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่สูงที่สุดในโลก ถือเป็น1ใน3ทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ของทิเบต. รอบๆทะเลสาบจะมีกอง “มาเนอะ”(ก้อนหินทรงต่างที่ชาวทิเบตชอบนำมาซ้อนกันเพื่อบูชาเทพเจ้า) วางอยู่เต็มไปหมด ทำให้ทะเลสาบแห่งนี้มีกลิ่นอายที่หนาแน่นแห่งศาสนาอีกด้วย
ทิเบตมีเมืองหลวงชื่อ ลาซา (Lhasa) เป็นเมืองหลวงที่สูงที่สุดในโลก ตั้งอยู่ตอนกลางของที่ราบสูงทิเบต ทางเหนือของเทือกเขาหิมาลัย มีแม่น้ำลาซาซึ่งเป็นแควสายหนึ่งของแม่น้ำยาลูจัมโปทอดตัวไหลผ่าน เมืองที่สูงที่สุดในโลกแห่งนี้อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 3,650 เมตร เป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ของศาสนิกชนที่นับถือพุทธศาสนานิกายทิเบต
เป็นเมืองเอกของมณฑลเสฉวน ในปัจจุบันเป็นทั้งศูนย์กลางด้านการเมือง การทหาร และด้านการศึกษาของภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ ในสมัยจิ๋นซีฮ่องเต้ ได้มีการจัดการชลประทานขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่เกิดเป็นประจำทุกปี เมื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้ ชาวนาชาวไร่เพาะปลูกได้ดี ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น คนจึงเริ่มอพยพมาที่เมืองนี้มากขึ้นเรื่อยๆ จึงได้ชื่อว่าเฉิงตู
เป็นถนนคนเดินในเมืองเฉิงตู มีอีกชื่อนึงว่าถนนทองคำ100 ปี ถนนคนเดินเส้นนี้มีร้านค้า ห้างสรรพสินค้า ซึ่งมีสินค้าทั้งแบรนด์ต่างประเทศและในประเทศ อาทิ เสื้อผ้า, รองเท้า, เครื่องหนัง, กระเป๋าเดินทาง, นาฬิกา, เกมส์, รวมถึงร้านอาหารมากมาย
โชว์เปลี่ยนหน้ากาก เป็นโชว์ที่ใช้ศิลปะพร้อมความสามารถในการเปลี่ยนหน้ากากแต่ละฉากภายในเสี้ยววินาที โดยที่ไม่สามารถจับตาได้ทัน เป็นการแสดงที่สงวนและสืบทอดกันมาภายในตระกูล หลายชั่วอายุคน ไม่ถ่ายทอดให้บุคคลภายนอกทั่วไป
เป็นถนนโบราณที่มีสินค้าให้ท่านช้อปปิ้งได้ทั้งของรับประทาน และของฝากของที่ระลึกเช่นหน้ากากเฉิงตูเพราะถนนจินหลีนี้เป็นที่ตั้งของสถานที่แสดงโชว์เปลี่ยนหน้ากากอันโงดังของเมืองเฉิงตู แค่ประตูทางเข้าก้อสามารถทำให้ท่านเห็นถึงบรรยากาศแห่งเหมือนเดินในหนังจีนสมัยก่อนได้เลยทีเดียว
ชาจีน เป็น เครื่องดื่มที่ทำมาจากใบไม้จากแหล่งปลูกชา (คาเมลเลีย ไซเนนซิส) และผ่านน้ำร้อน. ใบชาใช้กรรมวิธีดั้งเดิมของจีน ชาจีนมักจะใช้ดื่มสม่ำเสมอตลอดวัน รวมถึงระหว่างมื้ออาหาร บางครั้งใช้ดื่มแทนน้ำเปล่าเพื่อสุขภาพ หรือเพื่อความพอใจแบบเรียบง่าย
ผ้าไหม เป็นอีกสินค้าของฝากของเมืองจีน ให้ชมความละเอียดอ่อนของผ้าไหม และเลือกซื้อสินค้าที่จากผ้าไหมที่มีเนื้อผ้าอันละเอียดอ่อน เช่น ผ้าห่ม เสื้อผ้า รองเท้า และอื่นๆ
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในเมืองเฉิงตู ประเทศจีน โดยอยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 16 กิโลเมตร ในเขตซวงหลิว ในปี 2552 ท่าอากาศยานแห่งนี้ได้กลายเป็นท่าอากาศยานที่วุ่นวายที่สุดในภาคตะวันตกของจีน มีผู้โดยสารมาใช้บริการทั้งสิ้นกว่า 22,637,762 คน