เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศหลักของเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนามตอนกลาง และเป็นท่าอากาศนานาชาติที่สามของประเทศนอกเหนือจากท่าอากาศยานนอยไบกับท่าอากาศยานโฮจิมินห์ ท่าอากาศยานนี้ถูกสร้างขึ้นโดยรัฐบาลอาณานิคมของฝรั่งเศสในทศวรรษที่ 1940 ที่นี่ยังเคยเป็นท่าอากาศยานของทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สงครามอินโดจีน รวมถึงสงครามเวียดนาม
เป็นอุโมงค์ลอดเขาหายเวินที่มีความยิ่งใหญ่อลังการ ที่ถือเป็นงานก่อสร้างแห่งภาคความภูมิใจของชาวเวียดนาม อุโมงค์นี้มีระยะทางจากอีกฝั่งไปอีกฝั่งถึง 6,280 เมตร
เป็นพระราชวังเพียงแห่งเดียวในประเทศเวียดนาม และเป็นที่ประทับของกษัตริย์ในราชวงค์เหงียนทั้ง 13 พระองค์ ในช่วงระหว่าง ค.ศ. 1802 – 1935 โดยมีกษัตริย์องค์แรกชื่อกษัตริย์ยาลอง พระองค์สร้างพระราชวังนี้เมื่อ ค.ศ.1805 แต่แล้วเสร็จในปี ค.ศ 1832 รวมระยะเวลาก่อสร้างนานถึง 27 ปี กษัตริย์องค์สุดท้ายที่ประทับคือกษัตริย์เบ่าได๋ ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของเวียดนาม
เป็นตลาดสินค้าขนาดใหญ่ของเมืองเว้ ที่อยู่ติดกับเมื่อน้ำเหือง หรือแม่น้ำหอม เป็นแหล่งชุมนุมคนไทยในเมืองเว้ที่ไม่ได้นัด หมายกันมาก่อน ของที่นี่สามารถต่อรองได้ และจำเป็นต้องต่อด้วย เพราะราคาบางอย่างก็สูง
เมืองเว้ตั้งอยู่ใจกลางของประเทศ อยู่ห่างจากชายฝั่งทะเล 12 กิโลเมตร เป็นเมืองของกษัตริย์ในราชวงศ์เหวียน ซึ่งได้ปกครองต่อกันมาเพียง 33 ปี ฝรั่งเศสก็บุกเข้าโจมตีเมืองเว้ มาถึงปีพ.ศ.2488 ญี่ปุ่นก็เข้ามายึดครองบังคับให้พระเจ้าเบาได๋สละราชสมบัติ ต่อมาเมืองเว้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเวียดนามใต้ ตามการแบ่งประเทศออกเป็น 2 ส่วน และได้เสื่อมสลายลงภายใต้การปกครองของโงดินห์เยียม เมืองเว้ดึงดูดนักท่องเที่ยวเพราะมีแหล่งประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม เสน่ห์ที่ไร้กาลเวลาของสถาปัตยกรรมที่ล้ำค่ามีแบบฉบับของตนเอง และยังมีความงามตามธรรมชาติบนฝั่งแม่น้ำหอมด้วย
ล่องเรือมังกร ชมแม่น้ำหอม ซึ่งเป็นแม่น้ำที่มีแหล่งกำเนิดมาจากบริเวณต้นน้ำที่อุดมไปด้วยดอกไม้ป่าที่ส่งกลิ่นหอม เป็นแม่น้ำสายสั้นๆ ระหว่างทางจะได้พบเห็นหมู่บ้านชาวน้ำให้เห็นอยู่เป็นระยะๆ (ใช้เวลาล่องเรือโดยประมาณ 45-60 นาที)
เป็นแม่น้ำที่ไหลผ่านกลางเมืองเว้ ในเขตจังหวัดถัวเทียน-เว้ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม แม่น้ำหอมมีต้นกำเนิดอยู่ 2 แหล่ง ซึ่งทั้งสองแหล่งนั้นเริ่มต้นจากทิวเขาเจื่องเซิน แควด้านซ้ายไหลมาจากเทือกเขาเจื่องดองไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ระหว่างทางเกิดเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ 55 แห่ง และเริ่มไหลช้าลงจนถึง Bang Lang fork ส่วนแควด้านขวาซึ่งมีระยะทางสั้นกว่า ไหลผ่านน้ำตก 14 แห่งและ Tuan ferry แล้วมาบรรจบกับแควด้านซ้ายที่ Bang Lang fork เกิดเป็นแม่น้ำหอม
เป็นวัดพุทธมหายาน ตั้งอยู่ริมแม่น้ำหอม เป็นอาคารทรงเจดีย์แปดเหลี่ยม 7 ชั้น สูง 21 เมตร ซึ่งสร้างขึ้นใน ค.ศ.1601 ในสมัยขุนนางเหวียนฮวาง คำว่าเทียนมู่ แปลว่า เทพธิดา ดังนั้นนักท่องเที่ยวชาวไทยส่วนใหญมาเยือนจึงตั้งชื่อภาษาไทยให้ว่า “วัดเทพธิดาราม” ตั้งอยู่ฝั่งซ้ายของริมแม่น้ำหอมของประเทศเวียดนาม ทางไปสุสานของพระเจ้ามิงห์หม่าง วัดแห่งนี้นับเป็นศูนย์กลางทางพุทธศาสนานิกายเซน จุดเด่นที่สุดของวัดแห่งนี้คือเจดีย์ทรงเก๋ง 8 เหลี่ยม สูงลดหลั่นกัน 7 ชั้น แต่ละชั้นเป็นตัวแทนของชาติภพต่างๆ ของพระพุทธเจ้า
สุสานจักรพรรดิไคดิงห์ เป็นสุสานที่องค์จักรพรรดิองค์ที่ 12 สร้างขึ้นและถือว่าเป็นสุสานที่งดงามของสถาปัตยกรรมการก่อสร้างที่มีลวดลายอ่อนช้อยผสมผสานกับความงามของภาพตกแต่งผนังด้วยกระเบื้องสี ซึ่งเป็นศิลปะของชาวเวียดนามโดยเฉพาะที่ได้รับการตกทอดมานับพันปี และภาพเขียนอันวิจิตรบรรจงที่ฝ้าเพดานที่ศิลปินบรรจงใช้พู่กันวาดด้วยเท้า
เป็นเมืองขนาดเล็กริมฝั่งทะเลจีนใต้ทางตอนกลางของประเทศเวียดนาม ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดกว๋างนาม มีประชากรอาศัยอยู่ราว 80,000 คน ในอดีตเคยเป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งในเวียดนาม องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนเขตเมืองเก่าของฮอยอันให้เป็นมรดกโลก
หมู่บ้านแกะสลักหินอ่อน เป็นหมู่บ้านแห่งหนึ่งอยู่ในตัวเมืองดานังที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกในเรื่องงานฝีมือ การแกะสลักหินอ่อน หินหยก ที่นักท่องเที่ยวสามารถเลือกชมและซื้อกลับไปเป็นของฝากทางบ้านได้
เป็นสะพานเก่าแก่ที่เชื่อมโยงถนนสองแห่ง สร้างขึ้นอย่างแข็งแรงตั้งแต่ปี 1593 โดยชาวญี่ปุ่น ที่มาอาศัยอยู่ในเเมืองฮอยอัน ต่อมามีการขยายถนนลอดใต้สะพานเพื่อให้รถผ่านได้โดยชาว ฝรั่งเศสเมื่อครั้งที่เข้ามามีบทบาทในการปกครองเวียดนาม และต่อมาได้มีการบูรณะซ่อมแซมครั้งใหญ่ในปี 1986 ซึ่งบนสะพานจะมีศาลเจ้าเล็กๆ ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสซึ่งเป็นศาลเก่าแก่อยู่คู่เมืองนี้มานาน
เป็นวัดของสมาคมชาวจีนอพยพที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดของเมืองฮอยอัน ซึ่งเป็นศูนย์รวมของชาวจีนที่อพยพเข้ามาในช่วงปี พ.ศ 2388-2428 โดยพื้นที่สมาคมใช้สำหรับเป็นที่พบปะของคนหลายรุ่นที่อพยพมาจากมณฑลฟุกเกี๋ยนที่มีพื้นเพและแซ่เดียวกัน มีจุดเด่นอยู่ที่งานไม้แกะสลักลวดลายสวยงาม ท่านสามารถทำบุญต่ออายุโดยพิธีสมัยโบราณ คือ การนำธูปที่ขดเป็นก้นหอยมาจุดทิ้งไว้เพื่อเป็นสิริมงคล
เป็นบ้านที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามแบบเฉพาะของฮอยอัน สร้างโดยไม้ 2 ชั้นด้วยความประณีต ด้านหน้าจะทำเป็นร้านบูติก ด้านหลังเป็นที่เก็บสินค้า ภายในเป็นที่อยู่อาศัย มีลาดเปิดโล่งเห็นท้องฟ้า และมีเฉลียงเชื่อมต่อส่วนที่พักอาศัยหลายส่วน รูปแบบของหลังคาทรงกระดองปู
เป็นเมืองท่าสำคัญของเวียดนามกลางตอนใต้ ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลจีนใต้ จัดเป็น 1 ใน 5 เขตการปกครองส่วนท้องถิ่นในเวียดนาม
ยอดเขาบานาฮิลล์อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 40 กิโลเมตร ที่นี่เป็นรีสอร์ท โรงแรม ความสนุกสนานอยู่ที่เครื่องเล่นใน Disney vietnam ที่สูงที่สุดอีกแห่งหนึ่ง สามารถสัมผัสความสวยงามท่ามกลางทัศนียภาพของภูเขาสูงของที่นี่ การเดินทางด้วยกระเช้าสู่เขาบานาฮิลล์ อาจทำให้เราลืมเวลาไปเลยก็ได้ เพราะสายตาจะจดจ่ออยู่กับความสวยงามของทัศนียภาพในหุบเขาสีเขียวเหนือพื้นดิน
ที่นี่เป็นสวนสนุกบนบาน่าฮิลล์ ภายในมีหลายรูปแบบ เช่น ท้าทายความมันส์ของหนัง 4D, ระทึกขวัญกับบ้านผีสิง และอื่นๆ ถ้าไดโนเสาร์เกมส์สนุกๆเครื่องเล่นเบาๆรถไฟเหาะแมงมุนเวียนหัวตลอดไปจนถึงระทึกขวัญสั่นประสาทอีกมากมาย หรือจะเดินช้อปปิ้งซื้อของที่ระลึกภายในสวนสนุกอย่างจุใจก็ได้
สะพานมังกร เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวที่สำคัญของเมืองดานัง มีความยาว 666 เมตร ความกว้างเท่าถนน 6 เลน ด้วยงบประมาณราคาเกือบ 1.5 ล้านล้านดอง เชื่อมต่อสองฟากฝั่งของแม่น้ำฮัน เปิดให้บริการเมื่อ 29 มีนาคม พ.ศ. 2556 เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 38 ปี แห่งอิสรภาพของเมืองดานัง สะพานมังกรแห่งนี้ถือเป็นแลนมาร์คสำคัญที่หนึ่งของเมืองดานัง ซึ่งมีรูปปั้นที่มีหัวเป็นมังกรและหางเป็นปลา พ่นน้ำ คล้ายๆ สิงคโปร์
เป็นหาดทรายสีขาวสวยงามซึ่งทอดตัวอยู่บนชายฝั่งทะเลของเมือดานัง เป็นบริเวณที่ทหารอเมริกันรู้จักกันดี เพราะใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจในสมัยสงครามเวียดนาม การเล่นกระดานโต้คลื่นกลายเป็นกีฬาทางน้ำยอดฮิตประจำหาดนี้ ปัจจุบันหาดนี้ก็เต็มไปด้วยโรงแรมหรูหราและสปามากมาย อิสระเดินเล่นบนชายหาด รับลมทะเล ชมวิถีชีวิตของชาวประมงที่มีจุดเด่นที่ใช้เรือกระด้งในการหาปลา
เป็นเมืองท่าสำคัญของเวียดนามกลางตอนใต้ ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลจีนใต้ จัดเป็น 1 ใน 5 เขตการปกครองส่วนท้องถิ่นในเวียดนาม
วัดหลินอึ๋ง มีเจ้าแม่กวนอิมหลินอึ๋งแกะสลักด้วยหินอ่อนสูงใหญ่ยืนโดดเด่นสูงที่สุดในเวียดนาม ซึ่งมีทำเลที่ตั้งดี หันหน้าออกสู่ทะเลและด้านหลังชนภูเขา ตั้งอยู่บนฐานดวกบัวสง่างาม ชาวประมงนิยมไปกราบไหว้ขอพรให้ช่วยปกปักรักษา หลินอึ๋งมีความหมายว่าสมปรารถนาทุกประการ วัดแห่งนี้นอกจากเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านมากราบไหว้บูชาและขอพรแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม ที่เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่สวยงามชองเมืองดานัง
ตลาดฮาน ตลาดสดของเมืองดานัง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำฮาน ไม่ไกลจากสะพานข้ามแม่น้ำ ด้านหน้าตลาดมีประติมากรรมริมแม่น้ำเป็นรูปปั้นหญิงสวยงาม มีทั้งของสดและของที่ระลึกให้เลือกซื้อ
เป็นท่าอากาศหลักของเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนามตอนกลาง และเป็นท่าอากาศนานาชาติที่สามของประเทศนอกเหนือจากท่าอากาศยานนอยไบกับท่าอากาศยานโฮจิมินห์ ท่าอากาศยานนี้ถูกสร้างขึ้นโดยรัฐบาลอาณานิคมของฝรั่งเศสในทศวรรษที่ 1940 ที่นี่ยังเคยเป็นท่าอากาศยานของทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สงครามอินโดจีน รวมถึงสงครามเวียดนาม
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย