เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานหลักของกรุงเวียนนนา เมืองหลวของประเทศออสเตรีย ตั้งอยู่ในเขตเวทชาท โดยอยู่ประมาณ 18 กิโลเมตรไปทางตะวันออกเฉียงใต้ของใจกลางกรุงเวียนนา ที่นี่เป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยบริหารจุดหมายปลายทางการบินในแถบยุโรป รวมถึงเที่ยวบินระยะไกลสู่เอเชีย อเมริกาเหนือ และแอฟริกา
เมืองอยู่ในบริเวณระหว่างเนินทางใต้ของภูเขาเมดเวดนีตซา กับฝั่งเหนือของแม่น้ำซาวา ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของที่ราบแพนโนเนีย ซึ่งเชื่อมโยงไปยังบริเวณเทือกเขาแอลป์ เทือกเขาไดนาริกแอลป์ ทะเลเอเดรียติก และภูมิภาคแพนโนเนีย ทำให้สามารถติดต่อและคมนาคมขนส่งกับภูมิภาคยุโรปกลางกับทะเลเอเดรียติกได้อย่างดี นอกจากนี้ซาเกรบยังเป็นศูนย์กลางการปกครอง การบริหาร และเป็นที่ตั้งของกระทรวง หน่วยงานราชการต่าง ๆ ของประเทศอีกด้วย
มหาวิหารเซนต์สตีเฟนแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ย่านใจกลางของจัตุรัสสเตฟาน เป็นมหาวิหารที่สร้างในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 12 เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของสถาปัตยกรรมทางศาสนาแบบโกธิคในยุโรปและมีความสวยโดดเด่นสะดุดตา หอคอยทางทิศใต้มีความสูง 136 เมตรและเปิดให้ผู้เข้าชมสามารถเดินขึ้นไปเที่ยวชมความสวยงามของวิวด้านบนโดยไต่บันไดขึ้นไป 343 ขั้น
เป็นท่าอากาศยานหลักประจำประเทศโครเอเชีย ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสถานีรถไฟกลางเมืองซาเกร็บประมาณ 10 กิโลเมตร ที่นี่เป็นศูนย์กลางของสายการบินโครเอเชีย การขนส่งทางอากาศ นอกจากนี้ ฐานทัพหลักของกองทัพอากาศโครเอเชียก็ตั้งอยู่ในสถานที่หนึ่งของท่าอากาศยานนี้เช่นกัน
รถราง Funicular (คนท้องถิ่นเรียกZET) เป็นรถรางที่เชื่อมระหว่างเมืองด้านล่างและเมืองด้านบน ซึ่งใช้เวลานั่งเพียง 55 วินาทีเท่านั้น รถรางแนวเฉียงขึ้นเขานี้เปิดใช้บริการตั้งแต่ปี1893 มีทางวิ่งยาวเพียง 66 เมตรถือเป็นรถรางที่สั้นที่สุดสายหนึ่งของโลก มีความชันเขาสูง 30 เมตรเลยทีเดยว
ประตูเมืองเก่าสโตนเกท ประตูเมืองที่ยังหลงเหลืออยู่มีรูปพระแม่มารีรอดพ้นจากไฟไหม้ครั้งใหญ่ในปี ค.ศ. 1731 เชื่อกันว่าเกิดจากปาฏิหาริย์อันศักดิ์สิทธิ์
ตลาดกลางแจ้งที่เก่าแก่ มีสีสันสดใส ขายไม้ดอกไม้ประดับและผลไม้ราคาถูก ช่วงเดือนแห่งใบไม้ร่วงนี้ สินค้าในตลาดโดแลค จะเจอผลไม้พวกลูกพีช ลูกพรุนสด แตงแบบแคนตาลูบ องุ่นสด ส้ม รวมทั้ง น้ำผึ้ง ลูกพีช ลูกใหญ่ๆนี่ อร่อยสุดๆ สดๆ เสน่ห์อย่างหนึ่งของโดแลค ตลาดแห่งนี้ คือ ตาชั่ง แบบใช้ตุ้มถ่วง
เป็นเมืองตากอากาศสุดหรูของเศรษฐียุโรป เป็นเมืองที่มีสมญานามว่า ไข่มุกแห่งทะเลอาเดรียติก ด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์ประกอบกับอยู่ริมทะเลอาเดรียติก ทำให้เป็นที่พักผ่อนสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโครเอเชีย
นางแห่งนกนางนวล (Maiden with the Seagull) ซึ่งเป็นรูปปั้นที่แกะโดย ZVONKO CAR เป็นรูปสตรีงดงามที่มีนกนางนวลเกาะอยู่ที่มือ ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งเมือง โอพาเทีย
เป็นเมืองเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งที่มีความโดดเด่นในฐานะศูนย์กลางของคาบสมุทรอิตาเลียน เมืองพูล่าเคยเป็นเมืองเป็นศูนย์กลางของแหลมอิสเตรีย และเคยเป็นดินแดนของประเทศอิตาลีมาก่อน ทำให้มีผู้คนใช้ภาษาอิตาเลี่ยนกันอย่างแพร่หลาย แม้กระทั่งตามป้ายจราจรยังคงมีภาษาอิตาเลี่ยนเขียนกำกับไว้
สนาม พูล่า อารีน่า (PULA Arena) หรือ AMPHITHEATER สนามกีฬากลางแจ้ง ที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับโคลอสเซียม ที่กรุงโรม นับเป็นอารีน่าที่ใหญ่เป็นอันดับหกที่สร้างขึ้นในยุคโรมันเรืองอำนาจ จึงถูกสร้างขึ้นตามแบบฉบับสถาปัตยกรรมโรมันอย่างเดียวกับโคลอสเซียมของกรุงโรม สามารถจุผู้คนได้ถึง 22,000 คน โดยผ่านทางเข้าออก 20 ช่องทาง อารีน่าที่เห็นในปัจจุบันได้รับการอนุรักษ์ให้คงสภาพดั้งเดิม ในช่วง ค.ศ.15 มีเรื่องน่าประหลาดใน โดยชาวเวเนเชี่ยนพยายามจะมาขนย้ายหินของอารีน่าแห่งนี้ไปสร้างไว้ที่เมืองเวนิสแทน แต่โชคดีที่ทำไม่สำเร็จและได้รับการต่อต้านจากชาวเมืองท้องถิ่น อารีน่าแห่งนี้จึงรักษาสภาพสมบูรณ์เอาไว้ได้ จนมาถึงทุกวันนี้ ในปัจจุบันมักใช้เป็นสถานที่จัดงานกิจกรรมกลางแจ้ง เทศกาลดนตรีต่างๆ รวมทั้งเป็นสถานที่จัดงานภาพยนตร์ประจำปี (International Film Festival) อีกด้วย
เป็นเมืองอันสวยงามริมชายทะเลที่ตั้งอยู่บนแหลมอีสเตรีย ด้วยความที่ดินแดนแห่งนี้ถูกปกครองโดยเวเนเชี่ยน และอยู่ภายใต้การปกครองของอิตาลีมาก่อน ทำให้สถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมของเมืองนี้มีความคล้ายคลึงกับอิตาลีเป็นอย่างมาก
เป็นเมืองตากอากาศสุดหรูของเศรษฐียุโรป เป็นเมืองที่มีสมญานามว่า ไข่มุกแห่งทะเลอาเดรียติก ด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์ประกอบกับอยู่ริมทะเลอาเดรียติก ทำให้เป็นที่พักผ่อนสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโครเอเชีย
โบสถ์ St. Euphemia ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา โบสถ์สไตล์บาร็อคที่มียอดโบสถ์สูงถึง 61 เมตร และถือได้ว่าเป็นยอดโบสถ์ ทีสูงที่สุดของแคว้น ท่านชมเขตเมืองเก่า ที่เต็มไปด้วยความงดงามของตึกรามบ้านช่องที่เรียงเป็นแนวยาวในตรอกเล็กๆ ริมชายฝั่งทะเลอาเดรียติก ซึ่งบริเวณเมืองเก่าแห่งนี้มีลักษณะเป็นเกาะแยกตัวออกมาจากแผ่นดินใหญ่ แต่ได้มีการถมทะเลเชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่เพื่อความสะดวกในการเดินทาง
เป็นเมืองอันสวยงามริมชายทะเลที่ตั้งอยู่บนแหลมอีสเตรีย ด้วยความที่ดินแดนแห่งนี้ถูกปกครองโดยเวเนเชี่ยน และอยู่ภายใต้การปกครองของอิตาลีมาก่อน ทำให้สถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมของเมืองนี้มีความคล้ายคลึงกับอิตาลีเป็นอย่างมาก
นับว่าเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์มาก จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO เมื่อปี 1979 อุทยานแห่งนี้มีเนื้อที่กว่า 29,482 เฮคเตอร์ พื้นที่ส่วนใหญ่ปกคลุมด้วยน้ำมีทะเลสาบสีเขียวมรกตและสีฟ้า รวมกันถึง 16 ทะเลสาบ เชื่อมต่อกันด้วยทางเดินสะพานไม้ลัดเลาะระหว่างทะเลสาบและเนินเขา
ล่องเรือทะเลสาบ JEZERO KOZJAK ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในอุทยานแห่งชาติพลิทวิทเซ่แห่งนี้
เมืองซิบีนิกอยู่บริเวณปากแม่น้ำติดทะเล เป็นเมืองท่า แต่คลื่นลมไม่แรงเพราะอ่าวเว้าเข้ามาในแผ่นดิน และหน้าอ่าวยังมีเกาะชื่อ Zlarin คอยบังอยู่ปากอ่าว ทะเลอาเดรียติกมีเกาะริมชายฝั่งเยอะมาก ทั้งเกาะเล็กเกาะใหญ่นับร้อย ถือเป็นเอกลักษณ์ของภูมิภาคแถบนี้
หนึ่งในมรดกโลกของประเทศโครเอเชีย ตั้งอยู่ที่เมืองซีเบนิคบนชายฝั่งดัลเมเชียน เริ่มสร้างในปี ค.ศ. 1402 สร้างจากหินปูนสีขาวจากเกาะบลอค ทั้งหลังไม่มี ไม้หรืออิฐปน
ถือว่าเป็นอีกเมืองประวัติศาสตร์ของโครเอเชีย เมืองโบราณบนเกาะเล็กๆ ซึ่งในอดีตเคยถูกปกครองโดยพวกกรีกและโรมัน แต่ปัจจุบันมีการอนุรักษ์เป็นเมืองเก่า และได้รับการรับรองให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1997 การท่องเที่ยวในเมืองนั้นนักท่องเที่ยวจะได้ซึมซับถึงความเก่าแก่ของ อาคาร บ้านเรือน และป้อมปราการที่สง่างาม โบสถ์อันสวยงามยุคโรมาเนสก์ ได้รับการส่งเสริมด้วยอาคารที่โดดเด่นแบบ เรอเนสซองส์และบาโรคจากยุคเวนิเชียน (Venetian period)
เป็นเมืองท่องเที่ยวริมทะเลของประเทศโครเอเชีย เป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากเมืองซาเกรบ ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคดัลเมเชีย อันเป็นต้นกำเนิดของสุนัขพันธุ์ดัลมาเชี่ยนที่โด่งดัง และถือว่าเป็นเมืองที่ค่อนข้างมีความเก่าแก่มาก อีกทั้งยังเป็นเมืองท่าที่สำคัญทางการค้าและการท่องเที่ยวของโครเอเชีย และที่สำคัญเมืองประวัติศาสตร์แห่งนี้ยังมีชื่อเสียงเกี่ยวกับสุนัขพันธุ์ดัลเมเชียน
พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นจากพระประสงค์ของจักรพรรดิ์ดิโอคลีเธี่ยนแห่งโรมัน ซึ่งต้องการสร้างพระราชวังสำหรับบั้นปลายชีวิตของพระองค์ ภายในพระราชวังประกอบด้วย วิหารจูปิเตอร์ สุสานใต้ดินที่มีชื่อเสียงและวิหารต่างๆ ซึ่งอยู่ภายในวิหาร องค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้ประกาศให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1979
อ่าวมาลี สตอน (MALI STON) เมืองเล็กริมทะเลทางตอนใต้ของโครเอเชีย ตั้งอยู่ ณ คาบสมุทรเพลเยแซคใกล้พรมแดนเมือง "นีอุม" ประเทศบอสเนีย บริเวณหุบอ่าวแถบนี้มีความอุดมสมบูรณ์ของแพลงตอนและสารอาหารในน้ำทะเลจำนวนมาก เนื่องจากสภาพภูมิประเทศเป็นลักษณะโขดหิน เกาะเล็ก ๆ ต่าง ๆ ทำให้เมื่อเวลามีฝนตก น้ำชะล้างแร่ธาตุต่าง ๆ ไหลลงมาในน้ำทะเลแถบนี้ จึงทำให้มาลีสตอนเป็นแหล่งทำอุตสาหรรมประมงที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศโครเอเชีย
เป็นกระเช้าไฟฟ้าที่ระดับความสูง 400 เมตร เพื่อชมวิวทิวทัศน์ที่คงความเป็นเอกลักษณ์ของบ้านเมืองหลังคาสีส้ม และความงดงามทะเลอะเดรียติค เพื่อชมวิวทิวทัศน์ที่คงความเป็นเอกลักษณ์ของบ้านเมืองหลังคาสีและความงดงามทะเลอาเดรียติก ยามสีน้ำเงินของทะเลอาเดรียติกตัดกับสีส้มแสดของกระเบื้องหลังคาเมืองเก่า สวยงามเกินจินตนาการมากว่าคำบรรยายใดๆ
เป็นเมืองจำพวกเมืองสวย เมืองเก่าที่เห็นตรงหน้า จึงเป็นผลจากการบูรณะขึ้นใหม่ แต่ก็ยังได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองมรดกโลก จาก องค์การยูเนสโก เพราะเป็นเมืองเก่าดั้งเดิม ที่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 7ตลอดแนวกำแพง 2 กิโลเมตร ที่โอบเมืองเก่าเอาไว้ จึงเป็นระยะการเดินที่น่าสนใจไปทุกรายละเอียด เพราะนอกจากจะได้ศึกษาประวัติศาสตร์ของเมืองแล้ว ยังได้สัมผัสวิวทิวทัศน์ของเมืองเก่า และของกินทะเลอะเดรียติคอย่างเต็มอิ่ม
ได้รับการบอกเล่าว่าเป็นเมืองเก่าที่สวยที่สุดในยุโรป จนได้รับฉายา "ไข่มุกแห่งทะเลเอเดรียติก" ริมชายฝั่งทะเลที่มีบ้านเรือนหลังคากระเบื้องสีแสดสลับตามแนวชายฝั่ง และเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรม
ตั้งอยู่ปลายสุดของถนนสายหลัก สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1444 หน้าปัดทำด้วยเหล็ก มีความพิเศษตรงลูกกลมๆ ใต้หน้าปัดซึ่งแทนพระจันทร์บอกข้างขึ้นข้างแรมในสมัยก่อน และรูปปั้นของ นักบุญ St.Blaise ซึ่งมีโบสถ์ประจำเมืองสไตล์โรมาเนสก์แห่งแรกของเมืองเป็นฉากหลังเพิ่มสเน่ห์มนต์ขลังสวยสดงดงาม
เป็นกำแพงหินและป้อมปราการโบราณที่ตั้งล้อมรอบเมืองดูบรอฟนิค ได้ชื่อว่าเป็นระบบกำแพงป้อมปราการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ยุคกลาง กำแพงเมืองที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ในปัจจุบันสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 12-17 มีความยาวตลอดแนวที่ 1,940 เมตร มีแท่นยิงปืนใหญ่กว่า 120 กระบอกตั้งกระจายอยู่ตามแนว และบนกำแพงยังถือเป็นจุดชมวิวที่สามารถชมวิวเมืองดูบรอฟนิคและวิวทะเลได้อย่างงดงาม
ระบำลาโด (LADO) การแสดงศิลปะการร่ายรำพื้นบ้านประจำชาติโครเอเชีย ระบำลาโด้ เป็นนาฎศิลป์พื้นบ้านแห่งชาติโครเอเชีย ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1949 ณ กรุงซาเกรบ ลาโด้แสดงให้เห็นถึงประเพณีท้องถิ่นที่มีความสมบูรณ์และหลากหลายไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดนตรี รูปแบบการแสดงหรือเครื่องแต่งกายที่แสดงถึงเอกลักษณ์เฉพาะของชาวโครแอตพื้นเมือง และระบำลาโด้มักจะถูกเรียกว่า “พิพิธัณฑ์ระบำ” เนื่องจากมีการใช้เครื่องแต่งการประจำชาติล้ำค่าและสวยงามประกอบการแสดงในการแสดงชุดใหญ่มากกว่า 1,200 ชุด ซึ่งในบางชุดมีอายุยาวนานกว่า 100 ปี
Konzum เป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตท้องถิ่นที่มีสินค้าหลากหลายมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “KRAS” ช้อคโกแลตท้องถิ่น ยี่ห้อที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรปตะวันออก, ไวน์โลกเก่าท้องถิ่น “Dingac”, “Postup” จากองุ่นพันธุ์ท้องถิ่น “Plavac Mali” คุณภาพระดับเดียวกับไวน์ฝรั่งเศสหรืออิตาเลี่ยน และสินค้าอื่น ๆ อีกมากมาย อิสระให้ท่านได้เลือกช้อปปิ้งตามอัธยาศัย
เป็นท่าอากาศยานนานาชาติประจำประเทศโครเอเชีย ตั้งอยู่ประมาณ 20 กิโลเมตรไปทางตะวันออกเฉียงใต้จากใจกลางเมืองดูบรอฟนิก ที่นี่ให้บริการเที่ยวบินตรงไปยัง 60 เมือง ในทุกสัปดาห์จะมีเที่ยวบินภายในประเทศ 70 เที่ยวบินและเที่ยวบินระหว่างประเทศ 28 เที่ยวบินเป็นอย่างน้อยที่ออกจากท่าอากาศยานนี้
เป็นท่าอากาศยานหลักของกรุงเวียนนนา เมืองหลวของประเทศออสเตรีย ตั้งอยู่ในเขตเวทชาท โดยอยู่ประมาณ 18 กิโลเมตรไปทางตะวันออกเฉียงใต้ของใจกลางกรุงเวียนนา ที่นี่เป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยบริหารจุดหมายปลายทางการบินในแถบยุโรป รวมถึงเที่ยวบินระยะไกลสู่เอเชีย อเมริกาเหนือ และแอฟริกา
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย