เป็นจุดศูนย์กลางทางการบินในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สามารถเชื่อมโยงการคมนาคมทางอากาศไปยังจุดต่างๆ ของโลกได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการบินภายในภูมิภาคเอเชียด้วยกัน หรือระหว่างทวีปยุโรป ทวีปอเมริกา ทวีปออสเตรเลีย ซึ่งสามารถใช้เป็นจุดแวะลงและเชื่อมต่อในการเดินทางของผู้โดยสารตลอดจนพัสดุไปรษณียภัณฑ์ไปยังจุดอื่นๆ ได้อย่างดี
เป็นท่าอากาศหลักของเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนามตอนกลาง และเป็นท่าอากาศนานาชาติที่สามของประเทศนอกเหนือจากท่าอากาศยานนอยไบกับท่าอากาศยานโฮจิมินห์ ท่าอากาศยานนี้ถูกสร้างขึ้นโดยรัฐบาลอาณานิคมของฝรั่งเศสในทศวรรษที่ 1940 ที่นี่ยังเคยเป็นท่าอากาศยานของทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สงครามอินโดจีน รวมถึงสงครามเวียดนาม
เมืองเว้ตั้งอยู่ใจกลางของประเทศ อยู่ห่างจากชายฝั่งทะเล 12 กิโลเมตร เป็นเมืองของกษัตริย์ในราชวงศ์เหวียน ซึ่งได้ปกครองต่อกันมาเพียง 33 ปี ฝรั่งเศสก็บุกเข้าโจมตีเมืองเว้ มาถึงปีพ.ศ.2488 ญี่ปุ่นก็เข้ามายึดครองบังคับให้พระเจ้าเบาได๋สละราชสมบัติ ต่อมาเมืองเว้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเวียดนามใต้ ตามการแบ่งประเทศออกเป็น 2 ส่วน และได้เสื่อมสลายลงภายใต้การปกครองของโงดินห์เยียม เมืองเว้ดึงดูดนักท่องเที่ยวเพราะมีแหล่งประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม เสน่ห์ที่ไร้กาลเวลาของสถาปัตยกรรมที่ล้ำค่ามีแบบฉบับของตนเอง และยังมีความงามตามธรรมชาติบนฝั่งแม่น้ำหอมด้วย
เป็นอุโมงค์ลอดเขาหายเวินที่มีความยิ่งใหญ่อลังการ ที่ถือเป็นงานก่อสร้างแห่งภาคความภูมิใจของชาวเวียดนาม อุโมงค์นี้มีระยะทางจากอีกฝั่งไปอีกฝั่งถึง 6,280 เมตร
เป็นวัดพุทธมหายาน ตั้งอยู่ริมแม่น้ำหอม เป็นอาคารทรงเจดีย์แปดเหลี่ยม 7 ชั้น สูง 21 เมตร ซึ่งสร้างขึ้นใน ค.ศ.1601 ในสมัยขุนนางเหวียนฮวาง คำว่าเทียนมู่ แปลว่า เทพธิดา ดังนั้นนักท่องเที่ยวชาวไทยส่วนใหญมาเยือนจึงตั้งชื่อภาษาไทยให้ว่า “วัดเทพธิดาราม” ตั้งอยู่ฝั่งซ้ายของริมแม่น้ำหอมของประเทศเวียดนาม ทางไปสุสานของพระเจ้ามิงห์หม่าง วัดแห่งนี้นับเป็นศูนย์กลางทางพุทธศาสนานิกายเซน จุดเด่นที่สุดของวัดแห่งนี้คือเจดีย์ทรงเก๋ง 8 เหลี่ยม สูงลดหลั่นกัน 7 ชั้น แต่ละชั้นเป็นตัวแทนของชาติภพต่างๆ ของพระพุทธเจ้า
เป็นตลาดสินค้าขนาดใหญ่ของเมืองเว้ ที่อยู่ติดกับเมื่อน้ำเหือง หรือแม่น้ำหอม เป็นแหล่งชุมนุมคนไทยในเมืองเว้ที่ไม่ได้นัด หมายกันมาก่อน ของที่นี่สามารถต่อรองได้ และจำเป็นต้องต่อด้วย เพราะราคาบางอย่างก็สูง
เป็นตลาดสินค้าขนาดใหญ่ของเมืองเว้ ที่อยู่ติดกับเมื่อน้ำเหือง หรือแม่น้ำหอม เป็นแหล่งชุมนุมคนไทยในเมืองเว้ที่ไม่ได้นัด หมายกันมาก่อน ของที่นี่สามารถต่อรองได้ และจำเป็นต้องต่อด้วย เพราะราคาบางอย่างก็สูง
ล่องเรือมังกร ชมแม่น้ำหอม ซึ่งเป็นแม่น้ำที่มีแหล่งกำเนิดมาจากบริเวณต้นน้ำที่อุดมไปด้วยดอกไม้ป่าที่ส่งกลิ่นหอม เป็นแม่น้ำสายสั้นๆ ระหว่างทางจะได้พบเห็นหมู่บ้านชาวน้ำให้เห็นอยู่เป็นระยะๆ (ใช้เวลาล่องเรือโดยประมาณ 45-60 นาที)
เป็นแม่น้ำที่ไหลผ่านกลางเมืองเว้ ในเขตจังหวัดถัวเทียน-เว้ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม แม่น้ำหอมมีต้นกำเนิดอยู่ 2 แหล่ง ซึ่งทั้งสองแหล่งนั้นเริ่มต้นจากทิวเขาเจื่องเซิน แควด้านซ้ายไหลมาจากเทือกเขาเจื่องดองไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ระหว่างทางเกิดเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ 55 แห่ง และเริ่มไหลช้าลงจนถึง Bang Lang fork ส่วนแควด้านขวาซึ่งมีระยะทางสั้นกว่า ไหลผ่านน้ำตก 14 แห่งและ Tuan ferry แล้วมาบรรจบกับแควด้านซ้ายที่ Bang Lang fork เกิดเป็นแม่น้ำหอม
เป็นพระราชวังเพียงแห่งเดียวในประเทศเวียดนาม และเป็นที่ประทับของกษัตริย์ในราชวงค์เหงียนทั้ง 13 พระองค์ ในช่วงระหว่าง ค.ศ. 1802 – 1935 โดยมีกษัตริย์องค์แรกชื่อกษัตริย์ยาลอง พระองค์สร้างพระราชวังนี้เมื่อ ค.ศ.1805 แต่แล้วเสร็จในปี ค.ศ 1832 รวมระยะเวลาก่อสร้างนานถึง 27 ปี กษัตริย์องค์สุดท้ายที่ประทับคือกษัตริย์เบ่าได๋ ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของเวียดนาม
สุสานจักรพรรดิไคดิงห์ เป็นสุสานที่องค์จักรพรรดิองค์ที่ 12 สร้างขึ้นและถือว่าเป็นสุสานที่งดงามของสถาปัตยกรรมการก่อสร้างที่มีลวดลายอ่อนช้อยผสมผสานกับความงามของภาพตกแต่งผนังด้วยกระเบื้องสี ซึ่งเป็นศิลปะของชาวเวียดนามโดยเฉพาะที่ได้รับการตกทอดมานับพันปี และภาพเขียนอันวิจิตรบรรจงที่ฝ้าเพดานที่ศิลปินบรรจงใช้พู่กันวาดด้วยเท้า
เป็นเมืองท่าสำคัญของเวียดนามกลางตอนใต้ ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลจีนใต้ จัดเป็น 1 ใน 5 เขตการปกครองส่วนท้องถิ่นในเวียดนาม
ยอดเขาบานาฮิลล์อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 40 กิโลเมตร ที่นี่เป็นรีสอร์ท โรงแรม ความสนุกสนานอยู่ที่เครื่องเล่นใน Disney vietnam ที่สูงที่สุดอีกแห่งหนึ่ง สามารถสัมผัสความสวยงามท่ามกลางทัศนียภาพของภูเขาสูงของที่นี่ การเดินทางด้วยกระเช้าสู่เขาบานาฮิลล์ อาจทำให้เราลืมเวลาไปเลยก็ได้ เพราะสายตาจะจดจ่ออยู่กับความสวยงามของทัศนียภาพในหุบเขาสีเขียวเหนือพื้นดิน
ที่นี่เป็นสวนสนุกบนบาน่าฮิลล์ ภายในมีหลายรูปแบบ เช่น ท้าทายความมันส์ของหนัง 4D, ระทึกขวัญกับบ้านผีสิง และอื่นๆ ถ้าไดโนเสาร์เกมส์สนุกๆเครื่องเล่นเบาๆรถไฟเหาะแมงมุนเวียนหัวตลอดไปจนถึงระทึกขวัญสั่นประสาทอีกมากมาย หรือจะเดินช้อปปิ้งซื้อของที่ระลึกภายในสวนสนุกอย่างจุใจก็ได้
เป็นเมืองขนาดเล็กริมฝั่งทะเลจีนใต้ทางตอนกลางของประเทศเวียดนาม ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดกว๋างนาม มีประชากรอาศัยอยู่ราว 80,000 คน ในอดีตเคยเป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งในเวียดนาม องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนเขตเมืองเก่าของฮอยอันให้เป็นมรดกโลก
เป็นวัดของสมาคมชาวจีนอพยพที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดของเมืองฮอยอัน ซึ่งเป็นศูนย์รวมของชาวจีนที่อพยพเข้ามาในช่วงปี พ.ศ 2388-2428 โดยพื้นที่สมาคมใช้สำหรับเป็นที่พบปะของคนหลายรุ่นที่อพยพมาจากมณฑลฟุกเกี๋ยนที่มีพื้นเพและแซ่เดียวกัน มีจุดเด่นอยู่ที่งานไม้แกะสลักลวดลายสวยงาม ท่านสามารถทำบุญต่ออายุโดยพิธีสมัยโบราณ คือ การนำธูปที่ขดเป็นก้นหอยมาจุดทิ้งไว้เพื่อเป็นสิริมงคล
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่เจดีย์ Quan Am ของเมืองฮอยอัน ภายในจัดแสดงตัวอย่างสิ่งประดิษฐ์ยุคก่อนจาม ภาพถ่ายประวัติศาสตร์ เครื่องประดับเซรามิค และอื่นๆ ที่นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับเมืองฮอยอันแห่งนี้
หมู่บ้านแกะสลักหินอ่อน เป็นหมู่บ้านแห่งหนึ่งอยู่ในตัวเมืองดานังที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกในเรื่องงานฝีมือ การแกะสลักหินอ่อน หินหยก ที่นักท่องเที่ยวสามารถเลือกชมและซื้อกลับไปเป็นของฝากทางบ้านได้
รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม ซึ่งมีความสูงถึง 67 เมตรสูงที่สุดในเวียดนาม ตั้งอยู่บนฐานดอกบัว กว้าง 35 เมตร ยืนหันหลังให้ภูเขาและหันหน้าออกทะเล คอยปกป้องคุ้มครองชาวประมงที่ออกไปหาปลานอกชายฝั่งและยังมีหินอ่อนแกะสลักเป็นรูป 18พระอรหันต์ขนาดใหญ่อยู่ภายในวัด
ตลาดฮาน ตลาดสดของเมืองดานัง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำฮาน ไม่ไกลจากสะพานข้ามแม่น้ำ ด้านหน้าตลาดมีประติมากรรมริมแม่น้ำเป็นรูปปั้นหญิงสวยงาม มีทั้งของสดและของที่ระลึกให้เลือกซื้อ
เป็นท่าอากาศหลักของเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนามตอนกลาง และเป็นท่าอากาศนานาชาติที่สามของประเทศนอกเหนือจากท่าอากาศยานนอยไบกับท่าอากาศยานโฮจิมินห์ ท่าอากาศยานนี้ถูกสร้างขึ้นโดยรัฐบาลอาณานิคมของฝรั่งเศสในทศวรรษที่ 1940 ที่นี่ยังเคยเป็นท่าอากาศยานของทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สงครามอินโดจีน รวมถึงสงครามเวียดนาม
เป็นจุดศูนย์กลางทางการบินในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สามารถเชื่อมโยงการคมนาคมทางอากาศไปยังจุดต่างๆ ของโลกได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการบินภายในภูมิภาคเอเชียด้วยกัน หรือระหว่างทวีปยุโรป ทวีปอเมริกา ทวีปออสเตรเลีย ซึ่งสามารถใช้เป็นจุดแวะลงและเชื่อมต่อในการเดินทางของผู้โดยสารตลอดจนพัสดุไปรษณียภัณฑ์ไปยังจุดอื่นๆ ได้อย่างดี