เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานประจำเมืองอู่ฮั่น เมืองหลวงของมณฑลหูเป่ย เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 เมษายน ปี 1995 แทนที่ท่าอากาศยานฮันโขว หวังจี ที่นี่เป็นท่าอากาศยานที่พลุกพล่านที่สุดในภาคกลางของจีน เนื่องจากตั้งอยู่ในจุดศูนย์กลางทางภูมิศาสตร์ของเครือข่ายเส้นทางการบินของจีน
เมืองจิงโจว เป็นต้นกำเนิดของวัฒนธรรมฉู่ และเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมยุคสามก๊ก ในสมัยสามก๊กเป็นเมืองหน้าด่านชื่อว่าเมืองเกงจิ๋ว ซึ่งครั้งหนึ่งเมืองนี้ขงเบ้งแนะนำให้เล่าปี่ยึดเมืองนี้ เพราะเมืองเกงจิ๋วเป็นเมืองที่มีชัยภูมิที่ดีที่สุด ต่อมากวนอูพี่น้องร่วมสาบานของเล่าปี่ได้มาเป็นเจ้าเมืองปกครองเมืองนี้ เป็นเวลา 10 ปี จนได้สร้างตำนานหลากหลายที่ยังคงเป็นที่กล่าวขานอยู่จนถึงปัจจุบัน เมืองนี้ถือเป็นเมืองเล็กๆที่ตั้งอยู่ระหว่างเมืองอู่ฮั่นกับเมืองอี๋ชาง
เป็นกำแพงเมืองประจำเมืองจิวโจวที่อยู่ใกล้ๆ กับศาลเจ้ากวนอู มีความกว้าง 3.75 เมตร ยาว 10.5 กิโลเมตร สูง 8.83 เมตร มี 6 ประตู ทุกประตูจะมีป้อมหรือซุ้มอยู่ด้านบน มีหอปินหยางโหลวเป็นสัญลักษณ์สำคัญ สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง ห่างจากยุคสามก๊กกว่าหนึ่งพันปี ตอนกลางกำแพงมี “เวิ่งเฉิง” หรือ “กับดัก” ซึ่งถูกใช้เพื่อต้อนจับข้าศึกในยุคนั้น
รูปปั้นกวนอูที่ใหญ่ที่สุดของโลก ที่มีความสูงกว่า 58 เมตร กวนอูถือเป็นนักรบผู้น่าเกรงขามและซื่อสัตย์ภักดี จนได้รับการยกเป็นเทพกวนอู เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ ทางการเมืองจิงโจว มณฑลหู ได้ก่อสร้างรูปปั้นสัมฤทธิ์เทพเจ้ากวนอูขึ้น โดยมันจะกลายเป็นรูปปั้นเทพเจ้ากวนอูที่ใหญ่ที่สุดในโลก
เป็นกำแพงเมืองประจำเมืองจิวโจวที่อยู่ใกล้ๆ กับศาลเจ้ากวนอู มีความกว้าง 3.75 เมตร ยาว 10.5 กิโลเมตร สูง 8.83 เมตร มี 6 ประตู ทุกประตูจะมีป้อมหรือซุ้มอยู่ด้านบน มีหอปินหยางโหลวเป็นสัญลักษณ์สำคัญ สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง ห่างจากยุคสามก๊กกว่าหนึ่งพันปี ตอนกลางกำแพงมี “เวิ่งเฉิง” หรือ “กับดัก” ซึ่งถูกใช้เพื่อต้อนจับข้าศึกในยุคนั้น
เป็นเมืองที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลหูหนาน และเป็นเมืองพี่เมืองน้องกับเมืองฉางซา โดยเมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ แต่ถนนหนทางของเมืองนี้สะอาดสะอ้านเป็นระเบียบในเมือง มีการปลูกต้นไม้อย่างสวยงาม
ถนนโบราณต้าเสี่ยวเหอเจีย เป็นถนนที่ก่อสร้างเป็นแบบลักษณะชุมชนตลาดโบราณ สร้างตามวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของเมืองฉางเต๋อ ระหว่างทางจะมีการขายอาหารพื้นเมือง เช่น เส้นหมี่ฉางเต๋อ รวมไปถึงของใช้ และของที่ระลึกต่างๆ ของชุมชน
เป็นอุทยานมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรกของจีนมาตั้งแต่ปี 1992 เนื้อที่กว่า 9,500 ตารางกิโลเมตรของอุทยาน เต็มไปด้วยแท่งภูเขาหินทราย สูงขึ้นฟ้ามากกว่า 3,000 ยอด สะพานหินตามธรรมชาติ น้ำตก ถ้าใหญ่น้อยกว่า 40 แห่ง เป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของจีน ซึ่งลือชื่อด้วยทรัพยากรการท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์ของตนเอง
ศูนย์วิจัยทางการแพทย์แผนโบราณ เพื่อ รับฟังเรื่องราวเกี่ยวกับ การแพทย์โบราณตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันการส่งเสริม การใช้สมุนไพรจีน ที่มีมานานนับพันปีพร้อมรับฟังกาวินิจฉัยโรคโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ชาวจีนเชื่อว่าการนวดฝ่าเท้า ช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้า ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรง มีความต้านทานโรคเพิ่มขึ้น สามารถรักษาการปวดเท้า ขาไม่มีแรง ขาชา เป็นตะคริว แก้ปัญหาเหล่านี้ได้
ภายในพิพิธภัณฑ์เป็นที่รวบรวมและจัดแสดงผลงานที่มีคุณค่าทางศิลปะของศิลปินแห่งชาตินาม "หลี่จวินเซิง" ซึ่งผลงานของเขาทุกชิ้นเป็นภาพเขียนด้วยมือที่ใช้หินทรายและสีธรรมชาติที่สกัดจากเปลือกไม้ใบไม้เป็นวัตถุดิบในการเขียน ภาพเขียนเหล่านี้นอกจากจะทรงคุณค่าทางศิลปะมีเอกลักษณ์เฉพาะ ยังเป็นภาพเขียนที่สวยงาม คมชัด และมีมิติสมจริงอีกด้วย
เป็นสะพานแก้วที่ยาวที่สุดในโลก มีความสูงเหนือพื้น 980 ฟุต และความยาวมากกว่า 400 เมตร เชื่อมสองหน้าผา ถือเป็นการทำลายสถิติโลกในฐานะสะพานแก้วที่ยาวที่สุด เนื่องจากอันเดิมอย่างสะพานแกรนด์แคนย่อนของอเมริกา สูงเพียงแค่ 718 ฟุต
ถนนคนเดิน "ซีปู้เจีย" ณ เขตอู่หลิงหยวน ที่ถนนคนเดิน "ซีปู้เจีย" นอกเหนือจะเป็นถนนที่มีร้านค้าขายสินค้าพื้นเมืองของที่นี่แล้วยังมีอีกสถานที่อีกแห่งหนึ่งซึ่งน่าสนใจอยากให้ไปชมกัน นั่นก็คือ พิพิธภัณฑ์ภาพวาดทรายกี่เป็นภาพวาดแฮนเมตชื่อดังของที่นี่ ภาพวาดทรายถือเป็นสินค้ายอดนิยมอีกสิ่งหนึ่งที่หมู่นักท่องเที่ยวทั้งชาวจีนและชาวต่างชาตินิยมซื้อเป็นของฝากที่เป็นเอกลักษณ์ที่ควรค่าแก่การประดับบนกำแพงบ้าน
หยก (Jade) คือชื่อที่ใช้เรียกหินซึ่งเป็นอัญมณีอันล้ำค่ามากชนิดหนึ่ง โดยเฉพาะชาวจีนถือว่าหยกเป็นเจ้าแห่งหินมีค่าทั้งมวล
เป็นหนึ่งในภูเขาที่สวยงามที่สุดของประเทศจีน "มีคำกล่าวว่า หากใครมาจางเจียเจี้ยแล้วไม่ได้มาขึ้นเขาเทียนเหมินซานแห่งนี้เหมือนมาไม่ถึงจางเจียเจี้ย" ตั้งอยู่มณฑลหูหนาน สาเหตุที่เรียกว่าเทียนเหมินซานเพราะว่า ภูเขาเกิดระเบิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ จนกลายเป็นถ้ำหรือประตูสวรรค์ ประตูนี้มีความสูง 131.5 เมตร ความกว้าง 57 เมตร ความลึก 60 เมตร เราจะได้เดินชมวิวทิวทัศน์ลัดเลาะริมหน้าผาชมความสวยงามของทะเลภูเขาที่มีรูปร่างต่างๆ แปลกตา และวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม
นั่งกระเช้าขึ้น+ลงบันไดเลื่อน (หมายเหตุ : รายการนี้ไกด์จะดูความเหมาะสมของเวลา โดยการเลือกนั่งกระเช้าขึ้นและลงบันไดเลื่อน หรือเลือกขึ้นบันไดเลื่อนและลงกระเช้า กระเช้ามีความยาวถึง 7.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเพียง 40 นาที)ให้ท่านได้ชมความงามของภูเขานับร้อยยอดที่สูงเสียดฟ้า และชมเส้นทางขึ้นเขาที่มีโค้งถึง 99 โค้ง
เป็นระเบียงกระจกใสขนาดใหญ่ในพื้นที่อุทยานหลุมฟ้า มีความกว้าง 26 ตารางเมตร ยื่นออกมาจากหน้าผาของภูเขาลูกหนึ่งในอุทยานหลุมฟ้า 3 สะพานสวรรค์ เป็นจุดชมวิวแห่งใหม่ในอุทยาน ด้วยความสูงถึง 1,200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
พิพิธภัณฑ์จางเจียเจี้ย ที่รวมรวมประวัติศาสตร์ของชนเผ่า รวมไปถึงวัฒนธรรมในยุคสมัยโบราณให้ท่านได้เรียนรู้ความเป็นมาของพื้นถิ่นจางเจียเจี้ยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ที่นี่ เป็นสถานที่ที่แสดงถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของชนเผ่าถู่เจีย อาทิ ชีวิตในประจำวัน การอยุ่อาศัย การเพาะปลูก การสู้รบ ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมต่างๆ
เป็นเมืองเอกและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของมณฑลหูเป่ย (Hubei) ด้วยพื้นที่ 8,467.11 ตารางกิโลเมตร มีประชากรประมาณ 8 ล้านคน อยู่ตอนกลางของประเทศจีน หากเหนือจะลงใต้ หรือ ใต้จะขึ้นเหนือ ก็ต้องผ่านอู่ฮั่น ซึ่งมีประวัติยาวนานกว่า 3,500 ปี และเป็นเส้นทางผ่านของแม่น้ำหลักสองสาย คือแม่น้ำแยงซีเกียง และแม่น้ำฮั่นซุย
เป็นถนนคนเดินที่ซึ่งรวมสินค้าไว้มากมาย ให้ท่านเลือกซื้อสินค้าหลากหลาย และสินค้าพื้นเมืองในราคาถูกใจ
วัดกุยหยวน ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ 1 ใน 4 ที่ยิ่งใหญ่ของเมือง อู๋ฮั่น สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิงถึงราชวงศ์ชิง มีอายุราว 300 กว่าปี ภายในวัดเป็นที่ประดิษฐานพระโพธิสัตว์กวนอิมและพระอรหันต์ 500 องค์ที่ปั้นจากดินฉาบด้วยสีทอง เป็นวัดที่คนมานิยมมากราบไหว้
มีอีกชื่อว่าสะพานฉางเจียง เป็นสะพานข้ามแม่น้ำแยงซีเกียงแห่งแรกในอู่ฮั่น ซึ่งสะพานข้ามแม่น้ำแยงซีเกียงของอู่ฮั่น มีทั้งหมด 7 สะพาน และ 1 อุโมงค์ สำหรับใช้ข้ามแม่น้ำสายยักษ์ สะพานนี้ถือเป็น สะพานข้ามแม่น้ำแยงซีเกียง แห่งแรกของ อู่ฮั่น ที่ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1957 เพื่อใช้ข้ามแม่น้ำระหว่างภูเขางูและภูเขาเต่า มีความยาวกว่า 1,680 เมตร เป็นสะพานสองชั้น ชั้นบนเป็นถนน 4 เลน ชั้นล่างเป็นทางรถไฟรางคู่
เป็นท่าอากาศยานประจำเมืองอู่ฮั่น เมืองหลวงของมณฑลหูเป่ย เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 เมษายน ปี 1995 แทนที่ท่าอากาศยานฮันโขว หวังจี ที่นี่เป็นท่าอากาศยานที่พลุกพล่านที่สุดในภาคกลางของจีน เนื่องจากตั้งอยู่ในจุดศูนย์กลางทางภูมิศาสตร์ของเครือข่ายเส้นทางการบินของจีน
เป็นท่าอากาศยานประจำเมืองอู่ฮั่น เมืองหลวงของมณฑลหูเป่ย เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 เมษายน ปี 1995 แทนที่ท่าอากาศยานฮันโขว หวังจี ที่นี่เป็นท่าอากาศยานที่พลุกพล่านที่สุดในภาคกลางของจีน เนื่องจากตั้งอยู่ในจุดศูนย์กลางทางภูมิศาสตร์ของเครือข่ายเส้นทางการบินของจีน
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย