เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานหลักของเวียดนามตอนเหนือ ซึ่งถูกเปิดใช้(ตึกนานาชาติ) เมื่อต้นปี 2558 และอยู่ห่างออกไปจากใจกลางเมืองฮานอยประมาณ 45 กิโลเมตร
เป็นเมืองหลวงของประเทศเวียดนาม ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของเวียดนามเหนือระหว่าง พ.ศ. 2497 ถึง พ.ศ. 2519 และก่อนหน้านั้นเคยเป็นเมืองหลวงของพื้นที่เวียดนามในปัจจุบันเป็นครั้งคราวตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 11 จนถึง พ.ศ. 2345 ฮานอยตั้งอยู่บนฝั่งขวาของแม่น้ำแดง อุตสาหกรรมในเมืองคือเครื่องจักร ไม้อัด สิ่งทอ สารเคมี และงานหัตถกรรม
เป็นแม่น้ำสายลอยฟ้าที่อยู่สูงกว่าตัวเมืองฮานอย ท่านจะเห็นสะพานเหล็กแห่งแรกของเวียดนามที่ออกแบบโดยสถาปนิคหอไอเฟลของฝรั่งเศส ปัจจุบันใช้เฉพาะรถไฟเท่านั้น
หุ่นกระบอกน้ำเป็นการผสมผสานระหว่างความหลงใหลในเทพตำนานกับความรักชาติอย่างรุนแรงซึ่งปลูกฝังกันมาในจิตใจชาวเวียดนาม นักเชิดหุ่นกระบอกจะยืนอยู่หลังฉากในน้ำที่ท่วมถึงเอวแล้วควบคุมการเคลื่อนไหวของหุ่นด้วยไม้ไผ่ลำยาว เทคนิคการเล่นได้ถูกเก็บงำเป็นความลับอย่างมิดชิด แม้ปัจจุบันนี้ นักเชิดหุ่นอาวุโสทั้งหลายยังไม่ใคร่ยอมถ่ายทอดวิชาให้คนรุ่นหลัง แต่ด้วยเกรงว่าวิชาจะดับสูญบางท่านจึงยอมสอน ทุกวันนี้ ชมการแสดง โชว์หุ่นกระบอกน้ำ ศิลปกรรมประจำชาติ เอกลักษณ์ของประเทศเวียดนาม และมีแห่งเดียวในโลก
เป็นเมืองที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศเวียดนามโดยมีพรมแดนติดกับมณฑลยูนนาน ประเทศจีนทางด้านทิศเหนือ ทิศตะวันตกติดกับจังหวัดไหลโจว ทิศตะวันออกติดกับจังหวัดฮาเกียง และ ทางใต้ติดกับจังหวัดซอนลา ลักษณะภูมิประเทศแบ่งออกเป็นแบบต่างๆ อาทิ หุบเขา ภูเขาต่ำๆ สูงๆ สลับกัน
เป็นเมืองริมชายแดนจีน-เวียดนามของยจังหวัดลาวไก อยู่ห่างไปประมาณ 400 กิโลเมตรจากเมืองฮานอย เมืองนี้มีธรรมชาติที่สวยงาม แต่วิถีชีวิตของชาวพื้นเมืองนั้นเป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยวยิ่งกว่าสิ่งใด
เป็นหมู่บ้านชาวเขาที่มีชื่อเสียงของซาปา ตั้งอยู่ที่เชิงเขา Muong Hoa ห่างจากเมืองซาปาไปเพียง 3 กิโลเมตร หมู่บ้านนี้ก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 19 หลังจากตระกูล H'Mong และ Dzao หลายเผ่ามารวมกันจากพื้นที่ภูเขาอื่นๆ ในเวียดนามเหนือ พวกเขาเริ่มปลูกข้าวและข้าวโพดในภูมิภาคเช่นเดียวกับการทอผ้าและงานหัตกรรมต่างๆ ที่นี่ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแลนมาร์คที่พลาดไม่ได้หากได้มาเยือนซาปา
เป็นน้ำตกที่มีความงดงามทางธรรมชาติ อยู่บริเวณริมถนนมีความสูงกว่า 100 เมตร ไหลลัดเลาะลงมาจากหน้าผาหินลงมาสร้างความสวยงาม นักท่องเที่ยวนิยมมายืนถ่ายภาพกันเป็นจำนวนมาก เป็นน้ำตกของภูหามโรง ซื้อมีความสูงมากกว่า100เมตร น้ำตกลงมาตามทางซึ่งแยกน้ำเป็นหลายๆสายและมีความสวยงามเป็นอันดับต้นๆของเวียดนาม
ตลาดนี้ถือเป็นสีสันของเมืองซาปาอีกที่หนึ่ง ซึ่งเป็นสถานที่ที่ชาวเผ่าต่างๆนำของมาซื้อ-ขายกัน และจะแออัดมากในวันเสาร์ซึ่งที่เด็ดจะอยู่ที่อาหารเช้าและกลางวันในตลาด
เป็นเมืองริมชายแดนจีน-เวียดนามของยจังหวัดลาวไก อยู่ห่างไปประมาณ 400 กิโลเมตรจากเมืองฮานอย เมืองนี้มีธรรมชาติที่สวยงาม แต่วิถีชีวิตของชาวพื้นเมืองนั้นเป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยวยิ่งกว่าสิ่งใด
เป็นภูเขาประจำเมืองซาปา ซึ่งเคยถูกโวตให้เป็น 1 ใน 8 สถานที่ที่สวยที่สุดในโลกเพื่อชมพระอาทิตย์ตกดิน หนึ่งในจุดเด่นของเขาลูกนี้คือ "สวนหิน" ซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่กลับงดงามเหมือนงานศิลปะชิ้นหนึ่ง
เป็นเมืองหลวงของประเทศเวียดนาม ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของเวียดนามเหนือระหว่าง พ.ศ. 2497 ถึง พ.ศ. 2519 และก่อนหน้านั้นเคยเป็นเมืองหลวงของพื้นที่เวียดนามในปัจจุบันเป็นครั้งคราวตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 11 จนถึง พ.ศ. 2345 ฮานอยตั้งอยู่บนฝั่งขวาของแม่น้ำแดง อุตสาหกรรมในเมืองคือเครื่องจักร ไม้อัด สิ่งทอ สารเคมี และงานหัตถกรรม
เป็นสะพานสีแดงสดที่ตั้งอยู่ท่ามกลางทะเลสาบคืนดาบ ชื่อของสะพานได้มาจาก “สถานที่แสงอาทิตย์ส่องถึงในยามเช้า” ซึ่งเหงวียน วัน ซิว (Nguyễn Văn Siêu) กวีและนักค้นคว้าวัฒนธรรมเวียดนามในช่วงศตวรรษที่ 19 ได้มาดำเนินการสร้างไว้เมื่อปี 1865 โดยตัวสะพานเชื่อมต่อระหว่างริมฝั่งกับเกาะเนินหยก สะพานแห่งนี้ถือเป็นเอกลักษณ์อีกแห่งหนึ่งของกรุงฮานอย
เป็นวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงาม เพราะตั้งอยู่บนทะเลสาบคืนดาบซึ่งมีหน้าตาที่เป็นเอกลักษณ์ ถูกสร้างขึ้นมาเมื่อนานมากๆ แล้ว และมาถูกบำรุงและขยับขยายพื้นที่เมื่อ 150 ปีที่แล้ว
เป็นทะเลสาบที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองฮานอย ซึ่งเมื่อก่อนชื่อว่าทะเลสาบน้ำเขียว แต่เพราะตำนานที่ว่ากันว่า หลังจากจักรพรรดิเล เหล่ย ได้ใช้ดาบต่อสู้ขับไล่ผู้รุกราน ได้มาประทับบนเรือในทะเลสาบ ได้มีตะพาบยักษ์มาขอดาบคืนเพื่อเอาไปให้จ้าวมังกรผู้มอบดาบแด่จักรพรรดิเล เหล่ย และดาบก็ได้ลอยไปเข้าปากตะพาบและหายไปในน้ำ จึงได้ชื่อใหม่ว่า ทะเลสาบคืนดาบ
เป็นถนนที่มีประวัติความเป็นมาหลายร้อยปี ซึ่งเย็นวันศุกร์-อาทิตย์ จะมีตลาดยามค่ำคืน ซึ่งมีของขายมากมาย ซึ่งเมื่อก่อนจะขายของเน้นทางหัตถกรรม แต่สมัยนี้นั้นก็ขายของหลากหลายรูปแบบ แถมยังมีร้านอาหารข้างถนนเยอะแยะอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานหลักของเวียดนามตอนเหนือ ซึ่งถูกเปิดใช้(ตึกนานาชาติ) เมื่อต้นปี 2558 และอยู่ห่างออกไปจากใจกลางเมืองฮานอยประมาณ 45 กิโลเมตร
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย