เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานหลักของกรุงเวียนนนา เมืองหลวของประเทศออสเตรีย ตั้งอยู่ในเขตเวทชาท โดยอยู่ประมาณ 18 กิโลเมตรไปทางตะวันออกเฉียงใต้ของใจกลางกรุงเวียนนา ที่นี่เป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยบริหารจุดหมายปลายทางการบินในแถบยุโรป รวมถึงเที่ยวบินระยะไกลสู่เอเชีย อเมริกาเหนือ และแอฟริกา
เป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศออสเตรีย รองจากเมืองเวียนนา และยังเป็นเมืองหลวงของรัฐสทีเรียอีกด้วย เมืองนี้มีการดูแลรักษาสถานที่ท่องเที่ยวบรรยากาศดีๆ ได้อย่างสมบูรณ์
เป็นหอนาฬิกาที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองกราซ ตั้งอยู่บริเวณเขตเมืองเก่า นาฬิกาเก่าแก่นี้สัญลักษณ์ประจำแห่งเมืองกราซ และยังมีจุดสำคัญอีกหลายแห่งให้เราได้เยี่ยมชม และเรียนรู้ประวัติศาสตร์ในยุคกลางของเมือง
เป็นเมืองที่รู้จักกันในเรื่องของวานิลลาและครีม หรือที่เรียกกันว่า kremna rezina หรือ kremšnita อีกทั้งยังเป็นเมืองที่มีทัศนียภาพอันแสนโรแมนติก จนได้รับการยอมรับจากนักท่องเที่ยวว่าเป็นเมืองที่สวยงามมากแห่งหนึ่งของสโลวีเนียก็ว่าได้
ล่องเรือชมความงามของทะเลสาบเบลด ซึ่งเป็นทะเลสาบที่มีเกาะอยู่ใจกลาง ห้อมล้อมด้วยป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ทะเลสาบนี้เกิดขึ้นมาจากการขยับเขยื้อนของธรรมชาติกลายเป็นแอ่งและก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ละลายมา
แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเมืองเบลด และยังเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดในสโลวีเนีย โดยปราสาทแห่งนี้ถือว่า เป็นปราสาทที่เก่าแก่ที่สุดในสโลเวเนีย
เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศสโลวีเนียร์ มีพื้นที่ 168.8 ตร.กม. พลเมืองเมื่อปี 2014 อยู่ที่ 277,554 คนจุดท่องเที่ยวในเมืองนี้ได้แก่ ปราสาทลุบเบลียน่า Ljubljana Castle, สะพานมังกร Dragon Bridge, จัตุรัสกลางเมืองเพรเซเรน Preseren Square ที่เราจะแวะเยี่ยมชมนอกจากนี้ยังมี จัตุรัสสามสะพาน Triple Bridges Square มหาวิหารลุบเบลียน่า Ljubljana Cathedral และ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ National Museum
เป็นจัตุรัสที่มีความสำคัญเช่นเดียว กับจัตุรัสบันไดสเปนในกรุงโรม เพราะใจกลางจัตุรัสเป็นรูปหล่อของ ฟรานซ์ เพรเซเรน กวีที่มีชื่อเสียงของสโลวาเนีย
ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของเมืองโพสทอยน่า (Postojna) ซึ่งมีชื่อเดียวกัน และยังเป็นถ้ำสวยที่สุดในยุโรปแห่งหนึ่ง มีอายุเก่าแก่กว่า 2 ล้านปี มีความยาวภายในถ้ำถึง 20 กิโลเมตร เป็นถ้ำที่เปิดให้บริการมากว่า 188 ปี และมีนักท่องเที่ยวมาเยือนกว่า 31 ล้านคน
เมืองอยู่ในบริเวณระหว่างเนินทางใต้ของภูเขาเมดเวดนีตซา กับฝั่งเหนือของแม่น้ำซาวา ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของที่ราบแพนโนเนีย ซึ่งเชื่อมโยงไปยังบริเวณเทือกเขาแอลป์ เทือกเขาไดนาริกแอลป์ ทะเลเอเดรียติก และภูมิภาคแพนโนเนีย ทำให้สามารถติดต่อและคมนาคมขนส่งกับภูมิภาคยุโรปกลางกับทะเลเอเดรียติกได้อย่างดี นอกจากนี้ซาเกรบยังเป็นศูนย์กลางการปกครอง การบริหาร และเป็นที่ตั้งของกระทรวง หน่วยงานราชการต่าง ๆ ของประเทศอีกด้วย
ประตูเมืองเก่าสโตนเกท ประตูเมืองที่ยังหลงเหลืออยู่มีรูปพระแม่มารีรอดพ้นจากไฟไหม้ครั้งใหญ่ในปี ค.ศ. 1731 เชื่อกันว่าเกิดจากปาฏิหาริย์อันศักดิ์สิทธิ์
จัตุรัสเยลาซิคตั้งอยู่บริเวณจุดศูนย์กลางเมืองซาเกร็บ จัตุรัสแห่งนี้เรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางที่แท้จริงของซาเกร็บเลยก็ว่าได้ เนื่องจากเต็มไปด้วยคาเฟ่ แหล่งช้อปปิ้ง และร้านอาหารมากมาย ดังนั้นทั้งชาวโครแอตเองและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจึงมักมารวมตัวกันอยู่ที่นี่เป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นสิ่งที่ยิ่งเสริมให้ที่นี่มีจุดเด่นมากยิ่งขึ้นก็คือคืออนุสาวรีย์เยลาซิคที่นั่งอยู่บนหลังม้าอันเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นชาตินิยมอย่างสมบูรณ์แบบ
ตลาดกลางแจ้งที่เก่าแก่ มีสีสันสดใส ขายไม้ดอกไม้ประดับและผลไม้ราคาถูก ช่วงเดือนแห่งใบไม้ร่วงนี้ สินค้าในตลาดโดแลค จะเจอผลไม้พวกลูกพีช ลูกพรุนสด แตงแบบแคนตาลูบ องุ่นสด ส้ม รวมทั้ง น้ำผึ้ง ลูกพีช ลูกใหญ่ๆนี่ อร่อยสุดๆ สดๆ เสน่ห์อย่างหนึ่งของโดแลค ตลาดแห่งนี้ คือ ตาชั่ง แบบใช้ตุ้มถ่วง
นับว่าเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์มาก จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO เมื่อปี 1979 อุทยานแห่งนี้มีเนื้อที่กว่า 29,482 เฮคเตอร์ พื้นที่ส่วนใหญ่ปกคลุมด้วยน้ำมีทะเลสาบสีเขียวมรกตและสีฟ้า รวมกันถึง 16 ทะเลสาบ เชื่อมต่อกันด้วยทางเดินสะพานไม้ลัดเลาะระหว่างทะเลสาบและเนินเขา
เป็นเมืองท่องเที่ยวริมทะเลของประเทศโครเอเชีย เป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากเมืองซาเกรบ ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคดัลเมเชีย อันเป็นต้นกำเนิดของสุนัขพันธุ์ดัลมาเชี่ยนที่โด่งดัง และถือว่าเป็นเมืองที่ค่อนข้างมีความเก่าแก่มาก อีกทั้งยังเป็นเมืองท่าที่สำคัญทางการค้าและการท่องเที่ยวของโครเอเชีย และที่สำคัญเมืองประวัติศาสตร์แห่งนี้ยังมีชื่อเสียงเกี่ยวกับสุนัขพันธุ์ดัลเมเชียน
เมืองซิบีนิกอยู่บริเวณปากแม่น้ำติดทะเล เป็นเมืองท่า แต่คลื่นลมไม่แรงเพราะอ่าวเว้าเข้ามาในแผ่นดิน และหน้าอ่าวยังมีเกาะชื่อ Zlarin คอยบังอยู่ปากอ่าว ทะเลอาเดรียติกมีเกาะริมชายฝั่งเยอะมาก ทั้งเกาะเล็กเกาะใหญ่นับร้อย ถือเป็นเอกลักษณ์ของภูมิภาคแถบนี้
ไฮไลท์ของเมืองซิบีนิกมีเพียงหนึ่งคือ “มหาวิหารเซนต์เจมส์” (Cathedral of St. James หรือบ้างก็เรียก Šibenik Cathedral แต่คนท้องถิ่นจะเรียก “มหาวิหารเซนต์จาค็อบ” ตามภาษาโครแอท) ที่เป็นมรดกโลกนั่นเอง สร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ.1431 และสร้างเสร็จใน ค.ศ. 1536 ใช้เวลาสร้างร้อยกว่าปี ใช้สถาปนิกหลายรุ่นทั้งจากอิตาลีและจากโครเอเชียเอง ตัวโบสถ์มีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่มีรายละเอียดสูง สถาปัตยกรรมเป็นยุคเรเนซองค์ วัสดุทำจากหินอ่อนที่ตัดมาจากเกาะ Brač ซึ่งอยู่ใกล้กับเมือง Split ที่ห่างออกไปพอสมควร เป็นแหล่งหินอ่อนขึ้นชื่อของโครเอเชีย และนำไปใช้ในการสร้างทำเนียบขาวอีกด้วย
เป็นเมืองท่องเที่ยวริมทะเลของประเทศโครเอเชีย เป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากเมืองซาเกรบ ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคดัลเมเชีย อันเป็นต้นกำเนิดของสุนัขพันธุ์ดัลมาเชี่ยนที่โด่งดัง และถือว่าเป็นเมืองที่ค่อนข้างมีความเก่าแก่มาก อีกทั้งยังเป็นเมืองท่าที่สำคัญทางการค้าและการท่องเที่ยวของโครเอเชีย และที่สำคัญเมืองประวัติศาสตร์แห่งนี้ยังมีชื่อเสียงเกี่ยวกับสุนัขพันธุ์ดัลเมเชียน
เป็นเมืองจำพวกเมืองสวย เมืองเก่าที่เห็นตรงหน้า จึงเป็นผลจากการบูรณะขึ้นใหม่ แต่ก็ยังได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองมรดกโลก จาก องค์การยูเนสโก เพราะเป็นเมืองเก่าดั้งเดิม ที่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 7ตลอดแนวกำแพง 2 กิโลเมตร ที่โอบเมืองเก่าเอาไว้ จึงเป็นระยะการเดินที่น่าสนใจไปทุกรายละเอียด เพราะนอกจากจะได้ศึกษาประวัติศาสตร์ของเมืองแล้ว ยังได้สัมผัสวิวทิวทัศน์ของเมืองเก่า และของกินทะเลอะเดรียติคอย่างเต็มอิ่ม
ได้รับการบอกเล่าว่าเป็นเมืองเก่าที่สวยที่สุดในยุโรป จนได้รับฉายา "ไข่มุกแห่งทะเลเอเดรียติก" ริมชายฝั่งทะเลที่มีบ้านเรือนหลังคากระเบื้องสีแสดสลับตามแนวชายฝั่ง และเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรม
ตึกประตูโค้งมีเสาแกะสลักสวยงามเรียงต่อกันเป็นแนว ที่นี่เคยเป็นตึกว่าการของสาธารณรัฐดูบรอฟนิก ตัวตึกเป็นศิลปะผสมโกธิก เรอเนสซองส์ และบาร็อค ตัวตึกเคยถูกระเบิดพังทลายถึงสองครั้ง แต่ก็ได้สร้างและซ่อมขึ้นมาใหม่ ปัจจุบันเรกเตอร์ พาเลซ เป็นพิพิธภัณฑ์แสดงการสร้างเมืองตั้งแต่ครั้งแรก และใช้เป็นสถานที่จัดแสดงคอนเสิร์ต
เป็นกระเช้าไฟฟ้าที่ระดับความสูง 400 เมตร เพื่อชมวิวทิวทัศน์ที่คงความเป็นเอกลักษณ์ของบ้านเมืองหลังคาสีส้ม และความงดงามทะเลอะเดรียติค เพื่อชมวิวทิวทัศน์ที่คงความเป็นเอกลักษณ์ของบ้านเมืองหลังคาสีและความงดงามทะเลอาเดรียติก ยามสีน้ำเงินของทะเลอาเดรียติกตัดกับสีส้มแสดของกระเบื้องหลังคาเมืองเก่า สวยงามเกินจินตนาการมากว่าคำบรรยายใดๆ
เป็นเมืองเล็กในโครเอเชียที่ติดทะเลเมดิเตอเรเนียน ซึ่งเป้นที่นิยมของนักเดินทางเพราะความสวยงามและร่มรื่น
เป็นท่าอากาศยานนานาชาติประจำประเทศโครเอเชีย ตั้งอยู่ประมาณ 20 กิโลเมตรไปทางตะวันออกเฉียงใต้จากใจกลางเมืองดูบรอฟนิก ที่นี่ให้บริการเที่ยวบินตรงไปยัง 60 เมือง ในทุกสัปดาห์จะมีเที่ยวบินภายในประเทศ 70 เที่ยวบินและเที่ยวบินระหว่างประเทศ 28 เที่ยวบินเป็นอย่างน้อยที่ออกจากท่าอากาศยานนี้
เป็นท่าอากาศยานหลักของกรุงเวียนนนา เมืองหลวของประเทศออสเตรีย ตั้งอยู่ในเขตเวทชาท โดยอยู่ประมาณ 18 กิโลเมตรไปทางตะวันออกเฉียงใต้ของใจกลางกรุงเวียนนา ที่นี่เป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยบริหารจุดหมายปลายทางการบินในแถบยุโรป รวมถึงเที่ยวบินระยะไกลสู่เอเชีย อเมริกาเหนือ และแอฟริกา
เป็นถนนสายช้อปปิ้งประจำกรุงเวียนนา เมื่อก่อนเป็นถนนสายหลักจากตัวเมืองถึงกำแพงเมือง ชื่อ Strata Carinthianorum แต่ตอนนี้ได้ถูกออกแบบใหม่ตั้งชื่อใหม่ และเปลี่ยนเป็นถนนคนเดินที่เอาไว้ให้คนเดินช้อปปิ้ง ที่มีร้านค้า ร้านแบรนด์เนมต่างๆ ตลอดสองข้างทาง
เป็นท่าอากาศยานหลักของกรุงเวียนนนา เมืองหลวของประเทศออสเตรีย ตั้งอยู่ในเขตเวทชาท โดยอยู่ประมาณ 18 กิโลเมตรไปทางตะวันออกเฉียงใต้ของใจกลางกรุงเวียนนา ที่นี่เป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยบริหารจุดหมายปลายทางการบินในแถบยุโรป รวมถึงเที่ยวบินระยะไกลสู่เอเชีย อเมริกาเหนือ และแอฟริกา
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย