เป็นจุดศูนย์กลางทางการบินในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สามารถเชื่อมโยงการคมนาคมทางอากาศไปยังจุดต่างๆ ของโลกได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการบินภายในภูมิภาคเอเชียด้วยกัน หรือระหว่างทวีปยุโรป ทวีปอเมริกา ทวีปออสเตรเลีย ซึ่งสามารถใช้เป็นจุดแวะลงและเชื่อมต่อในการเดินทางของผู้โดยสารตลอดจนพัสดุไปรษณียภัณฑ์ไปยังจุดอื่นๆ ได้อย่างดี
มีชื่อเรียกอีกอย่างว่าท่าอากาศยานเตินเซินเญิ้ต (Tan Son Nhat) ที่นี่ถือกำเนิดขึ้นเมื่อต้นทศวรรษที่ 1930 (พ.ศ. 2473-2482) โดยรัฐบาลภายใต้อาณัติของฝรั่งเศสได้สร้างท่าอากาศยานขนาดเล็กขึ้นในหมู่บ้านเตินเซินเญิ้ต จึงเป็นที่รู้จักในชื่อนี้ ท่าอากาศยานโฮจิมินห์ถือเป็นหนึ่งในประตูเข้าออกระหว่างประเทศที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศเวียดนาม
เมืองนี้อยู่ห่างจากโฮจิมินห์ซิตี้ประมาณ 40 กิโลเมตร เป็นเมืองที่เป็นที่ตั้งของอุโมงค์ที่มีประวัติยาวนาน ตั้งแต่สมัยสงครามเวียดนาม ใช้เป็นที่หลบภัยจากระเบิด และเป็นที่สำหรับประชุมของกองกำลังเวียดกงในสมัยที่รบกับสหรัฐอเมริกา
เป็นอุโมงค์ที่ถูกขุดโดยกลุ่มทหารเวียดค็อง ซึ่งถูกใช้เป็นฐานทัพช่วงสงครามเวียดนาม ซึ่งหลังจากสงครามจบ รัฐบาลได้บุรณะอุโมงค์ให้เป้นแหล่งท่องเที่ยว และประกาศให้เป็น อนุสรณ์สถาน
ล่องเรือไปตามแม่น้ำไซง่อน ตลอดเส้นทางท่านจะได้อิ่มอร่อยไปอาหารค่ำสไตล์เวียดนามและเพลิดเพลินไปกับดนตรีสดแนวโฟล์กและการเต้นรำพื้นเมืองที่แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมและมรดกที่เป็นเอกลักษณ์ของเวียดนาม
การแสดงพื้นเมืองของชาวเวียดนามโบราณ ทั้งเสียงดนตรี ที่มาจากเครื่องดนตรีดีดสีตีเป่า และเสียงร้องขับขานในเพลงเวียดนามดังเดิม โดยแต่ละชุดจะมีการอธิบายที่มาที่ไป มีทั้งเพลงร้อง เพลงเกี้ยวพาราสี และเพลงรำหรือเพลงเต้น ส่วนเครื่องดนตรี 3 ชิ้นประกอบด้วยพิณ 2 สาย กู่เจิง และพิณน้ำเต้าสายเดี่ยว นอกจากนี้ยังมีเครื่องเคาะเข้าจังหวะจากบรรดาสาวๆ ได้แก่ไม้ตีกระทบ 2 คู่ และถ้วยชาใบเล็ก 4 ใบ
เป็นเมืองตากอากาศชั้นดีของประเทศเวียดนาม ตั้งอยู่ชายฝั่งทะเลของจังหวัดบิ่ญถ่วน ในภูมิภาคภาคกลางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองโฮจิมินห์ ประมาณ 230 กิโลเมตร (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง) เมืองแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องของชายหาดที่เงียบสงบ และทะเลทรายอันกว้างใหญ่
เป็นอีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง และยังเป็นเมืองหลวงของจังหวัดบิ่ญถ่วน (Binh Thuan) อีกหนึ่งจังหวัดที่มีชื่อเสียงในเรื่องของทิวทัศน์และหาดทรายที่สวยงาม โดยจังหวัดบิ่ญถ่วนนั้นตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเวียดนาม และอยู่จากโฮจิมินห์ซิตี้ไปทางทิศเหนือ ประมาณ 200 กิโลเมตร ฟานเถียต”เป็นเมืองหลวงของจังหวัด Binh Thuan อยู่ไม่ไกลจากมุยเน่ที่มีชื่อเสียงด้านทิวทัศน์สวยงามแต่ที่นี่ดูเหมือนเป็นชุมชนที่หนาแน่น และมีความเป็นเมืองกว่ามุยเน่พอสมควร
ทะเลทรายแดง มีขนาดกว้างใหญ่ทอดตัวยาวตั้งแต่ริมฝั่งทะเลเข้าไปในตัวแผ่นดิน ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 50 เฮกเตอร์ เวลาที่เหมาะสมในการเที่ยวชมคือช่วงเช้า หรือช่วงหลังจาก 15.00 น. เป็นต้นไป เพราะกระแสลมไม่แรงและแดดไม่ร้อนมากจนเกินไป
ทะเลทรายขาว เป็นทะเลทรายสีขาวอันกว้างใหญ่ที่ตั้งอยู่ทางด้านเหนือของเมืองมุยเน่ ห่างไปประมาณ 20 กิโลเมตร มีทะเลสาบที่สวยงามขนาบข้างของเนินทราย เรียกว่า "ทะเลสาบ Bau Trang" ซึ่งครอบคลุมเนื้อที่มากถึง 70 เฮกเตอร์ กว้างประมาณ 500 เมตร และลึกประมาณ 19 เมตร ในทะเลทรายมีทะเลสาบเล็กๆ อยู่ตรงกลาง ภายในทะเลสาบเต็มไปด้วยดอกบัวสีสันสดใส
เป็นธารน้ำสีแดงธรรมชาติที่เป็นจุดท่องเที่ยวแลนมาร์คหนึ่งเมื่อได้มาเยือนมุยเน่ ที่นี่นักท่องเที่ยวจะได้เห็นความงดงามของผืนน้ำตื้นอันสดชื่น ชั้นดินที่สูงลดลั่นกัน สลับกับสีสันของดินทรายที่สวยงาม
เป็นเมืองหลวงของจังหวัดเลียนเคือง ตั้งอยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเล 1,500 เมตร บนที่ราบสูงลางเบียน ดาลัดเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมที่สุดตลอดกาลของเวียดนาม ชื่อเมืองนั้นแปลว่าเมืองแห่งสนพันต้น และยังถูกเรียกว่าเมืองที่แห่งใบไม้ผลิ ซึ่งมาจากอากาศที่เย็นสบายกำลังดีตลอดทั้งปี
ที่นี่ถูกสร้างขึ้นมาโดยสถาปนิคชาวเวียดนามโดนคิดว่าจะออกแบบแนว "เทพนิยาย" โดยที่ตัวตึกหน้าตาออกมาเหมือนต้นไม้ และด้วยการออกแบบและตกแต่งภายในที่แปลกประหลาด ทำให้ขึ้นชื่อเรื่องความเพี๊ยน
เป็นหนึ่งในพระราชวังของจักรพรรดิ์เบ่าได๋ที่ยังดำรงไว้อยู่ ซึ่งพระองค์ทรงสร้างพระราชวังนี้เอาไว้ใช้เป็นหนึ่งในสถานที่พักผ่อนตั้งแต่ช่วง พ.ศ.2493 ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้
วัดตั๊กลัมวัดพุทธในนิกายเซนแบบญี่ปุ่น ตั้งอยู่บนเทือกเขาเฟืองฮว่าง ภายในวัดมีสิ่งก่อสร้างที่สวยงาม สะอาด เป็นระเบียบ ทัศนียภาพโดยรอบล้อมรอบไปด้วยดอกไม้ที่ผลิดอกบานสะพรั่ง นับได้ว่าเป็นหนึ่งในวัดที่นิยมและงดงามที่สุดในเมืองดาลัด
เป็นสวนดอกไม้ประจำเมืองดาลัด สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2509 เป็นสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ไกล้ทะเลสาบ โดยอยู่ห่างประมาณ 2 กิโลเมตรจากใจกลางเมือง ภายในสวนมีดอกไม้หลายชนิดให้ผู้เข้าชมได้อิ่มเอิบไปกับความสวยงามของดอกไม้ชนิดต่างๆ นับพันชนิด
ไนท์มาเก็ตที่เมืองดาลัดเขาจะมีถนนคนเดินที่อยู่ริมถนนเส้นล่างด้านหน้าตลาดดาลัด มีร้านเสื้อผ้า ร้านขายอาหารมากมายริมถนน มีจักรยานให้เช่าปั่นเล่น มีศิลปินมารับวาดรูปเหมือน เขียนหนังสือภาษาเวียดนาม และอื่นๆ มากมายให้นักท่องเที่ยวเดินชมกันได้ตามอัธยาศัย
เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม และเล่นบทสำคัญในสงครามเวียดนาม ได้ผ่านการเปลี่ยนชื่อมาหลายครั้ง แต่ชื่อที่คนจดจำก็คือเมืองไซง่อน เป็นเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศเวียดนาม ตั้งอยู่บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง โฮจิมินห์เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของเวียดนาม จากประชากรร้อยละ 7.5 ของประเทศ แต่มีจีดีพีถึงร้อยละ 20.2 และการลงทุนจากต่างประเทศมากถึงร้อยละ 34.9 ของทั้งประเทศ
ศาลาทำการเมืองโฮจิมินห์ หรือ เมื่อก่อนชื่อว่า Hôtel de Ville de Saïgon (ภาษาฝรั่งเศส) สร้างเมื่อ 2445-2451 โดยชาวฝรั่งเศสในสไตล์ยุโรป เพื่อเมืองไซง่อน และได้ถูกนำมาเปลี่ยนชื่อเมื่อปี พ.ศ. 2518 โดยรัฐบาลประชาชน
โบสถ์นี้ตั้งอยู่บริเวณกลางเมืองโฮจิมินห์ บนถนน Han Thuyen ได้รับการก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2420 ใช้ระยะเวลาการสร้าง 6 ปี โบสถ์นี้ไม่มีการประดับด้วยกระจกสีเหมือนโบสถ์คริสต์ที่อื่น เพราะได้รับความเสียหายจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สำหรับโบสถ์แห่งนี้ได้รับการยกย่องว่ามีความงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในเวียตนาม โดยในแต่ละวันมีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากมาย ที่นี่ถือเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของโฮจิมินห์
ศาลาไปรษณีย์นี้ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมืองโฮจิมินห์ ใกล้กับโบสถ์นอร์ทเธอดาม ที่นี่ได้รับการก่อสร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2439 โดยอาณานิคมฝรั่งเศส แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2444 มีการออกแบบและก่อสร้างในสไตล์ฝรั่งเศส และได้รับการออกแบบตกแต่งอย่างงดงามด้วยกระจกสี มีความโอ่โถงและอ่อนช้อยทว่ามั่นคง จนทำให้นักออกแบบมากมายต้องมาศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับการออกแบบตกแต่งอาคารแห่งนี้ ภายในตัวอาคารมีการระดับภาพแผนที่ทางทะเลโบราณ และภาพของอดีตผู้นำประเทศโฮจิมินห์ มีการบริการทั้งการส่งจดหมาย แสตมป์เพื่อการสะสม โปสการ์ด โทรศัพท์ระหว่างประเทศในอัตราค่าบริการมาตรฐาน
เป็นตลาดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ซึ่งเมื่อก่อนเป็นแค่เพียงพ่อค้าข้างถนนที่ยืนร่วมกันใกล้ๆ กับแม่น้ำไซง่อน ที่นี่เป็นตลาดหลักของเมืองโฮจิมินห์ ซึ่งถูกเปลี่ยนสถานที่ตั้งมาอยู่จุดล่าสุด และถูกตั้งชื่อว่า "ตลาดเบนถัน"
มีชื่อเรียกอีกอย่างว่าท่าอากาศยานเตินเซินเญิ้ต (Tan Son Nhat) ที่นี่ถือกำเนิดขึ้นเมื่อต้นทศวรรษที่ 1930 (พ.ศ. 2473-2482) โดยรัฐบาลภายใต้อาณัติของฝรั่งเศสได้สร้างท่าอากาศยานขนาดเล็กขึ้นในหมู่บ้านเตินเซินเญิ้ต จึงเป็นที่รู้จักในชื่อนี้ ท่าอากาศยานโฮจิมินห์ถือเป็นหนึ่งในประตูเข้าออกระหว่างประเทศที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศเวียดนาม
เป็นจุดศูนย์กลางทางการบินในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สามารถเชื่อมโยงการคมนาคมทางอากาศไปยังจุดต่างๆ ของโลกได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการบินภายในภูมิภาคเอเชียด้วยกัน หรือระหว่างทวีปยุโรป ทวีปอเมริกา ทวีปออสเตรเลีย ซึ่งสามารถใช้เป็นจุดแวะลงและเชื่อมต่อในการเดินทางของผู้โดยสารตลอดจนพัสดุไปรษณียภัณฑ์ไปยังจุดอื่นๆ ได้อย่างดี