เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานที่ตั้งอยู่ในเขต Đức Trọng โดยอยู่ห่างจากเมืองดาลัดไปทางใต้ประมาณ 30 กิโลเมตร ท่าอากาศยานนี้ถูกสร้างโดยฝรั่งเศสเมื่อปี พ.ศ. 2476 โดยมีเพียงรันเวย์กรวด และชาวอเมริกันได้มาสร้างใหม่และเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2552 โดยมีอาคารผู้โดยสารใหม่ขนาด 12,400 ตารางเมตร
เป็นเมืองหลวงของจังหวัดเลียนเคือง ตั้งอยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเล 1,500 เมตร บนที่ราบสูงลางเบียน ดาลัดเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมที่สุดตลอดกาลของเวียดนาม ชื่อเมืองนั้นแปลว่าเมืองแห่งสนพันต้น และยังถูกเรียกว่าเมืองที่แห่งใบไม้ผลิ ซึ่งมาจากอากาศที่เย็นสบายกำลังดีตลอดทั้งปี
ให้ท่านเพลิดเพลินกับรถรางโรลเลอร์โคสเตอร์ ท้าทายความหวาดเสียว ผ่านผืนป่าอันร่มรื่นเขียวชอุ่มลงสู่หุบเขาเบื้องล่างของน้ำตกดาทันลา
น้ำตกดาตันลา ได้ชื่อว่าเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดในดาลัด อยู่นอกเมืองไปทางทิศใต้ประมาณ 5 กิโลเมตร น้ำตกดาตันลาเป็นน้ำตกที่ไม่ใหญ่มากแต่มีความสวยงามเนื่องจากสภาพแวดล้อมต่างๆ ที่เกื้อหนุนทำให้มีนักท่องเที่ยวแวะมาเที่ยวชมกันเป็นจำนวนมาก
เป็นกระเช้าไฟฟ้าเคเบิลคาร์บนเทือกเขาโรบินฮิลล์ บนกระเช้านักท่องเที่ยวจะได้ชมวิวเมืองดาลัดจากที่สูง และยังสามารถนั่งไปยังวัดตั๊กลัม ซึ่งเป็นวัดพุทธในนิกาย ZEN แบบญี่ปุ่นได้
วัดตั๊กลัมวัดพุทธในนิกายเซนแบบญี่ปุ่น ตั้งอยู่บนเทือกเขาเฟืองฮว่าง ภายในวัดมีสิ่งก่อสร้างที่สวยงาม สะอาด เป็นระเบียบ ทัศนียภาพโดยรอบล้อมรอบไปด้วยดอกไม้ที่ผลิดอกบานสะพรั่ง นับได้ว่าเป็นหนึ่งในวัดที่นิยมและงดงามที่สุดในเมืองดาลัด
ไนท์มาเก็ตที่เมืองดาลัดเขาจะมีถนนคนเดินที่อยู่ริมถนนเส้นล่างด้านหน้าตลาดดาลัด มีร้านเสื้อผ้า ร้านขายอาหารมากมายริมถนน มีจักรยานให้เช่าปั่นเล่น มีศิลปินมารับวาดรูปเหมือน เขียนหนังสือภาษาเวียดนาม และอื่นๆ มากมายให้นักท่องเที่ยวเดินชมกันได้ตามอัธยาศัย
เป็นสวนดอกไม้ประจำเมืองดาลัด สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2509 เป็นสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ไกล้ทะเลสาบ โดยอยู่ห่างประมาณ 2 กิโลเมตรจากใจกลางเมือง ภายในสวนมีดอกไม้หลายชนิดให้ผู้เข้าชมได้อิ่มเอิบไปกับความสวยงามของดอกไม้ชนิดต่างๆ นับพันชนิด
เป็นหนึ่งในพระราชวังของจักรพรรดิ์เบ่าได๋ที่ยังดำรงไว้อยู่ ซึ่งพระองค์ทรงสร้างพระราชวังนี้เอาไว้ใช้เป็นหนึ่งในสถานที่พักผ่อนตั้งแต่ช่วง พ.ศ.2493 ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้
ที่นี่ถูกสร้างขึ้นมาโดยสถาปนิคชาวเวียดนามโดนคิดว่าจะออกแบบแนว "เทพนิยาย" โดยที่ตัวตึกหน้าตาออกมาเหมือนต้นไม้ และด้วยการออกแบบและตกแต่งภายในที่แปลกประหลาด ทำให้ขึ้นชื่อเรื่องความเพี๊ยน
เป็นเมืองตากอากาศชั้นดีของประเทศเวียดนาม ตั้งอยู่ชายฝั่งทะเลของจังหวัดบิ่ญถ่วน ในภูมิภาคภาคกลางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองโฮจิมินห์ ประมาณ 230 กิโลเมตร (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง) เมืองแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องของชายหาดที่เงียบสงบ และทะเลทรายอันกว้างใหญ่
ทะเลทรายขาว เป็นทะเลทรายสีขาวอันกว้างใหญ่ที่ตั้งอยู่ทางด้านเหนือของเมืองมุยเน่ ห่างไปประมาณ 20 กิโลเมตร มีทะเลสาบที่สวยงามขนาบข้างของเนินทราย เรียกว่า "ทะเลสาบ Bau Trang" ซึ่งครอบคลุมเนื้อที่มากถึง 70 เฮกเตอร์ กว้างประมาณ 500 เมตร และลึกประมาณ 19 เมตร ในทะเลทรายมีทะเลสาบเล็กๆ อยู่ตรงกลาง ภายในทะเลสาบเต็มไปด้วยดอกบัวสีสันสดใส
ทะเลทรายแดง มีขนาดกว้างใหญ่ทอดตัวยาวตั้งแต่ริมฝั่งทะเลเข้าไปในตัวแผ่นดิน ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 50 เฮกเตอร์ เวลาที่เหมาะสมในการเที่ยวชมคือช่วงเช้า หรือช่วงหลังจาก 15.00 น. เป็นต้นไป เพราะกระแสลมไม่แรงและแดดไม่ร้อนมากจนเกินไป
เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม และเล่นบทสำคัญในสงครามเวียดนาม ได้ผ่านการเปลี่ยนชื่อมาหลายครั้ง แต่ชื่อที่คนจดจำก็คือเมืองไซง่อน เป็นเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศเวียดนาม ตั้งอยู่บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง โฮจิมินห์เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของเวียดนาม จากประชากรร้อยละ 7.5 ของประเทศ แต่มีจีดีพีถึงร้อยละ 20.2 และการลงทุนจากต่างประเทศมากถึงร้อยละ 34.9 ของทั้งประเทศ
ล่องเรือไปตามแม่น้ำไซง่อน ตลอดเส้นทางท่านจะได้อิ่มอร่อยไปอาหารค่ำสไตล์เวียดนามและเพลิดเพลินไปกับดนตรีสดแนวโฟล์กและการเต้นรำพื้นเมืองที่แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมและมรดกที่เป็นเอกลักษณ์ของเวียดนาม
โบสถ์นี้ตั้งอยู่บริเวณกลางเมืองโฮจิมินห์ บนถนน Han Thuyen ได้รับการก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2420 ใช้ระยะเวลาการสร้าง 6 ปี โบสถ์นี้ไม่มีการประดับด้วยกระจกสีเหมือนโบสถ์คริสต์ที่อื่น เพราะได้รับความเสียหายจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สำหรับโบสถ์แห่งนี้ได้รับการยกย่องว่ามีความงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในเวียตนาม โดยในแต่ละวันมีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากมาย ที่นี่ถือเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของโฮจิมินห์
ศาลาไปรษณีย์นี้ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมืองโฮจิมินห์ ใกล้กับโบสถ์นอร์ทเธอดาม ที่นี่ได้รับการก่อสร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2439 โดยอาณานิคมฝรั่งเศส แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2444 มีการออกแบบและก่อสร้างในสไตล์ฝรั่งเศส และได้รับการออกแบบตกแต่งอย่างงดงามด้วยกระจกสี มีความโอ่โถงและอ่อนช้อยทว่ามั่นคง จนทำให้นักออกแบบมากมายต้องมาศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับการออกแบบตกแต่งอาคารแห่งนี้ ภายในตัวอาคารมีการระดับภาพแผนที่ทางทะเลโบราณ และภาพของอดีตผู้นำประเทศโฮจิมินห์ มีการบริการทั้งการส่งจดหมาย แสตมป์เพื่อการสะสม โปสการ์ด โทรศัพท์ระหว่างประเทศในอัตราค่าบริการมาตรฐาน
ศาลาทำการเมืองโฮจิมินห์ หรือ เมื่อก่อนชื่อว่า Hôtel de Ville de Saïgon (ภาษาฝรั่งเศส) สร้างเมื่อ 2445-2451 โดยชาวฝรั่งเศสในสไตล์ยุโรป เพื่อเมืองไซง่อน และได้ถูกนำมาเปลี่ยนชื่อเมื่อปี พ.ศ. 2518 โดยรัฐบาลประชาชน
เป็นสถานที่ทำงานของประธานาธิบดีคนเก่าของเวียดนามตอนใต้ในช่วงสงครามเวียดนาม ซึ่งเป็นจุดที่สงครามได้มาถึงจุดสิ้นสุด เมื่อรถถังของเวียดนามตอนเหนือได้ถล่มเข้ามาทางรั้วด้านหน้า
เป็นย่านไชนาทาวน์หรือเยาวราชแห่งเวียดนาม มีประวัติมาตั้งแต่ปี 1778 มีทั้งวัดแล้วสิ่งก่อสร้างที่มีอายุยาวนาน
เป็นตลาดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ซึ่งเมื่อก่อนเป็นแค่เพียงพ่อค้าข้างถนนที่ยืนร่วมกันใกล้ๆ กับแม่น้ำไซง่อน ที่นี่เป็นตลาดหลักของเมืองโฮจิมินห์ ซึ่งถูกเปลี่ยนสถานที่ตั้งมาอยู่จุดล่าสุด และถูกตั้งชื่อว่า "ตลาดเบนถัน"
มีชื่อเรียกอีกอย่างว่าท่าอากาศยานเตินเซินเญิ้ต (Tan Son Nhat) ที่นี่ถือกำเนิดขึ้นเมื่อต้นทศวรรษที่ 1930 (พ.ศ. 2473-2482) โดยรัฐบาลภายใต้อาณัติของฝรั่งเศสได้สร้างท่าอากาศยานขนาดเล็กขึ้นในหมู่บ้านเตินเซินเญิ้ต จึงเป็นที่รู้จักในชื่อนี้ ท่าอากาศยานโฮจิมินห์ถือเป็นหนึ่งในประตูเข้าออกระหว่างประเทศที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศเวียดนาม
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย