All articles abouts เที่ยวต่างประเทศที่ไหนดี

Best in travel 20 city  บุกตะลุย 20 เมืองห้ามพลาด เที่ยวต่างประเทศที่ไหนดี ??
Best in travel 20 city บุกตะลุย 20 เมืองห้ามพลาด เที่ยวต่างประเทศที่ไหนดี ??

08 มี.ค. 60

สวัสดีค่ะ วันนี้ ทัวร์ครับ มานำเสนอ Best in travel 20 city บุกตะลุย 20 เมืองในต่างประเทศห้ามพลาด ว่าแต่ว่าในปีนี้ใครมีแพลนไปเที่ยวที่ไหนกันบ้างเอ่ย ถ้าใครยังคิดไม่ได้นึกไม่ออก ทัวร์ครับก็มีสถานที่เที่ยวต่างประเทศมาแนะนำให้ได้เก็บเอาไปคิดและวางแผนเที่ยวกัน หรือใครที่ยังเก็บสถานที่เที่ยวต่างประเทศไม่ครบก็ตามเชคลิสกันได้เลยจ้า.. LOS ANGELES : USA ลอสแอนเจลิสหรือที่ใครหลายคนรู้จักในนามของ แอลเอ(LA) พูดไปใครๆก็รู้จักเพราะที่นี่เขาดังมาจากอุตสาหกรรมภาพยนต์(หนังฮอลลีวูด) แถมยังเป็นศูนย์รวมความบันเทิงต่างๆ อย่างสถานที่จัดการประกาสรางวัลออสการ์ รวมถึงแหล่งช้อปปิ้งสุดหรูอย่างโรดิโอไดรฟ์ สนุกสนานไปกับสวนสนุกดิสนีย์แลนด์และยูนิเวอร์แซลสตูดิโอ ไฮไลท์สำคัญที่ต้องห้ามพลาดนั่นก็คือถนนฮอลลีวูดวอร์กออฟเฟม ที่ประดับด้วยแผ่นหินเป็นรูปดาวห้าแฉก ที่ดาราระดับฮอลลีวูดได้มาจารึกชื่อ รอยมือ รอยเท้าไว้ตามท้องถนนแห่งนี้   LONDON : ENGLAND เป็นที่รู้กันดีว่าลอนดอน เมืองหลวงสุดฮิปของประเทศอังกฤษที่มีสถานที่น่าสนใจมากมาย ลอนดอน มีชื่อเสียงในเรื่องของพิพิธภัณฑ์ที่เป็นแหล่งความรู้ชั้นนำของโลก มีผู้คนเข้ามาท่องเที่ยวเยี่ยมชมไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็นที่ บริติชมิวเซียม พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ จุดแลนด์มาร์กอย่างหอนาฬิกาบิ๊กเบน เดินเก็บภาพบรรยากาศบนสะพานทาวเวอร์บริดจ์ และห้ามพลาดกับหัวใจหลักของลอนดอนนั่นคือถนนอ็อกฟอร์ด (Oxford Street) แหล่งช็อปปิ้งชื่อดังซึ่งมีระยะทางถึง 1.6 กิโลเมตร   LISBON : PORTUGAL โปรตุเกสประเทศที่ถูกลืมสำหรับใครหลายคนเมื่อนึกถึงทวีปยุโรป เมืองลิสบอนเมืองเล็กๆที่มากล้นด้วยเสน่ห์ ทั้งบ้านเมืองที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมและอารยธรรมอันสวยงาม เที่ยวชมเมืองด้วยรถราง อาคารสิ่งปลูกสร้างถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีความเก่าคลาสสิคอายุพันปี แต่ก็มีความสวยงามตามแบบโคโลเนียล ดึงดูดให้นักเดินทางต้องไปเยือนให้ได้ซักครั้งในชีวิตไฮไลท์ของลิสบอนคือการไปชมปราสาทของเซนต์จอร์จ ปราสาทขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง สามารถชมวิวเมืองได้ 360 องศา ถือว่าเป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดของเมืองลิสบอนเลยหล่ะ   PISTOIA : ITALY พิสโตเอีย เป็นเมืองชนบทเล็กๆที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของอาคารบ้านเรือนใน ยุคกลาง มีมหาวิหาร Cattedrale di San Zeno ด้านหน้าโบสถ์โดดเด่นด้วยศิลปกรรม สไตล์โรมัน ส่วนภายในโบสถ์ก็ตกแต่งอย่างสวยงาม ไฮไลต์เด่นภายในมหาวิหารนี้คือแท่นบูชาของเซนต์เจมส์   VIENNA : AUSTRIA เวียนนา 1 ในเมืองที่คลาสสิกและโรแมนติกที่สุดในแถบยุโรปตะวันออก เมืองที่ยูเนสโกยกให้เป็นมรดกในด้านความงดงามด้านศิลปะและประวัติศาสตร์อันยาวนาน ชมความสง่างามของพระราชวังเบลเวเดียร์, มหาวิหารเซนต์ สตีเฟน และจุดสำคัญที่เรียกได้ว่าถ้าไปแล้วต้องไปเยือนที่นี่ก่อนเป็นอันดับแรก ก็คือ พระราชวังเชินบรุนน์ศูนย์กลางการปกครองของจักรวรรดิออสเตรียนั่นเอง   PRAGUE : CZECH REPUBLIC กรุงปราก กลิ่นอายของเมืองเก่าและความโรแมนติก ทั้งความสวยงามในเรื่องรูปแบบสถาปัตยกรรม สิ่งก่อสร้างโบราณที่โดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นปราสาทปราก, สะพานชาร์ลส์ และสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์อีกมากมาย ทำให้กรุงปรากเป็นเมืองที่สามารถทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนหลงไหลในความสวยงามและอบอุ่นของเมืองแห่งนี้   AMSTERDAM : NETHERLANDS เขาว่ากันว่ากรุงอัมสเตอร์ดัมนั้นถือเป็นเมืองหลวงที่สวยที่สุดเมืองหนึ่งในยุโรป ดินแดนแห่งจักรยานของโลก เป็นเมืองต้นแบบแห่งวัฒนธรรมการปั่นจักรยาน อีกทั้งยังมีสถานที่เที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามและประวัติศาสตร์มากมาย ส่วนสิ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวชอบเดินทางมาเที่ยวที่นี่ก็คือ การล่องเรือชมความสวยงามของเมืองทั้งสองข้างทาง ไฮไลท์ของอัมสเตอร์ดัมคงไม่พ้น Nescio Bridge สะพานข้ามแม่น้ำที่สวยที่สุดในอัมสเตอร์ดัมและเป็นสถานที่ยอดฮิตของนักท่องเที่ยว   BARCELONA : SPAIN บาร์เซโลน่าในที่นี้ไม่ใช่ชื่อทีมฟุตบอลแต่อย่างใด แต่เป็นเมืองหนึ่งในประเทศสเปน ซึ่งหากใครได้มีโอกาสมาเที่ยวสเปนแล้ว คุณห้ามพลาดที่จะไปเยือนเมืองบาร์เซโลน่า บาร์เซโลน่าเป็นเมืองหนึ่งที่นักท่องเที่ยวชาวไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวกันมากนัก แต่จริงๆแล้ว เมืองนี้เป็นเมืองที่มีความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรม อาหาร และชื่อเสียงด้านกีฬา นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่มีสถาปัตยกรรมที่หลากหลายและสวยงามมากอีกด้วย   TAITUNG : TAIWAN เชื่อว่านักท่องเที่ยวหลายๆคนอาจจะยังไม่รู้จักไถตงมากนัก จริงๆแล้วไถตงก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่อยากให้ลองไปเที่ยวดูสักครั้ง “ไถ” มาจาก “ไต้หวัน” ส่วน “ตง” แปลว่า “ตะวันออก” เพราะฉะนั้นไถตงก็คือไต้หวันตะวันออกนั้นเอง ที่ไถตงนั้นจะเน้นที่เที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม เหมาะสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปเป็นอยากมาก หากมีโอกาสได้ลองมาเที่ยวที่นี่ แนะนำให้ลองนั่งรถไฟชมวิวทะเลแปซิฟิตดูสักครั้ง รับรองภาพความสวยงามของธรรมชาติจะตาตรึงคุณไปอีกนานเลยทีเดียว (การนักรถไฟชมวิวควรมีเวลาสัก 2 วัน เพื่อที่จะได้คุ้มค่ารถไฟ)   SPLIT : CROATIA ขึ้นชื่อว่าอยู่ในโครเอเชียแล้วต้องยกให้ความโรแมนติกเป็นที่หนึ่งเลยทีเดียว เมืองสปลิทที่อยู่ในโครเอเชียนั้นถือว่าเป็นเมืองที่มีความเก่าแก่มาก ในปัจจุบันถือเป็นเมืองท่าที่สำคัญทางการค้าและการท่องเที่ยวของโครเอเชียเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีบรรยากาศดี ทิวทัศน์งดงาม มีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง ใครที่ได้ไปแล้วถ่ายรูปออกมาจะสังเกตได้ว่ารูปทุกรูปนั้นมีความชิคความคูล ความชีวิตดีอยู่ในรูปทุกรูปแน่นอน หากอยากไปพักผ่อนชิลๆล่ะก็ ต้องนึกถึงที่นี่ที่แรกเลย   DUBAI : ARUB EMIRATESNCE สุดยอดเมืองที่กำลังเจริญรุ่งเรือง เชื่อว่าหลายๆคนคงรู้กันอยู่แล้วว่าดูไบเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเศรษฐี ท้องถนนจะเห็นรถซุปเปอร์คาร์ตลอดเส้นทาง จึงทำให้ดูไบมีสถานที่ท่องเที่ยวที่อลังการกว่าที่อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ตึกที่สูงที่สุดในโลก (burj khalifa) ชายหาดที่ถูกถมให้เป็นรูปต้นปาล์ม (palm jumeirah) ตู้ปลาขนาดยักษ์ที่อยู่ในใจกลางห้าง (dubai mall) หรือจะเล่นสกีในเมืองทะเลทรายที่ห้างก็ทำได้ (Mall of the Emirates) หรือใครอยากไปผจญภัยสัมผัสทรายด้วยตนเองก็มีกิจกรรมนั่งรถตะลุยทะเลทรายเพื่อไปแคมป์ไฟกลางทะเลก็มีให้คุณลองเช่นกัน   PARIS : FRANCE ปารีส เมืองในฝันของขาเที่ยวเกือบทุกคน หากพูดถึงยุโรปแล้วล่ะก็ปารีสต้องเป็นหนึ่งในเมืองที่คุณต้องมาลองเที่ยวสักครั้งแน่นอน เนื่องจาก ปารีส เป็นเมืองที่โรแมนติกที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง เช่น หอไอเฟล พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ประตูชัยฝรั่งเศส เป็นต้น นอกจากสถานที่เที่ยวแล้ว ยังมีแหล่งช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมอีกมากมาย ให้ขาช้อปได้ช้อปกันเพลินเลยทีเดียว ถ้าคุณได้มีโอกาสไปเที่ยวปารีสแล้วล่ะก็ รับรองว่าทั้งรูปถ่ายทั้งของฝากได้กลับมาบ้านอย่างล้นหลามแน่นอน   HOKKAIDO : JAPAN ฮอกไกโด ชื่อนี้ไม่น่าจะมีใครไม่รู้จักเพราะเป็นไฮไลท์ของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ ฮอคไกโดเป็นเกาะเหนือสุดและหนาวสุดของประเทศญี่ปุ่น ด้วยธรรมชาติทัศนียภาพที่งดงามตลอดทั้งปี มีกิจกรรมอีกหลากหลายเพื่อสัมผัสกับธรรมชาติ อาหารหลากหลายเปลี่ยนไปตามฤดูกาล เที่ยวเล่นอย่างเพลิดเพลินใจ คนที่เคยไปแล้วต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าต้องกลับไปอีกอย่างแน่นอน   REYKJAVIK : ICELAND   ที่เรคยาวิกแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่ใกล้ขั้วโลกเหนือมากที่สุด เป็นเมืองที่มีทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และ เที่ยวชมวิถีชีวิตของชาวเมืองได้ การที่มาเดินชมอาคารบ้านเรือนภายในเมืองเรคยาวิกที่มีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองก็สามารถสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นไอซ์แลนด์ได้เป็นอย่างดี ทั้งยังมีสิ่งก่อสร้างที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม อาหารการกินก็เป็นที่ถูกปากถูกคอของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ หรือใครต้องการตามล่าแสงเหนือก็สามารถตามล่าได้ที่นี่เช่นกัน เพียงแต่ช่วงเวลา และสถานที่อาจจะต้องวัดดวงกันสักนิด แต่ถ้าหากได้เห็นแสงเหนือแล้วล่ะก็บอกได้เลยว่าคุ้มเกินคุ้ม   JIUZHAIGOU : CHINA อุทยานแห่งชาติจิ่วไจ้โกว ประเทศจีน ตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของเทือกเขาหมินซานห่างจากเมืองเฉิงตูไปทางเหนือ ด้วยความสวยงามของธรรมชาติทำให้จิ่วไจ้โกวได้ถูกยกย่องให้เป็นสุดยอดประติมากรรมความงามจากธรรมชาติอย่างแท้จริง ทั้งน้ำตก ลำธาร ทะเลสาบสีฟ้าเหมือนหลุดไปอยู่ในโลกแห่งเทพนิยาย และที่นี่คือสถานที่ในฝันของนักเดินทางหลายๆคนที่ตั้งเป้าหมายว่าต้องมาจิ่วไจ้โกวให้ได้สักครั้งในชีวิต   SEOUL : SOUTH KOREA อีกหนึ่งประเทศที่คนไทยใครๆก็รู้จัก เกาหลีใต้ประเทศสุดฮิต ดินแดนของอปป้าของสาวไทยทั้งหลาย บางคนไปแล้วไปอีกจนนับครั้งไม่ถ้วนและกรุงโซลก็เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยว ทั้งถนนศิลปะและวัฒนธรรม สถานที่ประวัติศาสตร์ สวนสนุก ร้านอาหารชั้นเลิศ แหล่งช็อปปิ้งขนาดใหญ่ทั้งแหล่งสินค้าขายส่ง สินค้าแบรนด์เนมและแฟชั่นสไตล์เกาหลีมากมาย และห้ามพลาดที่จะไปคล้องกุญแจคู่รักที่โซลทาวเวอร์นะจ๊ะ   MANDALAY : MYANMAR มิงกะลาบา ใครว่าพม่าไม่น่าเที่ยว มัณฑะเลย์เคยเป็นอดีตเมืองหลวงและเมืองใหญ่อันดับที่สามของพม่า มัณฑะเลย์เมืองศูนย์กลางการค้าและคมนาคมทางตอนเหนือและเป็นเมืองอันดับต้นๆที่มีชื่อเสียงในด้านพระพุทธศาสนา คนไทยและนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมไปไหว้พระและสถาปัตยกรรมอันงดงามของกรุงมัณฑะเลย์ ไฮไลท์สำคัญของการเยือนมัณฑะเลย์ครั้งนี้ คือการเข้าร่วมพิธีล้างพระพักตร์ พระมหามัยยมุนี พระพุทธรูปทองคำขนาดใหญ่ทรงเครื่องกษัตริย์ 1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในประเทศพม่า   OSAKA : JAPAN โอซาก้า เมืองที่ใหญ่อันดับสองของประเทศญี่ปุ่น นอกจากจะเป็นเมืองธุรกิจสำคัญของประเทศแล้ว ยังขึ้นชื่อด้านอาหารในราคาย่อมเยา เพราะไม่ว่าจะมุมไหนของเมือง คุณก็สามารถหาร้านอาหารรสชาติเป็นเลิศ แต่ราคาสบายกระเป๋าได้ไม่ยาก นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง (Kaiyukan) ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) ยูนิเวิร์ลซัล สตูดิโอ (Universal Studio) แห่งญี่ปุ่น และสวนลอยน้ำ (Floating Garden Observatory)   MOSCOW : RUSSIA กรุงมอสโก รัสเซีย เป็น 1 ในประเทศมหาอำนาจของโลกเสมอมา รัสเซียตั้งอยู่ระหว่างทวีปยุโรปตะวันออกและทวีปเอเชียติดกับมองโกเลีย ค่อนไปทางเหนือของโลก ซึ่งแน่นอนว่าย่อมมีภูมิอากาศที่หนาว-หนาวจัด แต่ที่สำคัญมากไปกว่านั้น คือ สภาพภูมิประเทศและธรรมชาติป่าเขาที่สวยงามจับใจแบบเมืองในเทพนิยาย ไม่นับรวมสถาปัตยกรรมอาคารบ้านเรือนที่มีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง เมืองและสถานที่ท่องเที่ยวรัสเซียมีอยู่หลากหลาย เมืองหลวงเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์สำคัญมากมาย รวมไปถึงเมืองสมัยใหม่ที่ยังมีกลิ่นอายศิลปะดั้งเดิม   SINGAPORE สิงคโปร์ ประเทศใกล้ๆที่อาจจะเป็นประเทศแรกๆที่ทุกคนนึกถึงเวลาจะไปเที่ยวต่างประเทศ ปัจจุบันสิงคโปร์ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเจริญสูงสุดในแถวหน้าของโลก ทั้งด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยี รวมสุดยอดแหละท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์สำหรับคนทุกกลุ่ม ทั้งช็อปปิ้ง สวนสนุก กินอาหารอร่อย หรือชมความงามธรรมชาติต่างๆมากมาย ถ้าใครมีโอกาสได้ไปก็อย่าลืมไปถ่ายรูปเชคอินกับจุดแลนด์มาร์กอย่างรูปปั้นเมอร์ไลอ้อนกันนะคะ

อ่านเพิ่มเติม
รวม 7 สไตล์เที่ยวต่างประเทศ ตามวันเกิด ไปเถิดมันดี…
รวม 7 สไตล์เที่ยวต่างประเทศ ตามวันเกิด ไปเถิดมันดี…

05 ต.ค. 61

        แค่ได้ไปเที่ยวก็มีความสุขแล้ว แต่ถ้าหากได้ไปเที่ยวต่างประเทศที่สไตล์ตรงกับนิสัยอีกด้วยละก็ รับรองว่าการไปเที่ยวต่างประเทศคราวนี้สนุกกว่าเดิมแน่นอนครับ เพราะแต่ละคนต่างก็มีนิสัย และสไตล์การเที่ยวที่แตกต่างกันไป แล้ว นิสัยของแต่ละวันจะเหมาะกับการไปเที่ยวที่ไหนบ้างนะ ตามทัวร์ครับมาดูกันเลยดีกว่าครับ… 🔮 คนเกิดวันจันทร์  🔮 (Northen Lights)         ว่ากันว่านิสัย คนเกิดวันจันทร์เป็นคนที่ ชื่นชอบธรรมชาติ แต่เป็นธรรมชาติระดับอลังการงานสร้างเท่านั้นต้องเป็นสถานที่เที่ยวที่มีความสวยงามระดับโลก ถ้างั้นจึงเหมาะกับการไป ชมแสงเหนือ (Northern Lights) ที่ไอซ์แลนด์ หรือจะไปชื่มชมสถาปัตยกรรมระดับโลกอย่าง วิหารเพตรา (Petra) ดินแดนมหานครสีชมพู แห่งจอ์แดน วิหารที่ถูกแกะสลักจากภูเขาทั้งลูก ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางหุบเขา ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความอลังการสุดๆไปเลยครับ และที่สำคัญเลยคือคนที่เกิดวันจันทร์นั้น เป็นคนค่อนข้างขี้เหงา เวลาไปเที่ยวต่างประเทศจึงชอบไปแบบเดอะแก๊งค์มาก กว่าไปคนเดียว ครับ 🔮 คนเกิดวันอังคาร 🔮   (Cebu, Philiphines)         ตามนิสัย คนเกิดวันอังคารแล้วส่วนใหญ่ ชื่นชอบทะเล เสียงคลื่นและความสงบของทะเล จะช่วยเยียวยาจิตใจคนที่เกิดวันอังคารได้ครับ ดังนั้นผู้ที่เกิดวันอังคารจึงเหมาะกับการฟังเสียงคลื่น กับน้ำทะเลใสๆ ใกล้ชิดธรรมชาติที่ เกาะเซบู (Cebu) ประเทศฟิลิปินส์ เพราะทะเลที่เซบูนั้น ได้รับเสียงการันดีว่าน้ำใส และสวยงามสุดๆ เผลอๆอาจได้ ว่ายน้ำคู่กับปลาฉลามวาฬ บอกได้เลยว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีสุดๆเลยครับ หรือจะไปมัลดีฟก็ได้ เพราะว่ามัลดีฟก็มีทะเล และธรรมชาติที่งดงาม จนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกเลยทีเดียวครับ ซึ่งนอกจากชมทะเล แล้วชาววันอังคารยังชื่นชอบความสะดวกสบายในการท่องเที่ยว ดังนั้นการไปเที่ยวทัวร์ต่างประเทศน่าจะเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนเกิดวันอังคาร สุดๆครับ 🔮 คนเกิดวันพุธ 🔮         ชาววันพุธ ชื่นชอบความเป็นส่วนตัว และการได้ไปเที่ยวแบบใกล้ชิดธรรมชาติ คนเกิดวันพุธ จึงเหมาะกับการไป เที่ยวประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ พร้อมวิวสุดอลังการ ที่จะได้สูดอากาศบริสุทธิ์ ดื่มด่ำกับธรรมชาติกันจนจุใจ สวิสเซอร์แลนด์ (Switzerland) คือคำตอบเลยครับ อย่างที่รู้กันดีว่า ประเทศสวิสเซอร์แลนด์นั้นขึ้นชื่อเรื่องธรรมชาติระดับโลก หรือถ้าใครคิดว่าสวิสเซอร์แลนด์อาจจะดูไกลไป วังเวียง (Vang Vieng) ประเทศลาว ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่เหมาะกับคนชื่นชอบธรรมชาตินะครับ แถมใช้งบไม่เยอะอีกด้วยครับ 🔮 คนเกิดวันพฤหัสบดี 🔮   (Moraine Lake, Canada)         ชาววันพฤหัสบดีนั้น มีนิสัยเป็นคนรักสงบ ชอบใช้เวลาอยู่กับตัวเอง จึงเหมาะกับการไปเที่ยวธรรมชาติ นอนฟังเสียงน้ำ เสียงนก เสียงไม้ โดยสถานท่องเที่ยวที่เหมาะกับคนรักสงบอย่างชาววันพฤหัสบดี ก็คงจะต้องไปสัมผัสความสงบกันที่ทะเลสาบ ซึ่งทัวร์ครับขอแนะนำ 2 ทะเลสาบที่สวยงามราวกับภาพวาด ที่แรกก็คือ Blue Moon Valley เมืองลี่เจียง ประเทศจีน กับภาพของน้ำสีฟ้าสด ที่ตัดกับสีเขียวของภูเขาจนสวยงามราวกับภาพวาด เป็นที่เที่ยวที่เหมาะกับคนรักสงบอย่างชาววันพฤหัสฯจริงๆครับ แต่หากชาววันพฤหัสฯคนไหนอยากไปเที่ยวไกลกว่านั้น ก็สามารถไปตามหาความสงบจากธรรมชาติได้ที่ประเทศแคนาดา กับ อุทยานแห่งชาติแบมฟ์ ซึ่งมี ทะเลสาบน้ำสีฟ้า Moraine Lake ซึ่งเกิดจากการละลายของธารน้ำแข็ง ตัดกับภาพของภูเขาที่มีหิมะปกคลุมและสีเขียวจากต้นสน หลายคนยืนยันว่าเป็นภาพที่สวยงามจนหยุดหายใจเลยทีเดียวครับ รับรองว่าชาววันพฤหัสฯต้องถูกใจแน่นอน  🔮 คนที่เกิดวันศุกร์ 🔮 (Alishan, Taiwan)         ตามนิสัยของคนที่เกิดวันศุกร์ ชอบการท่องเที่ยวแบบชมธรรมชาติไปเรื่อยๆ แต่อาจจะมีแวะช้อปปิ้งบ้าง แต่ไม่ค่อยชอบไปสถานที่เที่ยวที่คนเยอะๆ ถ้างั้นชาววันศุกร์ควรไปเที่ยว โตเกียว (Tokyo) ประเทศญี่ปุ่น ค่ะ เพราะว่าโตเกียวนั้น มีทั้งแหล่งช้อปปิ้ง และยังมีวิวธรรมชาติแบบ Sighseeing ของภูเขาไฟฟูจิให้ชื่นชม หรือถ้าไปเที่ยวญี่ปุ่นกันจนเบื่อแล้ว ลองเปลี่ยนบรรยากาศไปเที่ยวไต้หวันกันดูบ้าง ซึ่งไต้หวันก็มี อุทยานอาลีซาน (Alishan) ไต้หวัน พร้อม วิวธรรมชาติแบบพาโนราม่า ให้เราได้ชิลกับความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ พร้อมแหล่งช้อปปิ้งในเมืองไทเป ให้ได้ละลายเงินกันเล็กน้อย แค่นี้ชาววันศุกร์ก็เพลิดเพลินกับทริปสุดๆแล้วครับ ทัวร์ครับขอบอก! 🔮 คนที่เกิดวันเสาร์ 🔮   (Leh Ladakh, India)         ชาววันเสาร์เป็นกลุ่มคนที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวแบบลุยๆ สไตล์ Advanture ไม่เน้นความสะดวกสบาย ดังนั้นที่เที่ยวของคนที่เกิดวันเสาร์ จึงต้องเป็นที่เที่ยวที่เหมาะกับสายลุยโดยเฉพาะอย่าง เล่ห์ ลาดักห์ (Leh Ladakh) ประเทศอินเดีย จุดหมายปลายทางในใจของนักเที่ยวสายลุย ที่อยากจะไปพิชิตที่กันให้ได้สักครั้ง ซึ่งเหมาะกับชาววันเสาร์สุดๆเลยครับ นอกจากจะชอบลุยแล้ว คนที่เกิดวันเสาร์ยังชื่นชอบเรื่องราวประวัติศาสตร์ สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ (Terracotta Warriors) เมืองซีอาน ประเทศจีน จึงน่าจะถูกในชาววันเสาร์กันนะครับ เพราะที่สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้นั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่เป็นของจริง และยังสามารถจับต้องได้ ไม่ว่าคนจะเกิดวันไหน หากชื่นชอบประวัติศาสตร์แล้ว ต้องชื่นชอบที่นี่แน่นอนครับ 🔮 คนที่เกิดวันอาทิตย์ 🔮  (New York, USA)         มาถึงสไตล์การเที่ยวของคนเกิดวันอาทิตย์ ที่มีนิสัยสนุกสนาน จึงทำให้ชอบเที่ยวแบบเน้นช้อปปิ้ง ความแสงสี และความตื่นเต้น รวมถึงเป็นคน ไม่ชอบไปเที่ยวคนเดียว จึงนิยมไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อน หรือครอบครัวนั่นเองครับ ซึ่งเมื่อพูดถึงเรื่องช้อปปิ้งและแสงสีแล้ว ชื่อของ นิวยอร์ค (New York) สหรัฐอเมริกา ก็ต้องเป็นตัวเต็งอย่างแน่นอน เมืองแห่งแสงสีของโลก สวรรค์ของนักช้อปเพราะที่นิวยอร์คนั้นเต็มไปด้วยแสงสี และความสนุกสนาน ยิ่งถ้าได้ไปกัยเพื่อนที่รู้จัก จะยิ่งสนุกมากขึ้นไปอีก หรือหากชาววันอาทิตย์คนไหน คิดว่านิวยอร์คยังไม่ชิคพอ ถ้างั้นต้องไปที่นี่เลยค่ะ ปารีส (Paris) ฝรั่งเศส (France) เพราะที่นี่คือที่สุดแห่งเมืองสีสัน จนได้ชื่อว่าเป็นเมืองสีสันระดับโลกเลยละครับ ซึ่งนอกจากทั้ง 2 ทีเที่ยวนั้นจะเต็มไปด้วยสีสัน เอาใจคนเกิดวันอาทิตย์แล้ว ยังเต็มไปด้วยที่เที่ยวน่าโดนอีกมากมาย รับรองว่าชาววันอาทิตย์ต้องชื่นชอบเมืองแห่งสีสันทั้ง 2 แห่งนี้แน่นอน แต่เผลอช้อปมากเกินนะครับ เดี่ยวจะกระเป๋าแบนจะหาว่าทัวร์ครับไม่เตือน!         แต่ไม่ว่าจะเกิดวันไหน หากได้ไปสถานที่เที่ยวที่ชอบ อยากไป สไตล์ที่ใช่ กับคนที่ชอบ ไม่ว่าทริปไหน ก็เป็นทริปที่สนุกสนาน และเต็มไปด้วยความทรงจำดีดี ยิ่งไปกับทัวร์ครับด้วยแล้ว รับรองว่าไม่จะทริปไหน ก็ดีทั้งนั้นครับ ทัวร์ครับพาไปเที่ยวตามวันเกิดแล้ว หากใครยังไม่หนำใจทัวร์ครับจะพาไปเปิดดวง กับราศีที่ไปเที่ยวต่างประเทศแล้วจะรุ่ง กับ... >>>ไปนอกแล้วจะรุ่ง! เปิดดวง 4 ราศีที่มีเกณฑ์เดินทางไปต่างประเทศ<<<  

อ่านเพิ่มเติม
10 อุบายที่สายเที่ยวควรระวัง จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อในต่างแดน
10 อุบายที่สายเที่ยวควรระวัง จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อในต่างแดน

29 ต.ค. 61

วันนี้ทัวร์ครับ เลยนำ 10 อุบายที่มิจฉาชีพมักใช้หลอกนักท่องเที่ยวมาเล่าให้ฟังกันครับ ใครมีแพลนกำลังจะออกเดินทางไปยังที่ไหนก็ตาม ลองอ่านกันดูนะครับ จะได้เตรียมตัวไว้แต่เนิ่นๆจะได้ไม่โดนหลอก.. 1. หลอกถามทาง วิธีนี้เป็นวิธีที่ฮิตมากๆ ในแถบยุโรป เพราะมิจฉาชีพเหล่านี้จะมีคนนึงในกลุ่ม แต่งตัวเป็นนักท่องเที่ยวเหมือนกับเรา ถือแผนที่ขนาดใหญ่ และเดินตรงเข้ามาขอความช่วยเหลือให้เราช่วยดูแผนที่ให้หน่อย ในขณะเดียวกันมิจฉาชีพคนอื่นๆ ก็จะอาศัยจังหวะที่เราไม่ทันระวังตัว มาแอบล้วงกระเป๋าหรือหยิบฉวยของเราไปนั่นเอง วิธีหลีกเลี่ยงพวกนี้ก็คือ อย่าไปคุย ให้เดินหนีเลยครับ พึงระลึกไว้เสมอว่า คนที่หลงทางจริงๆ จะมาถามนักท่องเที่ยวด้วยกันทำไม หรือถ้าเลี่ยงไม่ได้ ก็ระมัดระวังกระเป๋าให้ดีๆห้ามประมาทเลยล่ะ 2. ขอทาน คนไทยเราเป็นเหยื่อให้กับมิจฉาชีพที่ใช้วิธีนี้ได้ง่ายมากๆ เพราะด้วยพื้นฐานเราเป็นคนขี้สงสาร และมีน้ำใจ โดยวิธีที่คนร้ายจะใช้ก็คือ ปลอมตัวเป็นขอทาน (หรือขอทานจริง) เดินเข้ามาขอเงินกันโต้งๆ เลยครับ อาจจะมาในรูปแบบของเด็กเล็ก หรือคนแก่ที่น่าสงสารมากๆ และพอเราควักกระเป๋าสตางค์ออกมาก็ฉกกระเป๋าเราแล้ววิ่งหนีไปดื้อๆ เลย ซึ่งวิธีนี้พบได้ทั่วโลก!! นอกจากนี้อาจจะมีกรณีที่ ให้เงินกับขอทาน 1 คน แล้วโดนขอทานมารุมอีกเป็นสิบ !! ไม่ให้ก็ไปจากตรงนั้นไม่ได้ ก็ถือว่าเป็นมิจฉาชีพรูปแบบหนึ่งเหมือนกันนะ ใครไปเที่ยวก็อย่าลืมเลี่ยงคนเหล่านี้ไว้ด้วยนะครับไม่งั้นจะเป็นเราเองที่ไม่มีเงิน 555555555+  3.ให้เครื่องประดับ กำไลข้อมือ หรือของจุกจิก ทั้งสองอย่างนี้คือตัวอันตรายเลยครับ พวกมิจฉาชีพจะตรงดิ่งเข้ามาหาคุณ และ พยายามยัดเยียดของที่จะใส่ให้ข้อมือ ของคุณให้จงได้ ถ้าเจอต้องรีบหนีอย่างด่วนๆ เพราะหากเผลอรับมาแล้ว อาจจะต้องเสียเงินจำนวนมหาศาลสำหรับสายสิญจน์เส้นเล็กๆ หรือบางครั้งอาจจะเป็นการดึงความสนใจของคุณ เพื่อล้วงกระเป๋าก็ได้ครับ ซึ่งวิธีนี้มักจะเจอที่แถบยุโรป ตามสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นแลนด์มาร์กครับ  4. การแสดงริมถนน จำไว้ให้มั่นเลย ว่าหากมีการแสดงริมถนนที่มีการล้อมวง คนเยอะๆ อย่าไปสนใจ อย่าไปอยากรู้อยากเห็นเด็ดขาด เพราะเป็นแหล่งทำงานชั้นดีของเหล่ามิจฉาชีพเลยล่ะ พวกนี้จะอาศัยจังหวะที่เราสนใจการแสดง ล้วงกระเป๋าหรือขโมยของเรา วิธีนี้พบเจอได้ทั้งประเทศในเอเชียเรา และทางแถบยุโรปเลยครับ ถ้าไปยืนดูการแสดง ทัวร์ครับ ก็แนะนำให้ปิดกระเป๋าให้มิดชิดและเอากระเป๋ามาไว้ด้านหน้าลำตัวหรือดูแลจับตามองกระเป๋าเราให้ดี จะได้ไม่เปิดช่องให้มิจฉาชีพได้มาขโมยกันได้ง่ายๆ  5. ถ่ายรูปให้หน่อย อย่าแปลกใจถ้าหากคุณไปท่องเที่ยวกับแฟนเพียงสองคนแล้วอยากมีรูปคู่ แต่ไปขอให้ใครช่วยถ่ายก็ไม่มีใครถ่ายให้ เพราะการขอให้ช่วยถ่ายรูป ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่มิจฉาชีพชอบใช้เช่นกันครับ โดยพวกเค้าจะทำทีมาขอให้เราถ่ายรูปให้ ด้วยกล้องที่ใช้งานไม่ได้ และพอเราส่งคืนเค้าก็จะแกล้งทำตก และแน่นอนว่าเราต้องชดใช้ค่าเสียหายให้เค้าด้วยราคาที่แพงมากเลยล่ะ 6. ถ่ายรูปให้ไหม นอกจาก ถ่ายรูปให้หน่อย แล้ว วิธีถ่ายรูปให้ไหม ก็ยังเป็นวิธียอดฮิตของเหล่ามิจฉาชีพเช่นเดียวกัน ซึ่งมักจะเข้าหานักท่องเที่ยวที่มาคนเดียว หรือมาเป็นคู่รักครับ โดยถ้าเราหลงกล เค้าก็อาจจะเก็บค่าถ่ายรูปกับเราในราคาแพงแสนแพง บางทีหนักหน่อย ก็อาจจะโดนวิ่งราวกล้องไปต่อหน้าต่อตาเลยครับ 7. ตำรวจปลอม วิธีนี้น่ากลัวมากๆ และเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลยครับ เพราะมิจฉาชีพเหล่านี้จะทำทีว่าตัวเองเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ มาขอดูพาสปอร์ตของเรา หรือวีซ่าของเรา แล้วบอกว่าวีซ่าเรามีปัญหา หรือแกล้งบอกว่าเราทำอะไรผิดต่างๆ นานา ก่อนจะแกล้งทำทีเสนอให้เราจ่ายค่าปรับตรงนี้แทนที่จะไปสถานีตำรวจ ถ้าเราไม่ยอมให้ก็อาจจะข่มขู่ มากไปถึงการทำร้ายร่างกายเลยล่ะ วิธีแก้ง่ายๆคือให้เราค้นหาเบอร์ตำรวจของประเทศนั้นๆ ไว้ พอเจอพวกนี้เข้ามาปั๊บ ก็โทรหาตำรวจตัวจริงก่อนเลย 8. ตั๋วปลอม ในระหว่างที่เราต่อแถวรอซื้อตั๋วเพื่อเข้าสถานที่ต่างๆ หรือทำกิจกรรมใดๆ ก็ตาม ก็อาจจะมีมิจฉาชีพเข้ามาทำทีอ้างว่ามีตั๋วมาขายในราคาที่ถูกกว่า บอกเลยว่าอย่าไปหลงกลเด็ดขาดนะครับ ถึงราคาจะถูกกว่าครึ่งหนึ่งก็ตาม เพราะตั๋วที่ได้มามักจะเป็นตั๋วปลอม ใช้งานไม่ได้ นอกจากเสียเงินแล้วยังเสียเวลาอีก เซ็งแย่ 9. แท็กซี่เถื่อน รู้ๆ กันอยู่แล้วล่ะเนอะข้อนี้ เพราะในบ้านเราก็มี (เฮ้อ...พูดแล้วเซ็ง) และแน่นอนว่าทั่วโลกก็มีเช่นกันครับ แท็กซี่พวกนี้จะไม่ยอมกดมิเตอร์ และชาร์จราคาแพงกว่าปกติ วิธีหลีกเลี่ยงง่ายๆ ก็คือใช้บริการรถไฟฟ้าให้คล่อง หรือเรียกรถจากแอพต่างๆ ที่มีให้บริการดีกว่า 10.  คนน้ำใจงาม เหมือนจะดูเป็นคนดี แต่พวกนี้บอกเลยว่าร้ายสุดๆ เพราะในขณะที่เรากำลังยกกระเป๋าขึ้นรถไฟ หรือแบกกระเป๋าเดินทางใบโตไปไหนมาไหนดูท่าทีลำบ๊ากลำบาก มิจฉาชีพพวกนี้ก็จะทำทีแสดงน้ำใจ มาช่วยเรายกของ ขนของ และพอเสร็จก็จะขอเงินจากเรานั่นเอง ถ้าหากไม่จ่ายก็อาจจะโดนข่มขู่ หรือทำร้ายร่างกายนั่นเองครับ เห็นมั้ยล่ะครับ? ว่าการเที่ยวแต่ละครั้งก็ไม่ได้มีแต่ความสุข แต่ก็ไม่ใช่ว่าที่มาเล่าจะทำให้กลัวจนไม่อยากเที่ยวนะครับ ต้องอย่าลืมรู้จักป้องกันตัวเอง ดูแลตัวเอง และระมัดระวังตัวเองอย่างดี เพียงเท่านี้ก็จะไม่ตกเป็นเหยื่อของพวกมิจฉาชีพ และแน่นอนว่ามาเที่ยวกับทัวร์ครับ ปลอดภัยหายห่วง..    ใครกำลังจะไปเที่ยว อ่านต่อนี่เลย !! >> จัดกันมันส์ทุกทริป ! 10 ทริคเที่ยวต่างประเทศแบบประหยัด  

อ่านเพิ่มเติม
แพลนทริปไว้แพลนเงินด้วย! รวม 10 ไอเดียออมเงินไว้ไปเที่ยวแบบชิลล์ๆ
แพลนทริปไว้แพลนเงินด้วย! รวม 10 ไอเดียออมเงินไว้ไปเที่ยวแบบชิลล์ๆ

10 ธ.ค. 61

นักท่องเที่ยวอย่างเราๆ รู้กันดีอยู่แล้วว่า การจะไปเที่ยวแต่ละทีต้องใช้เงินเยอะขนาดไหน เอาแค่ต่างจังหวัดบ้านเรา บางทีแค่แบงค์พัน 5 ใบยังแทบจะเอาไม่อยู่ และถ้าหากต้องไปแบบเหนียมๆ มีงบแบบจำกัดก็คงจะเที่ยวไม่สนุกเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นวันนี้ ทัวร์ครับ เลยขอเสนอ 10 ไอเดียออมเงิน ที่ได้ผลดี๊ดี เอาไว้เป็นบัดเจ็ทในการไปเที่ยวทริปต่อกันไปครับ 1. เก็บแบงค์ 50 วิธียอดฮิตตลอดกาล ที่หลายๆ คนคงใช้วิธีนี้อยู่ และบอกเลยว่าเป็นวิธีที่ได้ผลดีมากๆ ด้วยนะครับ ถึงแม้บางครั้งอาจจะเก็บได้ช้าหน่อย เพราะเราไม่ค่อยได้รับแบงค์ 50 แต่พอได้มาแล้วเราเก็บอย่างเดียว ไม่ใช้ ไม่ไปแตะต้องมันเลย สะสมไว้มากๆ ก็กลายเป็นเงินก้อนได้เหมือนกันนะ 2. เก็บแบงค์ใหม่ เวลาได้รับแบงค์ใหม่มาจากเงินทอน ไม่ว่าจะเป็นแบงค์ยี่สิบ แบงค์ร้อย หรือแบงค์พัน ก็ต้องเก็บเข้ากระปุกทั้งหมดนะครับ วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่มีวินัยและแน่วแน่ เพราะบอกเลยว่าแอบโหดนิดๆ เวลากดเงินจากตู้ ATM แล้วเจอแบงค์ใหม่ก็ต้องเก็บเช่นเดียวกัน แต่บอกเลยว่าได้ผลดี แถมเห็นผลไวอีกต่างหาก 3. เก็บเหรียญทั้งหมด ห้ามมีกระเป๋าใส่เหรียญแยกเด็ดขาด ใครมีเอาไปทิ้งด่วนๆ เพราะต่อจากนี้เราจะไม่เก็บเหรียญกัน! ได้ทอนมา หรือได้จากไหนมาต้องนำมาหยอดกระปุกให้หมด ห้ามเบี้ยว ห้ามขี้โกงเด็ดขาด ผ่านไปหนึ่งปีแล้วนำออกมานับกันว่าได้กี่บาทน๊า 4. เก็บเงินแต่ละชนิด ในแต่ละวัน ตั้งกฎเหล็กในแต่ละวันเลย ว่าจะเก็บเงินอะไรบ้าง เช่น วันจันทร์ เราจะเก็บแบงค์ยี่สิบ เพราะฉะนั้นได้จากไหนมาก็ห้ามใช้ วันอังคาร เราจะเก็บเหรียญสิบทั้งหมด อะไรแบบนี้ วิธีนี้ก็จะทำให้เราเก็บเงินได้ไว แล้วก็ไม่อึดอัดเกินไปด้วยครับ 5. เก็บเงินตามวันที่ แบบเบๆ อนุบาลๆ เพิ่งเริ่มต้น ก็เอาแค่วันที่ 1 - 31 หรือ 1 - 100 พอ แต่ระดับรุ่นใหญ่เค้านับกันเป็นปี! ตั้งแต่วันที่ 1 - 365 เลยทีเดียว วิธีนี้แรกๆนี่ชิลๆ แทบจะหยอดกระปุกเผื่อวันต่อๆ ไป แต่พอผ่านไปสักสามเดือนเริ่มปาดเหงื่อเพราะยอดมันเยอะขึ้นเรื่อยๆ แต่บอกเลยผลคุ้มค่ามาก เพราะหากทำครบปีจะมีเงินเก็บเกือบ 70,000 เลยล่ะ!! 6. เก็บเงินวันละ 20 - 100 บาท วิธีนี้ง่ายมากๆ ตั้งเป้าหมายไปเลยว่าเราจะเก็บนานแค่ไหน และอยากมีเงินเก็บเท่าไหร่ แต่บอกก่อนว่า ต้องทำทุกวัน ห้ามขาดเลยนะครับ วันไหนลืมก็ต้องเอามาหยอดกระปุกคืนด้วยนะ ถึงแม้จะดูว่าเราเก็บเงินทีละนิด แต่สะสมจนถึงวันที่เราตั้งเป้าไว้ ก็เรียกรอยยิ้มได้เหมือนกันนะ 7. เก็บเงินแยกกระปุก ในที่นี้หมายถึง เรามีเป้าหมายชัดเจนไปเลยครับ ว่าเราอยากจะไปเที่ยวที่ไหน แล้วลองคำนวณงบคร่าวๆ นำมาหารกับระยะเวลาที่เหลือก่อนไปเที่ยว เราก็จะได้รู้ว่าเราต้องเก็บวันละกี่บาท หรือหากใครยังไม่มีแพลน ก็เก็บแยกกระปุกเฉยๆ ไปก่อนก็ได้ เป็นค่าช้อปปิ้ง ค่าทริป หรือเก็บไว้เผื่อฉุกเฉิน เป็นต้น 8. แบ่งเงินใช้เป็นรายวัน ย้อนกลับไปตอนเด็กๆ เราก็จะได้ค่าขนมจากผู้ปกครองกันใช่ไหมล่ะ วิธีนี้ก็เหมือนกันเลย เป็นการให้ค่าขนมตัวเองในแต่ละวันนั่นเอง กำหนดให้เราใช้เงินได้แค่นี้เท่านั้นในแต่ละวัน ถ้าอยากใช้เกินให้ไปยืมของวันถัดไปมา แล้ววันถัดไปก็ต้องเหลือใช้น้อยลง หากไว้ไหนใช้ไม่หมด อนุญาตให้ทบไว้ใช้วันถัดไปได้ หรือจะหยอดลงกระปุกก็ได้นะ 9. เศษของเงินเดือนคือเงินเก็บ หลายๆ บริษัทมักจะจ่ายเงินเดือนเป็นเศษ เพราะต้องหักค่าประกัน หรือค่าอื่นๆ เพราะฉะนั้นเราก็แค่เอาเศษพวกนั้นมาออมเป็นเงินเก็บ แล้วเหลือเงินใช้จ่ายเป็นเลขกลมๆ พอครับ แต่วิธีนี้ขอแนะนำให้หักเศษหลักพันขึ้นไป ถึงจะได้ผลดีนะจ๊ะ 10. จ่ายค่าข้าวเท่าไหร่ เก็บเงินเท่านั้น จะมื้อกลางวัน หรือมื้อเย็น เอาที่สะดวกเลยครับ (หรือใครโหดๆ หน่อยจัดสองมื้อไปเล้ย) วันไหนทานน้อย ก็ออมน้อย วันไหนทานมื้อใหญ่ ก็ออมเยอะตามราคาที่จ่ายไป นอกจากนี้ใครจะนำไปปรับเป็นการออมเงินเท่าค่าเสื้อผ้า ค่าช้อปปิ้ง ก็ไม่ผิดนะ นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของวิธีออมเงินเท่านั้นนะครับ จริงๆ ยังมีอีกหลากหลายวิธีเลย ลองหาวิธีที่เข้ากับตัวเองมากที่สุดแล้วทำดูนะ หรือจะนำหลายๆ วิธีมาผสมกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดก็ได้ สำคัญคือเราต้องมีวินัย กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องไปตึงหรือหย่อนไป เงินออมคือเงินที่เหลือจากค่าใช้จ่าย เพราะฉะนั้นไม่ควรทำให้ตัวเองลำบากเพราะการออมเงินน๊า   บทความแนะนำ  >> 10 อุบายที่สายเที่ยวควรระวัง จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อในต่างแดน <<    

อ่านเพิ่มเติม
แบกเป้เที่ยว กับ 10 ที่เที่ยวแบบฮิปสเตอร์ !! เที่ยวสนุก ถ่ายรูปเพลินในต่างแดน
แบกเป้เที่ยว กับ 10 ที่เที่ยวแบบฮิปสเตอร์ !! เที่ยวสนุก ถ่ายรูปเพลินในต่างแดน

12 ธ.ค. 61

พร้อมจะไปออกทริปไปเที่ยวกับเราแล้วหรือยัง? ถ้าพร้อมแล้ว ก็ไปหยิบกล้องถ่ายรูปมาให้พร้อม แล้วหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย เกาะให้แน่นๆ ดูให้ดีๆ เพราะวันนี้ ทัวร์ครับ จะพาไปแนะนำให้รู้จักที่เที่ยวแบบฮิปสเตอร์ ชิคๆ คูลๆ ถ่ายรูปออกมาสวยมว๊าก! อย่ารอช้าเวลาไม่คอยท่า มีที่ไหนบ้างไปดูกันเล้ยยย 1. วังเวียง - ลาว พิกัด : Vang Vieng เริ่มต้นกันแบบใกล้ๆ กันก่อน กับสถานที่ท่องเที่ยวที่สายฮิปสเตอร์ทั้งหลาย ไม่มีใครไม่รู้จัก ถือว่าเป็น destination หลักๆ ที่คนมักจะคิดถึงถ้าอยากจะเที่ยวแบบชิคๆ เลยล่ะ วัยรุ่นไทยไปเช็คอินกันให้พรึ่บ เพราะค่าครองชีพไม่แพง เดินทางง่าย มีเวลาแค่ 2 วันก็ไปตะลอนเที่ยว และถ่ายรูปเก๋ๆ กันที่วังเวียงได้แล้ววววว 2. The Cafe Apartment - เวียดนาม พิกัด : The Cafe Apartment cr.baanlaesuan.com ขยับออกไปอีกนิด กับประเทศที่มาแรงสุดในซีซั่นนี้! ใครๆ ก็ไปเวียดนามกันทั้งนั้น และแน่นอนว่า มาถึงโฮจิมินห์ ถ้าไม่ไปเยือนที่คาเฟ่อพาร์ทเม้นท์ถือว่าพลาดมั่กๆเลยแก คือมันชิค มันคูล มันฮิปสเตอร์อย่าบอกใครเชียวล่ะ สายคาเฟ่ต้องไป! ไม่ไปถือว่าผิด! พูดแค่นี้ !!! ใครที่ไปทัวร์เวียดนาม สามารถหาวันอิสระไปได้นะครับ รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอน 3. ดาลัด - เวียดนาม พิกัด : Dalat cr.wechoice.vn ยังอยู่กันที่เวียดนามกันต่อ ก็บอกแล้วว่าซีซั่นนี้เค้ามาแรงเว่อร์ วัยรุ่นไทยจองตั๋วบินไปเช็คอินกันให้พรึ่บ! วางแพลนทริปดีๆ วันนึงอยู่โฮจิมินห์ อีกวันก็ออกมาดาลัดซะหน่อย ที่นี่มีมุมให้เหล่าฮิปสเตอร์ได้ลั่นชัตเตอร์กันพรึ่บ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กำแพงสีเหลืองสดใสที่เธอเห็นกันเต็มไอจี ก็อยู่ที่นี่น้าาา 4. ตึกตึก Montane Mansion - ฮ่องกง พิกัด : Montane Mansion ใครกำลังแพลนไปทัวร์ฮ่องกง ต้องมีตึกนี้อยู่ในลิสต์ด้วยแน่ๆ เพราะถือว่าเป็นมุมที่ฮิตมากมุมนึงเลยล่ะ ใครๆ ก็คุ้นเคยตึกนี้เป็นอย่างดี เพราะเป็นฉากหนึ่งในหนังดัง เรื่องทรานส์ฟอร์เมอร์นั่นเอง แต่ขอแนะนำอย่างนึงว่า ตึกนี้เป็นที่พักอาศัยของคนฮ่องกงเค้า ถึงแม้จะอนุญาตให้เข้าไปถ่ายภาพได้ แต่เหล่าฮิปสเตอร์ทั้งหลายก็ต้องรักษามารยาท ไม่เสียงดังให้เค้ารำคาญใจนะครับ เพิ่มเติมอีกสถานที่หนึ่งในฮ่องกงที่ห้ามพลาด .. คือ ตึก Choi Hung ครับ สำหรับอาคาร Choi Hung ลงสถานี Choi Hung ออกประตู C3 เดินตรงไปที่โรงเรียนเลยครับเเล้วทะลุตึกไปถึงเลย ซึ่งที่นี่มีมุมให้ถ่ายหลายมุมมาก ไฮไลท์ก็ไม่พ้นตึกแถวสีสันสวยงามนี่แหละครับ แถมพื้นสนามก็ยังเป็นเฉดสีที่เหมาะกับฉากหลังด้วย ใครมาเที่ยวฮ่องกงแล้วไม่ได้มาถ่ายรูปที่นี่ถือว่าพลาดจริงจังครับ 5. เสียมเรียบ - กัมพูชา พิกัด : Siem Reap จะบอกว่า ตอนนี้เหล่านักท่องเที่ยวสายฮิปสเตอร์หลายๆ คนได้จดที่นี่ไว้ในใจแล้วล่ะครับ เมืองที่ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ขอบอกว่ามีมุมชิคๆให้ลั่นชัตเตอร์เต็มไปหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือจุดที่เป็นไฮไลท์อย่าง อังกอร์วัด หรือนครวัด-นครธม 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกนั่นเอง ใครที่มองข้ามไป อยากให้ลองมองดูใหม่น๊า 6. มะละกา - มาเลเซีย พิกัด : Melaka กลับลงมายังประเทศทางใต้ของไทยเราบ้าง กับเมืองมรดกโลก อย่างมะละกา ถึงแม้ว่ากว่าจะไปถึงมะละกา จะต้องนั่งรถออกจากกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของมาเลเซียมาเกือบ 3 ชั่วโมง แต่ก็คุ้มค่าที่จะมาแน่นอน เพราะเป็นเมืองที่มีความสวยงามตามแบบฉบับของเมืองมรดกโลก และมีมุมเก๋ๆ ให้ถ่ายภาพอัพโซเชียลเพียบเลย 7. ฮาจิเลน - สิงคโปร์ พิกัด :  Haji lane Singapore เขยิบไปประเทศข้างเคียงมาเลเซีย ที่วัยรุ่นไทยนิยมไปสุดๆ อย่างสิงคโปร์กันครับ ที่นี่ก็มีหลากหลายมุมให้ไปเช็คอินพร้อมกับถ่ายภาพเช่นกัน อย่างฮาจิเลน Street Art ชื่อดัง ที่มีสีสันสดใส มีลวดลายความอาร์ตที่สวยงามฝุดๆ ไปสิงคโปร์ห้ามพลาดที่นี่เด็ดขาดนะครับ 8. Fort Canning Park - สิงคโปร์ พิกัด : Fort Canning Park หรือที่เราเรียกกันว่า อุโมงค์ต้นไม้ ครับ ใครเช็คอินที่สิงคโปร์ จะต้องมีภาพมุมนี้มาอวดกันด้วยแน่ๆ เป็นสวนสาธารณะที่มีความเก๋และชิคสุดๆ ถ่ายภาพออกมาได้ความฮิปสเตอร์เต็ม 100 บินไปถึงเมืองสิงโตทั้งที ต้องไปเยือนที่นี่สักหน่อยนะครับ 9. บาหลี - อินโดนีเซีย พิกัด : Bali ชื่อนี้การันตีความเก๋อย่างแน่นอน ไม่ได้มีแต่ความสวยของน้ำทะเลเท่านั้น แต่ที่บาหลียังมีความชิคของเมือง คาเฟ่ ร้านอาหารต่างๆ เรื่อยไปจนถึงโรงแรมเลยล่ะครับ ออกตัวเป็นฮิปสเตอร์ทั้งที พลาดบาหลีไปถือว่าผิดมหันต์เลยนะจะบอกให้ 10. ภูเก็ต - ประเทศไทย พิกัด : Phuket ปิดท้ายกันที่ ภูเก็ตบ้านเรา เมืองที่มีความชิคแอนด์คูล อู้หู!!สุดๆ ทั้งกำแพงสตรีทอาร์ต ทั้งถนนคนเดิน ทั้งตึกต่างๆ แล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ที่นำสายไฟลงดิน เปิดเผยความสวยงามของตึกเก่าๆ ตามย่านต่างๆ ของภูเก็ตมากขึ้น ยิ่งต้องไปเช็คอินเลยนะ สายฮิปสเตอร์ที่อ่านจบแล้ว อยากไปเช็คอินถ่ายรูปชิคๆ กลับมาอัพโซเชียลที่ไหนกันบ้าง ไหนลองคอมเม้นท์บอกกันหน่อยนะ หรือใครที่ซื้อทัวร์กับ ทัวร์ครับ ไปเที่ยววันอิสระ อย่าลืมส่งรูปกลับมาอวดกันหน่อยน๊าาาาา   อ่านต่อ >> รวม 7 สไตล์เที่ยวต่างประเทศ ตามวันเกิด ไปเถิดมันดี… <<    

อ่านเพิ่มเติม
ยิ่งเที่ยว ยิ่งรัก 12 เหตุผล ทำไมต้องไป "เที่ยวกับแฟน"
ยิ่งเที่ยว ยิ่งรัก 12 เหตุผล ทำไมต้องไป "เที่ยวกับแฟน"

18 ม.ค. 62

จากผลสำรวจความคิดเห็นของคู่รักถึง 1,000 คู่เกี่ยวกับความเข้าใจว่าการเดินทางส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขาอย่างไรบ้าง เกือบสองในสามของผู้ตอบแบบสอบถาม (63%)  ระบุว่าการเดินทางท่องเที่ยวด้วยกันนั้นส่งผลที่ดีต่อความสัมพันธ์ ทำให้พวกเขาได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันจริงๆ นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันและน่าตื่นเต้นที่จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ได้อีกด้วย ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ไปดูกันเลยครับ 1. มีการตั้งเป้าหมายและจุดประสงค์ร่วมกัน การตกลงไปเที่ยวสถานที่ใดที่หนึ่งร่วมกัน จะต้องมีการตั้งเป้าหมายและวัตถุประสงค์ร่วมกัน ซึ่งทำให้ความคาดหวัง และความปราถนาไปในทิศทางเดียวกันด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเส้นทางไปเที่ยว กิจกรรมระหว่างทาง หรือแม้แต่การเลือกว่าจะกินอะไรดี และเพื่อที่จะไปให้ถึงจุดมุ่งหมายนั้นทั้งสองคนจะต้องมีแบ่งปันทัศนคติ ความคิดเห็น ตลอดจนการช่วยเหลือสนับสนุนซึ่งกันและกันครับ   2. ได้ทำความเข้าใจและปรับเปลี่ยนข้อจำกัดระหว่างกัน การเดินทางไม่เพียงเผยให้เห็นเฉพาะโลกภายนอกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโลกภายในของกันและกันด้วย ทำให้รู้ว่าแต่ละคนมีข้อดี ข้อเสีย และข้อจำกัดอย่างไรบ้าง จะช่วยอีกฝ่ายหาวิธีเติมเต็มได้อย่างไร มีตรงไหนที่เราต้องปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อให้ไปถึงจุดหมายปลายทางร่วมกันครับ 3. มีการสื่อสารที่ดีขึ้น จากการสำรวจพบว่าคู่รักที่เดินทางด้วยกัน จะมีความคิดเห็นไปในแนวทางเดียวกันและมีความขัดแย้งน้อยกว่าคู่รักที่ไม่ได้เดินทางด้วยกัน การเดินทางทำให้พวกเขาเข้าใจและอดทนต่อกันมากขึ้น  ทำให้ต้องร่วมมือกันและคอยคิดหาวิธีตกลงกันให้ได้ สถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจร่วมกันนี้จะทำให้คุณสองคนสื่อสารกันได้ดีขึ้นและเข้าใจซึ่งกันและกัน แถมยังได้รู้จักการให้ การเสียสละเพื่ออีกฝ่าย ซึ่งจะทำให้ชีวิตรักของพวกคุณมีความสุขเพิ่มขึ้นครับ 4. สร้างความทรงจำร่วมกัน การเดินทางไปในสถานที่ต่างๆ จะช่วยให้คุณได้เปิดประสบการณ์ใหม่ ซึ่งจะกลายเป็นความทรงจำที่ดีร่วมกันและประทับอยู่ในใจ  การพาแฟนเที่ยวจะยิ่งทำให้คุณสองคนเติบโตไปด้วยกัน และเมื่อการผจญภัยสิ้นสุดลง ทั้งคู่ก็จะมีความทรงจำอันสุดพิเศษที่มีแค่คุณสองคนเท่านั้นเป็นพยานรับรู้ครับ 5.แสดงให้เห็นตัวตนที่แท้จริงของแต่ละคน เนื่องจากทั้งทริปนั้นคุณจำเป็นที่จะต้องอยู่ด้วยกันเกือบตลอดเวลา ทำให้คุณสามารถสังเกตถึงรายละเอียดเล็กน้อยต่างๆ ที่เป็นการแสดงออกถึงตัวตน พฤติกรรม และความเคยชินของอีกฝ่าย เช่น อาจจะนอนกรน เข้าห้องน้ำนานมาก เป็นคนจุกจิก หรือเป็นคนง่ายๆ สบายๆ ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองทำให้เราค้นพบตัวตนที่แท้จริงจากการเที่ยวกับแฟนและยังเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคุณทั้งสองคนในอนาคตได้ครับ 6.รู้จักการสร้างอารมณ์ขันเพื่อรักษาสถานการณ์ บ่อยครั้งที่เวลาไปเที่ยวแล้วต้องเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่เป็นอย่างใจ ตั้งแต่ไฟลท์ดีเลย์ กระเป๋าสตางค์หาย ไปจนถึงเรื่องเล็กๆน้อยๆ อย่างแผนที่ไม่ตรงกับสถานที่จริง หรือร้านอาหารที่ตั้งใจต่อคิวยาวไม่อร่อยดังหวัง เราสามารถสังเกตนิสัยแฟนได้จากปฏิกิริยาที่เขาหรือเธอมีต่อสถานการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่กดดันและเคร่งเครียด ซึ่งหนึ่งในสิ่งที่สำคัญก็คือการมองโลกในแง่ดี  รู้จักการสร้างอารมณ์ขันเพื่อรักษาและแก้ไขสถานการณ์ ให้ช่วงเวลาที่เหลืออยู่นั้นมีความสุขและเป็นทริปที่น่าประทับใจ นอกจากนี้ในอนาคตคุณก็สามารถหาวิธีปรับตัวเข้าหากันได้ง่ายขึ้นด้วยครับ 7.คงความโรแมนติกไว้ ตรงนี้เป็นเรื่องหลักที่แตกต่างจากคู่รักที่ใช้เวลาดูหนัง หรืออ่านหนังสือเพียงอย่างเดียว ในฐานะคู่รักที่ใช้เวลาเดินทางด้วยกัน จะมีการแสดงออกถึงความโรแมนติกออกมาตามธรรมชาติ นี่เป็นเหตุผลที่ 86% ของผู้ตอบแบบสอบถามในการสำรวจคู่รักเดินทางกล่าวว่าความสัมพันธ์ของพวกเขายังคงมีความโรแมนติกอยู่แม้จะกลับจากทริปแล้วก็ตาม เมื่อเทียบกับ 73% ของคู่รักที่ไม่เคยเดินทางร่วมกันครับ 8.อยู่กับช่วงเวลาที่เป็นปัจจุบัน ในขณะที่คู่รักอื่น ๆ ที่ไม่ได้เดินทางไปด้วยกัน มักกังวลเกี่ยวกับอนาคตและสร้างข้อสงสัยในความสัมพันธ์ แต่คู่รักที่เดินทางร่วมกันไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องเหล่านั้น เนื่องจากพวกเขาจดจ่ออยู่กับช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยม เก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่เกิดจากการท่องเที่ยวระหว่างกันและกัน การเดินทางร่วมกันช่วยให้พวกเขาไม่ต้องใช้สมองไปกับการคิดคำนึงหรือหวาดระแวงเกี่ยวกับเหตุการณ์ในอนาคตเท่าไหร่นัก เพราะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องต่างๆ และสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า ทำให้พวกเขามีเวลาชื่นชมกับช่วงเวลาที่เป็นปัจจุบันมากกว่านั่นเอง 9.ให้อภัยกันมากขึ้น ระหว่างการเดินทางด้วยกันนั้น มีโอกาสมากมายที่จะทำให้คุณเกิดความขัดแย้งขึ้นได้ รวมถึงความไม่พอใจในความคิดเห็นหรือตัวตนของอีกฝ่าย คู่รักที่เดินทางด้วยกันจะเข้าใจถึงความจำเป็นในการให้อภัยซึ่งกันและกันได้อย่างรวดเร็วและก้าวต่อไปครับ 10.ได้เรียนรู้ร่วมกัน การเดินทางเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เราได้เปิดโอกาสในการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ไม่ว่าคุณจะอยู่ บนเครื่องบิน ไปขับรถเที่ยว หรือกำลังนั่งกินข้าวด้วยกัน การไปเที่ยวกับแฟนทำให้คุณได้มีโอกาสใช้เวลาพูดคุยและเรียนรู้เกี่ยวกับทุกด้านของชีวิตแต่ละฝ่าย รวมไปถึงได้รับรู้ความคิดเห็น คุณค่า อุดมการณ์ ความกลัว และแรงบันดาลใจที่มีต่อสิ่งต่างๆรอบตัวในชีวิต นอกจากคุณจะได้เรียนรู้อะไรบางอย่างแล้ว คนรักของคุณก็เติบโตขึ้นด้วยเช่นกัน 11.มิตรภาพแน่นแฟ้นมากขึ้น   ยิ่งคุณใช้เวลาเที่ยวกับคนรักของคุณนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งสร้างความผูกพันกับคนรักของคุณมากขึ้นเท่านั้น รวมทั้งยังสร้างมิตรภาพอันแน่นแฟ้น อันจะเป็นปัจจัยให้ความสัมพันธ์ของคุณเติบโตอย่างยั่งยืน ภายหลังจากการได้แชร์ประสบการณ์ร่วมกัน คุณและคนรักก็จะกลายเป็นมากกว่าแค่แฟนหรือเพื่อนร่วมทาง แต่จะกลายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตที่จะสามารถอยู่เคียงข้างคุณไปตลอด 12.เคารพพื้นที่ส่วนตัวของอีกฝ่าย แม้ว่าการเดินทางท่องเที่ยวด้วยกันนั้น ทั้งสองคนจะต้องอยู่ด้วยกันเกือบจะตลอดเวลาก็จริง แต่ก็ยังมีบางช่วงจังหวะเวลาที่อีกฝ่ายต้องการความเป็นส่วนตัว คู่รักที่เข้าใจตรงจุดนี้ก็จะอยู่ร่วมกันได้อย่างสบายๆ เคารพในความเป็นส่วนตัวยามที่อีกฝ่ายต้องการใช้ความคิดอยู่คนเดียวเงียบๆ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างหน่ึงต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ครับ บทความโดย : นันทรัช ชมภูแสง Content Writer ประจำเว็บไซต์ GoBear ผู้หลงใหลการอ่านหนังสือและเชื่อมั่นในพลังของการถ่ายทอดความรู้สึกผ่านเรื่องราว  มีความสุขกับการฟังเพลง ดูซีรีส์ และทุกอย่างที่เกี่ยวกับญี่ปุ่น   บทความแนะนำจากทัวร์ครับ >>แนะ 8 เทคนิคเที่ยวอย่างสบายใจ เที่ยวยังไงให้ไม่อ้วน !<<  

อ่านเพิ่มเติม
13 ข้อห้ามที่ห้ามทำบนเครื่องบิน..ขึ้นเครื่องครั้งแรกทำตัวอย่างไรดีนะ ??
13 ข้อห้ามที่ห้ามทำบนเครื่องบิน..ขึ้นเครื่องครั้งแรกทำตัวอย่างไรดีนะ ??

22 ก.พ. 62

ไม่เป็นไรวันนี้เรามีทริคเด็ดๆมาให้ทุกคน จะได้ไม่ต้องไปแก้เขินกันบนเครื่องไม่ใช่อะไรหรอกเพราะตัวเราก็มีประสบ การณ์แบบนั้นเหมือนกัน 5555 จะเป็นยังไงไปดูกันเลยจ้า   1.หาข้อมูลการเดินทาง ใครที่ขึ้นเครื่องบินครั้งแรกควรเช็คข้อมูลการเดินทางไปสนามบิน และตรวจสอบเวลาเครื่องบินให้ดีๆคงไม่มีใครอยากวิ่งหน้าตั้งไปขึ้นเครื่องใช่ไหมล่ะครับ ไม่คูลเลยว่าไหม เพราะฉะนั้นเราควรเผื่อเวลาล่วงหน้า 2-3 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น ไปถึงสนามบินเร็วก็มีเวลาเตรียมตัวมากขึ้นกันตกเครื่องด้วย ถ้าบินไกลส่วนใหญ่จะต้องไปขึ้นเครื่องที่สุวรรณภูมิ ถ้าในประเทศส่วนใหญ่ก็จะขึ้นที่ดอนเมือง แนะนำเช็คเส้นทางเลี่ยงรถติดกันให้ดีๆ นะครับ แหล่งข้อมูลเวลา นาฬิกา โลก : http://th.thetimenow.com/worldclock.php   2.ขั้นตอนการเช็คอิน เมื่อไปถึงสนามบินแล้วต่อไปจะเป็นขั้นตอนในการเช็คอินและตรวจสอบเอกสารใครที่ไม่เคยขึ้นเครื่องแนะนำให้อ่านข้อนี้หนักๆ เลยยย !!   2.1 การเช็คอินและโหลดกระเป๋า เมื่อไปถึงแล้วให้ดูที่จอดิจิตอลที่สนามบิน ซึ่งจะแสดงเลขเที่ยวบินสายการบิน และเวลาเดินทางไว้ (ดูได้จากใบรายละเอียดการเดินทาง)พร้อมระบุหมายเลขเค้าเตอร์สำหรับเช็คอินให้นำบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต(กรณีไปต่างประเทศ)และใบรายละเอียดการเดินทางยื่นให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเสร็จแล้วเราจะได้รับ Boarding Pass และใบตม.(สำหรับเดินทางออกนอกประเทศ) 2.2 การสแกนสัมภาระ เมื่อมาถึงจุดตรวจให้แสดงพาสปอร์ตและBoarding Pass กับเจ้าหน้าที่ วางกระเป๋าหรือสัมภาระทั้งหมดลงในถาดที่จัดไว้ 2.3 สำหรับผู้ที่เดินทางออกนอกประเทศให้มองหาป้ายตรวจหนังสือเดินทาง Passport Control เมื่อถึงจุดตรวจ ให้ยื่นพาสปอร์ตและใบตม.ที่กรอกแล้วให้กับเจ้าหน้าที่ 2.4 ดูเกตที่เราจะต้องขึ้นเครื่องบน Boarding Pass จากนั้นให้เดินเข้าไปรอในเกตดีกว่าเพราะบางที่เกตอยู่ไกลพอสมควร   3. สิ่งต้องห้ามเอาขึ้นเครื่องบิน รู้ไว้ก่อนสิ่งของต้องห้ามนำขึ้นเครื่องบินถ้าไม่อยากถูกโยนของใช้ทิ้งลงถังขยะ อ่านก่อนเถิดหนา 3.1 ของเหลวทุกชนิดที่มีความจุต่อชิ้นเกิน 100 มล. เช่น เจล น้ำหอม สบู่เหลว สเปรย์ ห้ามพกติดตัวขึ้นเครื่องบินแนะนำให้ใส่กระเป๋าที่จะโหลดดีกว่าหรือใครจำเป็นต้องใช้จริงๆให้แบ่งใส่ขวดเล็กๆ เอาไว้ก็ได้ครับ ชิ้นต่อไป 3.2 แบตเตอรี่สำรองต้องมีค่าความจุไฟฟ้าไม่เกิน 32,000 mAh 3.3 อาวุธ 3.4 ของมีคมต่างๆ เช่น กรรไกรตัดเล็บ คัตเตอร์ 3.5 วัตถุไวไฟ เช่น ไฟแช็ค 3.6 อาหารที่มีกลิ่นแรง ต้องแพ็คมาอย่างเหมาะสม 3.7 สัตว์มีพิษ สัตว์ดุร้าย 3.8 สารอันตรายต่างๆ เช่น สารกำจัดแมลง สารหนู 3.9 สิ่งของอื่นๆ เช่น แม่เหล็ก น้ำแข็งแห้ง   4.สัมภาระขึ้นเครื่องอย่าใหญ่จนเกินไป เพราะตอนยกขึ้นเก็บบนช่องเก็บเหนือศีรษะอาจไปกระแทกหัวคนอื่นเขาได้ แถมยังลำบากตอนเอาขึ้นเอาลงเครื่องอีกต่างหากโดยกฎทั่วไปมักจะกำหนดกฎเกณฑ์ของกระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่องได้แบบ 1+1 ครับ คือกระเป๋าส่วนตัว 1 ใบ บวกกับสัมภาระอีก 1 ใบ โดยทั้งสองใบต้องมีน้ำหนักรวมกันไม่เกิน 7 กิโลกรัม บางครั้งสายการบินอาจจะไม่ได้เคร่งเรื่องขนาดมากเท่าไร แต่แนะนำไว้จะได้หมดปัญหาเพื่อนร่วมทางมองแรง   5.ควรยกกระเป๋าสัมภาระขึ้นช่องเก็บเหนือศีรษะด้วยตนเอง ไม่ต้องรอให้แอร์โฮสเตสเข้ามาช่วยเหลือยิ่งถ้าหากเป็นผู้ชายแล้วล่ะก็ยกเองดีกว่าน้าจะให้ผู้หญิงมาช่วยก็ดูจะเป็นการไม่เหมาะเท่าไรเพราะอันนี้เป็นหน้าที่นอกเหนือของแอร์แล้วถือว่าช่วยกันเป็นน้ำใจน่ารักๆ ของชาวไทยเรา เพื่อประหยัดเวลาในการออกเดินทางด้วย แต่ถ้าใครตัวเล็กยกไม่ไหวจริงๆก็สามารถขอความช่วยเหลือได้ครับ   6.มองซ้ายขวาก่อนยกกระเป๋า ก่อนยกกระเป๋ามองด้านหลังก่อนเผื่อมีคนเดินตามเรามาหลบทางให้เขาก่อนที่เราจะยกกระเป๋าขึ้นเพื่อความรวดเร็วในการเตรียมตัวก่อนขึ้นเครื่อง ถ้าจะให้ผู้โดยสารทั้งลำหยุดชะงักเพราะเราแค่คนเดียวดูจะไม่เวิร์คเท่าไรใช่ไหมครับ เผลอๆ เราอาจเป็นต้นเหตุทำให้เครื่อง Delay แบบไม่รู้ตัวด้วยก็ได้นะ กันไว้ดีกว่าแก้นะทุกคนนนน   7.เอาเบาะที่นั่งพอประมาณ อย่าให้ถึงกับติดขาคนข้างหลังยิ่งถ้าเป็นชั้นประหยัดนี่บอกเลยว่าแน่นมากครับ สบายเราแต่ลำบากคนอื่นก็อาจจะโดนก่นด่ากันไปตลอดทางไม่น่าเป็นไอเดียที่เวิร์คเท่าไรครับ เอาแต่พอประมาณดีกว่าและที่สำคัญตอนเสิร์ฟอาหารแนะนำให้เอนเบาะตั้งตรงก่อนเพราะไม่งั้นแถวด้านหลังอาจจะกินไม่สะดวก   8.คาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งที่นั่ง เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารทุกคนอยากให้เคารพกฎตรงนี้กันเนอะ เพราะอุบัติเหตุทางอากาศเราไม่รู้ว่าจะเกิดเมื่อไร ถ้าเกิดเครื่องบินตกหลุมอากาศเครื่องกระแทกแรง ตัวเราอาจลอยไปกระแทกกับผนังด้านบนได้ เพื่อป้องกันเหตุการณ์นี้แนะนำให้คาดเข็มขัดเอาไว้ตลอดดีกว่าน้า สามารถปรับระดับให้พอดีตัวเราได้แบบไม่อึดอัด ทำกันให้เป็นนิสัยเพื่อความปลอดภัยของตัวเราเอง   9.นั่งที่นั่งตามเลขบนบอร์ดดิ้งพาส นั่งที่นั่งตามเลขที่ที่ปรากฏบนบอร์ดดิ้งพาส  ไม่ย้ายที่นั่งด้วยตัวเองบางไฟล์ทอาจจะมีคนน้อยทำให้มีที่นั่งว่าง แต่ รู้หรือไม่ว่าทุกเที่ยวบินนักบินต้องดูเรื่องของการกระจายน้ำหนักผู้โดยสารบนเครื่องบิน เพื่อให้เครื่องบินเกิดความสมดุลด้วย การย้ายที่นั่งด้วยตัวเองถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเท่าไรนัก   10.ดูหนัง ฟังเพลงบนเครื่องบิน บางสายการบิน ที่พนักของที่นั่งด้านหน้าจะมีจอที่สามารถเล่นเกมส์ ฟังเพลงหรือชมภาพยนตร์ได้ ไม่มีค่าใช้จ่าย หรือถ้าต้องการอ่านหนังสือ ก็จะมีไฟสำหรับอ่านหนังสืออยู่เหนือศรีษะ สามารถกดใช้ได้เช่นกัน แต่ถ้าหากจะดูหนังแนะนำให้ใส่หูฟังจะได้ไม่เป็นการรบกวนผู้อื่นขณะโดย สารด้วยครับ   11.ดูสัญญาณไฟบนเครื่อง เมื่อเครื่องขึ้นบินได้ระดับแล้ว ไฟสัญญาณสีเขียวจะสว่างสามารถลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำตามจุดต่าง ๆ บนเครื่องได้แต่บนเครื่องจะมีห้องน้ำน้อยอย่างชั้น Economy โดยเฉลี่ยแล้วจะมี 1ห้องต่อผู้โดยสารประมาณ 28-30 คนเพราะฉะนั้นอย่าใช้ห้องน้ำนานเกินไป รักษาความสะอาดและที่สำคัญคืออย่าทิ้งขยะลงไปในส้วมเพราะอาจจะทำให้ส้วมตันแล้วต้องปิดห้องน้ำไปจนถึงที่หมายก็เป็นได้   12.ขึ้น-ลงเครื่องบิน มีปัญหาปวดหู หูอื้อ ทำอย่างไรดี แนะนำให้เคี้ยวหมากฝรั่งจะช่วยได้มากครับ  เพื่อให้มีการกลืนน้ำลายบ่อยๆ สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องหูเวลาขึ้น/ลงเครื่องบินหนักๆควรพกยาหดหลอดเลือดชนิดพ่น และชนิดรับประทานไว้ด้วยเสมอเท่านี้  โดยต้องได้รับการแนะนำจากแพทย์อีกที เท่านี้การเดินทางก็จะราบรื่นปราศจากอาการของหูที่จะรบกวนอีกต่อไป   13.ข้อแนะนำก่อนลงเครื่อง เมื่อถึงที่หมายหยิบสัมภาระต่าง ๆ ให้เรียบร้อยระวังไม่ให้กีดขวางทางเดิน และไม่ควรลุกออกจากที่นั่งก่อนเครื่องจอดสนิท หากเป็นเที่ยวบินในประเทศจะสามารถไปที่สายพานเพื่อรับกระเป๋าได้เลย แต่ถ้าเป็นเที่ยวบินต่างประเทศ จะต้องเข้าสู่ขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองของประเทศนั้น ๆ แสดงบอร์ดดิ้งพาสพาสปอร์ต และใบตม.ที่กรอกเสร็จเรียบร้อยแล้วให้เจ้าหน้าที่จากนั้นอาจจะมีการถามตอบเล็กน้อยก่อนประทับตราเข้าเมืองได้ จบไปแล้วกับ 13 ข้อห้ามที่ห้ามทำบนเครื่องบินนะครับ ถ้าหากใครที่กำลังเดินทางไปต่างประเทศหรือขึ้นเครื่องบินครั้งแรกก็อย่าลืมปฏิบัติตามกฎกันด้วยนะครับบ และทัวร์ครับก็ขอให้ทุกท่านที่กำลังจะเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ เที่ยวให้สนุก จบทริปกันด้วยดี แล้วไว้เจอกันใหม่ครับ ...    อ่านต่อ >>แพลนทริปไว้แพลนเงินด้วย! รวม 10 ไอเดียออมเงินไว้ไปเที่ยวแบบชิลล์ๆ<<  

อ่านเพิ่มเติม
บอกต่อ 10 ประเทศอากาศเย็นสบายช่วงต้นปี
บอกต่อ 10 ประเทศอากาศเย็นสบายช่วงต้นปี

30 ต.ค. 62

เพราะฤดูร้อนของไทยเรา มันช่างร้อนเสียนี่กระไร! แล้วแน่นอนว่าช่วงที่ร้อนที่สุดคงหนีไม่พ้นช่วงเดือน เมษายน ที่บอกเลยว่าร้อนจนต้องมีเทศกาล สงกรานต์ มาดับร้อนกันเลยทีเดียว แต่ แค่นั้นยังไม่พอ เพราะบางทีมันก็ทนร้อนไม่ไหว อยากจะหนีร้อนไปพบกับอากาศเย็นๆ สบายๆ ให้มันชุ่มฉ่ำใจซะบ้าง งั้นตาม Tourkrub มาดูกันเลยว่ามีประเทศไหนบ้าง ที่อากาศดีในเดือนเมษา รอให้เราไปพักผ่อนกัน ! 1.ญี่ปุ่น พิกัด : Japan แน่นอนว่า ประเทศใกล้ๆ บ้านเรา ที่อากาศกำลังพอเหมาะพอเจาะ รวมไปถึงทัศนียภาพก็สวยงาม ก็คงหนีไม่พ้น ญี่ปุ่น นี่แหละครับ เพราะในช่วงเดือนเมษายนเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ อากาศกำลังสบายๆ ไม่หนาวจนเกินไป แถมยังมีดอกซากุระบานสะพรั่งให้เราได้ชื่นชมความงามอีก หรือหากใครอยากจะไปแบบพีคๆ เจอหิมะกันไปเลยเดือนเมษายนที่ญี่ปุ่นก็ยังพอมีให้ได้เห็นกันอยู่บ้าง เช่น ที่กาล่า ยูซาว่า นั่นเองครับ 2. เกาหลีใต้ พิกัด : Korea นอกจากญี่ปุ่นแล้ว เกาหลีใต้ก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่เดือนเมษายนยังเที่ยวได้อยู่ แถมยังเที่ยวได้อย่างสบายๆ เพราะอากาศกำลังพอดีกับสภาพร่างกายคนไทยเรา แบบว่าไม่ต้องใส่เสื้อกันหนาวหนาพองเป็นมิชลิน แค่โค้ทหรือแจ็กเก็ตเก๋ๆ สักตัวก็เอาอยู่ เที่ยวชิลๆ ช้อป ชิม เพลิดเพลินได้แบบฟินๆ แล้วล่ะครับ 3. ไต้หวัน พิกัด : Taiwan หากใครเคยไปดูซากุระที่ญี่ปุ่นจนเบื่อแล้ว อยากจะเปลี่ยนบรรยากาศลองดูบ้าง แนะนำให้จองทัวร์ไปเที่ยวไต้หวันเลยครับ เพราะที่นี่ก็มีดอกซากุระบานเช่นกัน แถมอากาศก็ดี๊ดี ไม่แพ้ญี่ปุ่นหรือเกาหลีใต้เลย แต่พ่วงมาด้วยความสะดวกในการเดินทาง และบัดเจ็ทที่เรียกได้ว่าถูกกว่าครึ่งต่อครึ่ง จึงไม่แปลกใจเลยครับที่ตอนนี้ ไต้หวัน กลายเป็นประเทศยอดนิยมของเหล่านักท่องเที่ยวไปแล้ว 4. จีน พิกัด : China มีหลายเมืองให้เลือกไปเที่ยวเลย ถ้าอยากไปแบบหนาวๆ หน่อยก็ขึ้นไปสูงๆ พวกเมืองฮาร์บิน หรือต้าเหลียน แต่ถ้าอยากได้แบบอากาศกลางๆ กำลังพอดีๆ ไปชมกำแพงเมืองจีนที่ปักกิ่ง หรือจะไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ที่เซี่ยงไฮ้ก็ได้นะ ซึ่งบอกเลยว่าจีนเป็นอีกประเทศที่มีวัฒนธรรมหลากหลาย การท่องเที่ยวก็หลากหลาย และยังเป็นประเทศน่าเที่ยวในช่วงเดือนเมษายนอยู่ครับ 5. ฮ่องกง พิกัด : Hong Kong ต่อจากจีน เราก็ไปที่ฮ่องกงกันครับ ที่นี่ถึงแม้ในช่วงเดือนเมษายนอุณหภูมิจะเริ่มสูงขึ้นแล้ว แต่ถ้าเทียบกับเมืองไทยที่พุ่งปรี๊ดไปเกือบ 40 องศา ที่ฮ่องกง 25 องศานี่เรียกได้ว่ากำลังพอดิบพอดีเลย การแต่งกายก็ง่ายๆ ชิลๆ อาจจะไม่ได้ใส่กางเกงขาสั้นหรือเสื้อแขนกุด แต่ก็ไม่ต้องถึงขนาดใส่เสื้อโค้ทหรือแจ็กเก็ตหนาๆ เรียกได้ว่าประหยัดพื้นที่ในกระเป๋าไปเยอะ แถมอยู่ใกล้ประเทศไทย เที่ยวได้ง่ายๆ ชิลๆ อีกด้วย 6. รัสเซีย พิกัด : Russia ยังหนาวอยู่และบอกเลยว่าหนาวมากสำหรับคนไทยเรา! เพราะช่วงสงกรานต์ที่บ้านเราอุณหภูมิเกือบ 40 องศานั้น ที่รัสเซียยังอยู่ที่ประมาณ 5 - 7 องศาเองครับ เพราะฉะนั้นเตรียมฮีทเทคให้พร้อม เตรียมโค้ทให้เหมาะ แล้วไปเดินช้อปปิ้ง เดินชมสถาปัตยกรรมสวยๆ ท้าลมหนาวที่รัสเซียกันเลย 7. นิวซีแลนด์ พิกัด : New Zealand เรียกได้ว่ากำลังอยู่ในช่วงที่อากาศดี๊ดีของประทศนิวซีแลนด์เลย เพราะเป็นช่วงที่กำลังเตรียมตัวที่จะเข้าสู่ฤดูหนาว ทำให้อากาศยังไม่เย็นมาก เหมาะสำหรับการไป Road trip ใช้ชีวิตในรถบ้านสุดๆ แล้วดื่มด่ำกับธรรมชาติ ชมน้องแกะ สูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดให้เยอะๆ รับรองว่าฟินเว่อร์เบอร์ห้า! 8. ออสเตรเลีย พิกัด : Australia อีกประเทศใกล้ๆ กันที่อากาศกำลังพอเหมาะพอเจาะ พอดิบพอดีเหมือนกัน ใครที่กำลังเล็งๆ หาประเทศใหม่ๆ ที่ไม่ซ้ำกับใคร ออสเตรเลียก็มีทั้งเมลเบิร์น ซิดนีย์ และเพิร์ท ให้ได้เลือกบินตรงลงไปเที่ยวกัน และบอกเลยว่าค่าใช้จ่ายไม่ได้สูงอย่างที่คิดด้วยนะครับ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดี และเหมาะสมกับช่วง Summer (ขอไทย) เราเลยล่ะ 9. เนเธอร์แลนด์ พิกัด : Netherlands ฤดูใบไม้ผลิ ที่มาพร้อมกับดอกทิวลิปหลากสีสันที่กำลังเบ่งบาน จึงทำให้เดือนเมษายนเป็นเดือนน่าเที่ยวของประเทศเนเธอร์แลนด์ครับ ทั้งอากาศที่ถึงแม้จะมีแดด แต่อุณหภูมิก็ไม่ได้สูงเลย เป็นอีกหนึ่งประเทษน่าไปในยุโรป ที่น่าจะสร้างความประทับใจให้กับหลายๆคนได้ในช่วงเดือนเมษายน 10. แคนาดา พิกัด : Canada ปิดท้ายกันที่ประเทศอีกฝั่งหนึ่งของโลกเรากันบ้าง แน่นอนว่าในเมื่อฝั่งนี้ร้อน อีกฝั่งก็ต้องหนาว และอุณหภูมิของแคนาดาในช่วงเดือนเมษาก็อยู่ที่ประมาณ 0 - 3 องศาเท่านั้น! เรียกได้ว่าได้หนาวสมใจอยาก สะใจกันเลยทีเดียวเชียว ใครอยากหนีร้อนไปเจอความหนาว รีบวางแผนจองตั๋วหาทัวร์ไปแคนาดาด่วนๆ พอจะได้ไอเดียแล้วใช่ไหมครับว่าเดือนเมษายน ที่เป็นสุดยอดความร้อนของไทยเรา จะหนีเที่ยว เอ๊ย! หนีไปพักร้อน ไปเจอกับอากาศเย็นๆ ที่ไหนกันดี? เอาเป็นว่ารีบวางแผนแต่เนิ่นๆ จะได้ไม่ต้องเสียเงินแพงๆ และมีเวลาเตรียมตัวนะ เที่ยวให้สนุกเช่นเคยครับ ♡

อ่านเพิ่มเติม
20 เที่ยวต่างประเทศใกล้ๆ เที่ยวที่ไหนดี
20 เที่ยวต่างประเทศใกล้ๆ เที่ยวที่ไหนดี

26 ธ.ค. 62

เที่ยวต่างประเทศ หลายๆ คนอาจจะมีความกังวล ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดี ด้วยความที่วันหยุดมีจำกัด ไม่อยากลางานเยอะ ทัวร์ครับ (Tourkrub) เลยรวมมาให้เลยกับ 20 สถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศใกล้ๆ บ้านเรานี่เอง ไม่ต้องลางานเยอะ หัวหน้าไม่ว่า เที่ยวเพลินๆ ได้ชิลล์ๆ สบายใจกันตั้งแต่ต้นปีกันไปเลย  จองทัวร์เที่ยวต่างประเทศ กับ ทัวร์ครับ     1.ลาว เริ่มที่ประเทศเพื่อนบ้านที่กำลังมาแรงสุดๆ อย่างประเทศลาวมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เราไม่ควรพลาด ตั้งแต่เหนือจรดใต้ไม่ว่าจะเมืองไหนๆ ด้วยวัฒนธรรมอันมีเสน่ห์ทำให้สถาปัตยกรรมของลาวเต็มไปด้วยความวิจิตรตระการตาไม่แพ้ชาติอื่นเลย ไม่ว่าจะเป็น พระธาตุหลวง (เวียนจันทน์) เป็นศาสนาสถานที่สำคัญที่สุดในประเทศลาวหรือจะเป็นบ้านต้นไม้ที่สูงที่สุดในโลก (บ่อแก้ว) นอกจากนี้ความสวยงามของน้ำตกและภูเขาก็มีความสวยงามไม่แพ้ที่ไหนๆ เช่นกัน จองทัวร์ลาว กับ ทัวร์ครับ (Tourkrub) คลิกตรงนี้     2.เมียนมาร์ หากพูดถึง ประเทศพม่า เพื่อนบ้านที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเมืองไทย สิ่งแรกที่เรานึกถึงก็คืออารยธรรมและวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ เมียนมาร์เป็นดินแดนที่เราควรเดินทางไปกราบสักการะขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันสักครั้งในชีวิต ไม่ว่าจะเป็น พระมหาเจดีย์ชเวดากอง พระธาตุอินทร์แขวน พระมหามัยมุนี เทพกระซิบ เทพทันใจและยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอย่างการขึ้นบอลลูนที่เมืองพุกามหรือจะเป็นเที่ยวสะพานสูงอูเบ็ง สะพานไม้ที่มีความยาวที่สุดในโลก  จองทัวร์พม่า กับ ทัวร์ครับ (Tourkrub) คลิกตรงนี้   3.กัมพูชา มาถึงประเทศกัมพูชาดินแดนแห่งอารยธรรมบ้านใกล้เรือนเคียงของไทย  เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมและเทวสถานที่เคยรุ่งเรืองมากในอดีต ดินแดนแห่งโบราณสถาน ประวัติศาสตร์ที่สำคัญและยาวนาน ความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ น้ำตก ภูเขา ทะเลสาบ ไม่ว่าจะเป็น นครธม ปราสาทพนมบาเค็งหรือปราสาทบันทายศรีและสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอย่าง นครวัด จองทัวร์กัมพูชา กับ ทัวร์ครับ (Tourkrub) คลิกตรงนี้   4.เวียดนาม อีกหนึ่งประเทศที่หลายๆ คนอยากไปลองสัมผัสสักครั้งกับประเทศเวียดนาม เมืองที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง บาน่าฮิลล์ ดานัง ถ้ำฟองญา หรือจะเป็นอ่าวฮาลอง เต็มไปด้วยความสวยงามตระการตาที่ทำให้คุณชวนฟินไปกับบรรยากาศที่หาได้จากประเทศเวียดนาม จองทัวร์เวียดนาม กับ ทัวร์ครับ (Tourkrub) คลิกตรงนี้   5.มาเลเซีย เป็นอีกประเทศที่มีความหลากหลายทั้งทางวัฒนธรรม และสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ เป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวทั่วมุมโลกต่างอยากจะไปเยือนมาเลเซีย เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่น้อยและเดินทางง่าย มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายไม่ว่าจะเป็น ตึกแฝดเปโตรนาส ถ้ำบาตู หรือจะเป็นการพิชิตยอดเขาคินาบาลู ที่มีความสูงถึง 4,095 เมตรสำหรับคนที่มองหาสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆ อยู่เราขอแนะนำทุกคน     6.ฟิลิปปินส์ ฟิลิปปินส์ ประเทศที่เต็มไปด้วยหมู่เกาะมากมาย เป็นประเทศน่าเที่ยวอีกแห่งใกล้บ้านเราซึ่งรายล้อมไปด้วยทะเล ธรรมชาติ และสถาปัตยกรรมที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมได้อย่างชัดเจน พร้อมกับเมืองมีกลิ่นอายของสเปนปะปนอยู่ ไม่ว่าจะเป็น เกาะโบราเคย์ ภูเขาช็อกโกแลต โบสถ์ซานออกัสตินและสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ ดอนซอลเป็นการไปดำน้ำใกล้ชิดกับฝูงฉลามวาฬถือเป็นกิจกรรมที่ฮอตฮิตอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยว สำหรับใครที่มองหาสถานที่ท่องเที่ยวสไตล์หมู่เกาะเราขอแนะนำประเทศฟิลิปปินส์ จองทัวร์ฟิลิปปินส์ กับ ทัวร์ครับ (Tourkrub) คลิกตรงนี้   7.สิงคโปร์ ประเทศสิงคโปร์ เป็นประเทศที่ไม่ไกลจากประเทศไทยมากนัก ที่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสูง มีระดับการศึกษาที่คุณภาพและมีวัฒนธรรมที่หลากหลายจากผู้คนหลายเชื้อชาติ เป็นอีกประเทศหนึ่งที่คนไทยสามารถเดินเข้าออกได้สบายๆ ไม่ต้องใช้วีซ่า ยิ่งไปกว่านั้นคือการเดินทางของประเทศนี้สะดวกสบายและยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง มาริน่า เบย์ มาริน่า (Marina Bay) เบย์ แซนด์ส (Marina Bay Sands) และสถานที่ผู้คนชื้นชอบอย่างมากอย่าง Universal Studio  จองทัวร์สิงคโปร์กับ ทัวร์ครับ (Tourkrub) คลิกตรงนี้   8.บรูไน มาถึงประเทศบรูไน ประเทศที่มีความร่ำรวยเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เป็นเมืองเล็กๆ บนเกาะบอร์เนียว ที่แห่งนี้มั่งคั่งทั้งเรื่องความร่ำรวยและสถานที่ท่องเที่ยว สถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่อลังการ ไม่ว่าจะเป็นพระราชวังอิสตานา นูรุล อิมาน มัสยิดโอมาร์อาลีไซฟัดดิน หรือจะเป็นมัสยิดทองคำที่เป็นแลนด์มาร์คและถูกจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ของมัสยิดที่งดงามที่สุดในโลก ซึ่งคุณต้องไม่พลาดที่จะไปเยือนเมื่อมาถึงประเทศบรูไน จองทัวร์บรูไนกับ ทัวร์ครับ (Tourkrub) คลิกตรงนี้   9.อินโดนีเซีย ประเทศอินโดนีเซียที่มีหมู่เกาะมากกว่า 17,000 เกาะเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ นอกจากทะเลแล้ว ที่อินโดนีเซียแห่งนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องความงดงามของโบราณสถานและวัด ที่เป็นตัวแทนศิลปะและวัฒนธรรมที่ผสมผสานระหว่างฮินดูและจีนได้ลงอย่างตัว ไม่ว่าจะเป็น เมืองอูบุด บาหลี เมืองจาการ์ตา เมืองบุโรพุทโธ  หรือจะเป็น Raja Ampat Islands สถานที่ดำน้ำที่มีชื่อเสียงติดอันดับท็อป10ของโลก  จองทัวร์อินโดนีเซียกับ ทัวร์ครับ (Tourkrub) คลิกตรงนี้   10.มัลดีฟส์ ไม่มีใครไม่รู้จักสถานที่แห่งนี้ เป็นสวรรค์ของใครๆ หลายคนที่ชื่นชอบทะเล อุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ไม่ว่าจะในน้ำหรือบนบกก็ตาม ยิ่งปัจจุบันตั๋วเครื่องบินก็ถูกมากขึ้น หลาย ๆ คนจึงมีโอกาสได้เข้าใกล้ความฝันมากขึ้น แถมยังมีที่พักกลางทะเลเยอะแยะมากมายรอให้เราได้แวะไปไม่ว่าจะเป็น Bluetribe Moofushi ,Meemu Atoll Island และ Alimantha Island  จองทัวร์มัลดีฟส์ กับ ทัวร์ครับ (Tourkrub) คลิกตรงนี้   11.ไต้หวัน เป็นอีกหนึ่งประเทศที่คนไทยเลือกที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวอย่างประเทศไต้หวัน ในวันพักผ่อนชิลล์ๆ ที่สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการได้ครบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกิน ดื่ม เที่ยว หรือจะเป็นเรื่องวัดวาอาราม ก็ชวนให้หลงใหล ไม่ว่าจะเป็น ตึกไทเป 101 ที่เป็นแลนด์มาร์ดในกลางเมือง หรือจะเป็นจิ่วเฟิ่นอยู่ในย่านเมืองเก่าที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว และทะเลสาบสุริยันจันทราที่มีชื่อเสียงและอีกมากมายที่ชวนให้คุณติดใจ จองทัวร์ไต้หวัน กับ ทัวร์ครับ (Tourkrub) คลิกตรงนี้   12.ฮ่องกง มาถึงเมืองที่คนไทยชื่นชอบมาช้อปปิ้งกันอย่าง ฮ่องกง เป็นสวรรค์ของขาช้อปที่รวบรวมสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังจากทั่วโลกมาไว้ให้คุณเลือกซื้อกันมากมายในราคาที่ไม่แพง และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นตึก Yick Fat Building ที่ใช้ถ่ายทำหนังหลายเรื่อง หรือจะเป็นชมการแสดง A Symphony of Lights ที่อ่าววิคตอเรียและที่ขาดไม่ได้เลยคือ Hong Kong Disneyland เป็นจุดหมายปลายทางของเหล่านักท่องเที่ยวไม่ว่าคนไทยหรือต่างชาติก็ตาม จองทัวร์ฮ่องกง กับ ทัวร์ครับ (Tourkrub) คลิกตรงนี้   13.จีน ถ้าไม่พูดถึงประเทศนี้คงไม่ได้เลยสำหรับประเทศจีน เป็นประเทศที่มีประชากรสูงสุดในโลก พร้อมกับมีวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญมากมายไม่ว่าจะเป็นกำแพงเมืองจีน หรือจะเป็นพระราชวังต้องห้ามและพระราชวังฤดูร้อน พร้อมกับสามารถเยี่ยมชมสุสานจักรพรรดิฉินที่ 1 ที่เป็นสถานอันโด่งดังของประเทศจีน แต่แน่นอนว่าเมื่อเดินทางมายังประเทศจีนคุณต้องรู้ภาษาจีนเพราะที่นี่ไม่พูดภาษาอังกฤษแนะนำให้มากับทัวร์จะสะดวกสบายมากกว่า จองทัวร์จีน กับ ทัวร์ครับ (Tourkrub) คลิกตรงนี้   14.เกาหลีใต้ สำหรับใครที่ชื่นชอบซีรี่ย์คงไม่อยากพลาดที่จะไปประเทศเกาหลีใต้กันแน่ๆ ที่ดินแดนกิมจิแห่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่คนไทยนิยมมาท่องเที่ยวกันมากที่สุด สิ่งที่น่าดึงดูดใจที่สุดของประเทศนี้น่าจะเป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่คนไทยมักจะได้เห็นกันในซีรี่ส์เกาหลี และสถานที่ท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นพระราชวังเคียงบกกุง เกาะนามิสุดโรแมนติค หรือจะเป็นอุโมงค์ซากุระ คลองยอชวาชอน และที่ขาดไม่ได้เมื่อมาถึงเกาหลีใต้แล้วจะไม่ได้อะไรกลับไป ย่านช้อปปิ้งเมียงดง ที่มีอาหารรสชาติที่ทำให้คุณฟินไปเลย รวมถึงแหล่งช้อปปิ้งมากมายให้คุณได้เลือกซื้อ จองทัวร์เกาหลี กับ ทัวร์ครับ (Tourkrub) คลิกตรงนี้   15.ญี่ปุ่น ประเทศญี่ปุ่น หรือดินแดนอาทิตย์อุทัย เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของคนไทยเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะช่วงฤดูไหนๆ ก็มีคนไทยเดินทางไปหลงใหลในมนต์เสน่ห์ของดินแดนแห่งนี้ ทั้งอาหารการกิน แหล่งชอปปิ้ง และความสวยงามทางวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ให้ชวนหลงใหล แถมยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอย่าง ภูเขาไฟฟูจิแลนด์มาร์คสำคัญของประเทศ วัดคิโยะมิชุ ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ และอีกมากมาย เอาเป็นว่าเราขอแนะนำให้คุณไปลองสัมผัสสักครั้งคุณอาจจะหลงใหลในมนต์เสน่ห์เหมือนกับเราก็ได้ จองทัวร์ญี่ปุ่น กับ ทัวร์ครับ (Tourkrub) คลิกตรงนี้   16.มองโกเลีย ใครๆ ที่มองหาสถานที่ท่องเที่ยวแบบธรรมชาติเราขอแนะประเทศมองโกเลีย เป็นประเทศที่มีธรรมชาติอันเงียบสงบ มีสถานที่ท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นอูลานบาตอร์ เมืองหลวงของประเทศ  เทือกเขาอัลไต และทะเลทรายโกบี ประเทศมองโกเลียมีวิถีชีวิตอันเรียบง่ายและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์อย่างชัดเจน ใครที่อยากหลีกหนีความวุ่นวายเราขอแนะนำไปใกล้ชิดธรรมชาติที่มองโกเลียก็ไม่เลว   17.ตุรกี มาถึงประเทศตุรกี เป็นประเทศที่มีเสน่ห์ทั้งสถาปัตยกรรมที่ผสามผสานระหว่างอารยธรรมตะวันออกและตะวันตก ธรรมชาติสุดมหัศจรรย์ ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นบอลลูนที่คัปปาโดเกีย มัสยิดสีน้ำเงิน และสิ่งที่ลืมไม่ได้เลยคืออิสตันบลู เป็นแลนด์มาร์คสำคัญของประเทศตุรกีก็ว่าได้ จองทัวร์ตุรกี กับ ทัวร์ครับ (Tourkrub) คลิกตรงนี้   18.ออสเตรีย มาถึงประเทศออสเตรีย ดินแดนแสนโรแมนติก มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มายาวนานและยังคงรักษาวัฒนธรรมอันเก่าแก่ไว้ได้เป็นอย่างดี โดดเด่นในเรื่องความงดงามของธรรมชาติ ที่ถูกล้อมรอบด้วยภูเขาและทะเลสาบ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นกรุงเวียนนา เมืองหลวงของประเทศออสเตรีย หรือจะเป็น ฮัลส์สตัทท์ เมืองเล็กๆ ริมทะเลสาบ Hallstatt See ที่ทุกคนจะต้องตกหลุมรักตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาอย่างแน่นอนและยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมายเอาเป็นว่าที่นี่จะชวนให้คุณหลงใหลไปกับวิวธรรมชาติและบรรยากาศได้อย่างแน่นอน จองทัวร์ออสเตรีย กับ ทัวร์ครับ (Tourkrub) คลิกตรงนี้   19.รัสเซีย ดินแดนหมีขาวอย่างประเทศรัสเซีย เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางของเหล่านักเดินทางจากทั่วโลกที่สำคัญนักท่องเที่ยวชาวไทยยังสามารถไปเที่ยวรัสเซียได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าอีกด้วย สถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปอันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งจัตุรัสแดง มหาวิหารเซนต์เบซิล พระราชวังเครมลิน สวนอเล็กซานเดอร์ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ อีกทั้งประเทศรัสเซียถือว่าเป็นเมืองค่อนข้างปลอดภัยและยังมีอากาศที่เย็นสบายรับรองว่าเมื่อคุณได้เดินทางมาสัมผัสคุณจะติดใจในดินแดนหมีขาวอย่างแน่นอน จองทัวร์รัสเซีย กับ ทัวร์ครับ (Tourkrub) คลิกตรงนี้   20.จอร์เจีย ใครที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์วันนี้เราขอแนะนำ จอร์เจีย เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ได้รับความนิยมของนักท่องเที่ยว เป็นประเทศที่อยู่ในทวีปเอเชียเหมือนประเทศไทย แต่มีสถาปัตยกรรมยุโรปตะวันออก ใครที่ชอบเมืองสไตล์ยุโรปรับรองว่าไม่ทำให้คุณผิดหวังแถมยังมีสถานที่ท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็น Tbilisi ,Mtshkheta,  Kazbegi หรือ Gudauriและอีกมากมายที่ชวนให้คุณหลงใหลในธรรมชาติ จองทัวร์จอร์เจีย กับ ทัวร์ครับ (Tourkrub) คลิกตรงนี้   เป็นไงกันบ้างสำหรับ 20 ที่เที่ยวต่างประเทศ ที่เดินทางไม่นาน ยิ่งสมัยนี้การท่องเที่ยวต่างประเทศยังทำได้ง่ายและราคาประหยัดอีกด้วย ไหนจะมีให้เลือกทั้งแบบเดินทางเองสำหรับใครที่ชื่นชอบความตื่นเต้น หรือเดินทางกับทัวร์เหมาะสำหรับคนที่ชอบความสะดวกสบายไม่ต้องคิดอะไรเยอะ แล้วเดินทางกับทัวร์เที่ยวได้ในราคาประหวัดอีกทั้งจำกัดงบเองได้ เลือกประเทศที่อยากเที่ยวไว้ในใจได้เลย แล้วซื้อทัวร์ไปเที่ยวกับทัวร์ครับกัน !!  

อ่านเพิ่มเติม