All articles abouts อาหารญี่ปุ่น

สุดยอด! 10 เมนูอาหารญี่ปุ่นยอดนิยม ไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วต้องโดน

สุดยอด! 10 เมนูอาหารญี่ปุ่นยอดนิยม ไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วต้องโดน

31 ส.ค. 59

อาารญี่ปุ่น เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าใครก็ตามเมื่อไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วก็อยากจะกินอาหารต้นตำรับ ซึ่งญี่ปุ่นมีเมนูอาหารอร่อยๆ มากมายที่นักท่องเที่ยวไทยชอบมาก และครั้งนี้ ทัวร์ครับ ก็ได้รวมเมนูอาหารจากแดนปลาดิบ เมนูยอดนิยมของชาวญี่ปุ่นมาให้แล้ว ตามไปกินให้อร่อยถึงที่ญี่ปุ่น ซื้อทัวร์ญี่ปุ่น กับ ทัวร์ครับ (Tourkrub) >> https://tourkrub.co/japan-tour   10 เมนูอาหารญี่ปุ่น   1. อาหารญี่ปุ่น - ซูชิ (Sushi) Cr : easy-sushi83.com         ซูชิ หรือ ข้าวปั้น อาหารยอดฮิตตลอดการสำหรับนักชิมชาวไทย ซูชิ เป็น 1 ในเมนูยอดนิยมที่สุดของอาหารญี่ปุ่น ซึ่งเป็นอาหารประจำชาติของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ หากใครที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นมาแล้วจะรู้ได้เลยว่า เป็นเมนูที่หากินได้ง่ายมากๆ ไม่ว่าจะเป็นตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป หรือร้านหรูหรา ในโรงแรม 5 ดาวก็มีเมนูซูชิให้เลือกอร่อยเช่นกัน ซึ่งจะมีหน้าต่างๆ มากมาย และเนื่องจากซูชิมีการพัฒนาจากเชฟในยุคต่างๆ มาโดยตลอด ทำให้มีความอร่อยและหลากหลายมากขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยยุคเฮอัน    2. อาหารญี่ปุ่น - ราเมน (Ramen) Cr : www.reddit.com ราเมนเป็นหนึ่งในอาหารที่นิยมมากที่สุดในญี่ปุ่น ราเมนถือว่าเป็นอาหารจานด่วนที่มีคุณค่าทางอาหารครบถ้วน เราจึงสามารถเห็นร้านราเมนที่ประเทศญี่ปุ่นอยู่บ่อยๆ โดยแต่ละแห่งจะมีสูตรน้ำซุปประจำร้านเป็นของตัวเอง ซึ่งการทำราเมนให้อร่อยกลมกล่อมนั้นต้องใช้เวลาในการเคี่ยวน้ำซุปจากกระดูกเป็นชั่วโมงๆ บางสูตรใช้เวลาในการเคี่ยวกว่า 8 ชม. เลยทีเดียว บ่งบอกได้ถึงความพิถีพิถันและความเอาใจใส่ของเชฟชาวญี่ปุ่น   3. อาหารญี่ปุ่น - อูนางิ (Unagi) Cr : us.jnto.go.jp         อูนางิ หรือ ปลาไหลญี่ปุ่น มีลำตัวยาวประมาณ 1 เมตร ตากลมโต ผิวเคลือบด้วยเมือก มีลำตัวสีดำ ช่วงท้องมีขาว ในสมัยเอโดะปลาไหลถูกจับได้เป็นจำนวนมากเพราะการบุกเบิกที่ดินริมชายฝั่งอ่าวเอโดะ (อ่าวโตเกียว) จึงทำให้ปลาไหลเป็นอาหารยอดนิยมตั้งแต่สมัยนั้น ซึ่งในสมัยนั้น นิยมนำปลาไหลมาหั่นเป็นท่อนแล้วเสียบไม้ย่าง โดยไม่ปรุงรสใดๆ ต่อมาได้มีการปรุงรสเพิ่มโดยซีอิ้วดำหรือโชยุแบบเข้มข้น และมีการประยุกต์ปรุงแต่งรสชาติให้อร่อยยิ่งขึ้นจนถึงปัจจุบันนี้   4. อาหารญี่ปุ่น - เทมปุระ (Tempura) Cr : senhorcabo.com         เทมปุระ คือ อาหารประเภทที่ชุบแป้งทอดสไตล์ญี่ปุ่น ส่วนใหญ่จะใช้กุ้งเป็นหลัก และมีผักหลากหลายชนิดมาชุบแป้งทอดเป็นเครื่องเคียง ทานคู่กับซอสเทนทสึยุ (ซอสเทมปุระ) ที่มีขิงขูดละเอียดโรยอยู่ หรือใช้หัวไชเท้าขูดโรย จะทำให้ความอร่อยเพิ่มยิ่งขึ้น   5. อาหารญี่ปุ่น - ไคเซกิ (Kaiseki) Cr : savorjapan.com         อาหารแบบไคเซกิ คือ อาหารรูปแบบหนึ่งในญี่ปุ่น ที่มีความ ประณีตและความพิถีพิถันของการเตรียมอาหารและการตกแต่งให้สวยงาม ซึ่งสิ่งสำคัญที่ของไคเซกิ คือ การใส่อารมณ์ ความรู้สึกถึงฤดูกาลของแต่ละฤดู และการดึงรสธรรมชาติของวัตถุดิบออกมาได้ เช่น ใช้ทะเคโนะโขะ ในฤดูใบไม้ผลิ, เห็ดมัตสึทะเกะในฤดูใบไม้ร่วง และคัตสึโอะ ในฤดูร้อน อาหารร้อนจะเสิร์ฟในตอนที่ยังร้อน ส่วนอาหารเย็นจะเสิร์ฟในจานที่แช่เย็นไว้   6. อาหารญี่ปุ่น - โซบะ (Soba) Cr : japanesecooking101.com        แม้จะเป็นเมนูเส้นเหมือนกับราเมงแต่โซบะนั้นมีวัตถุดิบและวิธีการทำไม่เหมือนราเมนค่ะ โดยเส้นโซบะนั้นทำมาจากแป้งบักวีต จึงทำให้เส้นมีสีน้ำตาล นุ่มแต่ไม่เหนียว แน่นอนว่าเมนูโซบะนั้นก็เป็นอีกเมนูขึ้นชื่อของอาหารญี่ปุ่น แต่ถ้าจะให้พูดถึงความอร่อยนั้นก็คงต้องบอกว่าอร่อยไม่แพ้กันเลยทีเดียว มักนิยมทานคู่กับซอส เรียกว่าโซบะเย็น หรือจะทานแบบร้อนก็อร่อยไม่แพ้กัน   7. อาหารญี่ปุ่น - ชาบู (Shabu) Cr : wagyubeefsingapore.com       ชาบู เป็นหนึ่งใน อาหารญี่ปุ่นประเภทหม้อไฟ คล้ายกับสุกี้ยากี้ ที่มีส่วนผสมของ ผัก เนื้อหั่นบางๆ ลูกชิ้น และอาหารทะเล ปรุงรสโดยการนำเอาส่วนผสมต่างๆใส่ลงไปในหม้อ และปล่อยทิ้งไว้สักพัก จากนั้นนำเอาส่วนผสมต่างๆ อย่าง บะหมี่ เต้าหู้ ลงไปลวกแล้วรับประทานพร้อมกับซอสชาบูรสชาติเข้มข้นถึงใจ!   8. อาหารญี่ปุ่น - โอโคโนมิยากิ (Okonomiyaki) Cr : menu-tokyo.jp       โอโคโนมิยากิ เป็นอาหารที่มีการทำโดยการวางส่วนผสมลงบนแป้งสาลีที่ปลุกสุกบนเท็ปปัง (แผ่นโลหะ) พร้อมซอสสูตรพิเศษราดด้านบนที่จะช่วยเพิ่มรสชาติของโอโคโนมิยากิให้อร่อยยิ่งขึ้น ซึ่งแหล่งต้นกำเนิดโอโคโนมิยากิก็คือภูมิภาคคันไซ ดังนั้นหากใครที่มีโอกาสได้ไปเยือนคันไซ อย่าง โอซาก้า ถือได้ว่าโอโคโนมิยากินั้นเป็น สุดยอดเมนูอาหารญี่ปุ่นขึ้นชื่อของโอซาก้า เลยล่ะค่ะ   9.อาหารญี่ปุ่น - ทงคัตสึ (Tonkatsu) Cr : delmonte.ph       อีกเมนูอาหารญี่ปุ่นยอดฮิต ที่พลาดไม่ได้ก็คือ ทงคัตสึ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะใช้หมูเนื้อสันในการทำ นำมาโรยเกลือและพริกไทยให้ทั่ว จากนั้นโรยด้วยแป้งสาลี ชุบไข่และเกล็ดขนมปัง  แล้วจึงนำไปทอด ในน้ำมันร้อนๆ ซึ่งในแต่ละร้านจะมีเอกลักษณ์ในรสชาติที่ไม่เหมือนกัน แต่เอาเป็นว่ารสชาติดี จนติดใจแน่นอนค่ะ   10. อาหารญี่ปุ่น - ยากิโทริ (Yaki-tori) Cr  : carolynchan.wordpress.com       ปิดท้ายด้วย ยากิโทริ อาหารประเภทปิ้งย่างยอดนิยมของญี่ปุ่น ที่มีขั้นตอนการทำอันเป็นเอกลักษณ์ ด้วยการเสียบเนื้อสัตว์ อย่างไก่ หมู และผักบนไม้เสียบ จากนั้นย่างด้วยซอสสูตรเฉพาะ คนญี่ปุ่นมักทานยากิโทริเป็นกับอาหารแกล้มเบียร์ หรือในงานสังสรรค์ ยากิโทริ จึงเป็นอีกเมนูอาหารญี่ปุ่นที่พลาดไม่ได้เลยค่ะ หรือถ้าใครสนใจก็ตามไปกินกันได้ที่นี่เลยจ้า ... ทัวร์ญี่ปุ่น

อ่านเพิ่มเติม
[ โตเกียว เกียวโต ] ไปเยือนต้องโดน..! ร้านอาหารยอดนิยมในญี่ปุ่น
[ โตเกียว เกียวโต ] ไปเยือนต้องโดน..! ร้านอาหารยอดนิยมในญี่ปุ่น

29 ส.ค. 61

ที่แม้ชื่อเมืองจะมีความคล้ายกัน แต่ลักษณะเมืองต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะโตเกียว หลายคนทราบดีอยู่แล้วว่าโตเกียวนั่นเป็นเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น อาจเปรียบเสมือนได้ว่าเป็นแดนนิวยอร์กของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ ด้วยความที่ โตเกียวนั้นมีความเจริญที่ค่อนข้างครบคันจริงๆ และเป็นส่วนผสมของวัฒนธรรมที่หลากหลายประเทศมากๆ มารวมๆกัน จึงไม่แปลกใจเลยที่ภายในเมืองจะมีความครึกครื้นมากๆ ส่วนเมืองเกียวโตนั้น เป็นเมืองของอารยธรรม วัฒนธรรมมากมาย เพราะภายในเมืองเกียวโตเต็มไปด้วยบ้านที่มีรูปแบบญี่ปุ่นต้นตำรับ รวมถึงวัดและศาลเจ้าที่มีค่อนข้างเยอะ แถมยังมีแหล่งทางประวัติศาตร์ของญี่ปุ่นมากมายอีกตังหาก ทำให้วัฒนธรรมของอาหารนั้นก็มีความแตกต่างกันบ้าง ไม่มากก็น้อย แต่ก็ยังคงลักษณะของความเป็นญี่ปุ่นอยู่ดี ทั้งนี้ วันนี้ทัวร์ครับมี 6 ร้านอาหาร ขึ้นชื่อที่สุด !! ทั้งในโตเกียว และเกียวโต ไปดูกันเล้ยย... โตเกียว :  Sushiya no Nohachi 1. มาถึงโตเกียวทั้งที เริ่มกันที่ซูชิ ที่ดังที่สุดในโตเกียวก่อนละกัน ที่กว่าจะได้กินนั้นต้องโทรจองกันเป็นวัน หรือบางทีอาจถึงสัปดาห์เลยทีเดียว เพราะอะไรถึงดัง? เพราะที่นี่ ไม่ใช่ Sushi ธรรมดา ที่มีขนาดพอดีคำ ปกติทั่วไป แต่ที่จะมีกิมมิคเล็ก นั่นก็คือความจิ๋วของซูชิจิ๋ว นั่นเอง ที่มีขนาดเท่าเม็ดข้าวเพียงเม็ดเดียวเท่านั้น โดยต้นกำเนิดของความจิ๋วนี้ก็มาจาก การที่เจ้าร้านนั้นมีจุดประสงค์อยากให้เด็กๆตัวเล็กๆนั้นได้ลิ้มรสความอร่อยของซูชินั่นเอง ถือเป็นการต้อนรับเด็กๆแรกเกิด แต่แล้ววันนึงก็ปิ้งไอเดียขึ้นมาว่า การทำซูชิเนี่ยมันสามารถทำได้เล็กขนาดไหนกันเชียวนะ?? ทำไมไม่ทำซูชิที่เล็กที่สุดในโลกไปเลยนะ?? เท่านั้นละ ความจิ๋วที่จิ๋วลงเรื่อยๆของซูชิจึงเริ่มต้นขึ้น ถือเป็นสีสันในการรับประทานซูชิมากๆ เพราะว่าเชพนั้นใจดีมากๆเลย ที่ทำซูชิจิ๋วให้เราได้ถ่ายรูปกันแบบฟรีๆ แต่ต้องเป็นช่วงเวลาที่เชพว่าง และไม่ค่อยมีคนเท่านั้นนะคะ แต่... ที่เด็ดยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ซูชิจิ๋วมันจะไปอิ่มอะไร จริงไหมคะ? ต้องลองไซต์ปกติด้วยสิ ที่มาพร้อมกับไซต์พอดีคำน่ารับประทาน แถมความสดใหม่นี่ สดอย่าบอกใครเลยนะ จัดว่าเด็ด ให้ไปเลย 1 ในใจ 10 อันดับซูชิ ต้องลอง...ในโตเกียว โดยร้านซูชิจะใช้เวลาเดินจากสถานี Asakusa ประมาน 9 นาที หรือเดินจากสถานี Tawaramachi เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น  โตเกียว :  Ginza Sushi Ichi / Omakase 2. เป็นการรับประทาน ซูชิ แบบ โอมากาเสะ (Omakase) หรือรับประทานแบบตามใจเชฟเสิร์ฟ นั่นเอง เชฟจะแนะนำอาหารและเสิร์ฟเป็นเซ็ทตามฤดูกาลนั้นๆ เสิร์ฟตามลำดับของเมนูอาหาร ว่าเราต้องรับประทานอะไรก่อนถึงจะเข้าถึงรสชาติของอาหารได้อย่างเเท้จริง โดยราคาก็จะมีหลากหลายระดับให้เลือก ราคาอาจจะเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวสายรับประทานตัวจริง เพราะอาจจะต้องใช้งบเยอะหน่อย แต่มันคุ้มมากถ้าแลกมาด้วยการรักษามาตรฐานของอาหารที่สูงมาก และบริการอย่างสะดวกสบาย ตามสไตล์ญี่ปุ่น ต้นตำรับ เป็นร้านซูชิระดับ Michelin starts กันเลยทีเดียว ที่กว่าจะได้ไปรับประทานนั้น จำเป็นที่จะต้องจองล่วงหน้าก่อนเป็นเวลาประมาณ หนึ่งอาทิตย์ เป็นอย่างน้อย ด้วยชื่อเสียงของทางร้านค้าที่ค่อนข้างดัง โดยมีสาขาต้นตำรับอยู่ที่ ย่านกินซ่า เมืองโตเกียว จึงไม่แปลกใจเลย ด้วยความอร่อยและพิถีพิถันของทางร้าน รับประกันความสดอย่างไม่เคยเจอมาก่อน คำซูชิที่พอดีคำแต่เต็มคำมากๆ รวมถึงความหลากลายของปลาที่หาทานยาก ที่ในแต่ละวันนั้นจะมีปลาแปลกๆมาให้เราลองได้ชิมกันด้วย จนเป็นที่เลื่องชื่อจนได้ Michelin starts 1 ดวง มาครอง นั่นเอง โดยส่วนมากเขาจะนิยมรับประทาน แบบใช้มือรับประทาน เพื่อให้ความร้อนในมือสามารถถ่ายทอดความอุ่นผ่านนิ้วมือไปจนถึง คำซูชิ ลิ้มรสเนื้อปลาและข้าวที่กำลังอุ่นๆ เหมือนราวกับยังมีชีวิต อร่อยอย่าบอกใครเลยทีเดียว แต่หากใครไม่ถนัดใช้มือรับประทาน ทางร้านก็จะมีตะเกียบบริการให้เช่นกัน เกียวโต : Nezameya 1. พูดถึงร้านอาหารต้นตำรับ ที่เกียวโต ต้องนี่เลย ร้านปลาไหลชื่อดัง ร้าน Nezameya ที่เปิดมานานกว่า 450 ปีค่อนข้างเกาแก่มากเลยทีเดียว เป็นร้านแถวศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ ที่มีเสาแดงโทริอิเรียงรายกันนับพันนับหมื่นต้น เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังที่เมืองเกียวโต หลายคนคงรู้จักกันดี สำหรับการเดินทางก็ไม่ไกลมาก สามารถเดินได้ จากศาลเจ้า แถมตกเย็นอากาศดีดี ในบางฤดูกาลก็จะมีตลาดที่มีอาหารมาขายหลากหลายอย่างกันเลยทีเดียว ทั้งเนื้อย่าง ทาโกยากิ ดังโงะ น่ากินทั้งนั้นเลย แต่ต้องอย่าลืมเก็บท้องไว้รับประทานของเด็ดนะจ๊ะ นั่นก็คือ ...แท่นแท๊นนน จุดเด่นของร้านนี้คือ เมนูปลาไหลย่าง ซึ่งหน้าร้านจะมีการย่างปลาไหลกลิ่นหอมฟุ้งต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าร้าน เหมาะสำหรับคนที่รักการรับประทานปลาไหล ต้องไม่พลาด ...!! นอกจากปลาไหลย่างแล้ว ยังมีเมนูอื่นๆอีกมากมาย หรือสามารถรับประทานเป็นเส้นก็ได้ ก็จะมีทั้งอุด้งและโซบะ ด้วยบรรยากาศรอบๆร้านและรสชาติของเนื้อปลาไหลที่นุ่ม ละมุนลิ้น ไม่มีกลิ่นคาวแม้แต่น้อย คนที่ไม่ชอบปลาไหลก็สามารถหลับหู หลับตาลองกินได้ สำหรับซอส, น้ำซุบ และข้าวร้อนๆ รับประทานได้อย่างเข้ากันสุดๆ ยิ่งในฤดูหนาว ยิ่งเข้าถึงความเป็นญี่ปุ่นแท้ๆ ฟินสุดๆไปเลยจ้าา ลองสักครั้งแล้วจะติดใจ  ร้าน Nezameya จะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.00น. – 18.00น. ทริค : เนื่องจากร้านค่อนข้างมีชื่อเสียง แต่ภายในร้านมีขนาดเล็ก และปิดค่อนข้างเร็ว หากสามารถไปกินได้ช่วงเช้า - กลางวัน จะดีกว่า เพราะของหมดค่อนข้างเร็ว ส่วนเวลาสั่งอาหารเหมือนจะสั่งได้แค่รอบเดียวเท่านั้น ดังนั้น ต้องคิดก่อนเลยว่าอยากชิมอะไรบ้าง เมื่อตกลงกับเพื่อนร่วมทางเรียบร้อยก็ลงมือสั่งได้เลย เพื่อความรวดเร็วต่อลูกค้าท่านอื่นๆด้วย เกียวโต : Sushi Iwa / Omakase 2. “ซูชิอิวะ” อีกหนึ่งร้านซูชิที่รับประทานแบบโอมากาเสะ ที่ขึ้นชื่อในเกียวโต เป็นซูชิชั้นสูงต้นตำรับที่เปิดตัวขึ้นเมื่อ 50 ปีก่อน จนเป็นที่จับตามองของนักท่องเที่ยวทั่วโลก รวมไปถึง สตีฟ จ๊อบส์ ผู้ก่อตั้งบริษัท Apple และผู้คิดค้นไอโฟน ที่แม้แต่สตีฟ จ๊อบส์ก็กล่าวไว้ว่า เป็นซูชิที่อร่อยที่สุดในชีวิต ทำให้บรรดาแฟนๆของเขาทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติก็ตามมารับประทานกันเยอะขึ้น ทำให้กลายเป็นร้านที่โด่งดังมากกว่าเดิมเลยทีเดียว โดยความอร่อยของทางร้านจะเน้นคัดสรรวัตถุดิบตามฤดูกาล เสิร์ฟเป็น “ไคเซคิ” หรือเป็นชุดอาหารที่บริการตามลำดับการรับประทาน นอกจากจะอร่อยแล้วยังได้รับความรู้สึกที่สนุกสนานไปอีกแบบ เพราะเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเรากำลังจะได้รับประทานอะไร แต่บางร้าน เชพก็จะถามก่อน ว่าเราสามารถรับประทานอะไรไม่ได้บ้าง เพื่อความสบายใจของลูกค้า นั่นเอง สำหรับเมนูที่โด่งดังของที่นี่ ก็คือเมนู “โทะโระ” หรือเนื้อส่วนท้องนุ่มๆของปลามะกุโระ (ปลาทูน่า) เพราะเป็นเมนูที่สตีฟ จ๊อบส์ ตั้งใจมารับประทาน ราคาจะอยู่ที่ 2,000 เยนต่อหนึ่งคำ ราคาถือว่าค่อนข้างแพงเลยทีเดียว ส่วนถ้าเป็นคอร์ส Omakase ราคาต่อหัวตั้งแต่ 8,000 เยน 10,000 เยน 12,000 เยน 15,000 เยน จนถึง 20,000 เยน [ ราคาอัพเดต ปี 2560 ] ที่นี่จะเสิร์ฟซูชิชั้นเลิศเมนูขึ้นป้ายของแต่ละวัน ถึงราคาจะค่อนข้างแพง แต่ถ้าพูดถึงประสบการณ์สักครั้งในชีวิต กับซูชิชั้นเลิศ ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่คุ้มมากๆเลยทีเดียว ไหนๆก็ไปเที่ยวถึงถิ่น ลองลิ้มรส สัมผัสความเป็นซูชิขั้นเทพดูสักครั้งจะเป็นไรไปเนอะ.. 

อ่านเพิ่มเติม
ของดีนำโชค! แนะนำ 10 เครื่องรางจากญี่ปุ่น ต้องมีไว้ครอบครอง
ของดีนำโชค! แนะนำ 10 เครื่องรางจากญี่ปุ่น ต้องมีไว้ครอบครอง

03 ก.ค. 61

ทัวร์ครับ รวบรวม 10 เครื่องรางนำโชคของญี่ปุ่น เด็ดๆ ที่ใครๆ ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไปเที่ยวญี่ปุ่น ต้องซื้อกลับมา แล้วเป็นของที่ต้องมีจริงๆ นะเออสำหรับชาวสายมูฯ ใครที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นอย่าพลาดเด็ดขาด จะต้องซื้อติดไม้ติดมือ ติดกระเป๋า หรือเป็นของฝากได้ด้วยนะ   1. เครื่องรางญี่ปุ่น - เหรียญ 5 เยน เริ่มกันที่เครื่องรางแรก เป็นเครื่องรางชั้นยอดที่หาง่ายมากๆ ไม่ต้องไปบูชาที่วัดไหน เพราะเป็นเหรียญที่ทุกคนสามารถมีได้เมื่อไปญี่ปุ่นค่ะ แต่ถ้าจะให้เราแนะนำ เราขอแนะนำให้นำเหรียญไปล้างน้ำมนต์ที่วัดที่ญี่ปุ่นก่อนนะคะ สำหรับเหรียญ 5 เยนนั้น คนญี่ปุ่นเชื่อว่ารูตรงกลางของเหรียญ คือรูที่ทำให้สิ่งเลวร้ายต่างๆ เรื่องไม่ดี ความโชคร้ายลอดผ่านออกไป นอกจากนี้คำว่า 5 เยน ในภาษาญี่ปุ่น อ่านว่า โกะ-เอ็น ซึ่งไปพ้องเสียงกับคำว่า โกะ-เอ็น (ご縁) ที่แปลว่า การขอพรจากเทพเจ้า เพราะฉะนั้น เหรียญ 5 เยน จึงเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีนั่นเองค่ะ ใครไปญี่ปุ่นก็อย่าลืมเก็บเหรียญ 5 เยนไว้ แล้วนำมาพกติดตัวนะคะ หรือจะทำเป็นพวงกุญแจห้อยก็ได้นะ   2. เครื่องรางญี่ปุ่น - ด้านความรัก วัดอาซากุสะ พูดถึงชื่อวัดนี้แล้ว เชื่อว่าใครๆ ก็ต้องรู้จัก เพราะถือว่า เป็นวัดชื่อดังที่นักท่องเที่ยวทุกคนที่ไปโตเกียวต้องไปนั่นเองค่ะ บอกเลยว่า คนส่วนมากที่มาขอพรที่วัดนี้ สมหวังกันทั้งนั้น เพราะฉะนั้นเครื่องรางจากวัดนี้เลยเป็นของแรร์ไอเท็ม ที่หลายๆ คนต้องบูชากลับไปค่ะ แน่นอนว่า ถ้าพูดถึงเรื่องความรัก ใครๆ ก็อยากมี หรือที่มีแล้วก็อยากให้มันดีขึ้นไปอีก และ เครื่องรางความรัก วัดอาซากุสะ ก็ศักดิ์สิทธิ์จนทำให้หลายๆ คนเห็นผลกันมามากแล้วค่ะ คนที่บูชาไปพกติดตัวไว้ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า คนจีบเพียบ ที่มีแฟนอยู่แล้วก็รู้สึกว่าดี๊ดี ไม่มีเรื่องมากวนใจ มาทะเลาะกันเลยล่ะ ใครอยากมีโชคเรื่องความรัก ก็อย่าลืมไปบูชามาติดตัวไว้นะคะ   3. เครื่องรางญี่ปุ่น - ขอให้สมปรารถนา วัดอาซากุสะ ยังอยู่กับ วัดอาซากุสะ หรืออีกชื่อคือ วัดเซนโซจิ ค่ะ (คนไทยหลายคน รู้จักในชื่อ วัดโคมแดง) นอกจาก เครื่องรางความรัก ที่บอกไปข้างต้นแล้ว ที่วัดนี้ยังมีเครื่องรางอีกมากมายให้เราไปบูชา ดังเช่น เครื่องรางสมปรารถนา อันนี้นั่นเอง เครื่องรางสมปรารถนา วัดอาซากุสะ เป็นเครื่องรางที่ชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่า เหมือนเป็นตัวแทนของเทพเจ้าของวัดเลยล่ะค่ะ พกติดตัวไว้แล้ว ไม่ว่าเราจะขอพรในเรื่องอะไร ท่านก็จะอวยพรให้เราสมปรารถนา ดังที่ใจเราต้องการ ถ้าเราอธิษฐานด้วยใจจริง สิ่งที่เราอธิษฐานก็จะเป็นจริงค่ะ ของแบบนี้ไม่ลองไม่รู้นะคะ   4. เครื่องรางญี่ปุ่น - ด้านการเงิน วัดอาซากุสะ บอกแล้วว่า วัดอาซากุสะ ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ นะคะ เพราะเครื่องรางของวัดนี้ มีหลายชิ้นมากๆ ให้พรในแต่ละด้าน ต่างกันไป ถ้าใครมีโอกาสไปก็อย่าลืม เลือกเรื่องที่เราอยากให้ประสบความสำเร็จ แล้วบูชาเครื่องรางมาพกติดตัวไว้นะคะ สำหรับ เครื่องรางการเงิน จากวัดอาซากุสะ นั้น ดลบันดาลให้ผู้ที่บูชา เห็นผลมานักต่อนักแล้วค่ะ ใครที่กำลังกระเป๋าเบา หรือเงินขาดมือ รู้สึกสภาพการใช้จ่ายไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่ หรือใครค้าขาย ทำธุรกิจ แล้วอยากได้กำไร แนะนำให้บูชาเครื่องรางอันนี้ไว้ เค้าว่ากันว่า ขอแสนได้แสน ขอล้านได้ล้านเลยนะจะบอกให้ Cr: https://pbs.twimg.com/media/DMU_UMLUIAUsOQd.jpg   5. เครื่องรางญี่ปุ่น - ด้านการเรียน วัดอาซากุสะ จริงๆ แล้วเครื่องรางของวัดอาซากุสะ ยังมีอีกหลายชิ้นที่น่าสนใจ และน่าบูชาติดตัวไว้ แต่วันนี้เราคัดมาแต่ชิ้นที่เด็ดๆ ที่โด่งดังและถือว่าเป็น the must ที่ต้องบูชาจริงๆ มาแนะนำให้ทุกคน และเครื่องรางอันนี้ก็เหมาะกับ น้องๆ ในวัยเรียนค่ะ เครื่องรางด้านการเรียนของวัดอาซากุสะ นั้น เด็กนักเรียนญี่ปุ่นหลายคนบูชาพกติดตัวไว้ตลอด เพราะจะช่วยส่งเสริมในเรื่องของ การเรียน การสอบต่างๆ และเชื่อว่าจะช่วยให้มีสมาธิ มีใจจดจ่อกับเรื่องเรียนมากขึ้นด้วยค่ะ ใครที่กำลังจะสอบเข้า หรือสอบเลื่อนขั้น เลื่อนชั้นต่างๆ อย่าลืมไปหามาพกติดตัวไว้นะคะ   6. เครื่องรางญี่ปุ่น - เทพเจ้าจิ้งจอก คิสึเนะ ข้ามภูมิภาค จากโตเกียว มาที่เกียวโต กันบ้างค่ะ กับ วัดฟูชิมิอินาริ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ ศาลจิ้งจอกขาว ซึ่งชาวญี่ปุ่นเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ ของเทพเจ้าจิ้งจอกมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้วค่ะ ซึ่ง เครื่องรางเทพเจ้าจิ้งจอก นี้นั้น เป็นเครื่องรางแห่งความสำเร็จ หากใครที่กำลังจะทำอะไร หรือทำอะไรอยู่ แล้วต้องการให้ผลออกมาสำเร็จ สมปรารถนาที่ใจต้องการ ไม่ว่าจะเรื่อง การงาน การเรียน การสอบต่างๆ บูชาเครื่องรางนี้ เค้าว่าเทพเจ้าจิ้งจอก จะบันดาลให้สมความปรารถนาค่ะ หากใครสนใจไปเที่ยวญี่ปุ่น ศาลเจ้าเทพเจ้าจิ้งจอก ดูตามโปรแกรมนี้เลย >> คลิก!! 7. เครื่องรางญี่ปุ่น - เสริมความรัก เก็นจิ ยังอยู่กันที่เกียวโต กับอาราชิยามะ หรือสวนไผ่ชื่อดัง ที่ใครไปเที่ยวแถบ คันไซ ต้องแวะไปเยี่ยมเยียนนั่นเอง และที่นี่ก็ยังเป็น จุดกำเนิดของนิยายความรักสุดคลาสสิคอย่าง เก็นจิโมโนกาตาริ ด้วยล่ะค่ะ สำหรับ เครื่องรางความรัก เก็นจิ ต้องบูชาที่ ศาลเจ้า โนโนมิยะ ค่ะ สาวๆ ญี่ปุ่นต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า บูชาไว้แล้วพบเจอแต่คนดีๆ มีแต่คนดีๆ เข้ามาจีบ นอกจากนี้ ยังให้พรในเรื่องของ คู่ครอง และการมีลูกด้วยนะคะ ใครที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ สามารถบูชามาแล้วขอพรให้ลูกคลอดง่ายๆ และเชื่อว่าลูกที่คลอดออกมานั้นจะเป็นคนดีด้วยค่ะ   8. เครื่องรางญี่ปุ่น - เสริมความรัก วัดน้ำใส วัด คิโยมิซุ หรือวัดน้ำใส ที่คนไทยรู้จักกันดี ก็มีเครื่องรางชื่อดังเหมือนกันนะคะ นอกจากจะแวะไปขอพรจากเทพเจ้า และดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์แล้ว เราขอแนะนำให้บูชาเครื่องรางกลับมาพกติดตัวไว้ด้วย โดยเฉพาะคนที่อยากมีโชคในด้านความรักค่ะ เนื่องจาก เทพเจ้าโอคุนินูชิ นั้น เป็นเทพที่มีลูกกว่า 180 คนเลยทีเดียว คนญี่ปุ่นจึงเชื่อว่า ท่านเป็นเทพนักรัก และสามารถช่วยดลบันดาลให้สมปรารถนาในเรื่องความรักได้ นักท่องเที่ยวมากหน้าหลายตา รวมถึงคนญี่ปุ่นเองจึงนิยมเดินทางมาขอพรเรื่องความรัก และขอลูกจากท่านค่ะ   9. เครื่องรางญี่ปุ่น - เสริมดวงดี ศาลเจ้าไคจู มาถึงเครื่องรางอันนี้ ที่บอกเลยว่ากำลังเป็นกระแสมาแรงในทวิตเตอร์มากๆ กับ เครื่องรางดวงดี จาก ศาลเจ้าไคจู อินาริ (Kaichu Inari) ค่ะ ศาลเจ้านี้มีชื่อในเรื่องของการเสี่ยงดวงต่างๆ อย่างเช่น ลอตเตอรี่ หรือแม้กระทั่ง การกดบัตรคอนเสิร์ต !! ใครที่กำลังจะเสี่ยงโชคในเรื่องต่างๆ เช่น ไปเล่นเกมไว้ตามเพจ ตามเว็บ แล้วอยากให้ชื่อเราเป็นผู้ถูกเลือก หรืออยากไปดูคอนเสิร์ตนึงมากๆ และกลัวว่าจะกดซื้อบัตรไม่ทัน ลองบูชาเครื่องรางนี้ติดตัวไว้ เค้าว่ากันว่าสมปรารถนามานักต่อนักแล้วค่ะ หรือหากใครชอบซื้อลอตเตอรี่ อยากมีดวงในเรื่องการเสี่ยงโชคบ้าง ก็สามารถขอพรจากเครื่องรางนี้ได้เช่นเดียวกันนะคะ   10. เครื่องรางญี่ปุ่น - สุขภาพ ศาลเจ้านามิโนะอุเอะ ปิดท้ายกันที่เครื่องรางจาก ศาลเจ้านามิโนะอุเอะ จังหวัดโอกินาว่า กันค่ะ เนื่องจากตอนนี้เส้นทาง โอกินาว่า กำลังเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวเลยทีเดียว เราเลยหยิบเครื่องรางหนึ่งชิ้น ที่เค้าว่าศักดิ์สิทธิ์มากๆ มาแนะนำกันค่ะ สำหรับศาลเจ้านามิโนะอุเอะนั้น เป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงที่สุดในจังหวัดโอกินาว่า เป็นศาลเจ้าที่สำคัญที่สุดที่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษโดยอาณาจักรริวกิวค่ะ เครื่องรางสุขภาพ ของที่นี่นั้น เค้าว่ากันว่าให้ผลดีมากๆ เลย ใครที่ป่วยเรื้อรังมานานไม่หายสักที ก็กลับดีขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ ซื้อเป็นของฝากของเยี่ยมไข้ คนป่วยก็มีหน้าตาที่สดใสดูดีขึ้น อาการทุเลาลงมากเลยล่ะค่ะ เหมาะมากสำหรับบูชาเป็นของฝาก หรือจะบูชาไว้ให้ตัวเองก็ดีเหมือนกันนะคะ ส่งท้าย ก่อนจากกัน ขอแนะนำเพิ่มเติมในเรื่องของ วิธีการบูชาเครื่องรางญี่ปุ่น สักนิดนะคะ เพื่อให้ได้พรที่ศักดิ์สิทธิ์ ให้การบูชาได้ผลที่สุด แนะนำว่า ให้พกติดตัวไว้ตลอดเวลา พกใส่ในกระเป๋า หรือถ้าในกระเป๋าสตางค์ได้ยิ่งดีเลยค่ะ และเครื่องรางญี่ปุ่นนั้นมีวันหมดอายุ โดยส่วนมากจะอยู่ที่ 1 ปี เพราะฉะนั้นจดจำวันที่บูชามาดีๆ เมื่อครบปีแล้ว แนะนำให้เอาไปคืนที่วัดที่บูชามา แล้วบูชาเครื่องรางอันใหม่มาแทน หรือหากไม่สะดวกนำไปคืนที่วัดเดิม ก็สามารถนำไปคืนไว้ที่ศาลเจ้าหรือวัดอื่นก็ได้เช่นกัน สำหรับเครื่องรางญี่ปุ่น ทั้ง 10 ชิ้นที่ทัวร์ครับเลือกมาแนะนำนั้น มีหลากหลายด้านเลยนะคะ หากใครได้ไปญี่ปุ่น อย่าลืมบูชาเครื่องรางติดตัวกลับมาด้วย หรือจะบูชาเป็นของฝากให้กับคนที่คุณรักก็ไม่ผิด ถือว่าเป็นของฝากชั้นยอดเลยค่ะ   ❤️ บทความแนะนำ >> 5 อันดับของฝาก น่าสนใจ จากญี่ปุ่น ❤️  

อ่านเพิ่มเติม
กินหรูปูอร่อย! ตะลอนกิน 5 ร้านบุฟเฟ่ต์ขาปูยักษ์ที่ญี่ปุ่น
กินหรูปูอร่อย! ตะลอนกิน 5 ร้านบุฟเฟ่ต์ขาปูยักษ์ที่ญี่ปุ่น

03 ธ.ค. 61

เดี๋ยวทัวร์ครับจะพาไปดู 5 ร้านบุฟเฟ่ต์ ที่บอกเลยว่า คุ้มค่าคุ้มราคาที่จ่าย แถมยังฟินสุดๆ ด้วยล่ะ 1. Luxe Dining Hapuna Tokyo cr. jw web magazine cr.wongnai.com ร้านอาหารสุดหรู บนโรงแรม Shinakawa Prince Hotel ที่นี่มีไลน์อาหารให้เลือกทานหลากหลายเลยล่ะครับ แต่สิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นที่หมายปองของเหล่านักท่องเที่ยว ก็คงหนีไม่พ้นเจ้า ‘ขาปูยักษ์’ นั่นเอง ทำให้ที่นี่ต้องเสิร์ฟขาปูถึงวันละ 350 กิโลกรัมต่อวัน เพื่อให้เพียงพอกับลูกค้าทุกคนเลยนะครับ แต่บอกก่อนว่าที่นี่คิวเต็มไวมาก ใครอยากลิ้มลองแนะนำว่าให้จองล่วงหน้าอย่างน้อย 1 อาทิตย์ครับ ราคา : มื้อกลางวัน ผู้ใหญ่ 3,800 เยน เด็ก 2,800 เยน / มื้อเย็น ผู้ใหญ่ 6,000 เยน เด็ก 3,800 เยน การเดินทาง : เดินออกจากสถานีรถไฟ Shinagawa ทาง Tanakawa Exit (west exit) ข้ามทางม้าลายเดินต่อประมาณ 5 นาที 2. Tokyo Station Buffet cr.pantip.com อยากเดินทางง่ายๆ ต้องร้านนี้เลย เพราะตั้งอยู่บนชั้น 12 ของ ห้าง Daimaru ณ สถานี Tokyo นั่นเอง ถึงแม้ว่าขาปูยักษ์ของที่นี่จะมีขนาดกลางๆ แต่รับรองว่าสดหวานไม่แพ้ใครเลยล่ะครับ และนอกจากขาปูแล้ว อาหารญี่ปุ่น หรืออาหารทะเลอื่นๆ ก็มีให้เลือกสรรเต็มไลน์บุฟเฟ่ต์ไปหมด ฟินไปอีกมื้อ ราคา : มื้อกลางวัน จำกัดเวลาที่ 90 นาที ราคา 1,890 เยน / มื้อเย็น จำกัดเวลาที่ 120 นาที ราคา 2,730 เยน 3. Prince Viking cr.japanwow ร้านบุฟเฟ่ต์ขาปูใหญ่ ที่ไม่ใช่แค่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงในหมู่ชาวญี่ปุ่นเองด้วย ร้านตั้งอยู่ที่ชั้น B2 ใน โรงแรม Shinjuku Prince Hotel  สิ่งที่พิเศษสุดๆ ของห้องอาหารแห่งนี้ นอกจากขาปูยักษ์แล้ว ยังมีไลน์บุฟเฟ่ต์ที่ทางโรงแรมจะผลัดเปลี่ยนอาหารทุกๆ 2 เดือน เพื่อไม่ให้จำเจด้วยล่ะ ราคา : มื้อกลางวัน จำกัดเวลาที่ 90 นาที ราคา 3,800 เยน / มื้อเย็น จำกัดเวลาที่ 120 นาที ราคา 6,000 เยน การเดินทาง : อยู่ติดกับสถานี Seibu Shinjuku Station ดูแผนที่  http://www.princehotels.com/en/shinjuku/map-direction 4. Kani Doraku ข้ามฟากมาที่ฝั่งโอซาก้ากันบ้าง ใครผ่านไปที่ ย่าน Dotonburi จะต้องสะดุดตากับร้านที่มีเจ้าปูยักษ์เกาะอยู่แน่นอน และถ้าหากเจอแปลว่ามาถูกแล้วววว เพราะที่นี่คือร้านบุฟเฟ่ต์ขาปูยักษ์ที่นักท่องเที่ยวนิยมมากๆ ซึ่งเมนูของที่นี่จะมีส่วนผสมของปูทั้งนั้นเลย และถึงแม้จะไม่ได้ขายแบบบุฟเฟ่ต์ แต่ก็สามารถเลือกได้ครับว่าจะรับประทานเป็นอาหารจานเดียว หรือจะรับประทานแบบคอร์สปูให้หนำใจ ราคา : คอร์สปู เริ่มต้นที่ 5,184 เยน 5. Nanda cr.komachijp.com ปิดท้ายกันแบบกระโดดจากใต้มาที่เหนือ เพราะร้านนี้ตั้งอยู่ที่ Sapporo นั่นเอง ใครที่ชอบกินปูจะต้องฟินมากแน่ๆ เพราะที่นี่มีปูให้เลือกถึง 3 สายพันธุ์เลยล่ะครับ ไม่ว่าจะเป็นปูขน ปูสึไว หรือปูทาราบะ และทีเด็ดคืออะไรรู้มั้ยครับ ? ที่นี่มีน้ำจิ้มซีฟู้ดแบบไทยให้ด้วย !!! เป็นการยืนยันว่านักท่องเที่ยวไทยไปกินขาปูที่นี่เยอะจริงๆ ราคา : มื้อกลางวัน จำกัดเวลาที่ 70 นาที ราคา 3,700 เยน / มื้อเย็น จำกัดเวลาที่ 100 นาที ราคา 4,780 เยน (ราคายังไม่รวมภาษี) สถานที่ตั้งร้าน : อาคาร Ciber City ชั้น B2 Susukino, Sapporo, Hokkaido การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Toho Line ลงสถานี Hosuisusukino แล้วเดินต่อจากสถานีมาอีกประมาณ 2 นาที อ่านจบแล้วหิวเลยใช่ไหมล่ะครับ? เพราะฉะนั้นหากใครมีแพลนไปเที่ยวญี่ปุ่น ห้ามพลาดที่จะไปลิ้มรส ‘ขาปูยักษ์’ ถึงถิ่นดูสักครั้งนะครับ รับรองว่าติดใจแน่นอน และสำหรับทัวร์ญี่ปุ่นของทัวร์ครับนั้นก็มีพาลูกทัวร์ไปลิ้มลองบุฟเฟ่ต์ขาปูยักษ์กันด้วยนะครับ   หากใครที่สนใจไปทัวร์ญี่ปุ่น กินขาปูยักษ์ >> จองได้ที่นี่เลย  

อ่านเพิ่มเติม