เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานหลักประจำเมืองเฮลซิงกิ ตั้งอยู่ในเขตวานตา ห่างจากเมืองเฮลซิงกิขึ้นไปทางเหนือประมาณ 20 กิโลเมตร ที่นี่เป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศฟินแลนด์และเป็นอันดับที่สี่ในประเทศแถบนอร์ดิกในแง่ของจำนวนผู้โดยสาร
เป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไอซ์แลนด์ และเป็นศูนย์กลางการบินระหว่างประเทศที่สำคัญ ตั้งอยู่ห่างไปทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองเรคยาวิกประมาณ 50 กิโลเมตร
ในเส้นทางวงกลมทองคำ หรือ Golden Circle ทัศนียภาพของทุ่งหญ้าตัดกับทุ่งลาวา มีฝูงแกะ, วัวและม้าไอซ์แลนด์หากินอยู่ตามธรรมชาติ ชมสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์ของชาติคือ ซิงเควลลีร์ (Þingvellir) อุทยานแห่งชาติแห่งแรกของไอซ์แลนด์ และมรดกโลกขององค์การยูเนสโก (UNESCO) เป็นรอยเชื่อมระหว่างทวีปยูเรเซียและทวีปอเมริกาเหนือ สถานที่แห่งนี้มีความสำคัญในฐานะเป็นสภาแห่งแรกของไอซ์แลนด์ โดยรัฐสภาได้ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 930 และต่อเนื่องมาจนถึงปี ค.ศ. 1789 ซิงเควลลีร์ (Þingvellir) ตั้งอยู่ตรงรอยแยกของหุบเขากับทะเลสาบ Þingvallavatn ซึ่งเป็นทะเลสาบตามธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ ใกล้กับคาบสมุทรเรกยาเนส (Reykjanes) และภูเขาไฟเฮนกิลล์ (Hengill) เป็นจุดกำเนิดด้านประวัติศาสตร์และด้านธรณีวิทยาเพราะเป็นจุดที่มีรอยเลื่อนของโลกเป็นระยะทางหลายหมื่นกิโลเมตร จากนั้นไปชมน้ำตกกูลล์ฟอสส์ (Gullfoss) หรือไนแองการ่าแห่งไอซ์แลนด์ ถือเป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของประเทศและยังจัดว่าเป็น 1 ใน 3 ที่ไอซ์แลนด์จัดให้อยู่ในเส้นทาง “วงกลมทองคำ” ที่เมื่อผู้มาเยือนไอซ์แลนด์ต้องมาท่องเที่ยว ชื่อน้ำตกแห่ง Gullfoss มาจากคำว่า Gull ที่แปลว่า ทองคำ และ Foss ที่แปลว่า น้ำตก เมื่อรวมกันหมายถึง น้ำตกทองคำ ถือเป็นหนึ่งในความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติระดับโลกที่เกิดจากการละลายของธารน้ำแข็งและลดระดับลงในโตรกเขาเบื้องล่างที่ความสูงกว่า 30 เมตร แล้วไปชมน้ำพุร้อนธรรมชาติ (Geysir) น้ำพุร้อน หรือ เกย์ซีร์ ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า กีย์เซอร์ geyser ที่ใช้กันทั่วโลก น้ำพุร้อนที่นี่พวยพุ่งขึ้นสูงกว่า 180 ฟุต ทุกๆ 7–10 นาที ไอซ์แลนด์เหมือนพระเจ้าบรรจงสร้างขึ้นมาอย่างประณีต พลังงานที่อยู่ใต้หินเปลือกโลก ขับเคลื่อนออกมาเป็นน้ำพุร้อน ช่วยให้อากาศอบอุ่นเย็นสบาย และรัฐบาลได้แปลงความร้อนให้เป็นพลังงานไฟฟ้าส่งใช้ทั่วประเทศ ได้เวลานำคณะเดินทางสู่เซลฟอสส์
เป็นน้ำพุร้อนธรรมชาติ ที่พวยพุ่งขึ้นสูงกว่า 180 ฟุต ทุกๆ 7–10 นาที มีความร้อนประมาณ 400 องศาเซลเซียส พุ่งขึ้นมาจากใต้ดิน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์
น้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss) เป็นน้ำตกมีชื่อแห่งหนึ่งในจำนวนสถานที่ท่องเที่ยว ๆ หลายแห่งของประเทศนี้ และยังจัดว่าเป็นหนึ่งใน 3 ที่ไอซ์แลนด์จัดให้อยู่ใน “วงกลมทองคำ” ที่เมื่อผู้มาเยือนไอซ์แลนด์ต้องมาท่องเที่ยว ชื่อน้ำตกแห่ง Gullfoss มาจากคำว่า Gull ในภาษาไอซ์แลนด์ที่แปลว่าทอง และ Foss ที่แปลว่า น้ำตก เมื่อรวมกันก็คงเป็นน้ำตกทองคำ ส่วนจะหมายถึงว่ามีทองคำ ที่น้ำตก หรือว่าน้ำตกมาเป็นทองคำ หรือว่าความงามลองละอองน้ำเมื่อปะทะกับแสงแดดแล้วสะท้อนแวววาว ปรากฏเป็นรุ้งกินน้ำให้พบเห็นแก่ผู้มาท่องเที่ยวแล้วจะเรียกว่าเป็นทองก็จนด้วยเกล้าเหมือนกัน ฝากไปหาข้อมูลต่อด้วยแล้วกัน แต่ถ้าพูดถึงความงามก็ต้องบอกว่าอลังการสวยงามสมคำเล่าลือ
อุทยานแห่งชาติที่มีชื่อเสียงทางด้านการท่องเที่ยวและยังเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไอซ์แลนด์
เป็นทะเลสาบตามธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ เป็นที่ที่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวประเภทดำน้ำ ดูปะการัง หรือสามารถชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม
เคริด Kerid ปากปล่องภูเขาไฟในสมัยโบราณ ซึ่งดับแล้ว ในบริเวณนั้นจะมีน้ำขังตัวอยู่ใต้ดิน เป็นลักษณะที่หาชมได้ยากมาก
1 ในน้ำตกงามของทั้งประเทศซึ่งมีแค่ 3 แห่งเท่านั้น ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงของประเทศไอซ์แลนด์ สัมผัสกับสายธารของน้ำตกที่ไหลมาจากหน้าผาสูงถึง 60 เมตร โดยที่เบื้องหลังของน้ำตกสามารถที่เดินเข้าไปได้ ซึ่งเป็นเวิ้งหน้าผา ถ้ำเล็กๆ สายน้ำเย็นเฉียบ เพราะเนื่องจากบนยอดเขา Eyjafjallsokull เป็นภูเขาไฟที่ดับมาหลายปีแล้ว
ภูเขาไฟอันโด่งดังของไอซ์แลนด์ ภายหลังจากการปะทุในช่วงปีค.ศ. 2010 ปัจจุบันเป็นสถานที่ ท่องเที่ยวที่สำคัญที่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาถ่ายรูปความสวยงามของภูเขาไฟแห่งนี้ ที่ยอดเขาปกคลุม ไปด้วยหิมะตลอดทั้งปีอีกด้วยระหว่างทางท่านจะได้สัมผัสกับธรรมชาติอันงดงามยิ่ง
เป็นน้ำตกที่มีความสูงประมาณ 62 เมตร เป็นม่านน้ำขนาดใหญ่ที่ไหลลงจากหน้าผาสูงชันด้านบนลงสู่พื้นราบด้านล่าง ที่นี่เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงที่สุดในเขตภาคใต้ของไอซ์แลนด์ และยังเป็นน้ำตกที่สูงที่สุดและมีขนาดใหญํเป็นอันดับ 5 ของประเทศไอซ์แลนด์อีกด้วย
ที่นี่เป็นเขาหินบะซอลล์ที่ก่อตัวเป็นลักษณะเสมือนภูเขาเล็กๆ ที่เกิดมาจากลาวาของภูเขาไฟมาเจอกับน้ำที่เย็นจัด โดยภูเขานี้ตั้งอยู่บริเวณหมู่บ้านวิกและหาดทรายสีดำ
เป็นธารน้ำแข็งที่มีความกว้างใหญ่เป็นอันดับ 4 ของธารน้ำแข็งทั้งหมดในไอซ์แลนด์ พื้นที่กว่า 596 ตารางกิโลเมตร ที่นี่นักท่องเที่ยวจะพบกับประสบการณ์ใหม่กับคำเปรียบเปรยที่ว่า “อย่าเพิ่งไปจากไอซ์แลนด์ หากท่านยังไม่ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากธารน้ำแข็ง” ด้วยการขับรถสโนว์โมบิล
ความสนุกของการขี่สโนว์โมบิล คือความเร็ว ความคล่องตัว อารมณ์เดียวการขับเจ็ทสกี แต่ที่ดีกว่าคือการขับเล่นกันบนหิมะ ผ่านป่าน้ำแข็งและทุ่งกว้าง หรือจะขับขี่บนทะเลสาบที่เป็นกลายเป็นน้ำแข็งก็แล้วแต่สภาพแวดล้อมในแต่ละที่ สโนว์โมบิลจะมีที่จับเหมือนมอเตอร์ไซค์ แล้วจะมีที่จับโผล่มาสำหรับให้นิ้วโป้งเรากด เพื่อใช้เวลาเร่งความเร็ว ถือเป็นประสบการณ์ใหม่ที่น่าลองมากทีเดียว
เป็นทะเลสาบธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์ และลึกเป็นอันดับสองของไอซ์แลนด์ ธารน้ำแข็งบนทะเลสาบนี้มีอายุนับได้หลายๆ ร้อยปี
ไอซ์เบิร์ก หรือภูเขานํ้าแข็งก้อนโตๆ เรียงรายโผล่พ้นพื้นนํ้าในทะเลสาบ ยามกระทบแสงแดดก่อให้เกิดสีสันสวยงามที่มีอยู่เพียงไม่กี่แห่งในโลก
เป็นเมืองชาวประมงเล็กๆ ในไอซ์แลนด์ ที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของเขตเทศบาล Brei Bredalshreppur มีหลักฐานการตั้งถิ่นฐานครั้งแรกในปี 1880
ที่นี่เป็นพื้นที่ที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อประมาณ 2000 ปีก่อน โดยธารลาวาที่ออกได้เจอกับสภาพดินฟ้าอากาศ ทำให้เกิดดินและหินรูปทรงประหลาดต่างๆ โดยชาวพื้นเมืองไอซ์แลนด์แถบนี้เชื่อว่า ที่นี่เป็นประตูเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์และโลกใต้พิภพ
ที่นี่ตั้งอยู่ในไอซ์แลนด์ตะวันออกเฉียงเหนือทางด้านตะวันออกของทะเลสาบ Mývatn เป็นบ่อโคลนที่มีไอน้ำร้อนจัดอยู่เบื้องล่างพิภพ เมื่อไอน้ำระเหยขึ้นมาจะทำให้โคลนที่อยู่ด้านบนฟุ้งกระจายคล้ายการเกิดระเบิดภูเขาไฟเล็กๆ
ที่นี่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1750 บนทุ่งหญ้าเก่าแก่ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงงานศิลปะหัตถกรรมพื้นบ้าน และเรื่องราวประวัติศาสตร์ของประเทศไอซ์แลนด์
เป็นเมืองในเขตเทศบาลNorðurþing บนชายฝั่งทางเหนือของไอซ์แลนด์
สัมผัสประสบการณ์ล่องเรือชมปลาวาฬ ให้ท่านได้ชมวาฟตัวใหญ่ๆ อย่างใกล้ชิด
เป็นเมืองชายฝั่งที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของไอซ์แลนด์ทางตอนเหนือของคาบสมุทร Snæfellsnes เป็นเมืองที่มีความโดดเด่นทางด้านประวัติศาตร์และธรรมชาติเมืองหนึ่งของไอซ์แลนด์
เป็นภูเขาทางฝั่งตะวันตกของไอซ์แลนด์ (West Iceland) หนึ่งในสถานที่ถ่ายภาพทิวทัศน์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของไอซ์แลนด์ ในมุมมองยอดเขารูปกรวยคว่ำ มีน้ำตกและธารน้ำรายรอบ เป็นภาพสัญลักษณ์ของประเทศไอซ์แลนด์ก็ว่าได้ ภูเขาลูกนี้มีความสูงประมาณ 463 เมตร ไม่ว่าจะมาเที่ยวที่นี่ในช่วงไหนก็มีความงดงามตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในหน้าหนาวที่จะมองเห็นภูเขา Kirkjufell ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว
ซึ่งเป็นน้ำตกสาขาหนึ่งของน้ำตกใหญ่ที่ก่อกำเนิดจากแหล่งลำธาร และแม่น้ำสายต่างๆเป็นระยะทางกว่า 900 ม. ของทุ่งลาวาที่เกิดจากภูเขาไฟที่อยู่ภายใต้ธารน้ำแข็งแลงโจกุล Langjökull
เป็นเมืองหลวงของประเทศไอซ์แลนด์ และเป็นเมืองหลวงที่ตั้งอยู่ใกล้กับขั้วโลกเหนือมากที่สุด โดยตั้งอยู่ไม่ไกลจากเส้นอาร์กติกเซอร์เคิล มีทำเลที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ มีชาวนอร์ดิคเป็นผู้อพยพกลุ่มแรกที่มาตั้งรกรากที่เรคยาวิกในปี พ.ศ. 1413 เมื่อเรคยาวิกกลายเป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางทางการค้าและธุรกิจการประมง จึงได้มีการก่อตั้งให้เป็นเมืองหลวงในปี พ.ศ. 2329
เป็นเมืองหลวงของประเทศไอซ์แลนด์ และเป็นเมืองหลวงที่ตั้งอยู่ใกล้กับขั้วโลกเหนือมากที่สุด โดยตั้งอยู่ไม่ไกลจากเส้นอาร์กติกเซอร์เคิล มีทำเลที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ มีชาวนอร์ดิคเป็นผู้อพยพกลุ่มแรกที่มาตั้งรกรากที่เรคยาวิกในปี พ.ศ. 1413 เมื่อเรคยาวิกกลายเป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางทางการค้าและธุรกิจการประมง จึงได้มีการก่อตั้งให้เป็นเมืองหลวงในปี พ.ศ. 2329
เป็นหนึ่งในสถานที่ที่โดดเด่นที่สุดของเรคยาวิก ด้านบนมีหอคอยสูง 75 เมตรนำเสนอหนึ่งในทิวทัศน์ที่ดีที่สุดของพื้นที่เรคยาวิก โบสถ์แห่งนี้ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิก Gudjon Samuelsson ในปี 1937 และเริ่มการก่อสร้างในปี 1945แล้วเสร็จอย่างเป็นทางการในปี 1986 รวมเวลาก่อสร้างใช้เวลาประมาณ 40 ปี
เป็นบ้านหลังหนึ่งที่มีความโดดเด่นในเรคยาวิก รู้จักกันเป็นอย่างดีในฐานะสถานที่สำหรับการประชุมเรคยาวิกซัมมิด ของประธานาธิบดีโรนัล เรย์แกนด์ แห่งสหรัฐอเมริกาและมิคาอิล กอร์บาชอฟ ห่งสหภาพโซเวียต นั่นเป็นหนึ่งในก้าวไปสู่จุดจบของสงครามเย็น ภายในอาคารธงของสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตถูกแขวนข้ามเพื่อเป็นการระลึกถึงการประชุม บ้านสร้างขึ้นในปี 1909 ซึ่งแต่เดิมเป็นที่พักสำหรับกงสุลฝรั่งเศส
น้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศไอซ์แลนด์ เป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุดของไอซ์แลนด์ บ่อน้ำพุร้อนที่เต็มไปด้วยแร่ธาตุซึ่งมีชื่อเสียงในการรักษาโรค มีอุณหภูมิของน้ำเฉลี่ยอยู่ที่ 40 องศาเซลเซียส
เป็นตึกหลังคาทรงกลมสไตล์โมเดิร์นที่มีภัตตาคารอยู่ภายใน ซึ่งข้างในตึกจะสามารถชมวิวเมืองเรคยาวิกได้รอบด้าน 360 องศา
เป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไอซ์แลนด์ และเป็นศูนย์กลางการบินระหว่างประเทศที่สำคัญ ตั้งอยู่ห่างไปทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองเรคยาวิกประมาณ 50 กิโลเมตร
เป็นท่าอากาศยานหลักประจำเมืองเฮลซิงกิ ตั้งอยู่ในเขตวานตา ห่างจากเมืองเฮลซิงกิขึ้นไปทางเหนือประมาณ 20 กิโลเมตร ที่นี่เป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศฟินแลนด์และเป็นอันดับที่สี่ในประเทศแถบนอร์ดิกในแง่ของจำนวนผู้โดยสาร
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย