เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
มีอีกชื่อว่าท่าอากาศยานฮาหมัด เป็นท่าอากาศยานแห่งเดียวในประเทศกาตาร์ ตั้งอยู่ที่กรุงโดฮา และยังเป็นท่าอากาศยานหลักของกาตาร์แอร์เวย์ ที่นี่เป็นหนึ่ในท่าอากาศยานสำคัญที่เชื่อมต่อเครือข่ายการบินกับภูมิภาคต่างๆ ของโลก
ท่าอากาศยานนี้ตั้งอยู่ที่เมืองเทสเซรา ในแคว้นเวเนโต ประเทศอิตาลี ใกล้กับเมืองเวนิส ตั้งชื่อตามนักเดินทางชาวเวเนเชียน ชื่อมาร์โค โปโล
เป็นเมืองที่รู้จักกันในเรื่องของวานิลลาและครีม หรือที่เรียกกันว่า kremna rezina หรือ kremšnita อีกทั้งยังเป็นเมืองที่มีทัศนียภาพอันแสนโรแมนติก จนได้รับการยอมรับจากนักท่องเที่ยวว่าเป็นเมืองที่สวยงามมากแห่งหนึ่งของสโลวีเนียก็ว่าได้
ล่องเรือชมความงามของทะเลสาบเบลด ซึ่งเป็นทะเลสาบที่มีเกาะอยู่ใจกลาง ห้อมล้อมด้วยป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ทะเลสาบนี้เกิดขึ้นมาจากการขยับเขยื้อนของธรรมชาติกลายเป็นแอ่งและก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ละลายมา
แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเมืองเบลด และยังเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดในสโลวีเนีย โดยปราสาทแห่งนี้ถือว่า เป็นปราสาทที่เก่าแก่ที่สุดในสโลเวเนีย
เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศสโลวีเนียร์ มีพื้นที่ 168.8 ตร.กม. พลเมืองเมื่อปี 2014 อยู่ที่ 277,554 คนจุดท่องเที่ยวในเมืองนี้ได้แก่ ปราสาทลุบเบลียน่า Ljubljana Castle, สะพานมังกร Dragon Bridge, จัตุรัสกลางเมืองเพรเซเรน Preseren Square ที่เราจะแวะเยี่ยมชมนอกจากนี้ยังมี จัตุรัสสามสะพาน Triple Bridges Square มหาวิหารลุบเบลียน่า Ljubljana Cathedral และ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ National Museum
ปราสาทยุคกลางที่ตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือใจกลางเมืองลูบลิยานา โดยปราสาทถูกสร้างขึ้นเพื่อปกป้องอาณาจักรจากการรุกรานของชาวเติร์กและกบฏ ปัจจุบันปราสาทลูบลิยานาได้กลายเป็น สถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสำคัญทางด้านวัฒนธรรม และยังกลายเป็นหอชมเมือง ซึ่งคุณจะได้สัมผัสวิวทิวทัศน์อันงดงามงดงามของเมืองได้เกือบทั้งหมดเลยทีเดียว
เป็นจัตุรัสที่มีความสำคัญเช่นเดียว กับจัตุรัสบันไดสเปนในกรุงโรม เพราะใจกลางจัตุรัสเป็นรูปหล่อของ ฟรานซ์ เพรเซเรน กวีที่มีชื่อเสียงของสโลวาเนีย
สะพานมังกร (Dragon Bridge) ซึ่งสร้างในปี 1901 เป็นสะพานแห่งแรก ๆ ที่ สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กขนาดใหญ่ของยุโรป ที่หัวสะพานทั้งสองฝั่งมีรูปมังกรในแบบอาร์ตนูโวอยู่ฝั่งละ 2 ตัว รวมเป็น 4 ตัว เป็นเรื่องความผูกพันของชาวสโลเวเนียที่เชื่อกันว่าเจสันได้ขโมยขนแกะทองคำมา และได้เดินทางผ่านมายังลูบลีอานาและได้ปะทะกับมังกรแห่งลูบลีอานา ดังนั้น มังกรจึงกลายเป็นสัญลักษณ์อีกชิ้นที่ประดับอยู่บนตราประจำเมือง
เมืองอยู่ในบริเวณระหว่างเนินทางใต้ของภูเขาเมดเวดนีตซา กับฝั่งเหนือของแม่น้ำซาวา ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของที่ราบแพนโนเนีย ซึ่งเชื่อมโยงไปยังบริเวณเทือกเขาแอลป์ เทือกเขาไดนาริกแอลป์ ทะเลเอเดรียติก และภูมิภาคแพนโนเนีย ทำให้สามารถติดต่อและคมนาคมขนส่งกับภูมิภาคยุโรปกลางกับทะเลเอเดรียติกได้อย่างดี นอกจากนี้ซาเกรบยังเป็นศูนย์กลางการปกครอง การบริหาร และเป็นที่ตั้งของกระทรวง หน่วยงานราชการต่าง ๆ ของประเทศอีกด้วย
เมืองอยู่ในบริเวณระหว่างเนินทางใต้ของภูเขาเมดเวดนีตซา กับฝั่งเหนือของแม่น้ำซาวา ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของที่ราบแพนโนเนีย ซึ่งเชื่อมโยงไปยังบริเวณเทือกเขาแอลป์ เทือกเขาไดนาริกแอลป์ ทะเลเอเดรียติก และภูมิภาคแพนโนเนีย ทำให้สามารถติดต่อและคมนาคมขนส่งกับภูมิภาคยุโรปกลางกับทะเลเอเดรียติกได้อย่างดี นอกจากนี้ซาเกรบยังเป็นศูนย์กลางการปกครอง การบริหาร และเป็นที่ตั้งของกระทรวง หน่วยงานราชการต่าง ๆ ของประเทศอีกด้วย
มหาวิหารเซนต์สตีเฟนแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ย่านใจกลางของจัตุรัสสเตฟาน เป็นมหาวิหารที่สร้างในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 12 เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของสถาปัตยกรรมทางศาสนาแบบโกธิคในยุโรปและมีความสวยโดดเด่นสะดุดตา หอคอยทางทิศใต้มีความสูง 136 เมตรและเปิดให้ผู้เข้าชมสามารถเดินขึ้นไปเที่ยวชมความสวยงามของวิวด้านบนโดยไต่บันไดขึ้นไป 343 ขั้น
เป็นโบสถ์เซนต์มาร์กประจำเมืองซาเกรบ จุดเด่นคือมีหลังคากระเบื้องปูเป็นลวดลายรูปตราของกองทหารแห่งยุคกลาง ที่นี่ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของซาเกรบ
นับว่าเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์มาก จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO เมื่อปี 1979 อุทยานแห่งนี้มีเนื้อที่กว่า 29,482 เฮคเตอร์ พื้นที่ส่วนใหญ่ปกคลุมด้วยน้ำมีทะเลสาบสีเขียวมรกตและสีฟ้า รวมกันถึง 16 ทะเลสาบ เชื่อมต่อกันด้วยทางเดินสะพานไม้ลัดเลาะระหว่างทะเลสาบและเนินเขา
ล่องเรือทะเลสาบ JEZERO KOZJAK ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในอุทยานแห่งชาติพลิทวิทเซ่แห่งนี้
โบสถ์เซนต์ โดแนท ซึ่งเป็นโบสถ์สำคัญประจำเมืองอีกแห่งหนี่ง ชมโรมันฟอรัมหรือย่านชุมชนของโรมันเมื่อสองพันปีก่อนที่นักโบราณคดีได้ใช้ความอุตสาหะในการขุดค้นพบหลักฐานสำคัญต่างๆ ทั้งที่อยู่อาศัยชาวโรมัน
เมืองซิบีนิกอยู่บริเวณปากแม่น้ำติดทะเล เป็นเมืองท่า แต่คลื่นลมไม่แรงเพราะอ่าวเว้าเข้ามาในแผ่นดิน และหน้าอ่าวยังมีเกาะชื่อ Zlarin คอยบังอยู่ปากอ่าว ทะเลอาเดรียติกมีเกาะริมชายฝั่งเยอะมาก ทั้งเกาะเล็กเกาะใหญ่นับร้อย ถือเป็นเอกลักษณ์ของภูมิภาคแถบนี้
เป็นเมืองท่องเที่ยวริมทะเลของประเทศโครเอเชีย เป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากเมืองซาเกรบ ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคดัลเมเชีย อันเป็นต้นกำเนิดของสุนัขพันธุ์ดัลมาเชี่ยนที่โด่งดัง และถือว่าเป็นเมืองที่ค่อนข้างมีความเก่าแก่มาก อีกทั้งยังเป็นเมืองท่าที่สำคัญทางการค้าและการท่องเที่ยวของโครเอเชีย และที่สำคัญเมืองประวัติศาสตร์แห่งนี้ยังมีชื่อเสียงเกี่ยวกับสุนัขพันธุ์ดัลเมเชียน
พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นจากพระประสงค์ของจักรพรรดิ์ดิโอคลีเธี่ยนแห่งโรมัน ซึ่งต้องการสร้างพระราชวังสำหรับบั้นปลายชีวิตของพระองค์ ภายในพระราชวังประกอบด้วย วิหารจูปิเตอร์ สุสานใต้ดินที่มีชื่อเสียงและวิหารต่างๆ ซึ่งอยู่ภายในวิหาร องค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้ประกาศให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1979
เป็นเมืองทางตอนใต้ของบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาซึ่งมีแม่น้ำคร่อมอยู่
บรากายจ์เป็นเมืองที่เติบโตอย่างรวดเร็ว สืบเนื่องจากนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองโมสตาร์ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักมาพักอาศัย แทนที่จะพักค้างแรมอยู่ในโมสตาร์ที่แอดดัดไปด้วยนักท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคงจะหนีไม่พ้นอารามซึ่งตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำบูน่า (Buna River) ที่มีน้ำใสสะอาดมากและมีน้ำตกที่กระเซ็นเมืองตกกระทบเบื้องล่างเกิดเป็นละอองน้ำฟุ้งกระจายทั่วบริเวณ
เป็นน้ำตกที่ตั้งอยู่ในเมืองบลากายจ์ ซึ่งตัวน้ำตกจะไหลออกมาจากถ้ำใต้ภูเขาซึ่งไหลผ่านชั้นตินชั้นหินต่างๆ กลายเป็นสายน้ำที่ใสสะอาดผ่านโขดหินเป็นชั้นๆ ที่มีความสวยงามมากๆ
เป็นเมืองจำพวกเมืองสวย เมืองเก่าที่เห็นตรงหน้า จึงเป็นผลจากการบูรณะขึ้นใหม่ แต่ก็ยังได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองมรดกโลก จาก องค์การยูเนสโก เพราะเป็นเมืองเก่าดั้งเดิม ที่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 7ตลอดแนวกำแพง 2 กิโลเมตร ที่โอบเมืองเก่าเอาไว้ จึงเป็นระยะการเดินที่น่าสนใจไปทุกรายละเอียด เพราะนอกจากจะได้ศึกษาประวัติศาสตร์ของเมืองแล้ว ยังได้สัมผัสวิวทิวทัศน์ของเมืองเก่า และของกินทะเลอะเดรียติคอย่างเต็มอิ่ม
เป็นเมืองจำพวกเมืองสวย เมืองเก่าที่เห็นตรงหน้า จึงเป็นผลจากการบูรณะขึ้นใหม่ แต่ก็ยังได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองมรดกโลก จาก องค์การยูเนสโก เพราะเป็นเมืองเก่าดั้งเดิม ที่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 7ตลอดแนวกำแพง 2 กิโลเมตร ที่โอบเมืองเก่าเอาไว้ จึงเป็นระยะการเดินที่น่าสนใจไปทุกรายละเอียด เพราะนอกจากจะได้ศึกษาประวัติศาสตร์ของเมืองแล้ว ยังได้สัมผัสวิวทิวทัศน์ของเมืองเก่า และของกินทะเลอะเดรียติคอย่างเต็มอิ่ม
เป็นกระเช้าไฟฟ้าที่ระดับความสูง 400 เมตร เพื่อชมวิวทิวทัศน์ที่คงความเป็นเอกลักษณ์ของบ้านเมืองหลังคาสีส้ม และความงดงามทะเลอะเดรียติค เพื่อชมวิวทิวทัศน์ที่คงความเป็นเอกลักษณ์ของบ้านเมืองหลังคาสีและความงดงามทะเลอาเดรียติก ยามสีน้ำเงินของทะเลอาเดรียติกตัดกับสีส้มแสดของกระเบื้องหลังคาเมืองเก่า สวยงามเกินจินตนาการมากว่าคำบรรยายใดๆ
เมืองบุดวาทอดตัวอยู่ริมทะเลอะเดรียติค เป็นเมืองโบราณของมอนเตเนโก ภายใต้กำแพงของเมืองเก่าที่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 จึงเต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนอันเก่าแก่ แม้จะเคยถูกภัยธรรมชาติเล่นงาน แผ่นดินไหวจนบ้านเรือนพังพินาศ แต่ก็ถูกบูรณะขึ้นใหม่จนสวยงาม ถ้าเดินเตร็ดเตร่ไปบนกำแพงเมืองเก่าที่ทำโอบเมืองเอาไว้ ก็จะเห็นโบสถ์อันเก่าแก่และงดงาม ทั้งยังมีอนุสาวรีย์ พิพิธภัณฑ์ รวมไปถึงคาเฟ่และร้านอาหารน่ารักเต็มเมืองเก่าไปหมด
เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บริเวณทางเหนือของประเทศแอลบาเนีย เป็นศูนย์กลางดั้งเดิมของภูมิภาควัฒนธรรม Gheg และเป็นหนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป เมืองนี้ยังเป็นที่รู้จักกันในประเทศแอลเบเนีย ในชื่อ 'เมืองแห่งจักรยานและฝน'
เป็นอดีตเมืองศูนย์กลางแห่งประวัติศาสตร์ของอาณาจักรเซอร์เบีย เป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์ของโคโซโวซึ่งอยู่ติดกับมาซิโดเนียและแอลเบเนีย ตัวเมืองตั้งอยู่บนส่วนลาดชันของภูเขาซาร์นา
เป็นสุเหร่าแบบออตโตมันในเมืองพริซเรนในโคโซโว มันถูกสร้างขึ้นในปี 1615 โดยโซฟี สินาน มหาอำมาตย์เบย์แห่ง Budim มัสยิดแห่งนี้ตั้งโดดเด่นอยู่บริเวณถนนสายหลักของเมือง ตัวมัสยิดมีหนึ่งโดมขนาดใหญ่และอีกครึ่งโดมขนาดเล็กที่ครอบคลุม mihrab ผนังและโดมภายใน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลวดลายดอกไม้และอัลกุรอาน ที่นี่ได้รับการประกาศให้เป็นอนุสาวรีย์แห่งวัฒนธรรมที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในปี 1990 โดยสาธารณรัฐเซอร์เบีย
เป็นโบสถ์ที่ได้รับการยกย่องจากองค์กรยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี 2006 สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 13 โดยกษัตริย์ชาวเซอร์เบีย สเตฟาน มิลูทิน เป็นโบสถ์แบบเซอร์เบียออโธดอกซ์และหลังจากการเข้ามายึดครองอาณาจักรแห่งนี้โดยชาวออตโตมันในสมัยศตวรรษที่ 14 ได้เปลี่ยนโบสถ์แห่งนี้เป็นมัสยิด และในต้นศตวรรษที่ 20 ก็ได้เปลี่ยนกลับมาเป็นโบสถ์อีกคร้ัง
เป็นอารามคริสเตียนออร์โธดอกซ์ยุคกลางของเซอร์เบีย ตั้งอยู่ใกล้กับจัตุรัสเดคานในโคโซโว ก่อตั้งขึ้นในครึ่งแรกของศตวรรษที่ 14 โดยกษัตริย์เซอร์เบียชื่อ Stefan Dečanski ผนังทำด้วยหินอ่อนขาวและชมพูสลับกัน หน้าต่างได้รับการตกแต่งอย่างหรูหรา องค์พระคริสต์ถูกล้อมรอบไปด้วยเทวดา ในส่วนตะวันตกของโบสถ์ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงาม อารามดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลกที่มีชื่อว่า "อนุสาวรีย์ยุคกลางในโคโซโว"
เป็นเมืองหลวงของโคโซโว ประเทศอิสระในดินแดนอดีตยูโกสลาเวีย เต็มไปด้วยกลิ่นอายของวัฒนธรรมและบรรยากาศอันสุดคลาสสิกของคอมมิวนิสต์ในยุคสหภาพโซเวียต
เป็นจัตุรัสที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองพริซตินา เมืองหลวงของโคโซโว ที่นี่ถูกสร้างขึ้นในปี 2001 หลังจากสิ้นสุดความขัดแย้งในสงครามโคโซโวในปี 1999 บริเวณกลางจัตุรัสมีรูปปั้นของสกันเดอร์สพรานเดอริน่าบนหลังม้าผยองที่มีศิลปะในลักษณะแบบสังคมนิยม
เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศมาซิโดเนีย เป็นศูนย์กลางทางการเมือง ทางวัฒนธรรม และทางเศรษฐกิจของประเทศ เคยเป็นเมืองหลวงของเซอร์เบีย และบัลแกเรียในอดีต หลังจากประเทศมาซิโดเนียได้แยกตัวออกมาจากกลุ่มยูโกสลาเวียแล้ว รัฐบาลมาซีโดเนียได้พัฒนาบ้านเมืองอย่างเต็มที่ ทำให้เมืองหลวงสโกเปียกลับมามีชีวิตชีวาสวยงามไม่แพ้มหานครอื่นๆ ของยุโรป
เป็นจัตุรัสหลักที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองสโกเปียตรงบริเวณแม่น้ำ Vardar ที่นี่ถือเป็นจัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคมาซีโดเนียเหนือ ซึ่งกลางจัตุรัสมีอนุสาวรีย์อเล็กซานเดอร์มหาราช (Alexander The Great) ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงการที่ประเทศได้รับเอกราชมา 20 ปี
เป็นประตูชัยที่ตั้งอยู่บน Pella Square ในเมืองสโกเปียร์ของภูมิภาคมาซิโดเนียตอนเหนือ เริ่มก่อสร้างในปี 2011 ซุ้มประตูมีความสูง 21 เมตร สร้างด้วยหินอ่อนเป็นส่วนใหญ่ ตรงกำแพงประตูมีภาพวาดที่แสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของมาซิโดเนีย ถูกสร้างเพื่อระลึกถึงอิสรภาพของมาซิโดเนียที่ครบรอบ 20 ปีในช่วงนั้น
เป็นสะพานหินอันเก่าแก่ของเมืองสโกเปียที่สร้างตัดผ่านแม่น้ำวาร์ตาร์ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างสองฝั่งเมืองไว้ ว่ากันว่าที่นี่สร้างขึ้นครั้งแรกประมาณช่วงศตวรรษที่ 6 โดยจักรพรรดิจัสติเนียนแห่งจักรวรรดิไบเซนไทน์
เป็นท่าอากาศยานประจำเมืองสโกเปีย และเป็นท่าอากาศยานหลักของภูมิภาคมาซิโดเนียตอนเหนือ ตั้งอยู่ห่างไปจากเมืองสโกเปียไปทางตะวันออกประมาณ 25 กิโลเมตร ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในปี 1928 ในฐานะเป็นท่าอากาศยานพาณิชย์แห่งแรกในยูโกสลาเวีย หลังการล่มสลายของยูโกสลาเวียในปี 1990 ท่าอากาศยานนี้จึงตกเป็นของมาซิโดเนียไป
มีอีกชื่อว่าท่าอากาศยานฮาหมัด เป็นท่าอากาศยานแห่งเดียวในประเทศกาตาร์ ตั้งอยู่ที่กรุงโดฮา และยังเป็นท่าอากาศยานหลักของกาตาร์แอร์เวย์ ที่นี่เป็นหนึ่ในท่าอากาศยานสำคัญที่เชื่อมต่อเครือข่ายการบินกับภูมิภาคต่างๆ ของโลก
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย