เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
ท่าอากาศยานนานาชาติแฟรงก์เฟิร์ต ตั้งอยู่ที่แฟรงก์เฟิร์ต เยอรมนี เป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดของเยอรมนี และใหญ่เป็นอันดับ 3 ของยุโรป
เป็นเมืองระดับเทศบาลใน Rhineland-Palatinate ของประเทศเยอรมัน ตั้งอยู่บนฝั่งขวาของแม่น้ำไรน์เป็นเมืองที่มีสถาปัตยกรรมยุคกลางที่หลากหลายรวมถึงบางส่วนของกำแพงเมือง อาคารไม้ และปราสาทมาร์คเบิร์กที่ตั้งเด่นอยู่บนเนินเขาด้านบน
เป็นปราสาทที่ตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือเมืองเบราบัคของประเทศเยอรมัน ถูกออกแบบให้เป็นเสมือนป้อมปราการและหอคอยสังเกตการณ์มากกว่าที่จะเป็นที่พำนึกจุดหนึ่งของกษัตริย์และราชวงศ์ ปราสาทนี้มีหลักฐานการถูกสร้างในปี 1117 ซึ่งปราสาทแห่งนี้ถูกใช้ทั้งเป็นค่ายทหาร ฐานผลิตสรรพาวุธ และที่คุมขังนักโทษตลอดช่วงประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ปราสาทหลังนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 2002
เป็นเมืองริมแม่น้ำไรน์ที่ถือเป็นท่าเรือจุดขึ้นลงสำคัญที่หนึ่ง และเป็นเมืองริมแม่น้ำที่มีมนต์เสน่ห์อันงดงามไม่แพ้เมืองอื่นๆ
ล่องเรือแม่น้ำไรน์ ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ยาวและสำคัญที่สุดในทวีปยุโรป มีความยาวทั้งสิ้น 1,230 กิโลเมตร มีต้นน้ำจากเทือกเขาแอลป์ ไหลผ่านประเทศอิตาลี, สวิตเซอร์แลนด์, ลิกเตนสไตน์, ออสเตรีย, เยอรมนี, ฝรั่งเศส, ลักเซมเบิร์ก, เบลเยี่ยม, และเนเธอร์แลนด์ ไปออกที่ทะเลเหนือ
เมืองริมแม่น้ำไรน์ มีความยาวอันดับสามของทวีปยุโรป ยังคงรักษาความเป็นเอกลักษณ์ ทั้งทางด้านประวัติศาสตร์และทางด้านจิตใจของชาวเยอรมัน และเป็นเมืองสำคัญสำหรับจัดงานเทศกาลการจุดพลุประจำปีริมฝั่งแม่น้ำสามารถลงเรืองทัศนาจร ล่องชมความงดงามของแม่น้ำไรน์ โดยเส้นทาง เซ็นต์กอร์ - บ๊อบพาร์ด จะเป็นช่วงที่งดงามที่สุด เพราะเป็นช่วงที่แม่น้ำแคบและคดเคี้ยวไปมาในหุบเขา ที่มีสถาปัตย์ที่งดงามและไร่องุ่น เรือลำนี้จะพาทุกท่านนั่งชมความงามของแม่น้ำไรน์ ที่เป็นแม่น้ำที่ยาวและสำคัญที่สุดในทวีปยุโรป
เมือง ค็อกเค่ม “Cochem”เมืองเล็กๆ ตั้งอยู่ในหุบเขาในมลรัฐไรน์แลนด์ ฟาลซ์ (Rheinland Pfalz) ริมฝั่งแม่น้ำ Mosel (โมเซล) ที่มีต้นกำเนิดในประเทศฝรั่งเศส ไหลผ่านเมืองน้อยใหญ่ในประเทศลักเซมเบิร์ก และมาบรรจบกับแม่น้ำไรน์ ในเมืองโคเบลนซ์ประเทศเยอรมนี
คืออีกหนึ่งจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งของประเทศเยอรมนี โดยเมืองทริเออร์นั้นถือว่า เป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศเยอรมนี โดยเมืองถูกก่อตั้งขึ้น 16 ปีก่อนคริสตกาล โดยตัวเมืองทริเออร์นั้นตั้งอยู่ในหุบเขาเตี้ยๆที่ปกคลุมไปด้วยไร่องุ่นบนฝั่งแม่น้ำโมเซลเลอ (Moselle River)ในเขตรัฐไรน์ลันด์-พฟัลซ์ (Rheinland-Pfalz) หรือ ไรน์แลนด์-พาลาทิเนต (Rhineland-Palatinate) เป็นหนึ่งใน 16 รัฐ (Bundeslander) ของประเทศเยอรมนี
คืออีกหนึ่งจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งของประเทศเยอรมนี โดยเมืองทริเออร์นั้นถือว่า เป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศเยอรมนี โดยเมืองถูกก่อตั้งขึ้น 16 ปีก่อนคริสตกาล โดยตัวเมืองทริเออร์นั้นตั้งอยู่ในหุบเขาเตี้ยๆที่ปกคลุมไปด้วยไร่องุ่นบนฝั่งแม่น้ำโมเซลเลอ (Moselle River)ในเขตรัฐไรน์ลันด์-พฟัลซ์ (Rheinland-Pfalz) หรือ ไรน์แลนด์-พาลาทิเนต (Rhineland-Palatinate) เป็นหนึ่งใน 16 รัฐ (Bundeslander) ของประเทศเยอรมนี
เป็นหนึ่งในมหาวิหารที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศเยอรมนี มหาวิหารทริเออร์ เป็นมหาวิหารที่มีชื่อเสียงมาก เนื่องจากเป็นมหาวิหารของนิกายโรมันคาทอลิกที่เก่าแก่ ซึ่งสามารถย้อนกลับไปได้ในสมัยโรมัน ปัจจุบันมหาวิหารทริ เออร์ได้รับการยอมรับว่าเป็นมหาวิหารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองทริเออร์
เป็นจัตุรัสที่เป็นศูนย์กลางของเมืองเทียร์มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 10 ในฐานะที่เป็นศูนย์กลางการค้าในยุคกลาง ทุกวันนี้ยังคงเป็นจุดสนใจหลักของเมืองด้วยอาคารที่สวยงาม ทั้งยังมีร้านค้า และร้านกาแฟมากมาย ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1986
เป็นประตูเมืองโรมันขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเมืองเทรียร์ ปัจจุบันเป็นประตูเมืองโรมันที่ใหญ่ที่สุดทางเหนือของเทือกเขาแอลป์ สร้างจากหินทรายสีเทา ประตูนี้มีต้นกำเนิดในยุคกลางเนื่องจากหินมีที่สีคล้ำจากกาลเวลาที่ผ่านไปนาน ประตูเมืองนี้ถือเป็นแลนมาร์คสำคัญอย่างหนึ่งของเมืองเทรียร์ ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกเมื่อปี 1986
เป็นเมืองหลวงของราชรัฐลักเซมเบิร์ก ตั้งอยู่ใจกลางของยุโรปตะวันตก ตั้งอยู่ห่างจากกรุงบรัสเซลส์ 188 กม., กรุงปารีส 289 กม., และโคโลญ 190 กม
เป็นเมืองระดับเทศบาลที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำมิวส์ ณ จุดที่แม่น้ำตัดลึกเข้าไปในที่ราบสูง Condroz ในจังหวัดนามูร์ของประเทศเบลเยียม ชื่อของเมืองมาจาก Celtic Divo-Nanto ซึ่งหมายถึง "Sacred Valley" หรือ "Divine Valley" (หุบผาแห่งทวยเทพ) เป็นเมืองที่มีพื้นที่อันอุดมสมบูรณ์จากธรรมชาติบนที่ราบสูง และเป็นเมืองตากอากาศที่ยอดเยี่ยมอีกเมืองหนึ่งของประเทศเบลเยี่ยม
เป็นป้อมปราการที่ตั้งอยู่บนเนินเขาที่สูงขึ้นไปของเมืองดินองท์ ถูกสร้างขึ้นมาในปี 1815 ปัจจุบันป้อมนี้ปัจจุบันได้ถูกดัดแปลงให้เป็นพิพิธภัณฑ์อาวุธและประวัติศาสตร์ประจำเมือง นอกจากนี้ป้อมปราการดังกล่างยังเป็นจุดชมวิวมุงสูงที่ถือได้ว่าเป็นภาพวิวความสวยงามที่สุดของเมือง การจะเข้าถึงที่นี่นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นไปด้วยบันไดทั้งหมด 408 ขั้น หรือใช้บริการรถเคเบิลคาร์ของเมืองขึ้นไปก็ได้
เป็นเมืองหลวงของประเทศเบลเยียม เมืองหลวงอย่างไม่เป็นทางการของสหภาพยุโรป เมืองหลวงของกรุงเบลเยี่ยมแห่งนี้ถือได้ว่ามีความสมบูรณ์แบบเหมาะแก่การเป็นสถานที่พักผ่อนในช่วงวันหยุดสำหรับนักเดินทางที่ปรารถนาจะได้สัมผัสกับอารยธรรมตะวันตกที่มีความเป็นสากล
เป็นสิ่งก่อสร้างที่ตั้งอยู่กรุงบรัสเซลส์ เมืองหลวงของประเทศ ถือกันว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อีกอย่างหนึ่ง สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1958 ในงาน World Expo โครงสร้างเป็นเหล็ก มีความสูง 102 เมตร มีน้ำหนักประมาณ 2,400 ตัน ในแต่ละอะตอมทำเป็นทรงกลม มีเส้นผ่านศูนย์กลางยาว 18 เมตร ห่อหุ้มด้วยอลูมิเนียม ที่สะท้อนแสงแดดเป็นประกาย เมื่อยามต้องกับแสงอาทิตย์ ทรงกลมแต่ละทรงกลมจัดแบ่งเป็นสองชั้น
เป็นน้ำพุขนาดเล็กหล่อด้วยทองแดงเป็นรูปเด็กชายยืนเปลือยกายกำลังปัสสาวะใส่อ่าง มีความสูงประมาณ 61 ซ.ม. ตั้งอยู่บริเวณใจกลางกรุงบรัสเซลส์
เป็นจตุรัสที่สวยงามที่สุดในยุโรป เป็นกลุ่มอาคารที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมทั้งบาโร้ค โกธิค นีโอ-โกธิค และเป็นสถานที่ซึ่งยูเนสโก้ ยกย่องให้เป็นมรดกโลกตั้งแต่ปี ค.ศ.1983
เป็นเมืองอันเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของเบลเยี่ยม ใกล้ๆ กับชายแดนทางประเทศฝรั่งเศส ห่างจากกรุงบรัสเซลส์ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 85 กิโลเมตร เป็นเมืองโบราณที่มีอายุมากกว่า 2,000 ปี นับว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในเบลเยียมและมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์วัฒนธรรมของประเทศ
เป็นมหาวิหารคริสต์แบบโรมันคาทอลิกในใจกลางเมืองตูแนร์ มีสถาปัตยกรรมแบบกอธิคยุคต้น ถูกสร้างขึ้นในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 12 มีความโดดเด่นเป็นพิเศษด้วยโบสถ์แบบโรมันในมิติที่มีความสวยงามแบบไม่ธรรมดา ได้รับการจัดให้เป็นทั้งมรดกตกทอดที่สำคัญของ Wallonia ตั้งแต่ปี 1936 และได้เป็นสถานที่มรดกโลกจากยูเนสโก้ในปี 2000
เป็นอาคารหอระฆังที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองตูไน มีต้นกำเนิดในยุคกลางช่วงราวปี 1188 ทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของหอสังเกตการณ์เพื่อเป็นสัญญาณต่างๆ และเป็นหอสังเกตการณ์ (ทั้งยังคุยเป็นคุกในช่วงหนึ่ง) มีความสูงอยู่ที่ 72 เมตร และมีบันไดขึ้นไปทั้งหมด 256 ขั้น อาคารที่โดดเด่นแห่งนี้เป็นหนึ่งในหอระฆังแห่งเบลเยียมที่ได้รับจดทะเบียนในรายการมรดกโลกของยูเนสโก
เป็นสะพานเก่าแก่สไตล์โกธิคในเมืองตูแนร์ ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในศตวรรษที่ 13 มันถูกสร้างขึ้นใหม่บางส่วนในศตวรรษที่ยี่สิบหลังจากถูกทำลายบางส่วนในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่มีซุ้มประตูกลางสูงกว่าและกว้างกว่าเดิมเพื่อให้เรือบรรทุก ขณะนี้มีการวางแผนรื้อสะพานโค้งเพื่อให้เรือแม่น้ำขนาดใหญ่ข้ามเมืองได้ ที่นี่ถือว่าเป็นหนึ่งในอนุสรณ์สถานที่เป็ยสัญลักษณ์ประจำเมืองตูไน
เมืองบรูจจ์ เป็นเมืองริมชายฝั่งทะเลที่โด่งดังเมืองหนึ่งของประเทศเบลเยียม เมืองนี้ถูกล้อมรอบด้วยคูเมืองถึงสองชั้น ซึ่งน่าจะเป็นการป้องกันข้าศึกศัตรูในสมัยก่อนวิธีหนึ่ง ในปัจจุบัน บ้านเรือน อาคาร และโบสถ์ ยังคงรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบเดิม คือเฟลมมิชและเรเนซอง ที่ดูวิจิตรสวยงามดุจดั่งมนต์ขลัง
เป็นตึกศาลาว่าการของเมืองบรูจจ์ที่มีสถาปัตยกรรมแบบเฟลมมิชผสมแบบเรเนซองค์ ตั้งอยู่บริเวณจัตุรัสของเมือง ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1421 อาคารได้รับการตกแต่งอย่างหรูหราด้วยหน้าต่างแบบโกธิค มีหอคอยรูปปั้น นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่ชั้นล่างซึ่งมีหน้าต่างยาวที่มีละเอียดซับซ้อน
ตลาด Grote Markt นี้ได้กลายมาเป็นศูนย์กลางของชีวิตคนเมืองบรูจส์ ที่นี่เต็มไปด้วยพ่อค้าแม่ขายและผู้จับจ่ายสินค้า ปัจจุบันตลาด Grote Markt ยังถือเป็นฮับด้านการท่องเที่ยวด้วย ลองใช้เวลาเดินให้ทั่วเพื่อสัมผัสประสบการณ์ของร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านขายของที่ระลึกของที่นี่ และยังมีทัวร์ชมอาคารต่างๆ และสถาปัตยกรรมอันงดงามของส่วนหนึ่งของเมืองบรูจส์
ล่องเรือชมมืองบรูจจ์ เมืองที่ถูกล้อมรอบด้วยคูเมืองที่เสมือนเป็นปราการธรรมชาติป้องกันข้าศึก ตลอดริมฝั่งน้ำจะเต็มไปด้วยบ้านเรือน อาคาร และโบสถ์ ที่ยังคงรูปแบบสถาปัตยกรรมดั้งเดิมอันสุดงดงาม
คินเดอร์ไดค์ (Kinderdijk) หมู่บ้านกังหันลมที่ขึ้นชื่ออีกแห่งหนึ่งของประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของฮอลแลนด์ เป็นกลุ่มกังหันเก่าแก่ 19 ตัว เรียงรายเลียบคลอง ที่นี่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก ในปี 1997
เป็นเมืองระดับเทศบาลในจังหวัดเซาท์ฮอลแลนด์ของประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่เมืองร็อตเตอร์ดัม และกรุงเฮก เป็นเมืองที่มีลักษณะทางธรรมชาติที่เสมือนเป็น "เมืองสีเขียว" ด้วยสวนสาธารณะสีเขียวหลายๆ แห่ง กับบ้านเรือนสไตล์ดัตช์ดั้งเดิมที่กระจายอยู่เต็มพื้นที่เมือง เมืองนี้ยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเดลฟ์ ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นศูนย์กลางของการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศเนเธอร์แลนด์
เป็นจัตุรัสขนาดใหญ่ใจกลางเมืองเดลฟ์ที่ถือเป็นท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของเมือง โดยพื้นที่รอบๆ พื้นที่จัตุรัสนั้นประกอบไปด้วยแผงขายสินค้าหลายแห่ง แผงขายดอกไม้ที่มีสีสันต่างๆ ร้านขายชีส ร้านขายของฝาก และอื่นๆ
เมืองอูเทรคท์ (Utrecht) เมืองใหญ่อันดับ 4 ของเนเธอร์แลนด์ ตั้งอยู่ใจกลางประเทศ จึงเป็นศูนย์กลางการคมนาคมทางรถไฟและรถยนต์ เมืองที่ได้รับการยกย่องจาก BBC Travel เป็นหนึ่งในเมืองที่มีความสุขที่สุดในโลก นำท่านชมเมืองเก่าอูเทรคท์ ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นทางวัฒนธรรมในศตวรรษที่ 7 ชมมหาวิหารประจำเมือง St Martin's Cathedral (สร้างในปี ค.ศ. 1254 - 1520) ที่ตั้งของ Dome Tower ที่สูงถึง 112 เมตร บันได 465 ขั้น ถือว่าสูงที่สุดเนเธอร์แลนด์ ใช้เวลาสร้างกว่า 300 ปี
เป็นมหาวิหารคริสโปรแตสแตนท์ประจำเมืองอูเทรคท์ซึ่งสร้างเพื่ออุทิศให้กับนักบุญมาร์ตินแห่งทัวร์ ซึ่งเป็นมหาวิหารของสังฆมณฑลอูเทรชต์ในช่วงยุคกลาง ก่อสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 711 เป็นมหาวิหารสไตล์โรมาเนสก์แห่งเดียวในเนเธอร์แลนด์ ที่มีความคล้ายคลึงกับรูปแบบสถาปัตยกรรมโกธิคคลาสสิกที่พัฒนาขึ้นในฝรั่งเศส
เป็นหอคอยโบสถ์ที่เป็นส่วนหนึ่งของมหาวิหารเซนต์มาร์ติน ออกแบบในสไตล์โกธิค สร้างขึ้นเมื่อปี 1320 ได้ชื่อว่าเป็นหอคอยโบสถ์ที่สูงที่สุดในเนเธอร์แลนด์ ด้วยความสูงประมาณ 113 เมตร สภาพที่เห็นในปัจจุบันมาจากเหตุการณ์การยุบตัวของฐานตัวหอเมือปี 1674 เนื่องจากขาดเงินทุนในการสร้างและรักษาช่วงนั้น หอคอยนี้ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่สำคัญของเมืองอูเทรคท์
เป็นปราสาทแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ใกล้หมู่บ้าน Haarzuilens ถูกสร้างขึ้นมาในปี 1391 โดยตระกูลเดอฮาร์ซึ่งเป็นกลุ่มตระกูลชั้นสูงกลุ่มหนึ่งของเนเธอร์แลนด์ สภาพที่เห็นในปัจจุบันมาจากการบูรณะครั้งใหญ่ในปี 1892 ซึ่งเป็นผลงานของสถาปนิกชาวดัตช์ชื่อ P.J.H Cuypers ด้วยการช่วยเหลือด้านเงินทุนจากตระกูล Rothschild ซึ่งเป็นตระกูลผู้ร่ำรวยกลุ่มหนึ่ง ในโครงการฟื้นฟูวัตถุสำคัญทางประวัติศาสตร์นีโอโกธีค
เป็นเมืองหลวงของประเทศเนเธอร์แลนด์ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอัมสเตล (Amstel) ที่นี่รายล้อมไปด้วยทัศนียภาพงดงามและสถาปัตยกรรมเก่าแก่ เหมาะแก่การเดินเล่นซึมซับบรรยากาศแสนโรแมนติก หรือจะขี่จักรยานชมเมืองก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะอัมสเตอร์ดัมถือเป็น ‘เมืองหลวงจักรยานโลก’ ที่ผู้มาเยือนจะพบจักรยานได้ในทุกหนทุกแห่ง
เป็นเมืองๆ หนึ่งที่ตั้งอยู่ที่จังหวัดนอร์ทฮอลแลนด์ของประเทศเนเธอร์แลนด์ มีหลักฐานการก่อตั้งครั้งแรกในปี 716 ในฐานะเป็นเมืองท่าที่สำคัญของฮอลแลนด์ และยังเป็นเมืองอดีตที่ตั้งบริษัทอีสต์อินเดียดัตช์ซึ่งเป็นบริษัทผู้ดูแลกิจการเกี่ยวกับอาณานิคมในอดีตด้วย
เป็นย่านแลนมาร์คที่สำคัญของเมืองฮูร์น ที่นำเสนอเรื่องราวความเป็นประวัติศาสตร์เมืองท่าที่สำคัญในอดีต รายล้อมไปด้วยบ้านเรือนแบบยุคกลางที่สวยงาม กับบรรยากาศริมน้ำอันเงียบสงบ
เป็นอดีตคริสตจักรปฏิรูปชาวดัตช์ในเมืองโฮร์น สร้างขึ้นในปี 1616 ได้รับการออกแบบในสไตล์โกธิค แรกเริ่มเดิมทีเป็นโบสถ์คริสต์โรมันคาทอลิค ปัจจุบันตัวอาคารโบสถ์ถูกใช้เป็นศูนย์วัฒนธรรมประจำเมืองฮอร์น
เป็นเมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศเนเธอร์แลนด์ มีหลักฐานการก่อตั้งในช่วงศตวรรษที่ 13 เป็นอีกเมืองท่าที่มีความสำคัญของประเทศ และยังเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องการผลิตชีสมาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 18 โดยชีสอีดัม (Edam Cheese) ถือเป็นสินค้าส่งออกประจำเมืองนี้
เป็นอดีตอาคารศาลาว่าการประจำเมืองอีดัม ถูกสร้างขึ้นในช่วงปี 1737 ในสไตล์หลุยส์ที่สิบสี่ เหนือประตูหลักมีศัญลักษณ์ coat-of-arms ประจำเมืองอีดัม ที่ประกอบไปด้วยวัวกระทิงกับพื้นหลังสีแดง พร้อมกับดาวหกแฉกทองคำสามดวง อาคารนี้ใช้สำหรับพิธีแต่งงานเป็นหลักในปัจจุบัน
เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ประจำเมืองอีดัม ที่มีความเก่าแก่ที่สุดเนเธอร์แลนด์ บอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์อันยาวนานของเมือง ซึ่งรวบรวมวัตถุสำคัญและบันทึกทางประวัติศาสตร์ต่างๆ ของเมือง ทั้งเรื่องราวการต่อเรือ อุตสาหกรรมเซรามิก สถาปัตยกรรมครอบครัวที่มีชื่อเสียง ชีวิตประจำวันชาวเมือง คอลเลกชันต่างๆ รวมถึงภาพวาด, งานแกะสลักและอื่นๆ
บางครั้งมักถูกเรียกว่า "ไข่มุกแห่งซุยเดอร์ ซี" เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นเมืองประมงทางทะเลที่มีความโดดเด่นในเรื่องของท่า เรือและหมู่บ้านชาวประมงอันแสนคึกคัก รวมไปถึงลักษณะการแต่งกายในแบบดั้งเดิมของชาวดัตช์
เป็นเมืองหลวงของประเทศเนเธอร์แลนด์ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอัมสเตล (Amstel) ที่นี่รายล้อมไปด้วยทัศนียภาพงดงามและสถาปัตยกรรมเก่าแก่ เหมาะแก่การเดินเล่นซึมซับบรรยากาศแสนโรแมนติก หรือจะขี่จักรยานชมเมืองก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะอัมสเตอร์ดัมถือเป็น ‘เมืองหลวงจักรยานโลก’ ที่ผู้มาเยือนจะพบจักรยานได้ในทุกหนทุกแห่ง
สถาบันเจียระไนเพชร ที่มีชื่อเสียงของประเทศเนเธอร์แลนด์ แสดงการสาธิตการเจียระไนเพชร ที่มีชื่อเสียงของโลก
เป็นจัตุรัสที่ตั้งอยู่พื้นที่ใจกลางเมือง และชื่อของจัตุรัสมีความเกี่ยวพันอย่างมากกับชื่อของอัมสเตอร์ดัม ซึ่งมีที่มาจาก ‘เขื่อนที่อยู่ริมแม่น้ำอัมสเตล โดยเขื่อนแห่งแรกถูกก่อสร้างขึ้นในบริเวณจัตุรัสเมื่อปีคริสตศักราช 1200 และปัจจุบันจัตุรัสแห่งนี้เป็นสถานที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่ง
เป็นหมู่บ้านที่ได้รับฉายาว่า เวนิสแห่งเนเธอร์แลนด์ " เป็นหมู่บ้านที่ปราศจากถนน โดยภายในหมู่บ้านนั้นเต็มไปด้วยคลอง และทะเลสาบเล็กๆ ที่มีน้ำใสสะอาด ซึ่งผู้คนในหมู่บ้านจะเดินทางโดยการใช้เรือเป็นพาหนะโดยลัดเลาะคลองที่มีความยาวประมาณ 7.5 กิโลเมตร
นำท่านล่องเรือชมหมู่บ้านกีธูร์น เพลิดเพลินกับบรรยกาศของ หมู่บ้านunseen แห่งเนเธอร์แลนด์ หมู่บ้านที่ปราศจากถนนสักสาย ซึ่งจะมีลำคลองล้อมรอบหมู่บ้าน การคมนาคมยังคงใช้การสัญจรทางน้ำดั่งเช่นในอดีต อสิระให้ท่านเที่ยวชมหมู่บ้านแห่งนี้ พร้อมเก็บภาพความประทับใจ
เป็นเอาท์เลตที่อยู่ใกล้ๆ กับพรมแดนประเทศเนเธอร์แลนด์และเยอรมัน เป็นสถานที่ที่ดีด้วยหลากหลายของร้านค้าของดีไซเนอร์ ที่คะแนนจากแบรนด์สินค้าที่มีชื่อเสียงในราคาที่ดี เตรียมตัวสำหรับฝูงชนกลุ่มใหญ่ในวันหยุดสุดสัปดาห์ บ่อยครั้งที่ไกด์จะพานักท่องเที่ยวเดินทางไปช้อปป้งที่เอ้าเลตแห่งนี้ เอาท์เลทขนาดใหญ่ที่เป็นแหล่งช๊อปปิ้งของคนเนเธอร์แลนด์, เยอรมัน และ เบลเยี่ยม ที่นิยมมาเลือกซื้อสินค้าราคาย่อมเยาว์นานาชนิด
เป็นเมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในประเทศเยอรมันทางฝั่งตะวันตก ใกล้ๆ กับชายแดนเบลเยี่ยม เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะเป็นหนึ่งในศูนย์กลางอารยธรรมยุคกลางที่อนุรักษ์ไว้อย่างดี มีบ้านครึ่งไม้ และถนนหินกรวดแคบ แลดูดป็นสถานที่ที่มีเสน่ห์อันโดดเด่น ที่ทำให้ที่นี่ได้ชื่อเรียกอีกอย่างเป็น "ไข่มุกแห่งไอเฟล (Pearl of the Eifel)"
เป็นบ้านหลังสีแดงสไตล์บาร๊อคที่มีความสวยงาม ถูกสร้างขึ้นในปี 1752 เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยและเป็นที่ตั้งของธุรกิจโดยผู้ผลิตผ้าและนักธุรกิจชื่อ Johann Heinrich Scheibler ทุกวันนี้มันสะท้อนให้เห็นถึงความสวยงามในสไตล์ที่หายาก ด้วยการตกแต่งที่สมบูรณ์ในสไตล์โรโคโคหลุยส์ที่ 16 และสไตล์เอ็มไพร์ ภายในมีวอลล์เปเปอร์ผ้าลินินที่หรูหรา โต๊ะคลุมด้วยเสื้อคลุมแขนที่ยอดเยี่ยมในห้องรับประทานอาหารห้องครัวพร้อมกาต้มน้ำทองเหลืองและทองแดง บันไดที่คดเคี้ยวซึ่งสร้างขึ้นเองจากไม้โอ๊ก และอื่นๆ ที่ดึงดูดสายตาให้มอง ปัจจุบันอาคารแห่งนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในอาคารที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของเมืองมอนเชาว์
เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในเขตนอร์ทไรน์ - เวสต์ฟาเลียของประเทศเยอรมัน เมืองนี้ชื่อว่าเป็น "เมืองแห่งมีด (City of Blade)" เนื่องจากเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในการผลิตมีดและผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับของมีคมมายาวนานตั้งแต่ยุคกลาง ซึ่งในยุคกลางนั้นดาบของโซลินเกนได้สร้างภาพลักษณ์ของเมืองซึ่งได้รับการเก็บรักษาไว้จนถึงทุกวันนี้
เป็นปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในเขตนอร์ทไรน์ - เวสฟาเลีย ตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือเหนือแม่น้ำวัปเปอร์ของประเทศเยอรมัน อาคารหลักของปราสาทสร้างขึ้นเมื่อปี1218-1225 ประวัติศาสตร์ในยุคต้นๆ ปราสาทแห่งนี้มีความเกี่ยวพันอย่างใกล้ชิดกับขุนนางแห่งเบิร์กในอดีต ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาดในเมืองโซลิงเกน
เป็นเมืองอันเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ตอนกลางของประเทศเยอรมัน บริเวณพื้นที่จุดบรรจบของแม่น้ำไรน์และแม่น้ำโมเซลตรงจุดเหนือสุดของหุบเขาไรน์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นภูมิทัศน์อันสุดงดงามที่เป็นเอกลักษณ์ของเมือง ทั้งยังเนินเขาที่ปกคลุมไปด้วยเถาองุ่น ซึ่งองุ่นที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นองุ่นที่มีคุณภาพสูงแห่งหนึ่งของประเทศ
เป็นเมืองทางตะวันตกเมืองหนึ่งของประเทศเยอรมัน ตั้งอยู่ริมแม่น้ำลาห์น ซึ่งล้อมรอบด้วยเทือกเขาเตี้ย ๆ อย่างเทือกเขา Taunus และ Westerwald เมืองนี้ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีพื้นที่เกษตรกรรมที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งของเยอรมันอันเนื่องจากพื้นที่เมืองแบบที่ราบต่ำและลุ่มน้ำที่เอื้ออำนวย
เป็นมหาวิหารประจำเมืองลิมเบิร์ก ที่เป็นวิหารของสังฆมณฑลคาทอลิกแห่งเบิร์ก ตั้งอยู่บนเนินเขาเล็กๆ เหนือแม่น้ำลาห์น สามารถมองเห็นได้ไกลจากทุกมุมเมือง มหาวิหารนี้ถือเป็นสิ่งสร้างสรรค์สิ่งใหม่ในยุคต้นกอธิคของอาคารโรมันยุคแรกๆ จึงมีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบผสมผสานระวังโกธิคและโรมันที่ลงตัว
เป็นสะพานหินข้ามแม่น้ำลาห์นในเมืองลิมเบิร์ก สร้างขึ้นในช่วงประมาณศตวรรษที่ 14 ตัวสะพานสร้างจากหินเป็นลักษณะรูปทรงโค้งครึ่งวงกลม มีความยาวทั้งหมดอยู่ที่ 106 เมตร ที่นี่นับเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมแห่งหนึ่งของเมืองลิมเบิร์ก
เป็นเมืองใหญ่ที่มีความเหมาะสมจะเป็นเมืองหลวงของประเทศเยอรมันตะวันตกได้สบายๆ ด้วยความครบครันของสาธารณูปโภคและความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะด้านการเงิน นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางของการเดินทางโดยเฉพาะด้านการบิน เนื่องจากท่าอากาศยานแฟรงค์เฟิร์ตถือเป็นท่าอากาศยานที่มีปริมาณการจราจรทางอากาศมากที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปและของโลก
สถานีรถไฟแฟรงก์เฟิร์ต เป็นสถานีรถไฟแห่งหลักที่มีผู้โดยสารมากที่สุดในเมืองแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี มีผู้โดยสารกว่า 350,000 คนต่อวัน จัดเป็นสถานีรถไฟที่มีผู้โดยสารมากที่สุดเป็นอันดับสองในประเทศเยอรมนี
จัตุรัสนี้เป็นที่ตั้งของศาลาว่าการกลางเมืองเก่านครแฟรงเฟิร์ต ตรงกลางจัตุรัสเป็นน้ำพุแห่งความยุติธรรม ด้านหน้าจัตุรัสโรเมอร์เป็นบ้านโครงไม้สมัยกลางที่ได้รับการบูรณะแล้ว ปัจจุบัน จตุรัสโรเมอร์ ยังคงความงามสง่ารายล้อมด้วยสถาปัตยกรรมตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 14
ท่าอากาศยานนานาชาติแฟรงก์เฟิร์ต ตั้งอยู่ที่แฟรงก์เฟิร์ต เยอรมนี เป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดของเยอรมนี และใหญ่เป็นอันดับ 3 ของยุโรป
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย