เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
เป็นท่าอากาศยานหลักของเขตปกครองพิเศษมาเก๊า ซึ่งมีกฏระเบียบการเดินทางเป็นของตัวเอง ที่ไม่เหมือนกันจีนแผ่นดินใหญ่ หรือฮ่องกง
เป็นหนึ่งในวัดที่มีชื่อของมาเก๊า ที่นี่เป็นที่ประดิษฐานของเจ้าแม่ทะเลจีนใต้ชื่อเทพมัตสึ ผู้เป็นเทพเจ้าแห่งการประมง วัดนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1488 วัดอาม่าจัดเป็นหนึ่งในวัดที่เก่าแก่ที่สุดในมาเก๊า
เป็นหนึ่งในวัดใหญ่ที่ผู้คนนิยมมากราบไหว้กันเป็นจำนวนมาก สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 ให้ท่านได้ขอพร เรื่องการเงิน เพื่อให้เงินทองไหลมาเทมา สำหรับคนปีชงขอพรไม่ให้เกิดการขัดสนเรื่องเงินทอง เพราะวัดแห่งนี้เป็นวัดใหญ่และเก่าแก่มากที่สุดในมาเก๊า สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 13 ภาย ในวัดสัมผัสได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์และมนต์ขลังอันเก่าแก่ของสถาปัตยกรรมของ ชาวจีนที่ดูมีเสน่ห์ในแบบฉบับของชาวจีน ซึ่งภายในวัดแห่งนี้มีพระพุทธรูปที่ชาวมาเก๊าเคารพนับถืออยู่หลายองค์ ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูปพระพุทธเจ้า 3 ยุค ที่มีประดิษฐานอยู่ด้วยกัน 3 องค์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาทางพระพุทธศาสนาที่ว่า มี อดีต ปัจจุบัน และอนาคตมีพระยูไล ที่คนมาเก๊าให้ความเคารพนับถือมากราบไหว้ขอพรกันเยอะ และองค์ที่โดดเด่นเป็นพิเศษเห็นจะเป็น องค์เจ้าแม่กวนอิม ที่แต่งองค์ทรงเครื่องด้วยชุดเจ้าสาวของจีนที่ตัดเย็บด้วยผ้าไหมอย่างงดงาม
เป็นคาสิโนขนาดใหญ่ที่ออกแบบสไตล์อิตาลี ภายในมีอาหาร ที่พักและกิจกรรมให้ทำมากมาย และตัวบริการต่างๆ นั้นนับว่าอยู่ในระดับ High End สุดๆ เลยทีเดียว
เดอะปารีเซียนมาเก๊าตั้งอยู่ใจกลางเขต Cotai ในมาเก๊า มีห้างสรรพสินค้าหรูหรา สระว่ายน้ำกลางแจ้งและสวนน้ำ โรงแรมหรูในธีมฝรั่งเศส จุดเด่นคือมีแบบจำลองขนาดครึ่งส่วนของหอไอเฟลที่เป็นสัญลักษณ์ของที่นี่
กลุ่มวัดเปากงและวัดเทพเจ้าแห่งการแพทย์ (Temple of Divinity of Medicine and Pau Kung Temple) ที่อยู่ไม่ไกลจากบริเวณ “ซากประตูโบสถ์ เซนต์ ปอล”(Ruins of St.Paul’s) แลนด์มาร์คอันดับหนึ่งและสัญลักษณ์สำคัญของเมืองมาเก๊า กลุ่มวัดเปากงเป็นวัดเล็กๆ 3 วัดตั้งอยู่ติดๆกัน ประกอบไปด้วย “วัดเปากง”(Pau Kung Temple) ตั้งอยู่ตรงกลาง “วัดอี่เหล็งหรือวัดเทพเจ้าแห่งการแพทย์”(I Leng Temple)ตั้งอยู่ด้านขวามือ และ“วัดหนานซาน”(Nanshan Temple) ที่ตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของวัดเปากง
จูไห่เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ 1 ใน 5 ของประเทศจีน ที่นี่ได้รับยกย่องจากสหประชาชาติให้เป็น "เมืองมหัศจรรย์ แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน" สัญลักษณ์ของเมืองจูไห่ คือ "หวี่หนี่" เป็นรูปปั้นนางฟ้าถือไข่มุก ซึ่งยื่นออกไปในทะเล และยังมีถนนคู่รัก เป็นถนนซึ่งอยู่ริมชายหาดที่รัฐบาลจูไห่ได้ตกแต่งภูมิทัศน์ ได้อย่างสวยงามเหมาะสำหรับพักผ่อน
เป็นเมืองเอกของมณฑลกวางตุ้ง กวางโจวเป็นเมืองใหญ่สุดทางภาคใต้ของสาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งเป็นมณฑลซึ่งเป็นที่ตั้งของเขตเศรษฐกิจพิเศษทั้ง 3 แห่งของจีน คือ เซินเจิ้น จูไห่ และ ซัวเถา นอกจากนั้นเมืองกว่างโจวยังมีสำเนียงเฉพาะถิ่นที่ถือว่าเป็นมาตรฐานของฮ่องกง และมาเก๊า เรียกว่า สำเนียงกว่างโจวอีกด้วย
ในร้านสมุนไพรและยาแผนจีนโบราณนั้นมีสมุนไพรธรรมชาติต่างๆ ที่น่าสนใจหลายชนิด แต่ชนิดที่อยากแนะนำที่สุดนั้นมีชื่อว่า "เป๋าซูหลิง" ซึ่งรู้จักกันในนาม "บัวหิมะ" ยาประจำบ้านที่มีชื่อเสียง ที่คนไทยนิยมซื้อไปเป็นของฝากกลับบ้าน
เป็นศูนย์กลางแห่งใหม่ของเมืองกวางเจา มีพิ้นที่ถึง 560,000 ตารางเมตร จัตุรัสนี้รวบรวมสิ่งก่อสร้างหลายแห่งอยู่ในที่เดียวกัน มีมากกว่า 39 ตึกก่อสร้าง อาทิเช่น พิพิธภัณฑ์กวางตุ้ง หอดนตรี หอทีวีที่สูงที่สุดในโลก หอหนังสือกวางเจา วังเยาวชน ซึ่งตอนนี้จัดเป็นสวนจัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดของเมืองกวางเจา ให้ท่านได้อิสระเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกตามอัธยาศัย
ถนนซั่งเซี่ยจิ่ว ย่านช้อปปิ้งที่มีความนิยมอยู่ซึ่งมีสินค้าอันทันสมัยต่างๆให้ท่านได้เลือกซื้อมากมายอาทิเสื้อผ้า,กระเป๋า,สินค้าแบรนด์เนมจีน ฯลฯ บรรยากาศจะคล้ายๆย่านในฮ่องกง บางช่วงของถนนจะมีการปิดถนน และมีการเปิดไฟสว่างไสว สวยงามมาก ยังมีร้านอาหาร ร้านค้าต่างๆ มากมายเลยทีเดียว คึกคักมากในช่วงกลางคืน ถือเป็นถนนคนเดินที่มีชื่อเสียงของเมืองกวางเจา
เป็นเมืองสำคัญอีกเมืองหนึ่งในมณฑลกวางตุ้ง เป็นส่วนหนึ่งของของเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมปากแม่น้ำเพิร์ลริเวอร์ฝั่งตะวันตก
เป็นวัดลัทธิเต๋าที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองฝอซานมากว่า 700 ปี วัดนี้สร้างขึ้นในราชวงค์หมิง เมื่อปี 1372 ภายในวัดนั้นมีเทพเสียนอู่ตี้ หรือเทพเจ้าเหนือ (God of the North) เป็นประธานของวัด และมีวิหารเซียนต่างๆ สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือบนหลังคาของวัดนั้นจะประดับประดาไปด้วยรูปปั้นตุ๊กตาเซรามิคขนาดเล็กๆ
ชมการแสดงเชิดสิงโตคณะหวงเฟยหง ซึ่งชื่อหวงเฟยหงนั้นเป็นปรมาจารย์กังฟูที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์จีน เขาเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่ต่อสู้เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีชาวจีนจากการคุกคามของชาวตะวันตกในยุคล่าอาณานิคม อีกทั้งยังเป็นนักเชิดสิงโตที่มีชื่อเสียงอีกด้วย
ตั้งอยู่ใจกลางเมืองฝอซานในเขตชานเฉิง ที่นี่เป็นตัวอย่างของการผสมผสานองค์ประกอบที่เป็นสากล สิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยกับองค์ประกอบทางวัฒนธรรมดั้งเดิมที่หลากหลาย ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของฝอซาน ที่ประกอบไปด้วยอาคาร ที่พักอาศัย สำนักงานร้านค้าปลีก โรงแรม สถานบันเทิง รวมถึงจุดถ่ายรูปสุดสวยต่างๆ มากมาย
เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลกวางตุ้ง ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของมณฑลบนฝั่งของแม่น้ำ Bei หรือแม่น้ำเหนือ เมืองนี้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจการขนส่งที่สำคัญ และมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจไม่แพ้เมืองอื่นๆ ในประเทศจีน
เป็นทางเดินกระจกที่จัดว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของมณฑลกวางตุ้ง มีลักษณะคล้ายกับไม้แบดมินตันสองอันวางอยู่ในแนวตั้งและแนวนอน มีความสูงจากพื้นอยู่ที่ 500 เมตร มีความยาวในรอบวงกลมกว่า 168 เมตร ความยาวทางเดินตรงกว่า 368 เมตร จากบนทางเดินจะได้ตื่นตาตื่นใจกับวิวของธรรมชาติอันงดงามของหุบเขา ในตอนกลางคืนที่นี่จะมีการเปิดไฟอันสวยงามด้วย
เป็นเมืองเอกของมณฑลกวางตุ้ง กวางโจวเป็นเมืองใหญ่สุดทางภาคใต้ของสาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งเป็นมณฑลซึ่งเป็นที่ตั้งของเขตเศรษฐกิจพิเศษทั้ง 3 แห่งของจีน คือ เซินเจิ้น จูไห่ และ ซัวเถา นอกจากนั้นเมืองกว่างโจวยังมีสำเนียงเฉพาะถิ่นที่ถือว่าเป็นมาตรฐานของฮ่องกง และมาเก๊า เรียกว่า สำเนียงกว่างโจวอีกด้วย
หยก (Jade) คือชื่อที่ใช้เรียกหินซึ่งเป็นอัญมณีอันล้ำค่ามากชนิดหนึ่ง โดยเฉพาะชาวจีนถือว่าหยกเป็นเจ้าแห่งหินมีค่าทั้งมวล
เป็นตลาดที่อยู่ชั้นใต้ดินของเมืองจูไห่ ตลาดที่นี่จะคล้าย ๆ มาบุญครองบ้านเรา ที่มีลักษณะเหมือนห้างช้อปปิ้งขนาดเล็ก ภายในมีทั้งร้านเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับ และสินค้าอื่น ๆ อีกมากมาย ที่สำคัญของที่นี่ราคาถูกมากเพราะว่ามีสินค้าที่นี่ทำเลียนแบบจากจีน
เป็นเกาะที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และเป็นเมืองขึ้นของโปรตุเกสจนปีคศ 1999 ในตอนแรกเป็นเมืองที่จีนปล่อยให้โปรตุเกสเช่าเพื่อเป็นเมืองท่า ปัจจุบันมาเก๊าเป็นหนึ่งในเขตปกครองพิเศษของจีน และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของทวีปเอเชีย
เป็นท่าอากาศยานหลักของเขตปกครองพิเศษมาเก๊า ซึ่งมีกฏระเบียบการเดินทางเป็นของตัวเอง ที่ไม่เหมือนกันจีนแผ่นดินใหญ่ หรือฮ่องกง
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย