เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย
มีอีกชื่อว่าท่าอากาศยานฮาหมัด เป็นท่าอากาศยานแห่งเดียวในประเทศกาตาร์ ตั้งอยู่ที่กรุงโดฮา และยังเป็นท่าอากาศยานหลักของกาตาร์แอร์เวย์ ที่นี่เป็นหนึ่ในท่าอากาศยานสำคัญที่เชื่อมต่อเครือข่ายการบินกับภูมิภาคต่างๆ ของโลก
กรุงวอร์ซอ (WARSAW) เมืองหลวงของโปแลนด์ นครอันโอ่อ่าอลังการที่สุดแห่งโลกยุโรปตะวันออก มีความรุ่งเรืองทั้งทางด้านศิลปะ, สถาปัตยกรรมอย่างสูงส่งมาแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2
เป็นพระราชวังที่ตั้งอยู่ในกรุงวอร์ซอว์ ซึ่งเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์และเป็นพระราชวังทางประวัติศาสตร์ ที่มีสวนอันงดงามล้อมรอบ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองวอร์ซอว์ ในปัจจุบันได้กลายเป็นสถานที่เดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจสำหรับประชาชนทั่วไป และนอกจากนี้เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวที่เป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติเมื่อมาถึงโปแลนด์ (พระราชวังแห่งนี้ได้เคยเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ของไทย เมื่อครั้งเสด็จประพาสวอร์ซอว์ ในปี ค.ศ. 1897)
พระราชวังหลวง Royal Castle ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของจัตุรัสเดิมเป็นไม้แต่ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นอิฐ เป็นที่ประทับของกษัตริย์โปล รวมทั้งซาร์จากรัสเซียด้วย และต่อมาเป็นที่พำนักของประธานาธิบดีก่อนถูกนาซีทำลายในปี ค.ศ. 1994และได้รับการบูรณะใหญ่ในช่วงศตวรรษที่ 70
เมืองเก่าแก่แห่งหนึ่งในยุโรปก็คือ “โปแลนด์” ประเทศที่ว่ากันว่าเป็นเมืองแห่งมิตรไมตรี เมืองแห่งเศรษฐกิจ เมืองแห่งวัฒนธรรม ซึ่งฉันก็ยอมรับในทุกด้านโดยเฉพาะเรื่องของวัฒนธรรม ซึ่งในครั้งนี้ฉันขอแนะนำเมืองแห่งวัฒนธรรมที่ขึ้นชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดของโปแลนด์ นั้นก็คือ “เมืองคราคูฟ” เมืองนี้หากอ่านในแบบโปแลนด์จะออกเสียงว่า “คราคูฟ” (Krakow) ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของโปแลนด์ในช่วง ค.ศ.1038-1596 ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นกรุงวอซอร์ดังปัจจุบัน
เนินเขาวาเวล (Wawel Hill) ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำวิสทูล่าด้วยความสูงประมาณ 228 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นที่ตั้งพระราชวังหลวงและวิหารวาเวล
เป็นพระราชวังที่ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองคราคูฟ ประเทศโปแลนด์ สร้างขึ้นตามคำสั่งของกษัตริย์ Casimir III the Great ปราสาทแห่งนี้เป็นหนึ่งในปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในโปแลนด์ที่แสดงถึงรูปแบบสถาปัตยกรรมยุโรปเกือบทั้งหมดทั้งในยุคกลาง ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ และยุคบาร๊อค ในปี 1978 ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก
เป็นโบสถ์ที่มีชื่อเสียงของแท่นบูชาที่ทำด้วยด้วยไม้แกะสลักมา ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 14 ชมอาคารการค้าผ้าในอดีต (Cloth Hall) และถือว่าเป็นจุดหลักทางการค้าในสมัยนั้น กระทั่งจวบจนสมัยนี้อาคารนี้ก็ยังใช้เป็นสถานที่รับรองเชื้อพระวงศ์และเหล่าอาคันตุกะของเมือง
เป็นแหล่งช้อปปิ้งสัมผัสชีวิตความเป็นอยู่หรือ Lifestyle ของคนรุ่นใหม่ในเมืองคราคูฟ
เมืองออชเฟียนชิม เป็นเมืองในเขต Lesser Poland เมืองนี้เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่าเป็นที่ตั้งของที่ค่ายกักกันออสวิทซ์ สถานที่ทที่สังหารชีวิตชาวยิวทั่วยุโรปนับล้านคน
เป็น 1 ใน 5 มรดกโลกในประเทศโปแลนด์ที่องค์การ UNESCO ได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลกขององค์การยูเนสโก้ จะเป็นมรดกเกี่ยวกับวัฒนธรรมและสมบัติทางธรรมชาติ เช่น ที่ห้วยขาแข้งของไทย แต่มรดกโลกที่ออสวิทซ์เป็นมรดกโลกที่แสดงถึงความโหดเหี้ยมของมนุษย์ ซึ่งที่นี่เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็น “โรงงานสังหารมนุษย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกของนาซี” หลังจากที่มีการประกาศความเป็นอิสรภาพให้กับค่ายแห่งนี้ มีเหยื่อความโหดของนาซีที่รอดชีวิตเพียง 60,000 กว่าคนเท่านั้น
เป็นเมืองสดคลาสสิกที่มีการผสมผสานของสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิซึ่ม, แบบเรอเนซองส์, แบบโกธิค, แบบบาร็อค และแบบเบลลา อีโปค์ ด้วยกันอย่างกมลกลืนและน่ามหัศจรรย์ จึงเป็นเรื่องที่ไม่แปลกเลยว่า ทำไมคราคูฟจึงเป็นเมืองแรกๆที่ถูกบันทึกลงใน บัญชีรายชื่อมรดกโลกที่สำคัญในด้าน วัฒนธรรม
ตั้งอยู่ที่เมืองวิลิชก้า ซึ่งอยู่ทางภาคใต้ของโปแลนด์ และอยู่ห่างจากเมืองคราครูฟไปประมาณ 30 กิโลเมตร เป็นเหมืองเกลือที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ประวัติการทำเหมืองยาวนานมากว่า 1,000 ปี ตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ถึงปลายศตวรรษที่ 20 งานเหมืองแร่ถูกยกเลิกในปี 1996 เนื่องจากราคาเกลือต่ำและน้ำท่วมเหมือง อุโมงค์ในเหมืองนี้มีขนาดใหญ่มาก ประกอบไปด้วย 9 ชั้นลึกลงจากพื้นดินถึง 372 เมตร มีทางเดินและทะเลสาบใต้ดินรวมกว่า 300 กิโลเมตร มีเครื่องมือและอุปกรณ์ทำเหมืองแร่ แสดงการพัฒนาของเทคโนโลยีเหมืองแร่จากสมัยกลางจนถึงยุคปัจจุบัน ในปี 1978 เหมืองแห่งนี้ได้ถูกบันทึกให้เป็นมรดกโลก (UNESCO's 1st World List of Cultural and Natural Heritage )
เป็นเมืองโบราณของประเทศโปแลนด์ที่ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำวาร์ต้า เมืองศูนย์กลางของผู้แสวงบุญที่สำคัญแห่งหนึ่งของยุโรป
อารามจัสนา กอร่า (Jasna gora monastery) เพื่อขอพรจากรูปพระแม่มาเรียสีดำหรือที่รู้จักกันในนามแบล็คมาดอนน่า (Black Madonna) ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวคาทอลิก กล่าวกันว่าสีที่ใช้วาดมานานกว่า 600 ปีทำให้รูปพระแม่เป็นสีดำ บริเวณหน้าพระพักตร์มีรอยบาก อันเกิดจากพวกต่อต้านศาสนาต้องการทำลายรูปและอารามแห่งนี้ อย่างไรก็ตามอารามแห่งนี้ได้รอดพ้นจากการถูกทำลายในสงครามต่างๆอย่างน่าอัศจรรย์จนกลายเป็นปาฎิหารย์ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด นำท่านเดินชมความงดงามภายในอารามแห่งนี้
เป็นเมืองหลักของจังหวัดดอลนือชล็อนสก์ ประเทศโปแลนด์ และถือว่าเป็นที่นัดพบสำคัญในทวีปยุโรป มีความหลากหลายและการเปี่ยมล้นด้วยวัฒนธรรมของประวัติศาสตร์ในเมืองนี้ เป็นดังสะพานเชื่อม ที่เชื่อมระหว่างคนในแต่ละรุ่น แต่ละวัฒนธรรมเข้าด้วยกัน เป็นแบบเมืองที่ทันสมัยของเมืองใหญ่ ที่มีพื้นฐานทางประวัติศาสตร์ ชีวิตที่เต็มด้วยวัฒนธรรมและการศึกษา และมากไปกว่านั้น เมืองวรอตสวัฟใกล้เขตชายแดนของสองประเทศ นั่นคือชายแดนติดกับสาธารณรัฐเช็ก และชายแดนติดกับประเทศเยอรมนี
ออสตรอฟ ทูมสกี หรือเกาะมหาวิหาร เป็นฉากหลัง สร้างโดยบิช็อปคนแรกแคว้นซิลิเซีย ในสไตล์กอธิค โดยสร้างก่อนการสร้างพระราชวัง จึงได้กลายเป็นศูนย์กลางทางศาสนาจนถึงปัจจุบัน
ชมความงามของเมืองที่เรียกได้ว่า Colorful city เมืองที่มีอาคารหลากสีสัน โดดเด่นสวยงาม เป็นเมืองเรียกได้ว่ามีชีวิตชีวาแห่งหนึ่งของโปแลนด์ และได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 8 เมืองที่มีสีสันมากที่สุดในโลก (8 Colorful cities in the world)
เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามมากจุดหนึ่ง ของประเทศโปแลนด์ ด้วยสีสันของตึกในแบบยุโรปตะวันออกแท้ๆ ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านรวงเล็กๆ ซึ่งเป็นร้านขายของที่ระลึก และยังมีรถม้าคอยอำนวยความสะดวกกับนักท่องเที่ยว และยังมีจิตรกรให้ผู้ที่มีความสามารถในการวาดภาพเหมือนอีกด้วย เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่สนใจ แวะเข้ามาใช้บริการ
เป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงประจำเมืองวรอตสวัฟ ซึ่งเคยผลิตบุคคลากรชั้นนำของโลกผู้ซึ่งชนะรางวัลโนเบลถึง 10 คนด้วยกันในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบันรองรับนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยกว่า 40,000 คน ในอดีตยุคศตวรรษที่ 18 มหาวิทยาลัยแห่งนี้เคยถูกใช้เป็นสถานพยาบาล, โกดัง, และที่คุมขังเชลยสงครามสมัยยุคสงครามกับปรัสเซีย
เมืองพอซนัน เป็นหนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของโปแลนด์ มีความเจริญรุ่งเรืองสูงสุดในฐานะเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญของทวีปยุโรปในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15-17 ตัวเมืองตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำวอร์ตาเมืองพอซนันถือว่าเป็นศูนย์กลางสำคัญทางด้านการค้า อุตสาหกรรม การศึกษา และได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของโปแลนด์ เป็นอันดับ 2 ต่อจากเมืองหลวงอย่างวอร์ซอร์ นอกจากนี้ยังถูกใช้เป็นหนึ่งในเมืองที่ใช้จัดการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2012 ด้วย
ในสมัยคอมมิวนิสต์จัตุรัสแห่งนี้มีชื่อเรียกว่า Piłsudski Square ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็น Victory Square ในเวลาต่อมา บริเวณนี้ใช้เป็นสถานที่เดินสวนสนามของกองทัพโปแลนด์ตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 เป็นที่ตั้งของสุสานทหารนิรนาม และเป็นสถานที่เกิดเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ของชาติหลายเหตุการณ์
ปราสาทอิมพีเรียล (IMPERIAL CASTLE) อีกหนึ่งปราสาทที่มีชื่อเสียงของเมืองพอซนาน โดยปราสาทถูกสร้างขึ้นในปี 1905 ในสไตล์นีโอโรมาเนสก์ ปัจจุบันปราสาทถูกใช้เป็นห้องฉายภาพยนตร์ หอศิลป์
กรุงวอร์ซอ (WARSAW) เมืองหลวงของโปแลนด์ นครอันโอ่อ่าอลังการที่สุดแห่งโลกยุโรปตะวันออก มีความรุ่งเรืองทั้งทางด้านศิลปะ, สถาปัตยกรรมอย่างสูงส่งมาแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2
แกรนด์เธียเตอร์ โรงละครโอเปร่า ที่ได้รับการออกแบบสไตล์นีโอคลาสสิคโดยสถาปนิกชาวเยอรมัน ชื่อ MAX LITTMANN ถูกเปิดใช้งานครั้งแรกในปี 1910
พระราชวังวิลานอฟ (WILANOW PALACE) พระราชวังหลวงที่ตั้งอยู่ในย่านวิลานอฟ (Wilanow district) เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และเป็นหนึ่งในอนุสรณ์สถานที่สำคัญที่สุดของประเทศโปแลนด์ โดยพระราชวังวิลานอฟถูกสร้างขึ้นสำหรับสมเด็จพระเจ้าจอห์นที่ 3 โซบีสกี แห่งโปแลนด์ (king John III Sobieski) ปัจจุบันพระราชวังเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่เปิดให้เข้าชมแก่สาธารณะเป็น ครั้งแรกในโปแลนด์
เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามมากจุดหนึ่ง ของประเทศโปแลนด์ ด้วยสีสันของตึกในแบบยุโรปตะวันออกแท้ๆ ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านรวงเล็กๆ ซึ่งเป็นร้านขายของที่ระลึก และยังมีรถม้าคอยอำนวยความสะดวกกับนักท่องเที่ยว และยังมีจิตรกรให้ผู้ที่มีความสามารถในการวาดภาพเหมือนอีกด้วย เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่สนใจ แวะเข้ามาใช้บริการ
Krakowskie Przedmiescic Street สายเดียวกัน เส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน สองข้างทางประกอบไปด้วยโบสถ์เซ้นต์แอนนา
มหาวิทยาลัยวอร์ซอมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดกรุงวอร์ซอ บริเวณด้านข้าง และนอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของพระราชวังต่างๆ
โบสถ์เซ้นต์จอห์น คริสตจักรคาทอลิกในเมืองเก่าของกรุงวอร์ซอ โบสถ์นี้เป็น 1 ใน 3 ของมหาวิหารในกรุงวอร์ซอ ที่ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก้ทางด้านวัฒนธรรม
เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามมากจุดหนึ่ง ของประเทศโปแลนด์ ด้วยสีสันของตึกในแบบยุโรปตะวันออกแท้ๆ ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านรวงเล็กๆ ซึ่งเป็นร้านขายของที่ระลึก และยังมีรถม้าคอยอำนวยความสะดวกกับนักท่องเที่ยว และยังมีจิตรกรให้ผู้ที่มีความสามารถในการวาดภาพเหมือนอีกด้วย เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่สนใจ แวะเข้ามาใช้บริการ
เป็นจัตุรัสกลางเมืองอันเป็นดังหัวใจของการเที่ยวชมเมือง โดยจัตุรัสแห่งนี้เพียบพร้อมไปด้วยบรรยากาศของบ้านเมืองในยุคกลางมากที่สุด ตามถนนหนทางจะเรียงรายไปด้วยร้านค้าต่างๆทั้งร้านกาแฟ, ผับ, ร้านอาหารต่างๆ และอาคารที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ โดยมีจุดเด่นที่ห้างสรรพสินค้าที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรปชื่อ “ซูเคียนนีส”
เป็นป้อมปราการประวัติศาสตร์ที่นำไปสู่ย่านประวัติศาสตร์ของเมืองคราคูฟ ที่นี่เป็นหนึ่งในไม่กี่ป้อมของเครือข่ายอดีตกำแพงเมืองอันซับซ้อนซึ่งยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน ซึ่งทำหน้าที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวและสถานที่สำหรับจัดนิทรรศการต่างๆ ของเมือง
อาคารโบสถ์โฮลี่ครอสใกล้ๆกันเป็นโบสถ์คาร์มิไลท์ โบสถ์แห่งนี้เป็นโบสถ์กางเขนศักดิ๋สิทธิ์ (Holy Cross Church) เป็นโบสถ์ที่สำคัญแห่งหนึ่งกรุงวอร์สถาปัตยกรรมเป็นแบบบารอค
ย่านตลาดเก่า (Old Town Market Place) ย่านท่องเที่ยวที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และมีความเก่าแก่ที่สุดของย่านเมืองเก่าวอร์ซอ โดยอาคารส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่ถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 13 ซึ่งประกอบไปด้วย ศาลาว่าการ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านค้าอื่นๆ
ย่านตลาดเก่านี้จะมีจัตุรัสที่มีรูปปั้นนางเงือกถือโล่ห์กับดาบ ซึ่งตามตำนานกล่าวว่าเดิมมีนางเงือก 2 ตัว เป็นพี่น้องกันว่าย น้ำเล่น ตัวหนึ่งว่ายไปที่เดนมาร์กส่วนอีกตัวว่ายมาที่โปแลนด์แล้วโดนชาวประมงจับได้ และถูกนำมาแสดง โชว์จนมีชายคนหนึ่งมาช่วยไว้ นางเงือกต้องการตอบแทนบุญคุณจึงสัญญาว่าจะออกมาช่วยปกป้องเมืองให้ ปลอดภัย รูปปั้นนางเงือกนี้จึงเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของกรุงวอร์ซอด้วย
มีอีกชื่อว่าท่าอากาศยานฮาหมัด เป็นท่าอากาศยานแห่งเดียวในประเทศกาตาร์ ตั้งอยู่ที่กรุงโดฮา และยังเป็นท่าอากาศยานหลักของกาตาร์แอร์เวย์ ที่นี่เป็นหนึ่ในท่าอากาศยานสำคัญที่เชื่อมต่อเครือข่ายการบินกับภูมิภาคต่างๆ ของโลก
เป็นท่าอากาศยานที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ซึ่งในตอนแรกเปิดใช้แค่เที่ยวบินภายในประเทศ ในตอนนี้เป็นเสมือนท่าอากาศยานหลักประจำกรุงเทพฯ และยังเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่มีผู้เดินทางคับคั่งที่สุดในประเทศอีกด้วย