Tourkrub Logo
ใส่ชุดยูกาตะ ไปเดินเล่นที่ เมืองเอโดะ คาวาโกเอะ (Kawagoe)

ใส่ชุดยูกาตะ ไปเดินเล่นที่ เมืองเอโดะ คาวาโอเกะ (Kawagoe)

ไปเที่ยวญี่ปุ่น ถ่ายรูปสวยได้ไม่เหมือนใคร ทัวร์ครับ แนะนำทีเที่ยว เมืองเอโดะ เสน่ห์โบราณของญี่ปุ่น ณ คาวาโอเกะ (Kawagoe)

ใส่ชุดยูกาตะ ไปเดินเล่นที่ เมืองเอโดะ คาวาโอเกะ (Kawagoe)
tk-icon
26 ต.ค. 2023
พาเที่ยว
9,277
views
ยูกาตะ-เมืองเอโดะ

คาวาโกเอะ (Kawagoe) เมืองเก่าที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองเกียวโตน้อย โดยในเขตเมืองเก่าเรียกว่า โคเอโดะ (Koedo) ตั้งอยู่ในจังหวัดไซตามะ ห่างจากโตเกียวประมาณ 30 นาที เมืองคาวาโกเอะ หรือ ลิตเติ้ลเอโดะ (Little Edo) ที่ยังคงสภาพ มีเสน่ห์แบบโบราณ ให้เราได้เห็นจนถึงทุกวันนี้ ในสมัยก่อนสองข้างทางเต็มไปด้วยโกดังที่ใช้เก็บรักษาข้าว ปัจจุบันได้กลายเป็นร้านค้าต่าง ๆ ที่ยังคงอนุรักษ์ให้มีเสน่ห์แบบดั้งเดิม และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อไป มาเที่ยวเมืองย้อยยุคสมัยเอโดะ ก็ต้องแต่งตัวให้เข้ากับเมือง คราวนี้เรามาแต่งชุด ยูกาตะ เดินชมเมืองย้อนยุคถ่ยรูปสวยๆ กัน

 

 

วิธีเดินทางไปเที่ยวเมืองเอโดะ

ง่ายมากจากสถานี Ikebukuro แล้วต่อรถไฟสาย Tobu-Tojo Line (Rapid หรือ Express) มาลงที่สถานี Kawagoe หรือ Kawagoeshi ก็ได้ทั้งสองสถานี ใช้เวลาเพียง 30 นาที โดยก่อนต่อรถไฟสาย Tobu-Tojo Line สามรถเข้าไปซื้อบัตรสำหรับนักท่องเที่ยวที่ Information counter มีบัตรให้เลือก 2 แบบ คือ แบบบัตรรถไฟไป Kawagoe ธรรมดา ราคา 710 เยน และแบบพรีเมี่ยม ที่รวมทั้งตั๋วรถไฟ + ตั๋วรถบัสที่ขึ้นได้ไม่จำกัดในเมือง Kawagoe ราคา 970 เยน 

มาถึง Kawagoe ก่อนอื่นเลยต้องไปหาร้านเช่าชุด ยูกาตะ ใส่ตามความตั้งใจก่อน เล่าให้ฟังคร่าว ๆ นิดนึง ถึงความแตกต่างระหว่าง ยูกาตะ กับ กิโมโน โดยทั่วไปรูปแบบคล้าย ๆ กัน แต่ กิโมโนจะเป็นทางการ มากกว่า ส่วนชุดยูกาตะ จะลำรองมากกว่า และมักจะเอาไว้ใส่ช่วงหน้าร้อน เพราะทำจากผ้าฝ้ายเป็นส่วนใหญ่ เหมือนกิโมโนที่ส่วนมากทำจากผ้าไหม ในสมัยก่อนชุดยูกาตะเอาไว้ใส่อยู่บ้าน ส่วนกิโมโนเอาไว้ใส่ออกงานซึ่งราคาจะแพงกว่ามาก ส่วนชุดที่อยู่ตามร้านเช่าหรือร้านขายตามแหล่งท่องเที่ยวมีไว้ให้บริการก็มักจะเป็นชุดยูกาตะเช่นกัน ครั้งนี้เจอร้านที่คนไทยชอบไปใช้บริการชื่อว่า ร้านวิเวียน ไปตามแผนที่เลยหาไม่ยากไม่ไกลจากร้านสตาร์บัคเท่าไหร่ หน้าร้านจะมีหุ่นใส่ชุดยูกาตะตั้งโชว์ไว้แบบเห็นแล้วรู้เลย ร้านเล็ก ๆ ไม่ใหญ่แต่เจ้าของร้านใจดี บอกขอบคุณมาก คนไทยมาใช้บริการเยอะเลย ร้านมีผ้าให้เลือกมากด้วยเช่นกัน เราเลือกลายตามที่ชอบแล้วให้เขาใส่ชุดเลือกเครื่องประดับ ทำผม กระเป๋าญี่ปุ่น มีให้พร้อม ถ้ามาเที่ยวช่วงอากาศหนาวก็มีขนเฟอร์ให้ใส่พันคอด้วยนะ พร้อมแล้วไปตะลุยเมืองเอโดะน้อยกัน 

 

หลังจากเคลียร์เรื่องเช่าชุดยูกาตะ ก็ไปร้านของกินเติมพลังก่อนเลย และแน่นอนก่อนมาเราหาข้อมูลมาพบว่ามีร้านข้าวหน้าปลาไหลอร่อยมากที่เปิดมา 200 กว่าปีแล้ว ร้านที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยว Kawagoe ใครไม่เคยกินก็ต้องกินแล้วหละ ร้าน Ichinoya เดินหาไม่ยาก ร้านคนเข้าตลอดเวลา ยอดนิยมจริง ๆ ทุกเมนูเป็นปลาไหลหมด ที่นี่ใช้ปลาไหลจากแหล่งน้ำสะอาดตามธรรมชาติ คนญี่ปุ่นมีความเชื่อว่าจะเพิ่มพลัง คลายความอ่อนล้า และจะช่วยชำระล้างร่างกายให้สะอาดด้วย โดยเฉพาะหน้าร้อนต้องมีวันหนึ่งที่จะต้องได้ทานปลาไหลด้วย 

 

ร้านนี้มีวิธีกินแนะนำมาให้ด้วย จะกินแบบที่เสิร์ฟมาตักเข้าปากได้เลย หรือใส่เครื่องเคียงวาซาบิสาหร่ายลงไปทานพร้อมกัน หรือ ใส่น้ำซุปลงไปทานแบบข้าวราดน้ำก็ได้เช่นกันแล้วแต่ชอบแบบไหน เราสั่งแบบเป็นเซทมาลองกัน เนื้อปลามีความนุ่มมาก เนื้อฟู ไม่มีกลิ่นคาวเลย กัดเข้าไปแล้วละลายเลย ย่างมาพอดีมาก เนื้อไม่เละ ไม่แข็งเลยอร่อยมากมายบรรยายไม่ถูกจริง ๆ แต่ต้องมาเขียนบอกต่อกันนี่แหละว่าอย่าพลาดนะถ้ามาเที่ยวที่นี่ 

 

อิ่มแล้วเราพร้อมเดินตะลุยเมือง Little  Edo กัน เราไปเริ่มกันที่สัญญาลักษณ์เมืองที่เห็นได้แทบทุกภาพโปรโมทของเมือง Kawagoe กันนั่นก็คือ หอระฆัง เก่าของเมือง หอระฆัง Bell of Time หรือเรียกเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า Toki no kane 時の鐘 เป็นหอระฆังที่สร้างขึ้นตั้งแต่ในสมัยเอโดะ ตามคำสั่งของ Sakai Tadakatsu ระหว่างปี 1624 และ 1644 โครงสร้างปัจจุบันนั้นสร้างขึ้นมาใหม่เมื่อปี 1894 หนึ่งปีให้หลังจากเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ของคาวาโกเอะ เป็นอาคารสามชั้นสูง 16 เมตร หอระฆังนี้ทำหน้าที่บอกเวลามายาวนานกว่า 350 ปี และเป็นสัญลักษณ์ของเมือง จะสามารถได้ยินเสียงระฆังสี่ครั้งต่อวัน (เวลา 06:00, 12:00, 15:00, และ 18:00) นอกจากนี้เรายังสามารถแวะเข้าไปชมศาลเจ้าขนาดเล็กในหอระฆังได้ด้วยเช่นกัน

 

ออกจากหอระฆัง เราก็เดินผ่านร้านค้ามากมาย ในสไตล์แบบย้อนยุค ไม่เว้นแม้กระทั่งร้านกาแฟสตาร์บัค สาขานี้ยังออกแบบมาให้กลมกลืนไปกับเมืองด้วยเช่นกัน จนเราอดแวะไปเข้าจิบกาแฟด้วยไม่ได้จริง ๆ 

จากนั้นเราก็เดินเสาะหาของกินที่เขาว่าต้องลองกันต่อ เพราะเมือง Kawagoe ขึ้นชื่อเรื่องขนมหวานที่ทำจากมันเทศ เจอร้านะไรที่เกี่ยวกับมัน เราลองหมด ไม่ว่าจะขนมมันเทศหวานอบ มีให้ชิมจุใจก่อนตัดสินใจซื้อ มาเที่ยวญี่ปุ่นถ้าคุณชอบ หรือถูกใจอะไรเจอแล้วแนะนำให้ซื้อเลย เพราะไอ้ประเภทเดี๋ยวกลับมาซื้อ อดทั้งนั้น ส่วนตัวอันที่เป็น ขนม ไอศกรีม คือดีทั้งนั้นเลย แต่อาจจะไม่ถูกปากตัวมันทอดแบบแผ่น ๆ ที่เขาว่า มาแล้วต้องกินกันเท่าไหร่นัก เพราะลงความเห็นกับเพื่อน ๆ แล้วรู้สึกถึงการใช้น้ำมันซ้ำหลายครั้งแน่นอน เลยไม่ถูกจริตพวกเรานัก แต่ถ้ามาแล้วใครอยากจะลองก็ลองเถอะแต่แนะนำว่าซื้ออันเดียวก่อน ชอบค่อยซื้อเพิ่มนะ หลังจากเดินชิม เดินชม เดินช็อป แทบทุกร้านแล้ว 

 

เราก็ไปต่อที่ วัดคิตะ-อิน Kitain Temple เพราะเรามา Kawagoe ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีพอดี จุดที่เราพอจะเห็นใบไม้เปลี่ยนสีได้ก็คือที่วัด วัดคิตะ-อิน นีเอง วัดคิตะ-อิน นับว่าเป็นวัดเก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง Kawagoe เคยเป็นวัดหลักของนิกายเทนไดในภูมิภาคคันโต ประวัติความเป็นมาของวัดแห่งนี้เริ่มมาจากการถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 830 ภายหลังเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่เมื่อค.ศ. 1638 โชกุนตระกูลโตกุงาว่า รุ่นที่ 3 มีคำสั่งให้ย้ายอาคารต้อนรับของปราสาทเอโดะมาไว้ที่วัดนี้ หลังจากนั้นปราสาทเอโดะก็ถูกไฟไหม้ครั้งใหญ่ ส่งผลให้ชิ้นส่วนของปราสาทที่หลงเหลืออยู่มีเพียงในวัดคิตะอินเท่านั้น และยังมีสวนญี่ปุ่นขนาดใหญ่ที่เลียนแบบภูเขาโมมิจิยาม่า ภายในปราสาทเอโดะ ซึ่งในฤดูใบไม้ร่วงเป็นช่วงที่สามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีได้สวยงามที่สุด ที่เราตั้งใจมาชมให้ได้ ส่วนตรงนี้ ต้องเสียค่าเข้าชมคนละ 400 เยน และไม่สามารถถ่ายรูปในห้องต่าง ๆ ได้ ยกเว้นถ่ายออกไปที่สวน แต่ลงไปในสวนไม่ได้เช่นกัน เราได้เจอใบไม้เปลี่ยนสีบ้าง ก็ยังสวยงามจับใจเช่นกันแม้จะไม่แดงหมดทั้งสวน เราเอ้อละเหยกันจนไม่ทันไปดู พระพุทธรูป 538 องค์ โกะเฮียคุราคัง ห้าร้อยอรหันต์ 500 Statues of Rakan ซึ่งแต่ละองค์มีใบหน้าและท่าทางที่แตกต่างกัน เพราะต้องรีบไปคืนชุดให้ตรงตามเวลา และหน้าหนาวมืดไวมากเช่นกันนะ อย่าลืม วัดคิตะ-อินเปิดทุกวัน 8.50 – 16.30 น. (ฤดูหนาว พ.ย. – ก.พ. 9.00 – 16.00 น.) จะปิดทำการ : 25 ธ.ค. – 8 ม.ค., 2-3 ก.พ., 2-5 เม.ย. และ 16 ส.ค. ของทุกปี

 

หลังจากไปคืนชุดเรียบร้อย เราก็นั่งรถบัสไปลงสถานี Kawagoe เพื่อกลับเข้าโตเกียวก่อนจะมืดไปมากกว่านี้ มาเที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาวอย่าลืมวางแผนกันดี ๆ นะ 4โมงก็เริ่มมืดแล้ว แล้วหวังว่า Kawagoe จะเป็นไอเดียให้คนมาเที่ยวโตเกียว แวะออกมาหากันนะ มาย้อนยุคเมือง Little Edo ที่ Kawagoe  กัน

คุณชอบบทความนี้

อยากบอกต่อให้เพื่อนรู้ง่ายๆ แค่แชร์ให้เพื่อนเลย

บทความแนะนำ
LINE@ Tourkrubคุยกับทัวร์ครับ