All articles abouts ทัวร์ครับ

สุดยอด! 10 เมนูอาหารญี่ปุ่นยอดนิยม ไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วต้องโดน

สุดยอด! 10 เมนูอาหารญี่ปุ่นยอดนิยม ไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วต้องโดน

31 ส.ค. 59

อาารญี่ปุ่น เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าใครก็ตามเมื่อไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วก็อยากจะกินอาหารต้นตำรับ ซึ่งญี่ปุ่นมีเมนูอาหารอร่อยๆ มากมายที่นักท่องเที่ยวไทยชอบมาก และครั้งนี้ ทัวร์ครับ ก็ได้รวมเมนูอาหารจากแดนปลาดิบ เมนูยอดนิยมของชาวญี่ปุ่นมาให้แล้ว ตามไปกินให้อร่อยถึงที่ญี่ปุ่น ซื้อทัวร์ญี่ปุ่น กับ ทัวร์ครับ (Tourkrub) >> https://tourkrub.co/japan-tour   10 เมนูอาหารญี่ปุ่น   1. อาหารญี่ปุ่น - ซูชิ (Sushi) Cr : easy-sushi83.com         ซูชิ หรือ ข้าวปั้น อาหารยอดฮิตตลอดการสำหรับนักชิมชาวไทย ซูชิ เป็น 1 ในเมนูยอดนิยมที่สุดของอาหารญี่ปุ่น ซึ่งเป็นอาหารประจำชาติของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ หากใครที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นมาแล้วจะรู้ได้เลยว่า เป็นเมนูที่หากินได้ง่ายมากๆ ไม่ว่าจะเป็นตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป หรือร้านหรูหรา ในโรงแรม 5 ดาวก็มีเมนูซูชิให้เลือกอร่อยเช่นกัน ซึ่งจะมีหน้าต่างๆ มากมาย และเนื่องจากซูชิมีการพัฒนาจากเชฟในยุคต่างๆ มาโดยตลอด ทำให้มีความอร่อยและหลากหลายมากขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยยุคเฮอัน    2. อาหารญี่ปุ่น - ราเมน (Ramen) Cr : www.reddit.com ราเมนเป็นหนึ่งในอาหารที่นิยมมากที่สุดในญี่ปุ่น ราเมนถือว่าเป็นอาหารจานด่วนที่มีคุณค่าทางอาหารครบถ้วน เราจึงสามารถเห็นร้านราเมนที่ประเทศญี่ปุ่นอยู่บ่อยๆ โดยแต่ละแห่งจะมีสูตรน้ำซุปประจำร้านเป็นของตัวเอง ซึ่งการทำราเมนให้อร่อยกลมกล่อมนั้นต้องใช้เวลาในการเคี่ยวน้ำซุปจากกระดูกเป็นชั่วโมงๆ บางสูตรใช้เวลาในการเคี่ยวกว่า 8 ชม. เลยทีเดียว บ่งบอกได้ถึงความพิถีพิถันและความเอาใจใส่ของเชฟชาวญี่ปุ่น   3. อาหารญี่ปุ่น - อูนางิ (Unagi) Cr : us.jnto.go.jp         อูนางิ หรือ ปลาไหลญี่ปุ่น มีลำตัวยาวประมาณ 1 เมตร ตากลมโต ผิวเคลือบด้วยเมือก มีลำตัวสีดำ ช่วงท้องมีขาว ในสมัยเอโดะปลาไหลถูกจับได้เป็นจำนวนมากเพราะการบุกเบิกที่ดินริมชายฝั่งอ่าวเอโดะ (อ่าวโตเกียว) จึงทำให้ปลาไหลเป็นอาหารยอดนิยมตั้งแต่สมัยนั้น ซึ่งในสมัยนั้น นิยมนำปลาไหลมาหั่นเป็นท่อนแล้วเสียบไม้ย่าง โดยไม่ปรุงรสใดๆ ต่อมาได้มีการปรุงรสเพิ่มโดยซีอิ้วดำหรือโชยุแบบเข้มข้น และมีการประยุกต์ปรุงแต่งรสชาติให้อร่อยยิ่งขึ้นจนถึงปัจจุบันนี้   4. อาหารญี่ปุ่น - เทมปุระ (Tempura) Cr : senhorcabo.com         เทมปุระ คือ อาหารประเภทที่ชุบแป้งทอดสไตล์ญี่ปุ่น ส่วนใหญ่จะใช้กุ้งเป็นหลัก และมีผักหลากหลายชนิดมาชุบแป้งทอดเป็นเครื่องเคียง ทานคู่กับซอสเทนทสึยุ (ซอสเทมปุระ) ที่มีขิงขูดละเอียดโรยอยู่ หรือใช้หัวไชเท้าขูดโรย จะทำให้ความอร่อยเพิ่มยิ่งขึ้น   5. อาหารญี่ปุ่น - ไคเซกิ (Kaiseki) Cr : savorjapan.com         อาหารแบบไคเซกิ คือ อาหารรูปแบบหนึ่งในญี่ปุ่น ที่มีความ ประณีตและความพิถีพิถันของการเตรียมอาหารและการตกแต่งให้สวยงาม ซึ่งสิ่งสำคัญที่ของไคเซกิ คือ การใส่อารมณ์ ความรู้สึกถึงฤดูกาลของแต่ละฤดู และการดึงรสธรรมชาติของวัตถุดิบออกมาได้ เช่น ใช้ทะเคโนะโขะ ในฤดูใบไม้ผลิ, เห็ดมัตสึทะเกะในฤดูใบไม้ร่วง และคัตสึโอะ ในฤดูร้อน อาหารร้อนจะเสิร์ฟในตอนที่ยังร้อน ส่วนอาหารเย็นจะเสิร์ฟในจานที่แช่เย็นไว้   6. อาหารญี่ปุ่น - โซบะ (Soba) Cr : japanesecooking101.com        แม้จะเป็นเมนูเส้นเหมือนกับราเมงแต่โซบะนั้นมีวัตถุดิบและวิธีการทำไม่เหมือนราเมนค่ะ โดยเส้นโซบะนั้นทำมาจากแป้งบักวีต จึงทำให้เส้นมีสีน้ำตาล นุ่มแต่ไม่เหนียว แน่นอนว่าเมนูโซบะนั้นก็เป็นอีกเมนูขึ้นชื่อของอาหารญี่ปุ่น แต่ถ้าจะให้พูดถึงความอร่อยนั้นก็คงต้องบอกว่าอร่อยไม่แพ้กันเลยทีเดียว มักนิยมทานคู่กับซอส เรียกว่าโซบะเย็น หรือจะทานแบบร้อนก็อร่อยไม่แพ้กัน   7. อาหารญี่ปุ่น - ชาบู (Shabu) Cr : wagyubeefsingapore.com       ชาบู เป็นหนึ่งใน อาหารญี่ปุ่นประเภทหม้อไฟ คล้ายกับสุกี้ยากี้ ที่มีส่วนผสมของ ผัก เนื้อหั่นบางๆ ลูกชิ้น และอาหารทะเล ปรุงรสโดยการนำเอาส่วนผสมต่างๆใส่ลงไปในหม้อ และปล่อยทิ้งไว้สักพัก จากนั้นนำเอาส่วนผสมต่างๆ อย่าง บะหมี่ เต้าหู้ ลงไปลวกแล้วรับประทานพร้อมกับซอสชาบูรสชาติเข้มข้นถึงใจ!   8. อาหารญี่ปุ่น - โอโคโนมิยากิ (Okonomiyaki) Cr : menu-tokyo.jp       โอโคโนมิยากิ เป็นอาหารที่มีการทำโดยการวางส่วนผสมลงบนแป้งสาลีที่ปลุกสุกบนเท็ปปัง (แผ่นโลหะ) พร้อมซอสสูตรพิเศษราดด้านบนที่จะช่วยเพิ่มรสชาติของโอโคโนมิยากิให้อร่อยยิ่งขึ้น ซึ่งแหล่งต้นกำเนิดโอโคโนมิยากิก็คือภูมิภาคคันไซ ดังนั้นหากใครที่มีโอกาสได้ไปเยือนคันไซ อย่าง โอซาก้า ถือได้ว่าโอโคโนมิยากินั้นเป็น สุดยอดเมนูอาหารญี่ปุ่นขึ้นชื่อของโอซาก้า เลยล่ะค่ะ   9.อาหารญี่ปุ่น - ทงคัตสึ (Tonkatsu) Cr : delmonte.ph       อีกเมนูอาหารญี่ปุ่นยอดฮิต ที่พลาดไม่ได้ก็คือ ทงคัตสึ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะใช้หมูเนื้อสันในการทำ นำมาโรยเกลือและพริกไทยให้ทั่ว จากนั้นโรยด้วยแป้งสาลี ชุบไข่และเกล็ดขนมปัง  แล้วจึงนำไปทอด ในน้ำมันร้อนๆ ซึ่งในแต่ละร้านจะมีเอกลักษณ์ในรสชาติที่ไม่เหมือนกัน แต่เอาเป็นว่ารสชาติดี จนติดใจแน่นอนค่ะ   10. อาหารญี่ปุ่น - ยากิโทริ (Yaki-tori) Cr  : carolynchan.wordpress.com       ปิดท้ายด้วย ยากิโทริ อาหารประเภทปิ้งย่างยอดนิยมของญี่ปุ่น ที่มีขั้นตอนการทำอันเป็นเอกลักษณ์ ด้วยการเสียบเนื้อสัตว์ อย่างไก่ หมู และผักบนไม้เสียบ จากนั้นย่างด้วยซอสสูตรเฉพาะ คนญี่ปุ่นมักทานยากิโทริเป็นกับอาหารแกล้มเบียร์ หรือในงานสังสรรค์ ยากิโทริ จึงเป็นอีกเมนูอาหารญี่ปุ่นที่พลาดไม่ได้เลยค่ะ หรือถ้าใครสนใจก็ตามไปกินกันได้ที่นี่เลยจ้า ... ทัวร์ญี่ปุ่น

อ่านเพิ่มเติม
7 กระทู้เด็ด รีวิวทัวร์ญี่ปุ่น pantip เที่ยวทัวร์ญี่ปุ่นฟินแค่ไหน ? ต้องอ่าน!
7 กระทู้เด็ด รีวิวทัวร์ญี่ปุ่น pantip เที่ยวทัวร์ญี่ปุ่นฟินแค่ไหน ? ต้องอ่าน!

08 พ.ค. 61

        เชื่อว่าหลายๆคน อาจคิดว่าไปเที่ยวเองน่าจะสนุกและราคาประหยัดกว่า แต่จริงๆแล้ว การเที่ยวกับทัวร์ก็สนุกไม่แพ้กันเลยนะคะ อีกทั้งเรายังสามารถกำหนดงบประมาณได้แบบตายตัว ไม่ต้องกลัวว่างบจะบานปลาย และเหมาะมากๆสำหรับนักเที่ยวที่อยากพาญาติผู้ใหญ่ไปเที่ยว หรือใครที่ไม่มีเวลาวางแผนในการเที่ยว การไปเที่ยวทัวร์จึงเป็นทางออกที่ตอบโจทย์สุดๆค่ะ                วันนี้ทัวร์ครับจึงได้ รวบรวมรีวิว ทัวร์ญี่ปุ่น จาก pantip  ให้ทุกคนได้ลองศึกษาข้อมูลการไปเที่ยวทัวร์ญี่ปุ่น เปิดมุมมองการเที่ยวแบบทัวร์ สัมผัสบรรยากาศการเที่ยวทัวร์ญี่ปุ่น แบบติดขอบ เที่ยวญี่ปุ่นกับทัวร์ มีอะไรน่าสนใจ สามารถไปเที่ยวที่ไหนได้บ้าง ตามทัวร์ครับไปดูกันเลยค่ะ 1. รีวิวทัวร์ญี่ปุ่นราคา 20,900บาท เป็นยังไง มาดูกันครับ               รีวิวทัวร์ญี่ปุ่นโตเกียว ราคาเพียง 20,900 บาท กระทู้นี้ได้มาตอบโจทย์แล้วทัวร์ญี่ปุ่นราคา 20,000 บาท ก็สามารถเที่ยวญี่ปุ่นแบบฟินๆได้แล้ว อ่านกระทู้เพิ่มเติม >>>  http://2g.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11031906/E11031906.html   2. เที่ยว Japan แบบ ทัวร์ ทัวร์ ตามกรอบที่ขีดไว้               รีวิวทัวร์โอซาก้า ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี รีวิวกันแบบได้อรรถรรส ทั้งกิน ทั้งเที่ยว ได้เห็นญี่ปุ่นแบบทุกซอกทุกมุมของการเที่ยวทัวร์ญี่ปุ่น ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี อ่านกระทู้เพิ่มเติม >>> https://pantip.com/topic/35833441   3. Review เที่ยวญี่ปุ่นกับทัวร์ โตเกียว ฟูจิ 5 วัน 3 คืน               ส่วนใครที่กำลังมองหารีวิวทัวร์ญี่ปุ่นแบบพาคุณแม่ไปเที่ยวญี่ปุ่นได้ แบบไร้กังวล ต้องอ่านรีวิวนี้เลยค่ะ รีวิวเที่ยวทัวร์ญี่ปุ่น โตเกียว เที่ยวกับคนรู้ใจ ให้ไปกับทัวร์ หมดห่วงเรื่องการเดินทาง อ่านกระทู้เพิ่มเติม >>>  https://pantip.com/topic/35833441   4. ทัวร์ญี่ปุ่น : แสนอัศจรรย์ เมื่อใบไม้ยังเปลี่ยนสี แต่ใจพี่ไม่เปลี่ยนแปลง               รีวิวทัวร์ญี่ปุ่นแบบพรีเมี่ยม ทัวร์โอซาก้า ทาคายาม่า เที่ยวมรดกโลก หมู่บ้านชิราคาวาโกะ โปรแกรมเที่ยวแบบเน้นๆ เที่ยวเยอะ ช้อปกระจาย กับความสะดวกสบายที่มากกว่า อ่านกระทู้เพิ่มเติม >>> https://pantip.com/topic/35858943   5. ++ รีวิวทัวร์ฮอกไกโดฤดูหนาว ....ขาวสุดขั้ว ....หนาวสุดใจ....++              รีวิวทัวร์ญี่ปุ่นเส้นทางยอดฮิต อย่าง ฮอกไกโด ในหน้าหนาวพร้อมความสวยงามของหิมะสีขาวท้ังเมือง กับประสบการณ์สัมผัสหิมะนุ่มๆ ให้ฟินกันแบบหนาวสุดขั้ว อ่านกระทู้เพิ่มเติม >>> https://pantip.com/topic/31477907   6. >>++..รีวิวทัวร์ Hokkaido Gourmet อร่อยเพลินพุง...ชมทุ่งลาเวนเดอร์..++<<              หน้าหนาวผ่านไปแล้ว ขอต่อด้วยอีกหนึ่งฤดูยอดฮิตในการเที่ยวฮอกไกโดกับ รีวิว ทัวร์ญี่ปุ่นฮอกไกโด หน้าร้อน ทัวร์ที่เน้นเรื่องกิน ฟินทั้งแก๊ง พร้อมเที่ยวสัมผัสธรรมชาติแบบจัดเต็ม ครบทุกรสชาติจริงๆค่ะ อ่านกระทู้เพิ่มเติม >>> https://pantip.com/topic/34011502              แต่ละรีวิวเด็ดๆทั้งนั้นเลยใช่ไหมคะ ? เห็นไหมคะว่าการไปเที่ยวทัวร์ญี่ปุ่นนั้นก็สะดวกสบาย ราคาคุ้มค่าไม้แพ้กัน ดังนั้นหากใครอยากเที่ยวญี่ปุ่นแบบสบายใจ ไม่ต้องวางแผนเที่ยวให้ปวดหัว เข้าไปดูทัวร์ญี่ปุ่นเด็ดๆจากทัวร์ครับได้เลย... >>>โปรแกรมทัวร์ญี่ปุ่นคุณภาพ ราคาสุดคุ้มจากทัวร์ครับ คลิกเลย <<<

อ่านเพิ่มเติม
8 วิธีลางานแบบมืออาชีพ! เจ้านายจับไม่ได้แน่นอน
8 วิธีลางานแบบมืออาชีพ! เจ้านายจับไม่ได้แน่นอน

25 พ.ย. 62

ทำงานมาทั้งปี อยากพักผ่อนเที่ยวต่างประเทศให้ร่างกายได้เฟรชบ้าง จะลางานไปเที่ยวหลายวัน ก็ห่วงว่าหัวหน้าจะไม่ให้ลา แต่ครั้งนี้ต้องลาได้ เพราะ ทัวร์ครับ (Tourkrub) รวมมาให้แล้วกับ 8 วิธี หลอกนาย เอ้ย! ลางานยังไงให้นายเชื่อถือ ใครกำลังจะลางานพักร้อนเที่ยวปลายปี ก็ตามไปเก็บเทคนิคนี้กันได้เลย ปล.จองทัวร์เที่ยวต่างประเทศแล้ว แนะนำว่า ซื้อประกันเดินทางต่างประเทศ ไว้ด้วย จะได้เที่ยวสบายใจลาป่วยแบบไม่ต้องป่วยจริงจองทัวร์ต่างประเทศ ปี 2566 กับ ทัวร์ครับ คลิกเลย  1. ลาป่วย        คือ เหตุผลการลางานยอดนิยม ที่ทัวร์ครับเชื่อว่าหลายคนเคยทำ เพราะเราสามารถลาป่วยได้ 1 วันโดยไม่ต้องมีใบรับรองแพทย์ค่ะ โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาวหรือหน้าฝน ก็จะยิ่งดูน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น ก็ อากาศมันเปลี่ยนแปลงบ่อย ก็เลยป่วย และอย่าลืมบ่นว่าหนาวและเพลียมาก หากเป็นหน้าร้อนก็ต้องบอกไปว่า อาหารเป็นพิษ ท้องเสียหรือท้องร่วง ซึ่งใครๆก็เป็นกัน แต่อย่าใช้บ่อยเกินไปนะคะ เกิดป่วยจริงขึ้นมา เจ้านายจะไม่เชื่อเอา 2. ก็มันเป็นอุบัติเหตุ        อุบัติเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิด โดยเฉพาะ คนเมืองกรุงที่เรื่องการจราจรคือปัญหาที่เราต้องเผชิญกันทุกวัน ซึ่งหากใครต้องลางานด่วนจริงๆ ก็สามารถใช้เหตุผลเรื่องอุบัติเหตุไปบอกเจ้านายได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรถติดมาก รถไฟฟ้าหยุดวิ่งฉุกเฉิน โดนแท็กซี่ชนท้าย โดนรถเมล์เฉี่ยว อันนี้ครีเอทดีๆหน่อยรับรองไม่ซ้ำแน่่นอน 3. อยากลาต้องใจใหญ่ อย่าคิดมาก        หากคุณป่วย อย่าได้ลังเลว่าการหยุดงานของคุณจะทำให้บริษัทเสียงานหรือเพื่อนเสียความรู้สึก เพราะหากคุณป่วยแต่ไม่ได้ลา การมาทำงานของคุณในสภาพแบบนั้นอาจไม่ได้มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร และที่สำคัญยังเป็นตัวแพร่เชื้อให้เพื่อนร่วมงานอีกด้วย ส่วนใครที่ไม่ได้ป่วยจริง ก็อย่าแสดงความตื่นเต้นออกมามากเกินไป เดี๋ยวโดนจับได้ไม่รู้นะ! 4. รีบโทรบอกแต่เช้า        สิ่งที่ไม่ควรทำคือการเขียนอีเมลหานายของคุณหากคุณจะลางาน แต่ควรส่งข้อความส่วนตัวไปลาตั้งแต่เช้า หลังจากนั้นสักพักจึงโทรไปย้ำอีกครั้ง เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่องาน 5. สั้น-กระชับ-ฉับไว        เมื่อแจ้งเรื่องลาไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องบอกเล่าเก้าสิบอาการป่วยของคุณมาก แค่ ใจความสำคัญให้ทราบว่าคุณเป็นอะไรหรือมีธุระเรื่องด่วนอะไร ? การไอหรือทำเสียงแหบในสายโทรศัพท์ บางครั้งอาจทำให้คนปลายสายคิดว่าคุณทำตัวป่วยเกินจริงได้ มันดูเป็นการลาที่อาจจะปลอมไปหน่อย 6. แสดงความห่วงงาน        อย่าลืมปิดท้ายการลางานของคุณ ด้วยการถามนายเจ้านายว่า มีงานค้างอะไรที่สามารถทำจากบ้านได้ไหม อย่างเช่น การอ่าน การเช็คอีเมล หรือการช่วยตรวจสอบเอกสารคร่าวๆ เพื่อเป็นการ แสดงถึงความรับผิดชอบงานของคุณนั่นเอง 7. งดการโพสลง Social Media ทั้งหลาย        หลายคนกลัวว่าการป่วยจริงของตัวเอง จะถูกสงสัยหรือไม่ได้รับความไว้วางใจ ตราบใดที่คุณไม่ได้ลาป่วยในวันจันทร์หรือวันศุกร์บ่อยๆ (ซึ่งมักเกิดจากอารมณ์อยากพักผ่อนเพิ่มเติมหรืออยากหยุดไปเที่ยว) และคุณได้ทำทุกอย่างตามข้อข้างต้นไปแล้วก็อย่าได้กลัวไปเลย เพราะ การพิสูจน์ว่าคุณป่วยด้วยการแชร์พิกัดบน Facebook หรือการถ่ายรูปหน้าเปล่าเปลือยจากบนเตียง แล้วแท็กหาเพื่อนร่วมงานหรือเจ้านาย ไม่ใช่การเรียกร้องความเห็นใจที่ดีเลย และที่สำคัญมีเพียง 20 % ของบริษัททั้งหมดเท่านั้นที่ต้องการหลักฐานพิสูจน์ในการลาป่วยของพนักงาน 8.กล่าวขอบคุณ        ในช่วงที่คุณลาป่วยซึ่งอาจไม่ใช่วันเดียว เจ้านายของคุณอาจขอให้เพื่อนในแผนกเดียวกัน ทำงานแทนคุณ ดังนั้น เมื่อคุณกลับมาทำงานได้ตามปกติ ก็ควรไม่ลืมที่จะ ขอบคุณเพื่อนร่วมงาน และเจ้านายที่คอยช่วยเหลือระหว่างที่คุณลางานด้วยนะคะ         เป็นไงบ้าง ? สำหรับเคล็ดลับการลางานที่ทัวร์ครับรวบรวมมาให้ในวันนี้ แต่ทัวร์ครับขอเตือนเอาไว้ก่อนว่า อย่าใช้กันบ่อยจนเกินไป ทางที่ดีควรใช้กับเหตุฉุกเฉิน หรือเรื่องด่วนๆ จริงๆ ไม่งั้นเจ้านายอาจจับได้ไม่รู้ด้วยนะจองทัวร์ต่างประเทศ ปี 2566 กับ ทัวร์ครับ คลิกเลย  

อ่านเพิ่มเติม
10 ที่สุด!! ของฝากจากเกาหลี บินไปเกาหลีทุกทีต้องโดน!
10 ที่สุด!! ของฝากจากเกาหลี บินไปเกาหลีทุกทีต้องโดน!

03 เม.ย. 61

บินไปเที่ยวเกาหลีทั้งที เรื่องเที่ยวต้องแน่น กิจกรรมต้องมันส์! แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันเลยก็คือเรื่องช้อปปิ้ง เกาหลีเป็นอีกหนึ่งแหล่งช้อปขวัญใจคนไทย โดยเฉพาะสาวๆทั้งหลาย ต่างตกหลุมรักเครื่องสำอางค์ของเกาหลีกันทุกราย ดังนั้นหากใครกำลังจะไปเที่ยวเกาหลี แต่ยังไม่รู้ว่าจะต้องซื้ออะไรเป็นของฝากดี วันนี้ ทัวร์ครับ ได้คัดสรร 10 ของฝากเกาหลี มาฝากค่ะ  จองทัวร์เกาหลี กับ ทัวร์ครับ https://tourkrub.co/korea-tour   10 ของฝากเกาหลี ไปแล้วต้องซื้อกลับทุกครั้ง   1.ที่มาร์กหน้า (Face Mark) สำหรับที่ มาร์กหน้านั้นถือเป็นของฝากจากเกาหลียอดนิยมอันดับต้นๆ ที่ใครๆต้องไม่พลาดหิ้วมาฝากกันบ่อย เพราะมาร์กหน้าที่เกาหลีนั้นมากมายหลายสูตรให้เลือกสรร และที่สำคัญราคาไม่แพงเมื่อซื้อแบบแพ็ค ราคาไม่แพง แถมฝากได้หลายคน ดังนั้นใครไปเที่ยวเกาหลี อย่าลืมซื้อติดไม้ ติดมือมาเป็นของฝากนะคะ     2.แฮนด์ครีมและบอดี้โลชั่น (Hand Cream & Lotion) ของฝากเกาหลียอดฮิตของ 2018 อันต่อมายังอยู่ที่หมวดหมู่ของเครื่องสำอางค์ค่ะ ของฝากที่ว่านั้นก็คือ แฮนด์ครีมและโลชั่น นั่นเองค่ะ เนื่องจากเกาหลีเป็นประเทศที่มีอากาศหนาวเย็น จึงมีสินค้าประเภทนี้ให้เลือกมากมาย  และที่สำคัญคือ เข้ากันได้กับผิวพรรณของคนไทย ราคาก็ไม่แพง มากับบรรจุภัณฑ์ที่น่ารักสดใส จึงทำให้แฮนด์ครีมและโลชั่นกลายเป็นหนึ่งในของฝากเกาหลียอดนิยมค่ะ >> ซื้อแฮนด์ครีมเกาหลี คลิกตรงนี้     3.ถุงเท้า (Socks) ไอเทมของฝากเกาหลียอดฮิตต่อมาก็คือ ถุงเท้า ซึ่งบางคนอาจสงสัยว่าทำไมถุงเท้าเกาหลีถึงกลายเป็นของฝากเกาหลีได้ เพราะว่าถุงเท้าเกาหลีเต็มไปด้วยลวดลายน่ารัก มีหลากหลายรูปแบบมากๆ จนเลือกไม่ถูก ยิ่งหากเป็นสาวกคนชอบถุงเท้าแล้วล่ะก็ ทัวร์ครับบอกเลยว่างานนี้มีหมดตัวค่ะ แถมราคาน่ารักมากๆ เริ่มต้นเพียง คู่ละ 1,000 วอนหรือประมาณ 30 บาทเท่านั้น เหมาะกับการเป็นของฝากเกาหลีจริงๆ   4.เสื้อผ้าแฟชั่น (Clothes) มีโอกาสได้ไปเยือนประเทศแฟชั่นทั้งที ก็ไม่ควรพลาดช้อปปิ้งเสื้อผ้ากันสักหน่อย ซึ่งเกาหลีนั้นเต็มไปด้วย เสื้อผ้าแฟชั่นแสนทันสมัย หลากหลายสไตล์โดยร้านเสื้อผ้าจะซ่อนตัวอยู่ตามสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน โดยเฉพาะเมืองหลวง อย่าง โซล (Seoul) ซึ่งถือได้ว่าเป็นแหล่งเสื้อผ้าแฟชั่นชั้นนำของเกาหลี ทัวร์ครับ แนะนำให้ช้อปแบบมีสติ ไม่งั้นตัวอาจจะเบาออกมาจากร้านได้ค่ะ   5.กิมจิ (Kimchi) กิมจิ สุดยอดเอกลักษณ์แห่งเกาหลี อาหารประจำชาติที่ไม่มีใครไม่รู้จัก และยังได้เป็น ของฝากเกาหลียอดฮิต ที่นักท่องเที่ยวไม่พลาดซื้อกลับมาเป็นของฝากกลับมากันแทบทุกราย ด้วยรสชาติสไตล์เกาหลีแท้ๆ ที่ไม่มีใครเหมือน กับความอร่อยแบบต้นฉบับ ซึ่งหลังจากได้กลายมาเป็นของฝากเกาหลีสุดฮิต กิมจิจึงพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้สะดวกกับการเดินทาง >> ซื้อกิมจิ อร่อยๆ คลิกตรงนี้เลย     6.สาหร่าย (Seaweed) พูดถึงกิมจิแล้วไม่พูดถึง สาหร่าย ก็คงไม่ได้ เพราะสาหร่ายคือหนึ่งในของฝากเกาหลีที่ไม่ว่าจะซื้อฝากใครก็ต้องติดใจในรสชาติกันทุกราย ซึ่งส่วนใหญ่จะถูกแปรรูปให้กลายเป็น สาหร่ายทะเลอบกรอบ พร้อมรสเค็มนิดๆจากเกลือ และหอมหน่อยๆจากน้ำมันงา สาหร่ายเกาหลี จึงกลายเป็นของฝากเกาหลีสุดฮิตนั่นเองค่ะ >> ซื้อสาหร่ายเกาหลี คลิกเลย   7.โสม (Ginsang) สำหรับคนที่ต้องการซื้อของฝากเกาหลีให้กับญาติผู้ใหญ่  โสมจัดเป็นอายุวรรณะของคนเกาหลีมานานกว่า 1,000 ปี เราจึงนิยมซื้อโสมเป็นของฝากเกาหลีให้กับญาติผู้ใหญ่ เพราะโสมมีสรรพคุณช่วยบำรุงร่างกาย และทำให้ร่างกายฟิต ราวกับคนรุ่นหนุ่มสาวเลยล่ะค่ะ   8.เครื่องสำอาง (Cosmetic) เครื่องสำอางค์เกาหลี เรียกได้ว่าเป็นที่สุด ของฝากเกาหลียอดฮิตตลอดกาล เพราะไม่ว่าจะผ่านไปกี่ เครื่องสำอางค์ก็ยังคงเป็นของฝากเกาหลีที่ใครๆก็ต้องซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านกันมาทุกราย ซึ่งเครื่องสำอางค์เกาหลีนั้นมีหลากหลายแบรนด์มากหมาย แต่ละแบรนด์ยังออกผลิตภัณฑ์มาแข่งขันกันอย่างไม่มีใครยอมใคร แถม ราคาที่ไม่แพง สบายกระเป๋า และมีคุณภาพ โดยเฉพาะแบรนด์อันดับ 1 ในใจคนไทยอย่าง Etude, Skinfood หรือ innisfree เครื่องสำอางค์เกาหลี จึงกลายเป็นของฝากเกาหลีที่ต้องโดนทุกครั้งหากได้ไปเที่ยวเกาหลีค่ะ   9.บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป (Instant Noodle) ความใฝ่ฝันของการไปเกาหลีที่สาวๆ หลายคนหมายปอง คือการไปชิมบะหมีกึ่งสำเร็จรูปของเกาหลี หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า รามยอน ซึ่ง เรามักได้เห็นคู่พระ-นางเกาหลีในซีรีย์นั่งซู๊ดดด...รามยอนกันเสียงดัง จนอดสงสัยไม่ได้ว่า มันจะอร่อยขนาดไหนกันนะ ด้วย เส้นบะหมี่เหนียวนุ่มอันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมรสชาติหลากหลายให้ลิ้มลอง รามยอนเกาหลี จึงเป็นอีกของฝากเกาหลีสุดฮิตที่ใครก็ชื่นชอบ >>> ซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเกาหลี คลิกเลย   10. รองเท้า (Shoes) เกาหลีเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่า รองเท้าราคาไม่แพง ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าแบรนด์ชั้นนำต่างๆ ซึ่งราคาถูกกว่าเมืองไทยมาก และยัง มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะสาวๆทั้งหลายที่มักจะหมดตัวทุกครั้ง เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็เจอแต่รองเท้าน่าซื้อทั้งนั้น บางคนซื้อให้ตัวเองไม่พอ ยังซื้อฝากคนอื่นอีกด้วย ดังนั้นก็ระมัดระวังน้ำหนักกระเป๋ากันด้วยนะคะ                 อย่าลืมจดลิสของฝากเกาหลีทั้ง 10 อย่างไว้ให้ดี ไปเที่ยวเกาหลีจะได้ไม่พลาดของดีดี ราคาคุ้มค่า ซื้อติดไม้ติดมือมาฝากถูกใจทั้งคนให้และคนรับแน่นอนค่ะ [ สถานที่ช้อปปิ้งในเกาหลี ไม่ได้มีดีแค่ เมียงดง ] แต่ถ้าใครอยากเที่ยวเกาหลีแบบลื่นไหลไม่มีสะดุด ก็เข้าไปดู... จองทัวร์เกาหลี กับ ทัวร์ครับ https://tourkrub.co/korea-tour

อ่านเพิ่มเติม
7 ของฝากจากเวียดนาม ไปเที่ยวเวียดนามต้องไม่พลาด!
7 ของฝากจากเวียดนาม ไปเที่ยวเวียดนามต้องไม่พลาด!

25 เม.ย. 61

        เวียดนาม (Vietnam) คืออีกประเทศที่คนไทยไม่น้อยอยากลองไปสัมผัสดูสักครั้ง โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นจากรีวิวเที่ยวเวียดนามของบรรดาเหล่าบล็อกเกอร์ทั้งหลายก็รู้สึกอยากลองไปลองสัมผัสความสวยงามนี้ด้วยตัวเองสักครั้ง แต่เมื่อได้โอกาสไปเยือนเวียดนามทั้งที สิ่งที่พลาดไม่ได้ก็คือการซื้อของฝากเวียดนามค่ะ และแน่นอนว่าแต่ละพื้นที่ของเวียดนามมีของฝากเวียดนามที่แตกต่างกัน ลองมาดูว่าแต่ละพื้นที่ของเวียดนามจะมีของฝากเวียดนามอันน่าสนใจกันบ้าง ? เวียดนามเหนือ                 เริ่มต้นจากภาคเหนือของเวียดนาม เมืองหลักๆ ที่ต้องไปเที่ยวคือ ฮานอย (Hanoi) เวียดนาม ทางเหนือส่วนใหญ่จะมีสภาพภูมิอากาศจะเย็นเนื่องจากติดกับประเทศจีน สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ เช่น โบสถ์เซนต์โจเซฟ, วัดเจดีย์เสาเดียว, พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติเวียดนาม เป็นต้น โดยของฝากเวียดนามทางตอนเหนือที่น่าสนใจประกอบไปด้วย   เสื้อ หมวก ลายดาวแดง                 ลายดาวแดง ถือเป็นสัญลักษณ์ของประเทศเวียดนามเนื่องจากเป็นธงชาติของพวกเขา ดังนั้นเราจะเห็นคนใส่หมวก เสื้อ ดาวแดงจำนวนมากและเมื่อมายังเวียดนามเหนือต้องไม่พลาดซื้อกลับไปเป็นของฝากเวียดนามกันสักหน่อย...   งานหัตถกรรมเวียดนาม              หรือสินค้า Handmade ทำมือ งานประหัตถกรรมที่แสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของเวียดนาม เมื่อมายังเวียดนามเหนือก็ต้องขอซื้อกลับไปเป็นของฝากเวียดนามสักเล็กน้อยค่ะ โดยงานหัตถกรรมนั้นมีให้เลือกหลากหลาบรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น พวงกุญแจ กระเป๋าทำมือ แม่เหล็กติดตู้เย็น ชื่นชอบแบบไหน ก็ซื้อเป็นของฝากได้เลย   เวียดนามกลาง                เมืองอันโด่งดังของแถบเวียดนามกลางมีอยู่หลายเมืองค่ะ อย่างเช่น ดานัง (Danang) ฮอยอัน (Hoi An) เว้ (Hue) ความน่าสนใจคือเป็นเมืองที่เต็มไปดเวยสถาปัตยกรรมสวยงามมากมาย ตึกรามบ้านช่องสไตล์ฝรั่งเศสผสมผสานกับจีนได้อย่างลงตัว มีความเงียบสงบเหมาะกับการไปพักผ่อนสุดๆ ซึ่งของฝากเวียดนามกลางที่น่าสนใจประกอบไปด้วย   ภาพวาดสีน้ำมันและภาพเขียนตัวอักษร               งานฝีมือสุดเก่าแก่ของเวียดนามที่เราสามารถพบเห็นได้.oทางเวียดนามกลาง ถือเป็นงานศิลปะอันควรค่า เหมาะกับการซื้อเป็นของฝากเวียดนามที่ระลึกค่ะ   ชุดอ๋าวหญ๋ายและหมวกเวียดนาม               เอกลักษณ์ของชาวเวียดนาม ที่สาวๆทั้งประเทศเวียดนามต้องใส่กัน ก็คือ ชุดประจำชาติอ๋าวหญ๋าย มีจำหน่ายเป็นของฝากเวียดนาให้นักท่องเที่ยวสาวๆได้มีโอกาสแปลงกายปลอมตัวเป็นสาวเวียดนาม ยิ่งใส่คู่กับหมวกเวียดนาม ยิ่งเข้ากันสุดๆ เหมาะกับการซื้อเป็นของฝากเวียดนามจริงๆค่ะ    โคมไฟริมแม่น้ำทูโบน                หากใครได้ไปเยือนเมืองมรดกฮอยอัน ก็จะได้พบกับภาพของโคมไฟหลากสีสันที่ส่องแสงสว่างอยู่ริมแม่น้ำทูโบน ซึ่งหากใครติดใจในความสวยงามของโคมไฟงานหัตถกรรมพื้นบ้านจากเวียดนามล่ะก็ ก็สามารถซื้อกลับบมาเป็นของฝากเวียดนามได้นะคะ  เวียดนามใต้         เมืองทางตอนใต้ที่โด่งดังมากๆ คือ โฮจิมินห์ ซิตี้  (Ho Chi Minh City) เมืองหลวงแห่งใหม่ แน่นอนว่าความสะดวกสบายครบครันแถมที่เที่ยวน่าสนใจเพียบ ไม่ว่าจะเป็น อุโมงค์ Cu Chi Tunnels, พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ หรือจะแวบไปดาลัด มุยเน่ ก็งดงามอย่าบอกใคร ส่วนของฝากจากเวียดนามใต้ประกอบไปด้วย   กาแฟ               เวียดนามเป็นอีกประเทศที่สามารถปลูกกาแฟระดับโลก เพราะที่นี่ปลูกและส่งออกกาแฟเป็นอันดับ 2 ของโลก กาแฟเวียดนามจึงได้กลายมาเป็นของฝากเวียดนามขึ้นชื่อ นอกจากจะซื้อเป็นของฝากแล้ว เราสามารถชิมกาแฟคั่วสดๆจากร้านคาเฟ่ต่างๆในเวียดนาม ใครเป็นสาวกเครื่องดื่มประเภทนี้ต้องไม่พลาดชิมกาแฟเวียดนามนะคะ เพราะว่าเด็ดจริงๆค่ะ ผลไม้แห้ง               ผลไม้อบแห้ง จัดเป็นอีกหนึ่งของฝากเวียดนามขึ้นชื่อ ไม่ว่าจะเป็นผลไม้อบแห้ง และถั่วชนิดต่างๆ แต่ก่อนซื้อก็ต้องตรวจสอบให้ดีก่อนว่ามีกลิ่นเหม็นหืน หรือเป็นของเก่าหรือเปล่า ? หากเจอของเก่าเหม็นหืนเข้าไป คงจะเซ็งแย่เลย                  แต่ละภูมิภาคของเวียดนาม ต่างก็มีของฝากเวียดนามที่น่าสนใจแตกต่างกันไป หากใครมีโอกาสได้ไปเยี่ยมเยี่ยนภูมิภาคไหนของเวียดนาม ก็อย่าลืมซื้อของฝากเวียดนามติดไม้ติดมือกลับมาด้วยนะคะ นอกจากของไม่แพงแล้ว ยังมีเอกลักษณ์และเป็นที่ระลึกให้เรานึกถึงช่วงเวลาดีดีของทริปเวียดนามอีกด้วยค่ะ ส่วนใครที่อยากมีความทรงจำดีดีในเวียดนาม ก็สามารถเข้าไปดูโปรแกรมทัวร์เวียดนามคุณภาพ ราคาประหยัดจากทัวร์ครับได้เลย >>> ทัวร์เวียดนามคุณภาพ ราคาสุดคุ้มจากทัวร์ครับ <<<

อ่านเพิ่มเติม
เที่ยวเวียดนามเดือนไหนดี ? มีอะไรน่าสนใจต้องไปดู!
เที่ยวเวียดนามเดือนไหนดี ? มีอะไรน่าสนใจต้องไปดู!

18 เม.ย. 61

               เวียดนาม (Vietnam) ประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงของเรา อีกประเทศที่คนไทยนิยมเดินทางไปเที่ยวอย่างคึกคัก ว่าแต่...แล้วจะไปเที่ยวเวียดนามเดือนไหนดีนะ ? และแต่ละเดือนของเวียดนาม มีอะไรน่าเที่ยวบ้าง ? หากใครกำลังมีคำถามเหล่านี้อยู่ในใจ ทัวร์ครับจึงขออาสา หาคำตอบมาให้เหล่านักเที่ยวทุกท่านได้หายข้องใจ ลองมาดูกันว่าเที่ยวเวียดนามเดือนไหนดี มีอะไรน่าสนใจกันบ้าง ?   มีนาคม – เมษายน              ช่วงนี้ถือเป็น ช่วงฤดูใบไม้ผลิ สภาพอากาศเวียดนามจะเย็นๆ กำลังสบาย แนะนำให้เดินทางไปเที่ยวอดีตเมืองหลวงเวียดนามอย่าง โฮจิมินห์ ซิตี้ (Ho Chi Minh City)       เดินสำรวจย่านเมืองเก่า ที่ทุกวันนี้กลายเป็นเมืองสำคัญแดนใต้ของเวียดนามไปเรียบร้อย เที่ยวชมสถาปัตยกรรมแบบจีนผสมผสานกับฝรั่งเศสอันงดงามตระการตา หรือจะมาเที่ยว ฮานอย (Hanoi) ในช่วงปลายเดือนเมษายนซึ่งเป็นวันหยุดยาวของประเทศเวียดนามก็ดีไม่แพ้กัน พฤษภาคม – สิงหาคม         ช่วงนี้เป็นช่วง ฤดูร้อน (Summer) จึงอาจกมีฝนตกบ้างประปราย อุณหภูมิเวียดนามราว 30-40 องศาเซลเซียส ทัวร์ครับขอแนะนำให้ไปเที่ยว ดานัง (Danang) เมืองติดทะเลของเวียดนามเพื่อสัมผัสกับอากาศสบายๆ ไม่ร้อนอบอ้าวจนเกินไป หรือจะสัมผัสกับเทือกเขาแอลป์ ทุ่งดอกไม้สีสันสดใส ก็ต้องไปที่ ดาลัด (Dalat) เลย เพราะว่าดาลัดคือเมืองตากอากาศอันมีภูมิทัศน์สวยงามและอากาศเ็นสบายดีตลอดทั้งปี  หากใครที่อยากรู้จักดานัง เมืองท่าสุดฮิปของเวียดนามเพิ่มเติม เข้าไปอ่านได้เลยค่ะ >>> มาม๊ะ...มาเที่ยวดานัง เมืองใหม่สุดฮิปแห่งเวียดนาม! <<< กันยายน – พฤศจิกายน               เป็นช่วงเข้าสู่ ฤดูใบไม้ผลิ สภาพอากาศเวียดนามจะไม่ค่อยร้อนมากนัก ต้นไม้กำลังแตกกิ่งกลายเป็นสีเขียวขจี แนะนำให้ไปยังเมืองซาปา ชมทุ่งนาขั้นบันไดหมู่บ้านกั๊ตกั๊ต (Cat Cat Village) สุดอลังการ ถือได้ว่าเป็นไฮไลท์เด็ดของเวียดนามเลยค่ะ แผนที่ : นาขั้นบันไดหมู่บ้านกั๊ตกั๊ต               หรือใครชื่นชอบทะเล ต้องที่นี่เลยค่ะ อ่าวฮาลองเบย์ (Halong Bay) และต้องไม่พลาดล่องเรือชมทะเลสีมรกต ซึ่งเป็นสวยงามที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจาก UNESCO หรือ จะพายเรือคายัก แล้วแวะไปสูดอากาศบริสุทธิ์ที่นิงห์บิงห์ก็เป็นไอเดียวที่ดีงามไม่เบาเลยค่ะ  แผนที่ : ฮาลองเบย์     ธันวาคม – กุมภาพันธ์               ช่วงนี้เป็นช่วง ฤดูหนาว (Winter) อุณหภูมิเวียดนามจะเย็นขึ้น โดยเฉลี่ยนอยู่ที่ 7-20 องศาเซลเซียส ขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศของพื้นที่นั้นๆ แต่ทัวร์ครับขอแนะนำให้ไปยัง ทะเลทรายเวียดนามอันแสนโด่งดังอย่าง  แผนที่ :  ทะเลทรายมุยเน่               ทะเลทรายมุยเน่  (Mui Ne Desert) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเวียดนาม ซึ่งมักจะมีอากาศร้อนตลอดทั้งปี ดังนั้นทัวร์ครับจึงแนะนำให้มาเที่ยวมุยเน่ในช่วงหน้าหนาวค่ะ เพราะอากาศจะเย็นกำลังดี เหมาะกับใครสายลุย สายบู๊ รับรองได้เลยว่าต้องชื่นชอบและประทับใจอย่างแน่นอน               หวังว่าบทความนี้ช่วยไขข้อข้องใจให้เหล่านักเที่ยวที่อยากไปสัมผัสความสวยงามของเวียดนาม จากที่เหลือก็แค่แพคกระเป๋าแล้วออกไปพิสูจน์ความสวยงามของเวียดนามด้วยตาตัวเองในสไตล์ความเป็นคุณได้แล้วค่ะ  >>> โปรแกรมทัวร์เวียดนามคุณภาพ ราคาคุ้มค่า เที่ยวเวียดนามแบบสบายใจ จากทัวร์ครับ <<<

อ่านเพิ่มเติม
ทัวร์ครับชวนรู้! ทัวร์แสงเหนือถูกใจ หาได้ไม่ยาก…
ทัวร์ครับชวนรู้! ทัวร์แสงเหนือถูกใจ หาได้ไม่ยาก…

23 ส.ค. 61

        เผลอแปปเดียวก็เข้าสู่ครึ่งปีหลัง แน่นอนว่าช่วง ครึ่งปีหลังเป็นช่วงที่เต็มไปด้วยไฮไลท์ของแหล่งท่องเที่ยวมากมายจนหลายคนเลือกไม่ถูก ซึ่งนอกจากเทศกาลใบไม้เปลี่ยนแล้ว ยังมีอีกหนึ่งไฮไลท์ของปี ที่หลายคนตั้งตารอคอยนั่นก็คือการออกไป " ล่าแสงเหนือ " นั่นเองค่ะ ปรากฏการ์แสงเหนือ หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Northern Lights รวมถึง Aurora นั้น คือปรากกฏการณ์ทางธรรมชาติสุดมหัศจรรย์ เป็นปรากฏการณ์ที่มักจะ เกิดขึ้นเฉพาะบริเวณแถบขั้วโลกเหนือ หรือขั้วโลกใต้เท่านั้น โดยเราจะได้พบเห็นกับแสงสีเขียว หรือแสงสีม่วง ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ปรากฏค่ะ ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติอย่างแสงเหนือนั้น ไม่ใช่ว่าจะได้เห็นกันง่ายๆ ต้องมีการวางแผนกันมาเป็นอย่างดี และถึงแม้จะไปกับทัวร์แสงเหนือ ก็ ต้องวางแผน เลือกจองทัวร์แสงเหนือกันให้ดี เพราะไม่งั้นอาจจะพลาดได้ ดังนั้นถ้าหากใครไม่อยากพลาดปรากฏการณ์ล่าแสงเหนือละก็ เราต้องเริ่มต้นการวางแผนจองทัวร์แสงเหนือขั้นแรกด้วยการ... เลือกช่วงเวลาโดนใจ ?           โดยทั่วไป ปรากฏการณ์แสงเหนือ จะเริ่มขึ้นตั้งแต่ เดือนตุลาคม จนถึง เดือนมีนาคม กินช่วงระยะเวลาประมาณ 6 เดือน ซึ่งแต่ละประเทศก็จะมีช่วงเวลาพีคของแสงเหนือที่แตกต่างกัน ดังนั้นเราต้อง เลือกช่วงเวลาที่เราสะดวกและพร้อมที่จะออกเดินทาง ไปตะลอนทัวร์แสงเหนือ เมื่อได้ช่วงเวลาที่ถูกใจแล้ว ก็ต้องมาดูเรื่องของงบประมาณสำหรับทริปทัวร์แสงเหนือครั้งนี้ ซึ่งทัวร์ครับบอกเลยว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน  งบประมาณที่ต้องการ ?           อีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญที่ต้องวางแผนก่อนเริ่มต้นการทริปแสงเหนือก็คือเรื่องของ งบประมาณ นั่นเองค่ะ เนื่องจากว่า ปรากฏการณ์แสงเหนือนั้นเกิดขึ้นหลายประเทศ แน่นอนว่างบประมาณสำหรับทริปแต่ละประเทศนั้นก็ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับประเทศที่เราจะไปชมแสงเหนือ โดยมีราคา เริ่มต้นตั้งแต่ 50,000 บาท ไปจนถึง 120,000 บาท ซึ่งทัวร์แสงเหนือนั้นก็ไม่ได้เพียงพาคุณไปชมปรากฏการณ์แสงเหนือเท่านั้น แต่ ทัวร์แสงเหนือยังจะพาคุณไปตะลอนเที่ยวไฮไลท์เด็ด ของประเทศนั้นๆอีกด้วย จัดว่าคุ้มค่าจริงๆค่ะ พอเรากำหนดงบที่เราต้องการแล้ว ก็มาดูกันสิว่าแสงเหนือสไตล์ไหน ที่เราอยากจะชมค่ะ  สไตล์ทัวร์แสงเหนือที่เราต้องการ           แสงเหนือในแต่ละพื้นที่ก็จะมีความสวยงามแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสภาพของลักษณะภูมิประเทศ ซึ่งการมาทัวร์แสงเหนือก็ไม่เพียงแต่จะไปชมปรากฏการณ์แสงเหนืออย่างเดียวเท่านั้นนะคะ เราต้องไม่พลาดไปชื่นชมความสวยงามของสถานที่ไฮไลท์ต่างๆ ที่จะช่วยเพิ่มรสชาติให้กับทัวร์แสงเหนือของเรามากยิ่งขึ้นค่ะ   แน่นอนว่าทัวร์ครับได้ สรุปข้อมูลช่วงเวลาไฮไลท์ของทัวร์แสงเหนือของประเทศยอดฮิต แต่ละประเทศมาให้แล้ว เพื่อให้ตัดสินใจกันได้ง่ายขึ้น มาดูกันเลยค่ะ รัสเซีย (Russia) ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับแสงเหนือ : เดือนพฤศจิกายน - เดือนมกราคม งบเริ่มต้นที่ : 50,000 บาท         สำหรับมือใหม่นักล่าแสงเหนือที่มีความใฝ่ฝันอยากออกไปสัมผัสแสงเหนือกันให้ได้สักครั้ง แต่เงินในกระเป๋ายังไม่หนักมาก รัสเซียคือจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับมือใหม่หัดล่าแสงเหนือ ค่ะ เพราะ ราคาประหยัดและยังไม่ต้องขอวีซ่า อีกด้วยค่ะ ซึ่งนอกจากเราจะได้ชมแสงเหนือในราคาที่เอื้อมถึงแล้ว รัสเซียนั้นยังเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที๋โดดเด่นด้านสถาปัตยกรรมสิ่งก่อสร้างอันเป็นเอกลักษณ์แบบฉบับของรัสเซีย จึงเป็นอีกทัวร์แสงเหนือที่ฮอตฮิตในหมู่นักท่องเที่ยวสุดๆค่ะ ฟินแลนด์ (Finland) ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับแสงเหนือ : ปลายเดือนกุมภาพันธ์ - ต้นเดือนมีนาคม ราคาเริ่มต้นที่ : 90,000 บาท          ส่วนใครที่รู้สึกว่าการไปทัวร์แสงเหนือรัสเซียนั้นยังเบาไป ฟินแลนด์คือคำตอบค่ะ ฟินแลนด์ ถือเป็นอีกประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของแสงเหนือ ที่นอกจากการมาล่าแสงเหนือที่ฟินแลนด์แล้ว ฟินแลนด์ยังเป็นดินแดนต้นกำเนิดของซานต้าคลอส ดังนั้นการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสมาสต์ที่นี่จึงอลังการสมกับเป็นบ้านเกิดของซานต้าสุดๆ แน่นอนว่าประจวบเหมาะกับฤดูกาลของปรากฏการณ์แสงเหนือพอดิบพอดี จึงทำให้เป็นทัวร์แสงเหนือนอร์เวย์นั้นพิเศษยิ่งกว่าเดิม เพราะนอกจากจะได้ชมแสงเหนือแล้ว ยัง ได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศการเฉลิมสุดตระการตาส่งท้ายปี อีกด้วย นอร์เวย์ (Norway) ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับแสงเหนือ : เดือนกันยายน - เดือนมีนาคม งบเริ่มต้นที่ : 100,000 บาท          หากใครอยากไปทัวร์แสงเหนือที่จะได้ ชื่นชมบรรยากาศของวิถึเมืองชนบทของยุโรป ท่ามกลางความสวยงามของธรรมชาติสุดตระการตา  อย่าง ซองฟยอร์ด (Sognefjord) ฟยอร์ดที่ได้ชื่อว่าเป็น ฟยอร์ดที่สวยที่สุดในโลก ฟยอร์ดเกิดจากถูกธารน้ำแข็งกัดเซาะเมื่อหลายล้านปีที่แล้ว ก่อนจะเกิดเป็นลำธารขนาดใหญ่ที่ถูกห้อมล้อมด้วยขุบเขาน้อยใหญ่ เป็น ภาพความสวยงามที่ใครๆก็ตกหลุมรัก การไปทัวร์แสงเหนือจึงเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กันค่ะ ไอซ์แลนด์ (Iceland) ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับแสงเหนือ : ปลายเดือนตุลาคม - ต้นเดือนมีนาคม ราคาเริ่มต้นที่ : 120,000 บาท          ปิดท้าย ประเทศที่มีชื่อเสียงในเรื่องความสวยงามของปรากฏกการณ์แสงเหนือ และมักเป็นประเทศที่เรามักจะนึกถึงเมื่อพูดถึงทัวร์แสงเหนือค่ะ อย่าง ไอซ์แลนด์ค่ะ  ความพิเศษของทัวร์แสงเหนือไอซ์แลนด์ก็คือ การชมแสงเหนือท่ามกลางบรรยากาศของภูเขารูปทรงแปลกตา โอบล้อมด้วยธรรมชาติ นอกจากนี้ สถานที่ท่องเที่ยวของไอซ์แลนด์นั้นก็เด็ดไม่แพ้กัน หากใครกระเป๋าตังค์หนักหน่อย ทัวร์ครับขอแนะนำให้ไปทัวร์แสงเหนือไอซ์แลนด์ ประทับใจไม่รู้ลืมแน่นอนค่ะ          เห็นไหมคะว่าการหาทัวร์แสงเหนือที่ถูกใจ  และราคาคุ้มค่านั้นหาได้ไม่ยากเลย เพียงแค่เราต้องรู้จัก เตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนจองทัวร์แสงเหนือ แค่นี้ก็ได้ชมแสงเหนือแบบฟินๆ ในราคาคุ้มค่า แล้วค่ะ แล้วคอยติดตามเคล็ดลับดีดีจากทัวร์ครับได้อีกครั้งหน้า รับรองต้องถูกใจแน่นอนค่ะ 

อ่านเพิ่มเติม
รู้ไว้ไม่พลาด! เที่ยวรัสเซีย เดือนไหนดี เดือนไหนโดน!
รู้ไว้ไม่พลาด! เที่ยวรัสเซีย เดือนไหนดี เดือนไหนโดน!

20 เม.ย. 61

        รัสเซีย ดินแดนยุโรปในฝันที่ใครๆก็เอื้อมถึง เพราะการไปเที่ยวรัสเซียนั้นไม่แพง และที่สำคัญและพิเศษสำหรับคนไทยเลยคือ “ ไม่ต้องขอวีซ่า ” ค่ะ         ซึ่งทัวร์ครับขอบอกเลยว่า การไปเที่ยวรัสเซียนั้น สามารถไปได้ตลอดทั้งปี ค่ะ หมดปัญหาการตั้งคำถาม เที่ยวรัสเซียช่วงไหนดี ทัวร์ครับขอตอบว่าขึ้นอยู่กับความชอบ และสไตล์การเที่ยวของแต่ละคนเลยค่ะ ทั้งนี้ ทางทัวร์ครับจึงได้รวบรวมฤดูกาลรัสเซียมาให้ทุกคนได้อ่านกัน จะได้รู้ว่าไปเที่ยวรัสเซียเดือนไหนถึงจะโดนใจเรามากที่สุดค่ะ แผนที่ : เมืองมอสโก Moscow         ประเทศรัสเซีย (Russia) เป็นประเทศที่ตั้งอยู่บนทวีปยูเรเซีย ซึ่งทวีปยูเรเซียคือมหาทวีปที่รวมทวีปเอเซียและยุโรปเข้าไว้ด้วยกัน จึงทำให้ประเทศรัสเซีย เป็น ประเทศที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่ที่สุดในโลก ค่ะ และยังเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงามโดดเด่น จึงไม่น่าสงสัยเลยว่าทำไมใครๆก็อยากไปเที่ยวรัสเซียกันค่ะ ซึ่งประเทศรัสเซียนั้น มีทั้งหมด 4 ฤดู ค่ะ   ฤดูร้อน (Summer) เดือนมิถุนายน - เดือนสิงหาคม         ฤดูร้อนรัสเซีย ถือเป็นฤดูที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวรัสเซียกันมากที่สุดค่ะ เพราะเป็นช่วงเวลาที่อากาศรัสเซียกำลังดี๊ดี มี อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 15 องศา โดยอุณภูมิจะเพิ่มขึ้นสูงในเดือนกรกฏาคม อุณหภูมิรัสเซียจะอยู่ที่ 25 องศา - 30 องศา           ซึ่งถือว่า เป็นเดือนที่ร้อนที่สุดของรัสเซีย ค่ะ จากนั้นอุณหภูมิที่รัสเซียก็จะลดต่ำลงจนเหลือประมาณ 15 องศา - 20 องศา อากาศรัสเซียดีขนาดนี้ นักท่องเที่ยวจะมาเที่ยวรัสเซียกันเยอะก็ไม่แปลกใจเลยค่ะ และสำหรับ ที่เที่ยวรัสเซียที่เหมาะจะมาเที่ยวในฤดูร้อน ก็คือการมาเดินเที่ยวชมสถาปัตยกรรมต่างๆในเมืองหลวงมอสโคว   ไม่ว่าจะเป็น จตุรัสแดง (Red Square) หรือจะเป็น มหาวิหารเซนต์บาซิล (St. Basil’s Cathedral) แลนด์มาร์คสำคัญของรัสเซียที่ใครๆก็ต้องไม่พลาดไปถ่ายรูปเช็คอินกันเกือบทุกราย นอกจาก สถาปัตยสุดอลังการแล้ว ในฤดูร้อนของรัสเซีย ยังเป็นช่วงที่ ดอกไม้กำลังออกดอกบานสะพรั่ง ต้นไม้กำลังผลิใบสีเขียวขจี รวมกับอากาศรัสเซียที่เย็นกำลังดี ฤดูร้อนนี้จึงฟินสุดๆไปเลยค่ะ แผนที่ : จตุรัสแดง Red Square ทัวร์ครับขอแนะ : ใครที่ชื่นชอบบรรยากาศสดใส มีสีสันจากดอกไม้ ต้นไม้ ท่ามกลาง อากาศรัสเซียที่กำลังดี ทัวร์ครับขอแนะนำให้ มาเที่ยวรัสเซียในฤดูร้อนเลยค่ะ เพราะจะได้ ดื่มด่ำกับความสวยงามของสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานกับธรรมชาติจนลงตัวได้อย่างเต็มอิ่ม แน่นอนค่ะ ฤดูใบไม้ร่วง (Autumn) เดือนกันยายน - เดือนพฤศจิกายน         เมื่อเข้าสู่ ฤดูใบไม้ร่วงของรัสเซีย ต้นไม่ที่เคยเขียวขจี ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ส้มแดง ซึ่งสำหรับอุณภมิของรัสเซียในฤดูใบไม้ร่วงมี ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10 องศา ค่ะ อากาศรัสเซียในฤดูนี้เรียกว่าหนาวเย็นสำหรับคนไทยเลยล่ะค่ะ โดยเราอาจได้เจอกับน้ำที่เริ่มกลายเป็นน้ำแข็ง และอุณหภูมิจะลดต่ำลงไปอีก ซึ่งหากใครมาเที่ยวรัสเซียในช่วงเดือนพฤศจิกายนอาจได้เจอกับอุณหภูมิติดลบพร้อมกับฝนก็ได้นะคะ ดังนั้นอย่าลืมเตรียมเสื้อกันหนาวติดตัวกันมาด้วยเพื่อจะได้ชื่นชมใบไม้เปลี่ยนสีได้อย่างอุ่นกาย สบายใจค่ะ   ทัวร์ครับขอแนะ : สำหรับการมาเที่ยวรัสเซียในฤดูใบไม้ร่วงนั้น เหมาะกับนักเที่ยวที่ อยากจะชื่นชมใบไม้เปลี่ยนสี ท่ามกลางอากาศเย็นสบาย ซึ่งเราจะได้เห็นสีทองอร่ามที่ถูกแซมด้วยสีส้มแดงจากธรรมชาติ พร้อมกับสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรป ซึ่งที่เที่ยวรัสเซียที่เหมาะจะไปชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มาพร้อมกับสถาปัตยกรรมที่สวยงามนั้น ทัวร์ครับต้องขอแนะนำที่นี่เลยค่ะ พระราชวังแคทเธอรีน (Catherine Palace) เพราะช่วงใบไม้เปลี่ยน ต้นไม้ภายในสวนของที่นี่จะพร้อมใจกันเปลี่ยนสีให้นักท่องเที่ยวได้มาชื่นชมความสวยงามกันค่ะ   ฤดูหนาว (Winter) เดือนธันวาคม - เดือนกุมภาพันธ์         แค่พูดถึง ฤดูหนาว ของรัสเซีย เชื่อว่าหลายคนคงทราบกันดีถึงความหนาวเย็นของที่นี่ ด้วยลักษณะภูมิศาสตร์ที่ตั้งอยู่บริเวณขั้วโลกเหนือ ทำให้อุณหภูมิรัสเซียในฤดูหนาวเรียกได้ว่า หนาวจัดเลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะจะมี อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ -10 องศา ในเดือนธันวาคม เพราะถือว่าเพิ่งเริ่มต้นฤดูหนาว และจะเริ่มหนาวขึ้นไปอีกเมื่อเข้าสู่เดือนมกราคม ยาวไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ค่ะ โดยจะมีอุณหภูมิอยู่ที่ - 15 องศาจนถึง - 30 องศาเลยทีเดียว เรียกได้เลยว่าหนาวสุดๆ ยิ่งกว่าเมืองหิมะที่ดรีมเวิล์ดอีกค่าา…   ทัวร์ครับขอแนะ : ในฤดูหนาวรัสเซียเรียกได้ว่าหนาวกันแบบสุดขั้ว ยิ่งกว่าทาแป้งตรางูอีกค่ะ ซึ่งอาจไม่ค่อยถูกสไตล์คนไทยเมืองร้อนอย่างเราสักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากใครอยากจะไปสัมผัสหิมะสีขาว ของจริง ทัวร์ครับก็ขอแนะนำให้มาเที่ยวรัสเซียในหน้าหนาว เลยค่ะ เพราะว่าไม่จะมองไปทางไหน เราก็จะได้เห็นแต่สีขาวบริสุทธิ์ของหิมะที่กำลังปกคลุมสถาปัตยกรรม จนเกิดเป็นความสวยงามอีกหนึ่งรูปแบบที่ควรมาสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้งจริงๆค่ะ   ฤดูไบไม้ผลิ (Spring) เดือนมีนาคม - เดือนพฤษภาคม        หลังจากผ่านช่วงฤดูหนาวรัสเซียซึ่งทุกพื้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข๋็ง พอเข้าฤดูใบไม้ผลิ หิมะและน้ำแข็งในพื้นที่ต่างๆก็เริ่มจะละลาย อากาศของรัสเซียก็จะเริ่มอุ่นขึ้นค่ะ โดยมีอุณหภูมิประมาณ 5 องศา และจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ พอเข้าเดือนพฤษภาคม อุณหภูมิรัสเซียจะอยู่ที่ 15 องศาโดยเราอาจจะได้ เห็นสีสันจากต้นไม้ ดอกไม้ใบหญ้าที่กำลังเริ่มออกดอกเบ่งบาน อีกครั้งหลังจากผ่านช่วงเวลาอันหนาวเหน็บมาตลอดฤดูหนาวค่ะ   ทัวร์ครับขอแนะ : ฤดูใบไม้ผลิรัสเซีย เป็นอีกหนึ่งฤดูที่น่าเดินทางมาเที่ยวรัสเซีย ค่ะ เพราะอากาศรัสเซียเริ่มจะอุ่นขึ้น ไม่หนาวจนเกินไป และจะได้เจอคุณพระอาทิตย์ออกมาส่องแสง สว่างสดใสทักทายบ้าง ยิ่งหากใครโชคดีมาเที่ยวรัสเซียในเดือนพฤษภาคมอาจจะ ได้เจอ White Night หรือพระอาทิตย์เที่ยงคืน รัสเซีย ที่มักจะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม - เดือนกรกฏาคม ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวนิยมเดินมาชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนกันอย่างคึกคักเลยล่ะค่ะ           เห็นไหมละคะ ว่ารัสเซียนั้นมีอะไรน่าเที่ยวกว่าที่คิดอีกค่ะ หากท่านใดสนใจทัวร์รัสเซียคุณภาพ เพิ่มเติมจากทัวร์ครับ ก็ >>>คลิกเลยจ้า<<<

อ่านเพิ่มเติม
7 ร้านอาหาร โอซาก้า ถูก และ ดี ไปเที่ยวโอซาก้าต้องลอง!
7 ร้านอาหาร โอซาก้า ถูก และ ดี ไปเที่ยวโอซาก้าต้องลอง!

18 ส.ค. 59

เมื่อให้พูดถึงโอซาก้านอกจาก สถานที่เที่ยวโอซาก้า แล้ว ไม่พูดถึงเรื่องอาหารของกินของโอซาก้าก็คงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่นเนี่ย ขึ้นชื่อเรื่องอาหารการกินสุดๆ จนได้ ฉายาว่าเป็น Kitchen of Japan เลยทีเดียว โอซาก้าเต็มไปด้วยของอร่อยมากมาย วันนี้ทัวร์ครับได้ส่งหน่วยข่าวไปเก็บข้อมูลร้านอาหารและของกินโอซาก้า ขึ้นชื่อมาฝากกันแล้ว ใครจะไปเที่ยวโอซาก้าก็ลิสต์แล้วตามไปเก็บได้เลย จองทัวร์ญี่ปุ่น กับ ทัวร์ครับ  https://tourkrub.co/japan-tour   7 ร้านอาหารโอซาก้าชื่อดัง   1. ร้านอาหารปูยักษ์ Kani Doraku สาขา Dotonburi ร้านอาหารนี้ถือเป็น สัญลักษณ์ของโอซาก้า เลย เพราะเมื่อใครนึกถึงโอซาก้าก็จะนึกถึงปูยักษ์ที่ตั้งอยู่ใจกลางย่านชินไชบาชิที่ใครๆต่างรู้จักกันเป็นอย่างดี ร้านอาหารโอซาก้าแห่งนี้นั้น ถือเป็นจุดสนใจที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี แค่เพียงเดินผ่าน หรือหยุดแวะถ่ายรูปหน้าร้านก็จะได้กลิ่นหอมๆของปูลอยมา จากด้านของร้านซึ่งจะมีขาปูย่างขายกันสดๆให้ลองซื้อชิมกันได้เลยค่ะ เช็คโปรโมชั่นหรือซื้อวอยเชอร์  ร้านอาหารปูยักษ์ Kani Doraku สาขา Dotonburi กับ กดที่นี่   เมนูหลักในร้านส่วนใหญ่ก็จะเน้นเป็นปู ไม่ว่าจะเป็น... Taraba - ปูยักษ์อลาสก้า ขนาดยักษ์ Kegani - ปูขนฮอกไกโด ตัวเล็ก เนื้อน้อย กินยาก แต่เนื้อหวานไม่แพ้กันเลย King Crab - กระดองมีหนาม ตัวใหญ่ เนื้อแน่นปึ้ก Queen Crab - กระดองกลม ไร้หนาม เนื้อสด หวานอร่อย         เมนูมีให้เลือกได้หลากหลาย มีทั้งแบบ ปิ้งย่าง ชาบู ข้าวอบปู แบบซาซิมิ หรือสามารถสั่งแบบเป็นเซทกได้เช่นกันค่ะ โดยที่นี่จะมีเมนูภาษาไทยคอยให้บริการคนไทยอีกด้วยค่ะ แต่ทัวร์ครับขอบอกก่อนว่าร้านอาหารนี้ไม่ใช่ว่าจะเดิน walk-in เข้าไปกินได้เลย แบบนั้นอาจจะต้องรอเป็นชั่วโมงเลยค่ะ เพราะว่าคนเยอะมาก หรือบางวันก็เต็มเลย ดังนั้นใครที่จะมาก็ ต้องจองล่วงหน้ากันให้ดีๆค่ะ   2.ร้านอาหาร Kururu Takoyaki ทาโกะยากิแบบโอซาก้าแท้ๆ         ร้าน Kururu Takoyaki มีสาขาหลักอยู่ที่โดทงโบริ และมีสาขากระจายตัวอยู่มากมายในโอซาก้า จุดเด่น ของร้านนี้ที่เค้าบอกว่าไม่เหมือนใคร คือ “ ปลาหมึกต้องสดและชิ้นใหญ่ ” เพราะเค้าเชื่อว่าปลาหมึกที่สดจากทะเลจะมีคุณค่าทางสารอาหารมากมาย มีโปรตีนสูง แคลอรี่ต่ำ และนอกจากนี้ ร้านนี้ก็ยังใส่ใจในเรื่องวัตถุดิบ กรรมวิธีการทำแป้งต้องได้ที่ สุกแบบพอดี จะทำให้แป้งมีรสชาติและรสสัมผัสที่ดีไม่นิ่ม ไม่เละ และไม่แข็งจนเกินไป จากการใส่ใจในทุกขั้นตอนการทำจึงทำให้ร้านนี้ เป็น ร้านอาหารโอซาก้าอย่าง Kururu Takoyaki ที่มีลูกค้าเข้ามาแบบไม่ขาดสายเลยค่ะ 3. ร้านอาหาร ซูชิหน้าล้นที่ร้าน Uoshin Sushi ย่าน UMEDA         ใครกำลังมองหา ของกิน โอซาก้าสุดฮิตอย่าง ซูชิ ต้องมาที่ร้าน Uoshin Sushi หรือซูชิหน้าล้นร้านนี้ถือว่าล้นสมชื่อ เพราะซูชิญี่ปุ่นร้านนี้นั้น ใช้เนื้อปลาชิ้นใหญ่มาก ขนาดยาวล้นเกินข้าวออกมาเยอะมาก พูดว่าข้าวหมดแล้วแต่ปลายังเหลือ จึงทำให้ได้รับขนาดนามว่าเป็น " ซูชิหน้าล้น "         นอกจากขนาดของซูชิที่มีขนาดใหญ่มากแล้วรสชาติก็ยังไม่เป็นรองเช่นกัน เพราะ วัตถุดิบที่ใช้เน้นทั้งความสดและใหม่ ทำให้ซูชิมีรสสัมผัสที่มีความนิ่มนวลและรสชาติหวานอร่อยด้วยตัวของมันเอง สิ่งเหล่านี้จึงทำให้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของร้านที่โดดเด่นไม่เหมือนร้านไหนๆ เมนูซูชิก็มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งซูชิหน้าปลาดิบปกติ ซูชิโรล หรือแบบเซ็ท นอกจากนี้ยังมีเมนูซาชิมิ มิโซะซุปให้ทานแกล้มกับซูชิอีกด้วย 4. ร้านอาหาร New Kobe         ร้าน New Kobe ร้านนี้จะเป็น ชาบู ที่เอาใจคนรักเนื้อ เพราะเมนูส่วนใหญ่ของที่นี่คือเนื้อ จะเป็นเนื้อสไลด์บาง แค่จุ่มเนื้อลงไปในหม้อก็สามารถทานได้เลย ที่สำคัญนุ่มมาก ร้านนี้ก็จะมีเมนูของกินสไตล์โอซาก้ามากมายให้เลือกสรร มีเนื้อให้เลือกหลายชนิด ตั้งแต่เนื้อโกเบ เนื้อวากิว หรือใครที่ไม่ทานเนื้อ ที่ร้านก็จะมีหมูให้ โดยส่วนใหญ่เวลาสั่งอาหารมักจะสั่ง 1 คนต่อ 1 เซ็ท เพราะเป็นหม้อแบบคนต่อคน มีทั้งหมด 3 ไซส์ S M L ในเซ็ทก็จะมีข้าวหรือเส้นอูด้งสามารถเลือกได้ค่ะ พิกัดความอร่อย : สำหรับร้าน New Kobe หาไม่ยากเลย เพราะอยู่ในย่าน Namba สามารถลงสถานนีรถไฟ JR Osaka Namba อยู่ใน Namba Walk ที่เป็น shopping street อยู่ระหว่างทางออก B5 และ B3 เปิดตั้งแต่ 11.00 - 22.00 น.   5. ร้านอาหาร Gyukatsu Motomura Namba         ร้านนี้ทัวร์ครับขอเอาใจคนรักเนื้ออีกครั้ง ร้านอาหารโอซาก้า ที่ชื่อว่า Gyukatsu หรือ เนื้อชุปแป้งทอด ที่เหมือนกับทงคัตสี แต่เมนูนี้เป็นกิวคัตสีจะเป็นเนื้อ โดยร้านนี้จะเสิร์ฟเป็นเนื้อที่ยังไม่สุกมากและมีเตาให้เรามาย่างต่อ แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนเลย ขอบอกว่า เนื้อร้านนี้นุ่มมากๆแทบจะละลายในปากเลยค่ะ เมื่อทานคู่กับซอสและข้าวญี่ปุ่นยิ่งทำให้กลมกล่อมมากๆ         ร้านนี้ทัวร์ครับขอแนะนำนิดนึงว่าถ้าหากไปอาจต้องเสียเวลาในการต่อคิวนิดนึงนะคะ เพราะว่าคนเยอะมาก ต่อแถวกันเหมือนแจกฟรีเลยทีเดียว เห็นแถวอย่างงี้สายข่าวทัวร์ครับต้องเสียว่าต่อคิวเกือบ 3 ชั่วโมงเลย ทีเดียว TwT  แต่พอได้ลิ้มลองรสชาติแล้วก็รู้สึกคุ้มค่าจริงๆค่ะ พิกัดความอร่อย : สำหรับร้านนี้ตั้งอยู่ในย่าน Namba ซอยข้างๆกับ Big Camera ที่อยู่ตรงข้ามกับตึกNamba Hip   6. ร้านอาหาร Gyu Ichi         ร้านกิวอิจิเป็น ร้านยากินิคุชื่อดัง ในย่านสุรุหะชิ เป็นย่านที่รวมร้านเนื้อย่างทั้งซอย ย่านสุรุหะชิสามารถไปใน 1 นาทีเดินจากสถานีรถไฟ JR โอซาก้า Midorinomadoguchi         ร้านกิวอิจิเป็น ร้านอาหารโอซาก้าชื่อดังที่มีการรีวิวจากเว็บไซต์ชื่อดังของญี่ปุ่นจำนวนมาก และมีการรับรองจากรายการชวนชิมชื่อดังของญี่ปุ่น ร้านกิวอิจิจะใช้เนื้อจากคุโรวากิวหรือวัวดำ ถือว่าเป็น เนื้อคุณภาพสูงของญี่ปุ่น เนื้อวากิว และเนื้อโกเบ เนื้อทั้งหมดจะเป็นเนื้อ A5 อีกด้วยซึ่งทำให้มั่นใจได้ถึงคุณภาพของเนื้อที่ขายในร้านกิวอิชิ และที่สำคัญ ราคาถูกมากเมื่อเทียบกับคุณภาพของเนื้อค่ะ 7. ร้านอาหาร Endo Sushi         Endo Sushi ถือเป็น ร้านอาหารซูชิ โอซาก้า ที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น เปิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1970 ร้านตั้งอยู่บริเวณตลาดกลางค้าส่งปลาแห่งโอซาก้า ที่เป็นศูนย์รวมแห่งความสดใหม่ของอาหารทะเล คล้ายๆ กับตลาดปลาซึคิจิที่โตเกียว ด้วยความที่ อยู่ในตลาดปลาของโอซ้าก้าจึงทำให้เป็นที่มาของวัตถุดิบอันสดใหม่ ที่จะส่งตรงถึงร้านทุกวัน ทำให้เราได้ลิ้มลองความอร่อยของอาหารที่สดใหม่อยู่ทุกวัน         นอกจากนี้ เอกลักษณ์ของ Endo Sushi ก็คือที่นี่จะใช้ข้าวอุ่นๆ มาทำข้าวปั้นเพื่อให้ได้รสชาติที่กลมกล่อมอร่อยยิ่งขึ้น เพราะความอุ่นนั้นเมื่อสัมผัสกับเนื้อปลาสดๆ จะช่วยให้ไขมันในเนื้อปลานั้นละลายได้กำลังพอเหมาะ เมื่อทานเข้าไปแล้วราวกับได้ทานซูชิที่ละลายในปากได้กันเลยทีเดียว         หากใครมีโอกาสได้แวะมาชิม ทัวรครับขอแนะนำให้สั่ง Omakase Course หรือคอร์สตามที่เชฟจัดให้ โดยในแต่ละเซ็ตที่มีให้เลือกนั้นจะมีซูชิอยู่ 5 ชิ้น โดยที่ 4 ชิ้นจะเป็นซูชิตามฤดูกาล และอีก 1 ชิ้น นั้นจะเป็นซูชิหน้าปลาทูน่าที่คัดจากส่วนที่ดีที่สุดและอร่อยที่สุดมาให้ทานกัน         สำหรับร้านนี้จะเปิดตั้งแต่ ตี 5 – บ่าย 2 แต่ถ้าให้ดีควรไปตั้งแต่เช้าประมาณ 7.00 – 8.00 เพราะหลังจากนี้คนจะเริ่มเยอะต้องยืนต่อแถวอีกเป็นชั่วโมง ร้านจะปิดทุกวันอาทิตย์ และพุธเว้นพุธตามปฏิทินของตลาดปลา         เป็นไงกันบ้าง? กับร้านอาหาร ของกิน โอซาก้า สุดเด็ด ที่สายข่าวทัวร์ครับได้ไปเก็บข้อมูลมาฝาก เห็นแล้วอยากตามไปกินเดี๋ยวนี้เลยใช่ไหม แต่ละร้านเด็ดๆ ทั้งนั้น สำหรับใครที่ไปเที่ยวโอซาก้าก็อย่าลืมแวะไปลองกันได้ ทัวร์ครับรับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ ส่วนใครที่อยากไปเที่ยวญี่ปุ่นแบบสบายๆ ฟินๆ กินตัวแตก ก็สามารถเข้าไปดูแพ็กเกจทัวร์ญี่ปุ่น กับทัวร์ครับได้  >>>คลิกเลย<<<

อ่านเพิ่มเติม
5 อันดับ โฟมล้างหน้าญี่ปุ่นมาแรง! ใครอยากหน้าใสต้องโดน!
5 อันดับ โฟมล้างหน้าญี่ปุ่นมาแรง! ใครอยากหน้าใสต้องโดน!

08 พ.ค. 61

               ของฝากญี่ปุ่นที่คนไทยนืยมซื้อติดไม้ ติดมือกันมาเป็นประจำ นอกจากขนม ของที่ระลึกต่างๆแล้ว เครื่องสัมอางค์ญี่ปุ่นก็เป็นอีกหนึ่งของฝากที่ฮิตในหมู่คนไทยสุดๆค่ะ เป็นเพราะคุณภาพ ขั้นตอนการผลิตที่ไว้ใจได้และที่สำคัญคือ ราคาถูกคุ้มค่า โดยเฉพาะโฟมล้างหน้า และครีมหน้าใสของญี่ปุ่น เราจึงอดไม่ได้ที่จะซื้อกลับมาลองใช้กันสักหน่อย แต่ก่อนจะซื้อเราก็ต้องศึกษาข้อมูลกันให้ดีค่ะ ทัวร์ครับจึงขออาสาส่งหน่วยข่าวไปเก็บข้อมูลโฟมล้างหน้า และครีมหน้าใสญี่ปุ่นที่สาวๆญี่ปุ่นยกนิ้วให้ ว่าแต่จะมียี่ห้อไหน แบบใดกันบ้าง ? ตามทัวร์ครับมาเลยค่ะ    Orbis Aqua Force Mild Wash               เริ่มต้นกันด้วยโฟมล้างหน้าญี่ปุ่นที่มีเนื้อสัมผัสอันแสนอ่อนนุ่ม จึงไม่ทำร้ายผิว ทำความสะอาดใบหน้าของเราได้อย่างอ่อนโยน และสามารถใช้งานได้บ่อยครั้งต่อวัน ไม่มีอาการผิวหน้าแห้งให้รำคาญใจ เป็นนวัตกรรมพิเศษเฉพาะของแบรนด์ Orbis ที่ช่วยล็อกความชุ่มชื้นเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม จึงได้กลายเป็นไอเทมโฟมล้างหน้ายอดฮิตขวัญใจสาวญี่ปุ่นค่ะ   Nature Conc Medicated Clear Lotion                โฟมล้างหน้าญี่ปุ่นน้องใหม่มาแรงแซงทางโค้งสุดๆ ด้วยราคาย่อมเยา เมื่อเทียบกับขนาดและคุณภาพ ที่มีความโดดเด่นในเรื่องของการขจัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดลอก และช่วยกระชับใบหน้า พร้อมกันนี้เจ้าโฟมล้างหน้าญี่ปุ่นตัวนี้ยังช่วยแก้ไขปัญหาสิวอุดตันอีกต่างหาก เรียกว่าคุ้มค่าขนานแท้เลยค่ะ   ACSEINE Moist Balance Essence             ครีมหน้าใสญี่ปุ่นที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในตอนนี้ ผลิตภัณฑ์คุณภาพจาก ACSEINE เป็นครีมหน้าใสที่คนเราเรียกกันว่า น้ำตบ เพราะเพียงเทลงในฝ่ามือ และนำมาตบเบาๆทีใบหน้า ก็จะทำให้หน้าเรากระจ่างใสแบบสาวญี่ปุ่น แล้วค่ะ ด้วยความพิเศษจากเทคโนโลยี encapsulation มีคุณสมบัติช่วยผลักสารบำรุงผิวพร้อมความรู้สึกเบาสบายๆ ไม่หนักผิวหน้า แถมยังสร้างความกระจ่างใส และชุ่มชื้นให้กับใบหน้า ดีขนาดนี้ จะพลาดได้ไง ?? FANCL Active Conditioning Lotion II EX               ครีมหน้าใสของญี่ปุ่นที่มาในรูปแบบโลชั่น เนื้อบางเบา อุดมไปด้วยคอลลาเจน และเซรามายด์ บำรุงผิวอย่างล้ำลึกพร้อมยังซ่อมแซมผิวที่ถูกทำร้ายจากมลภาวะต่างๆ จึงเหมาะกับสาวๆบ้านเรามากๆค่ะ ช่วยให้ผิวดูเต่งตึง ชุ่มชื้น หน้าใสอ่อนกว่าวัยอีกด้วย จะเลือกใช้เป็นครีมทาบำรุงผิวหรือจะนำไปแช่กับแผ่นมาร์กเปลี่ยนและนำมาเมาส์กหน้าเก๋ก็ได้ค่ะ    Pola Red Ba Cream              แค่เอ่ยชื่อแบรนด์ Pola แบรนด์เครื่องสำอางค์ชื่อของญี่ปุ่นที่โดดเด่นเรื่องของส่วนผสมและคุณภาพ ที่เชื่อถือได้ จึงเป็นแบรนด์ในใจของสาวๆญี่ปุ่น ดังนั้นเมื่อ Pola ออกครีมหน้าใสสูตรเข้มข้นตัวนี้ออกมาจึงไม่ต้องบอกว่าคุณภาพเยี่ยมขนาดไหน เพราะ สกัดจากสารบำรุงของดอกไม้และคอลลาเจน เนื้อครีมสามารถซึมลึกเข้าสู่ผิวหนังได้อย่างรวดเร็ว ช่วยบำรุงให้ผิวหน้าให้ผ่องใส พร้อมกับทุกสภาวะ ทำให้ผิวอ่อนเยาว์ เต่งตึง ดูอ่อนกว่าวัย เลยล่ะค่ะ               ทัวร์ครับหวังว่าโฟมล้างหน้าญี่ปุ่นและครีมญี่ปุ่นที่คัดสรรมาให้วันนี้จะถูกใจกันนะคะ  หากใครมีโอกาสได้ไปเที่ยวญี่ปุ่น ก็สามารถไปตามรอยกันได้ ซื้อมาลองใช้กันได้ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ หากใครคิดว่าแค่โฟมล้างหน้าและครีมหน้าใสของญี่ปุ่นมันยังไม่พอละก็ ทัวร์ครับได้รวบรวบครีมกันแดดญี่ปุ่นยอดฮิต เอาใจคนรักสวย รักงาม กับ... >>>5 สุดยอด! ครีมกันแดดญี่ปุ่น เที่ยวญี่ปุ่นครั้งนี้ต้องไปเหมา!<<<  

อ่านเพิ่มเติม