All articles abouts ทัวร์ญี่ปุ่น

7 กระทู้เด็ด รีวิวทัวร์ญี่ปุ่น pantip เที่ยวทัวร์ญี่ปุ่นฟินแค่ไหน ? ต้องอ่าน!

7 กระทู้เด็ด รีวิวทัวร์ญี่ปุ่น pantip เที่ยวทัวร์ญี่ปุ่นฟินแค่ไหน ? ต้องอ่าน!

08 พ.ค. 61

        เชื่อว่าหลายๆคน อาจคิดว่าไปเที่ยวเองน่าจะสนุกและราคาประหยัดกว่า แต่จริงๆแล้ว การเที่ยวกับทัวร์ก็สนุกไม่แพ้กันเลยนะคะ อีกทั้งเรายังสามารถกำหนดงบประมาณได้แบบตายตัว ไม่ต้องกลัวว่างบจะบานปลาย และเหมาะมากๆสำหรับนักเที่ยวที่อยากพาญาติผู้ใหญ่ไปเที่ยว หรือใครที่ไม่มีเวลาวางแผนในการเที่ยว การไปเที่ยวทัวร์จึงเป็นทางออกที่ตอบโจทย์สุดๆค่ะ                วันนี้ทัวร์ครับจึงได้ รวบรวมรีวิว ทัวร์ญี่ปุ่น จาก pantip  ให้ทุกคนได้ลองศึกษาข้อมูลการไปเที่ยวทัวร์ญี่ปุ่น เปิดมุมมองการเที่ยวแบบทัวร์ สัมผัสบรรยากาศการเที่ยวทัวร์ญี่ปุ่น แบบติดขอบ เที่ยวญี่ปุ่นกับทัวร์ มีอะไรน่าสนใจ สามารถไปเที่ยวที่ไหนได้บ้าง ตามทัวร์ครับไปดูกันเลยค่ะ 1. รีวิวทัวร์ญี่ปุ่นราคา 20,900บาท เป็นยังไง มาดูกันครับ               รีวิวทัวร์ญี่ปุ่นโตเกียว ราคาเพียง 20,900 บาท กระทู้นี้ได้มาตอบโจทย์แล้วทัวร์ญี่ปุ่นราคา 20,000 บาท ก็สามารถเที่ยวญี่ปุ่นแบบฟินๆได้แล้ว อ่านกระทู้เพิ่มเติม >>>  http://2g.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11031906/E11031906.html   2. เที่ยว Japan แบบ ทัวร์ ทัวร์ ตามกรอบที่ขีดไว้               รีวิวทัวร์โอซาก้า ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี รีวิวกันแบบได้อรรถรรส ทั้งกิน ทั้งเที่ยว ได้เห็นญี่ปุ่นแบบทุกซอกทุกมุมของการเที่ยวทัวร์ญี่ปุ่น ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี อ่านกระทู้เพิ่มเติม >>> https://pantip.com/topic/35833441   3. Review เที่ยวญี่ปุ่นกับทัวร์ โตเกียว ฟูจิ 5 วัน 3 คืน               ส่วนใครที่กำลังมองหารีวิวทัวร์ญี่ปุ่นแบบพาคุณแม่ไปเที่ยวญี่ปุ่นได้ แบบไร้กังวล ต้องอ่านรีวิวนี้เลยค่ะ รีวิวเที่ยวทัวร์ญี่ปุ่น โตเกียว เที่ยวกับคนรู้ใจ ให้ไปกับทัวร์ หมดห่วงเรื่องการเดินทาง อ่านกระทู้เพิ่มเติม >>>  https://pantip.com/topic/35833441   4. ทัวร์ญี่ปุ่น : แสนอัศจรรย์ เมื่อใบไม้ยังเปลี่ยนสี แต่ใจพี่ไม่เปลี่ยนแปลง               รีวิวทัวร์ญี่ปุ่นแบบพรีเมี่ยม ทัวร์โอซาก้า ทาคายาม่า เที่ยวมรดกโลก หมู่บ้านชิราคาวาโกะ โปรแกรมเที่ยวแบบเน้นๆ เที่ยวเยอะ ช้อปกระจาย กับความสะดวกสบายที่มากกว่า อ่านกระทู้เพิ่มเติม >>> https://pantip.com/topic/35858943   5. ++ รีวิวทัวร์ฮอกไกโดฤดูหนาว ....ขาวสุดขั้ว ....หนาวสุดใจ....++              รีวิวทัวร์ญี่ปุ่นเส้นทางยอดฮิต อย่าง ฮอกไกโด ในหน้าหนาวพร้อมความสวยงามของหิมะสีขาวท้ังเมือง กับประสบการณ์สัมผัสหิมะนุ่มๆ ให้ฟินกันแบบหนาวสุดขั้ว อ่านกระทู้เพิ่มเติม >>> https://pantip.com/topic/31477907   6. >>++..รีวิวทัวร์ Hokkaido Gourmet อร่อยเพลินพุง...ชมทุ่งลาเวนเดอร์..++<<              หน้าหนาวผ่านไปแล้ว ขอต่อด้วยอีกหนึ่งฤดูยอดฮิตในการเที่ยวฮอกไกโดกับ รีวิว ทัวร์ญี่ปุ่นฮอกไกโด หน้าร้อน ทัวร์ที่เน้นเรื่องกิน ฟินทั้งแก๊ง พร้อมเที่ยวสัมผัสธรรมชาติแบบจัดเต็ม ครบทุกรสชาติจริงๆค่ะ อ่านกระทู้เพิ่มเติม >>> https://pantip.com/topic/34011502              แต่ละรีวิวเด็ดๆทั้งนั้นเลยใช่ไหมคะ ? เห็นไหมคะว่าการไปเที่ยวทัวร์ญี่ปุ่นนั้นก็สะดวกสบาย ราคาคุ้มค่าไม้แพ้กัน ดังนั้นหากใครอยากเที่ยวญี่ปุ่นแบบสบายใจ ไม่ต้องวางแผนเที่ยวให้ปวดหัว เข้าไปดูทัวร์ญี่ปุ่นเด็ดๆจากทัวร์ครับได้เลย... >>>โปรแกรมทัวร์ญี่ปุ่นคุณภาพ ราคาสุดคุ้มจากทัวร์ครับ คลิกเลย <<<

อ่านเพิ่มเติม
เที่ยวญี่ปุ่นแวะเที่ยว ..ศาลเจ้าเทพเจ้าจิ้งจอกอินาริ (Fushimi Inari Shrine)
เที่ยวญี่ปุ่นแวะเที่ยว ..ศาลเจ้าเทพเจ้าจิ้งจอกอินาริ (Fushimi Inari Shrine)

31 ก.ค. 60

ศาลเจ้าเทพอินาริ (Fushimi Inari Shrine) ที่มีความสำคัญแห่งหนึ่งของเมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น มีชื่อเสียงโด่งดังจากประตูโทริอิ หรือเสาประตูสีแดงที่เรียงตัวกันข้างหลังศาลเจ้าจำนวนหลายหมื่นต้นจนเป็นทางเดินได้ทั่วทั้งภูเขาอินาริ ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวทุกคนต่างเดินทางมาดูโทริอิ ที่ผู้คนเชื่อกันว่าเป็นภูเขาศักสิทธิ์ ทางด้านหลังศาลเจ้าจะเป็นทางเดินขึ้นเขา ที่ปกคลุมไปด้วยเสาโทริอิ ซึ่งเสาโทริอิเหล่านี้ มาจากการบริจาคของบริษัทต่างๆและคนชาวญี่ปุ่น นิยมบริจาคกันเพื่อความเป็นสิริมงคล เราจะสามารถสังเกตเห็นได้จากตัวหนังสือข้างหลังเสา โดยราคาเริ่มจากไม่กี่ร้อยเยนสำหรับเสาต้นเล็กๆ ไปจนถึงหลายล้านเยน สำหรับเสาต้นใหญ่ๆ ระหว่างทางเดินขึ้นเขา ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร เพื่อที่จะชมวิวของเมืองเกียวโต ระหว่างทางจะพบศาลเจ้าเล็กๆตลอดทาง รวมถึงเสาโทริอิขนาดเล็กและจิ้งจอกตัวเล็กๆด้วย อีกทั้งยังมีจะมีร้านอาหารและขนมขายระหว่างทาง เช่น ซูชิจิ้งจอก อูด้งจิ้งจอก เมื่อไปแจ้งเกิดในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด ทำให้ศาลเจ้าแห่งนี้ยิ่งโด่งดังเข้าไปอีก และเนื่องจากศาลเจ้าแห่งนี้มีการบูรณะ ที่ค่อนข้างดี สีสันของประตูโทริอิไม่เคยเปลี่ยน จึงทำให้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างมากเลยทีเดียว วิธีปฏิบัติการไหว้ "ศาลเจ้าเทพอินาริ" การเดินผ่านประตูโทริอิ Torii gate ซึ่งการเดินผ่านประตูโทริอิชาวญี่ปุ่นถือว่าเราได้เดินก้าวเข้าสู่เขตของเทพเจ้าแล้ว เราต้องโค้งคำนับหน้าประตูทางเข้า 1 ครั้ง และให้เดินโดยชิดข้างใดข้างหนึ่ง เพราะตรงกลางคนญี่ปุ่นเชื่อว่าเป็นทางเดินของเทพเจ้า  การเข้าศาลเจ้าจะต้องชำระล้างจิตใจและร่างกายให้บริสุทธิ์ ที่อ่างน้ำ Temizuya วิธีการเดินทางไปศาลเจ้าเทพเจ้าจิ้งจอกแดง  สถานี JR Inari ในสาย JR Nara Line หรือจะเดินจากสถานีรถไฟ Fushimi Inari ของสาย Keihan Main Line   

อ่านเพิ่มเติม
2 เมืองสุดฮิต !! สถานที่ไฮไลท์ เที่ยวญี่ปุ่น โตเกียว-โอซาก้า
2 เมืองสุดฮิต !! สถานที่ไฮไลท์ เที่ยวญี่ปุ่น โตเกียว-โอซาก้า

30 ต.ค. 61

วันนี้ ทัวร์ครับ  เลยนำสถานที่เที่ยวโตเกียวและโอซาก้ามาให้ดูกันก่อนคร่าวๆ เผื่อเป็นไอเดียในการเที่ยวญี่ปุ่นในครั้งต่อไปครับ …   โตเกียว กรุงโตเกียว เมืองหลวงชื่อดังในญี่ปุ่นที่ใครๆก็ต้องรู้จัก ย่านแห่งการคมนาคมการขนส่งจุดศูนย์กลางของดินแดนอาทิตย์อุทัย เดินทางสะดวกด้วยคมนาคมที่ครอบคลุมทั้งเมือง ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวญี่ปุ่นสามารถเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบายในราคาที่ไม่แพง ใครที่พาคุณแม่หรือลูกๆมาเที่ยวญี่ปุ่น หมดกังวลเรื่องการเดินทางไปได้เลย แต่ถ้ามาแบบวางแผนเที่ยวเองก็ต้องขยันวางแผนหน่อยนะครับ ถึงแม้ว่าจะมีการคมนาคมที่สะดวก แต่เราก็ยังต้องสู้กับความเหนื่อยในการเดินไปยังสถานีต่างๆและการดูแผนที่ในการท่องเที่ยวไปพร้อมๆกัน   โตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Tower)   โตเกียวทาวเวอร์ แลนด์มาร์กยอดนิยมของโตเกียว สัญลักษณ์ของเมือง สำหรับใครที่มาครั้งแรกอย่าพลาดที่จะมาถ่ายรูปกับโตเกียวทาวน์เวอร์กันครับ ซึ่งหอคอยโตเกียวแห่งนี้มีเปิดให้นักท่องเที่ยวให้ขึ้นไปชมวิวด้านบนที่สามารถดูได้แบบ 360 องศาเลยล่ะ เปิดทุกวัน เวลา 9:00 - 22:00 น. หรือใครอยากซื้อของฝาก ในโตเกียวทาวน์เวอร์ก็มีร้านของที่ระลึกด้วยนะครับ เป็นแลนด์มาร์กแรกที่น่าไปสุดๆ พิกัด : 4 Chome-2-8 Shibakoen, Minato, Tokyo 105-0011, Japan ค่าเข้าชม : Main observatory  900 เยน และ Special observatory  700 เยน ย่านชินจูกุ (Shinjuku) & ย่านชิบูย่า (Shibuya) ย่านชินจูกุ & ย่านชิบูย่า แหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ใจกลางโตเกียว ซึ่งห่างกันเพียงสถานีเดียว ย่านที่สายช้อปปิ้งห้ามพลาด !!! ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวต่างแดนหรือชาวญี่ปุ่นต่างก็มาช้อปกันที่นี่ 2 ย่านนี้ ถือว่าเป็นย่านที่คนคึกคักมากที่สุด ศูนย์รวมแฟชั่นเก๋ ๆ ของเหล่าบรรดาแฟชั่นนิสต้า และเป็นแหล่งสินค้าแบรนด์ชั้นนำอีกด้วย หมู่บ้านโอชิโนะฮัคไค (Oshino Hakkai) หมู่บ้านโอชิโนะฮัคไค หมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบคาวากูจิโกะ กับ ทะเลสาบยามานาคาโกะ สถานที่ท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นที่รายล้อมไปด้วยวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของแม่น้ำทั้ง 5 และยังมีแบล็คกราวด์เป็นภูเขาไฟฟูจิอีกด้วย  ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมไปดื่มน้ำที่นี่ เพราะเค้าว่ากันว่าบ่อน้ำในหมู่บ้านโอชิโนะฮัคไคนั้นมีความศักดิ์สิทธิ์ที่หากใครได้ดื่มก็จะมีอายุยืนยาว ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ถ้าใครที่ไม่รู้ว่าจะพาแม่ไปเที่ยวไหนดี ก็อย่าลืมมาที่หมู่บ้านน้ำใสแห่งนี้กันนะครับ วัดนาริตะ (Naritasan Shinshoji Temple) วัดนาริตะ วัดศาสนาพุทธชื่อดังในนาริตะ วัดใหญ่ที่สุดในเขตคันโต เป็นวัด 3 อันดับแรกที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาสักการะมากที่สุด แถมวัดนาริตะยังตั้งอยู่ใกล้กับสนามบินนาริตะ เราสามารถเดินทางไปวัดนาริตะได้ง่ายๆจากสนามบิน โดยภายในวัด เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมอันสวยงามอันแสดงออกถึงวัฒนธรรมของญี่ปุ่นอย่างแท้จริง และยังมีเครื่องรางขอพรเรื่องโชคลาภต่างๆมากมาย รวมทั้งสินค้าที่ระลึกต่างๆ บริเวณรอบๆวัด ย่านกินซ่า (Ginza) กินซ่า แหล่งช้อปปิ้งสุดฮิตในญี่ปุ่น ย่านช็อปปิ้งระดับไฮเอนด์ เหมาะสำหรับครอบครัวสาบช้อปเป็นที่สุด  แต่เดี๋ยวก่อน ย่านกินซ่าเป็นเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในที่ดินราคาแพงที่สุดในญี่ปุ่น จึงทำให้ร้านค้าร้านอาหารแถวนี้ราคาแพงสุดๆไปเลยล่ะครับ ต้องพกเงินไปหนาๆกันหน่อย นอกจากนี้ยังมีร้านค้าแบรนด์เนม เครื่องสำอางระดับไฮเอนด์และสินค้าแฟชั่นแบรนด์ชั่นนำต่างๆก็มารวมอยู่ในย่านนี้ด้วยยย แม่น้ำเมกุโระ (Meguro) แม่น้ำเมกุโระ จุดชมดอกซากุระที่โด่งดังที่สุดในโตเกียว เพราะตลอดสองฝั่งทางของแม่น้ำเมกุโระนั้นเต็มไปด้วยต้นซากุระถึง 830 ต้น !!  และชมได้ทั้งในตอนกลางวันและตอนกลางคืน สามารถเดินจากสถานี Naka-Meguro Station ประมาณ 10 นาทีครับ ทะเลสาบคาวากูจิโกะ (Kawaguchiko) ทะเลสาบคาวากูจิโกะ สถานที่เที่ยวรอบๆโตเกียวครับ และเป็นหนึ่งสถานที่ที่คนไปเที่ยวโตเกียวก็จะไม่พลาดที่จะมาเที่ยวที่ทะเลสาบคาวากูจิโกะ ชมวิวแนวธรรมชาติตามจุดต่างๆ ด้วยความที่อยู่ใกล้ภูเขาไฟฟูจิ จึงเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ชัดมากกกกกกกก แนะนำช่วงซากุระและช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจะสวยมากๆ กิจกรรมยอดฮิตของที่นี่คือ ขึ้นกระเช้าไฟฟ้าชมวิว ล่องเรือในทะเลสาบคาวากูจิโกะ อุทยานแห่งชาติฮาโกเน่ (Hakone) ฮาโกเน่ เมืองในเขตอาชิงาราชิโมะ ประเทศญี่ปุ่น บอกเลยว่าที่นี่เต็มเปี่ยมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม ชักชวนให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและต่างชาติต่างเดินทางมาฮาโกเน่เพื่อพักผ่อนตามรีสอร์ทและสปาที่อยู่รอบอุทยาน ไฮไลท์คือ ไปชิมไข่ดำ นั่นเอง อ่านต่อ : กินแหลก..ตัวแตกที่โตเกียว !! 9 ร้านอาหารห้ามพลาด ณ กรุงโตเกียว โอซาก้า "โอซาก้า" แหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของการเที่ยวญี่ปุ่นรองจากโตเกียว ที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมายและขึ้นชื่อเรื่องอาหารอย่างทาโกะยากิ โอซาก้าอยู่ทางฝั่งตะวันตกของทางโตเกียว ซึ่งเราสามารถนั่งชินคันเซ็นจากโตเกียวมาถึงโอซาก้าได้ ใช้เวลาเดินทางแค่ 1 ชั่วโมง เท่านั้น ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) มาเริ่มกันที่จุดไฮไลท์ที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวไม่ว่าจะทัวร์หรือเที่ยวเอง นั่นคือ ปราสาทโอซาก้า  นั่นเอง แหล่งพักผ่อนหย่อนใจของชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวที่มาชมความสวยงามของปราสาทโอซาก้าแห่งนี้ ปราสาทโอซาก้าได้รับตั้งให้เป็นสมบัติสำคัญทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่น แถมตั้งอยู่ใจกลางเมืองโอซาก้า เมื่อถึงช่วงดอกซากุระบานหรือใบไม้เปลี่ยนสี ที่ปราสาทโอซาก้านี้ก็จะมีวิวที่สวยงามตามสีใบไม้ที่เปลี่ยนไปตามฤดู นอกจากนี้ในช่วงกลางคืนก็จะมีจัดไลท์อัพ ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถมาเยี่ยมชมกันได้ทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน Universal Studios Japan คงเป็นไปไม่ได้ว่าคนที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นโตเกียว-โอซาก้า นั้น จะไม่รู้จักสวนสนุกชื่อดัง อย่าง ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ แจแปน สวนสนุกที่เป็นที่นิยมมากที่สุดเป็นอันสองของญี่ปุ่น(รองจากโตเกียวดิสนีย์แลนด์) ที่นักท่องเที่ยวนั้นหลั่งไหลกันมาเพื่อมาเที่ยวสวนสนุกแห่งนี้ให้ได้สักครั้ง ยิ่งเป็นสาวกแฮร์รี่พอทเตอร์และเหล่าสมุนมินเนี่ยนก็อย่าพลาดที่จะมาเที่ยวยูนิเวอร์แซลแจแปนกันนะครับ ส่วนการเดินทางไป Universal Studios Japan นั้นไม่ยาก ถ้าจากสถานีโอซาก้านั่งรถไฟ Osaka Loop Line ไปลงสถานี NISHIKUJO ก็ถึงเลยครับ ย่านชินเซไค (Shinsekai) ย่านชินเซไค แลนด์มาร์กอีกที่หนึ่งของโอซาก้าสถานที่แห่งการช้อปปิ้ง และยังมีหอคอยซึเทนคาคุ (Tsutenkaku) ที่เป็นสถานที่เที่ยวหนึ่งในสัญลักษณ์ของที่ชินเซไคอีกด้วย นอกจากจะช้อปปิ้งแล้ว เรื่องอาหารก็ไม่แพ้ใครเลยครับ แหล่งรวมร้านกินดื่มสำหรับคนญี่ปุ่นและแถวๆนี้ยังมีร้านขายของที่ระลีกให้เลือกช็อปปิ้งกันอีกหลายร้าน  ใครที่มาเที่ยวญี่ปุ่น โตเกียว-โอซาก้า ก็อย่าลืมแวะมาที่นี่กันน้าา ย่านโดทงโบริ (Dotonbori) ย่านโดทงโบริ ย่านที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของโอซาก้า ไม่ว่าจะเป็นแหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร ร้านของฝาก บอกเลยว่าเดินเพลิน ช้อปกระจาย และที่นี่ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ของประเทศญี่ปุ่น หากมาย่านโดทงโบริแล้วก็อย่าลืมถ่ายรูปที่ระลึกกับป้ายกูลิโกะมาอวดกันด้วยนะครับ    จบแล้วกับทริปญี่ปุ่นโตเกียวโอซาก้า เที่ยวสะดวก อาหารอร่อย ช้อปปิ้งกันเพลินๆ ทัวร์ครับขอคอนเฟิร์มเลยว่าไปกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ !! และเป็นอีกหลายเหตุผลว่าทำไมคนไทยถึงนิยมไปเที่ยวญี่ปุ่นกัน.. ถ้ามีโอกาสลองไปเที่ยวญี่ปุ่นกันให้ได้สักครั้งรับรองว่ามีครั้ง 2 3 4 ตามมาแน่นอนนน    อ่านต่อ : 7 ร้านอาหาร โอซาก้า ถูก และ ดี ไปเที่ยวโอซาก้าต้องลอง!  

อ่านเพิ่มเติม
ไปเที่ยวญี่ปุ่นนาโกย่ากันเถอะ ! เก็บ 10 แลนด์มาร์กสุดฟินที่ไม่ควรพลาด
ไปเที่ยวญี่ปุ่นนาโกย่ากันเถอะ ! เก็บ 10 แลนด์มาร์กสุดฟินที่ไม่ควรพลาด

09 ม.ค. 62

ซึ่งบอกเลยว่า ตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก ทั้งกับนักท่องเที่ยวหน้าใหม่เองที่ไม่อยากจะเที่ยวข้ามภูมิภาค และกับนักท่องเที่ยวขาประจำ ที่เบื่อกิจกรรมเดิมๆ จากเมืองใหญ่ ต่างตบเท้าหิ้วกระเป๋าก้าวเข้ามาเที่ยวที่ นาโกย่า กันเพียบเลยล่ะค่ะ และถ้าอยากรู้ว่าที่ นาโกย่า มีอะไรให้เที่ยวบ้าง จะน่าสนใจขนาดไหน ก็ตาม ทัวร์ครับมาเลย เพราะเราได้รวบรวม 10 แลนด์มาร์กนาโกย่า มาไว้ให้ที่นี่แล้ว เชื่อเถอะว่าพออ่านจบจะอยากไป เที่ยวญี่ปุ่น นาโกย่า แน่นอน !!! 1. ปราสาทนาโกย่า พิกัด : Nagoya Castle หน้าตาละม้ายคล้ายปราสาทโอซาก้า แต่ไม่เหมือนกันซะทีเดียว ที่นี่เปรียบเสมือนเป็นแลนด์มาร์กของ นาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น เลยครับ ที่นักท่องเที่ยวทุกคนที่มาเที่ยวญี่ปุ่น นาโกย่า จะต้องแวะมาทักทาย และเช็คอินที่นี่เป็นการเริ่มต้นทริป ปราสาทนาโกย่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองมากว่า 400 ปี ด้านในมีนิทรรศการที่น่าสนใจหมุนเวียนกันไป ส่วนด้านนอกก็มีสวนให้เดินเล่นรอบๆ ใครมาตอนซากุระบานยิ่งฟิน เพราะที่นี่เป็นจุดชมซากุระที่สวยมากๆ เลยล่ะ 2. สวนชิโรโทริ เทอิเอ็น พิกัด : Shirotori Garden สวนที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น นาโกย่า มีการออกแบบที่ดี สวยงาม และมีต้นไม้หลากหลายพันธุ์ที่นี่ ในฤดูใบไม้ผลิดอกไม้ก็ออกดอกสวยบานสะพรั่ง ส่วนในฤดูใบไม้ร่วงก็มีใบไม้แดงที่สวยงามเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ที่นี่ยังมีห้องน้ำชา ที่เปิดต้อนรับให้นักท่องเที่ยวที่รักการดื่มชา ได้แวะไปชิมชา และยังมีร้านอาหารอร่อยๆ ด้านในด้วยนะครับ มาเที่ยวญี่ปุ่น นาโกย่า ที่เดียวครบทุกรสกันไปเลย 3. วัดโอสึคันนง พิกัด : Osu Kannon Temple วัดดังใจกลางเมืองนาโกย่า ที่ไม่ว่าใครผ่านมาที่เมืองนี้จะต้องมาที่นี่กันทั้งนั้น นอกจากจะมาสักการะพระพุทธรูป Kannon ที่นับว่าใหญ่ที่สุดองค์หนึ่งในญี่ปุ่นแล้ว ที่นี่ยังอยู่ใกล้กับย่านการค้า Osu Shopping Arcade ทำให้ระหว่างทางของ 2 สถานที่นี้มีร้านค้าเรียงรายกว่า 2,000 ร้าน ทั้งร้านอาหาร และร้านให้จับจ่ายซื้อของ ช้อปปิ้งเพลินจนลืมเหนื่อยเลยล่ะครับ 4.พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์นาโงย่า พิกัด : Nagoya City Science Museum บอกแล้วว่าเมืองนี้มีการผสมผสานกันเป็นอย่างดี ระหว่างความคลาสสิคสมัยเก่า และความทันสมัย อย่างพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งนี้ ก็เป็นพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจและมีนวัตกรรมอันทันสมัยมากมายในนาโกย่า ไม่ว่าจะเป็นท้องฟ้าจำลองที่ใหญ่ที่สุดในโลก, ห้องที่มีอุณหภูมิ -30 องศา เพื่อให้ลองสัมผัสกับแสงเหนือ, พายุหมุนทอร์นาโดจำลอง ความสูง 9 เมตร และอื่นๆ อีกมากมาย ใครที่ชอบวิทยาศาสตร์ มาเที่ยวญี่ปุ่น นาโกย่า ก็แวะมาที่นี่ได้ ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ 5. Toyota Automobile Museum ใครชอบรถเก่าเตรียมเสียงกรี๊ดไว้ให้พร้อม เพราะที่นี่จะพาไปพบกับรถยนต์ Toyota ตั้งแต่คันแรกจนถึงปัจจุบัน ซึ่งรถเก่าสุดคลาสสิคตั้งแต่ช่วงที่เริ่มก่อตั้งบริษัทก็อยู่ที่นี่ ทั้งรถคลาสสิคอีกมากมายที่รอให้ทุกคนไปยลโฉมอยู่ นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้ประวัติของบริษัทโตโยต้าไปในตัวด้วย เดินเล่นชมความงามของรถเหล่านั้นเพลินจนลืมเวลากันเลยทีเดียว 6.พิพิธภัณฑ์ศิลปะโทคุงาวะ พิกัด : Tokugawa Art Museum อีกหนึ่งมิวเซียมที่น่าสนใจมากๆ ในทริปเที่ยวญี่ปุ่น นาโกย่า มีผลงานจัดแสดงมากมาย ซึ่งถูกบริจาคโดยลูกหลานตระกูล Owari Tokugawa เช่น เฟอร์นิเจอร์หลากหลายชิ้น, ของใช้ภายในบ้าน, เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย และอื่นๆ อีกมากมายที่นำมาไว้ที่นี่ เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมได้เห็นวิถีชีวิตของไดเมียว หรือขุนนางญี่ปุ่นสมัยก่อนนั่นเอง 7. SC MAGLEV and Railway Park ใครชอบรถไฟญี่ปุ่นบ้าง? ที่นี่บริหารโดยบริษัท JR Central ชื่อคุ้นๆ ใช่ไหมล่ะคะ โดยจะนำรถไฟเก่าที่ปลดระวาง ไม่ได้ใช้งานแล้วมาจัดแสดง มีทั้งรถไฟของ JR และที่สำคัญมี Maglev หรือรถไฟความเร็วสูงด้วยนะครับ นอกจากนี้ยังมีรถจักรไอน้ำ และอื่นๆ อีกมากมายเลย ทั้งยังได้จำลองรถไฟ, ระบบจำลองการขับเคลื่อน และโมเดลสามมิติ เอาไว้ให้ผู้ที่สนใจได้เดินชมอีกด้วย 8. พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำท่าเรือนาโกย่า พิกัด : Nagoya Aquarium อีกหนึ่งแลนด์มาร์กของนาโกย่าที่แอดมินปลาบปลื้มมากๆ (เพราะชอบ Aquarium อยู่แล้ว) แต่ที่นี่พิเศษกว่าที่อื่นตรงที่นอกจากความเพลิดเพลินที่เราได้รับแล้ว ยังได้ความรู้อีกมากมายกลับไปด้วย ส่วนไฮไลท์ที่ชอบที่สุดของเราก็คงเป็น การแสดงโชว์ทอร์นาโดปลาซาดีน ที่ปลาซาดีนหลายร้อยตัวว่ายเป็นวงลอยสูงขึ้นไปอย่างพร้อมเพียงกัน และโชว์เจ้าวาฬเบลูก้า ครับ 9. Oasis 21 พิกัด : Oasis 21 ความทันสมัยของนาโกย่าไม่ได้มีแค่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงแลนด์มาร์กแห่งนี้ด้วย ในเวลากลางวันก็สามารถมาเดินเล่นชิลๆ ในสวนสาธารณะสีเขียวขจี เดินช้อปปิ้งในห้างที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน หรือเดินชมวิวจากหลังคากระจก ส่วนในเวลากลางคืนนั้นที่นี่ก็จะเปิดไฟประดับสวยงาม เรียกได้ว่าอยู่ได้ตั้งแต่พระอาทิตย์ยันไม่ตก ยันกลางคืนเลยครับ 10. LEGOLAND Nagoya ปิดท้ายกันในทริปเที่ยวญี่ปุ่น นาโกย่า ที่ธีมปาร์คที่น่าตื่นตาตื่นใจมากๆ ซึ่งหากพูดว่าหลายคนมานาโกย่าเพราะที่นี่ก็คงไม่ผิดนัก เป็นสวนสนุกที่สร้างจากตัวต่อเลโก้กว่า 17 ล้านชิ้นเลยทีเดียวครับ ซึ่งไม่ใช่แค่เด็กๆ เท่านั้นที่จะ Enjoy ไปกับเหล่าเลโก้ แต่ผู้ใหญ่อย่างเราๆ ก็สามารถเพลิดเพลินไปกับเครื่องเล่นต่างๆ ได้ด้วยเช่นกันนะครับ เรียกได้ว่าเป็นดินแดนในฝันสำหรับคนรักของเล่นเลยล่ะ และนี่ก็คือ 10 ไฮไลท์เบาๆ ของเมืองนาโกย่า ที่เรานำมาแนะนำให้รู้จักกัน แต่เมืองนี้ก็ไม่ได้มีดีแค่นี้นะ ยังมีแลนด์มาร์กอีกมากมายที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้านชิราคาวะโกะ , เมืองทาคายาม่า , Nagashima Resort ที่เป็นสถานที่จัดงาน Nabana no Sato Winter Ilumination และยังมีอาหารอร่อยๆ อีกมากมายเลย เป็นอีกเมืองที่น่าสนใจ และน่ามาเที่ยวไม่แพ้เมืองอื่นๆ ในญี่ปุ่นเลยครับ   อ่านต่อ บทความแนะนำ >>หนาวนี้ต้องมีฟิน!! รวม 10 สถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ในญี่ปุ่น<<  

อ่านเพิ่มเติม
เที่ยวได้ทั้งปีไม่มีเบื่อ! รวมที่เที่ยว “ญี่ปุ่น” ฤดูนี้ไปไหนดีนะ ??
เที่ยวได้ทั้งปีไม่มีเบื่อ! รวมที่เที่ยว “ญี่ปุ่น” ฤดูนี้ไปไหนดีนะ ??

10 ม.ค. 62

มาพูดถึงเรื่องสภาพอากาศกันบ้าง ที่ญี่ปุ่นเนี่ยมีทั้งหมด 4 ฤดูกาล ได้แก่ 🌿 ฤดูใบไม้ผลิ ในช่วงเดือนมีนาคม - เดือนพฤษภาคม ☀️ ฤดูร้อน เดือนมิถุนายน - เดือนสิงหาคม 🍂  ฤดูใบไม้ร่วง เดือนกันยายน - เดือนพฤศจิกายน และ ☃️ ฤดูหนาว เดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์ ซึ่งเอาจริงๆ ก็ถือว่าเที่ยวได้ทั้งปีเลยนะครับ เพราะแต่ละฤดูก็มีความน่าสนใจแตกต่างกันไป วันนี้ ทัวร์ครับ เลยขอรวบรวมไฮไลท์เด่นๆ ของแต่ละฤดูมาให้ เผื่อเพื่อนๆ กำลังมีแพลนไปญี่ปุ่น แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปฤดูไหนดี จะได้เลือกได้ถูกใจนะครับ ไปดูกันเล้ยยยยย ~ ฤดูใบไม้ผลิ (เดือนมีนาคม - เดือนพฤษภาคม) สำหรับฤดูนี้ สิ่งที่พีคฝุดๆ หนีไม่พ้นเลยก็คือ การไปชมดอกซากุระ ครับ ซึ่งมันสวยมว๊ากกก ความสีชมพูละมุน บวกกับอากาศเย็นสบายไม่หนาวเกินไป ทำให้ฤดูนี้ถือว่าเป็น ฤดูยอดฮิตติดชาร์ต ที่นักท่องเที่ยวหลายๆ คนต่างตั้งเป้าไว้จะต้องไปให้ได้ แล้วยิ่งช่วงเวลานี้ประเทศไทยเรากำลังร้อนระอุ การตีตั๋วหนีร้อนไปญี่ปุ่นเลยกลายเป็นอะไรที่ดีมากๆ แต่...ด้วยความที่มันฮิตเนี่ย เค้าเลยจองตั๋วกันข้ามปีเชียวล่ะ !!! แผนที่ : Osaka Castle ซึ่งการไปชมซากุระนั้น ส่วนมากจะไปกันช่วงปลายเดือนมีนาคม - กลางเดือนเมษายน เพราะจากการพยากรณ์การผลิของดอกซากุระในหลายปีที่ผ่านมา ก็จะอยู่ในช่วงนี้แหละครับ โดยซากุระนั้นจะบานจากใต้ขึ้นเหนือ เพราะฉะนั้นจะเริ่มบานที่โอซาก้าก่อน ใครไปเที่ยวแถบคันไซก็แนะนำให้ไปชมดอกซากุระที่ ปราสาทโอซาก้า นะครับ รับรองว่าจะได้ฉากหลังที่สวยเก๋อย่างแน่นอน ส่วนใครที่เที่ยวแถวคันโต หรือแถบโตเกียว ก็ต้องไปที่สวนอุเอโนะเลย รับรองว่าได้ชมซากุระจนจุใจแน่นอน ฤดูร้อน (เดือนมิถุนายน - เดือนสิงหาคม) ถึงแม้ว่าฤดูร้อนของญี่ปุ่นนั้น จะร้อนมากก็ตามที แต่นักท่องเที่ยวก็ไม่หวั่น เพราะยังมีอีกหลายสถานที่สวยๆ และกิจกรรมอีกมากมายให้ทำไม่แพ้ฤดูอื่นๆ เลยล่ะครับ แถมราคาค่าตั๋วยังถูกมากอีกด้วย เรียกได้ว่าไม่ต้องจองข้ามปีก็ได้ตั๋วมาในราคาโปรฯ กันไปเลย โดยกิจกรรมที่นิยมทำกันในฤดูร้อนสุดๆ นั่นก็คือ การไปชมสวนดอกไม้ต่างๆ เพราะเป็นช่วงที่ดอกไม้จะบานสะพรั่ง สวยงามสุดๆ ใครที่เป็น Flower Lover หรือ Blossom girl จะต้องอิน และเลิฟสุดๆ ในการมาเที่ยวญี่ปุ่นในฤดูนี้ นอกจากนี้ ถ้าพูดถึงฤดูร้อนแล้ว ก็ต้องนึกถึงทะเลใช่ไหมล่ะ ที่ญี่ปุ่นก็เช่นกัน มีทะเลสวยๆ น้ำใสๆ ให้เหล่า Beach Lover ได้ไปฟินกันเพียบเลย แผนที่ : Okinawa สำหรับทะเลสวยๆ นั้น เราขอแนะนำที่ เกาะโอกินาว่า เลย บอกเลยว่าสวยมาก น้ำทะเลสีฟ้าเทอคอวยซ์สุดสวย กับท้องฟ้าในวันสดใส ดีต่อใจจริงๆ แถมบินจากกรุงเทพฯ เพียง 4 ชั่วโมงนิดๆ เท่านั้นเอง ค่าครองชีพก็ไม่แพงด้วยน๊า ส่วนใครที่เป็นสายทุ่งดอกไม้ ต้องขึ้นเหนือไปที่ฮอกไกโดแล้วล่ะ เพราะทุ่งดอกลาเวนเดอร์สีม่วงสวย กับกลิ่นหอมอ่อนๆ รอคุณอยู่ !!! เห็นมั้ยครับบอกแล้วว่าไปญี่ปุ่น ฤดูร้อน ก็มีกิจกรรมให้ทำเพียบไม่แพ้ฤดูอื่นๆ เลยน๊าาาา ฤดูใบไม้ร่วง (เดือนกันยายน - เดือนพฤศจิกายน) มาถึงฤดูที่ยืนหนึ่งตลอดกาล ฮิตสุดๆ อะไรก็ฉุดไม่อยู่อย่าง ฤดูใบไม้ร่วง กันแล้วครับ ด้วยความที่อากาศในฤดูใบไม้ร่วงนั้น อยู่ในระดับที่เรียกได้ว่ากำลังเย็นสบาย ไม่ร้อน และไม่หนาวจนปากสั่น ยังใส่โค้ทเก๋ๆ ได้โดยไม่ต้องใส่เสื้อขนเป็ด บวกกับฉากหลังที่มีใบไม้สีส้ม สีแดง ดูสวยงาม ทำให้ฤดูนี้เป็นที่ถูกใจของใครหลายคนสุดๆ และนักท่องเที่ยวก็ต่างตบเท้าเข้ามาไม่ว่างเว้นแต่ละวันเลย กิจกรรมของฤดูนี้ก็ไม่มีอะไรมาก ในเมื่อมันเป็นฤดูของการชมใบไม้แดง ก็ต้องชมใบไม้แดงให้หนำใจกันไปเลยค่ะ ที่เหลือก็เป็นการตะลุยกิน ชมสถานที่ต่างๆ และตะลุยช้อปแหลก !!! เพราะช่วงนี้ของ Sale เพียบ เพื่อเตรียมเข้าสู่ Winter Season และใกล้สิ้นปี ทำให้เสื้อผ้าเอย ของใช้ต่างๆ เอย ต่างขนขบวนกันมาลดแลกแจกแถมแบบสุดๆ ใครไปเที่ยวญี่ปุ่นในฤดูนี้ อย่าลืมเตรียมกระเป๋าไปขนของเยอะๆ นะจ๊ะ อ้อ! เกือบลืมบอกจุดชมใบไม้แดงไปเลย ถ้าอยู่โตเกียวบอกเลยว่าอิ่มแน่ๆ เพราะสวยเกือบทุกที่เลยครับ แต่อยากแนะนำให้นั่งรถออกไปที่คาวากูชิโกะก็จะได้ฟินเพิ่มขึ้น เพราะนอกจากจะได้เห็นใบไม้แดงแล้ว ยังได้เห็นฟูจิซังใส่หมวกด้วยน๊า ส่วนถ้าใครไปแถบคันไซ ก็อย่าลืมแวะไปทักทายน้องกวางที่นารา และไปวัดคิโยมิสุ หรือวัดน้ำใสที่เกียวโตนะครับ แผนที่ :  Kiyomizu-dera ฤดูหนาว (เดือนธันวาคม - เดือนกุมภาพันธ์) ปิดท้ายกันที่ความขาวของหิมะญี่ปุ่นกันบ้าง ด้วยความที่เมืองไทยเราไม่มีหิมะตก เพราะฉะนั้นญี่ปุ่น จึงกลายเป็นจุดหมายปลายทางแรกๆ ที่คนจะนึกถึงและตีตั๋วไปสัมผัสอากาศหนาวติดลบและหิมะด้วยตัวเองสักครั้ง เพราะไปง่าย มีกิจกรรมให้ทำเยอะ ค่าครองชีพก็รับได้ไม่ได้แพงหูฉี่เหมือนไปยุโรป ทำให้ฤดูนี้ก็ถือว่าเป็นอีกฤดูยอดฮิตเช่นเดียวกันครับ มาเจอหิมะทั้งที กิจกรรมต่างๆ ก็คงหนีไม่พ้นวนเวียนอยู่กับการไป เล่นสกี หรือไปดูหิมะ นั่นแหละ ซึ่งถ้าหากจะเล่นสกี ก็ต้องไปฮอกไกโด เพราะมีสกีรีสอร์ทเจ๋งๆ และสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วนรออยู่ แต่ถ้าไม่อยากขึ้นเหนือมาก จะอยู่แถบๆ โตเกียวก็ยังมีที่ กาล่า ยูซาว่า อีกที่นะครับ สวยและสนุกไม่แพ้กันเลยล่ะ นอกจากนี้เรายังขอแนะนำให้ไปเยือน ชิราคาวาโกะ หมู่บ้านมรดกโลก สักครั้ง เพราะเค้าจะสวยที่สุดในช่วงฤดูหนาวที่มีหิมะตกนี่แหละครับ บอกเลยว่าสวยราวกับหลุดเข้าไปอยู่ในโลกเทพนิยายเลยทีเดียว ที่เหลือก็ไม่มีอะไรมาก ไปเที่ยวญี่ปุ่นฤดูหนาวก็แค่ enjoy festival ไม่ว่าจะเป็นคริสมาสต์ หรือปีใหม่ แค่นี้ก็สุดยอด เป็นทริปที่น่าประทับใจแล้วครับ แผนที่ : Shirakawa-go อ่านจนถึงบรรทัดนี้แล้ว ตัดสินใจได้แล้วหรือยังครับว่าจะไปเที่ยวญี่ปุ่น ช่วงไหนดี ? ให้ทายก็คงแอบมีลิสต์ไว้ในใจแล้วใช่ไหมล่ะ ?? แต่ถ้ายังตัดสินใจเด็ดขาดไม่ได้ ลองดูโปรแกรมทัวร์กับทัวร์ครับก่อนก็ได้นะครับ เผื่อจะมีที่โดนๆ และเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจครับ : )    อ่านบทความแนะนำ >>ไปเที่ยวญี่ปุ่นนาโกย่ากันเถอะ ! เก็บ 10 แลนด์มาร์กสุดฟินที่ไม่ควรพลาด <<      

อ่านเพิ่มเติม
เทศกาลสุดพิเศษที่ห้ามพลาดใน ทัวร์ญี่ปุ่น เดือนมีนาคม !!
เทศกาลสุดพิเศษที่ห้ามพลาดใน ทัวร์ญี่ปุ่น เดือนมีนาคม !!

22 ม.ค. 62

มาดูกันครับว่าถ้าหากไปทัวร์ญี่ปุ่น เดือนมีนาคมแล้ว จะได้พบกับเทศกาลอะไรบ้าง ?? เที่ยวญี่ปุ่น เดือนมีนาคม : เทศกาลโอมิซูโทริ เป็นเทศกาลที่เก่าแก่เทศกาลหนึ่งของญี่ปุ่นเลยครับ เป็นเทศกาลชำระบาปของชาวพุทธ ที่มีมานานมากกว่า 1,250 ปี เทศกาลนี้ถือเป็นพิธีขั้นสุดท้ายในการปฏิบัติพิธีชูนิเอะ โดยจะดำเนินการที่ศาลาบนเนินเขา ชื่อว่า ศาลานิงะสึโดะ ที่วัดโทไดจิ เมืองนาราครับ ไฮไลท์ของงานเทศกาลนี้ก็คือ การแสดงไฟ ซึ่งจะเริ่มเมื่อพระอาทิตย์ตกดินของทุกคืนครับ เป็นการแสดงที่น่าตื่นเต้นและมีชื่อเสียงที่สุดเลยล่ะครับ คบเพลิงยักษ์ขนาด 6-8 เมตร จะถูกยกขึ้นไปบนระเบียงของศาลานิงะสึโดะ และเผาไหม้เป็นประกายไฟ ซึ่งชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่า หากอาบร่างกายด้วยประกายไฟเหล่านี้ จะได้รับการคุ้มครองจากสิ่งชั่วร้ายครับ ช่วงเวลาจัดงาน : วันที่ 1 - 14 มีนาคม ของทุกปี เที่ยวญี่ปุ่น เดือนมีนาคม : เทศกาลฮินะมะสึริ ใครเป็นแฟนคลับตัวยงของประเทศญี่ปุ่น จะต้องคุ้นหูกับเทศกาลนี้ ที่มีอีกชื่อเรียกคือ เทศกาลเด็กผู้หญิง นั่นเอง เป็นเทศกาลของชาวญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่โบราณ โดยชาวญี่ปุ่นจัดเทศกาลนี้ขึ้นมาเพื่ออธิษฐานให้ลูกสาวมีความสุข และประสบความสำเร็จในชีวิตครับ ไฮไลท์สำคัญของเทศกาลนี้เลยก็คือ “ตุ๊กตาฮินะ” ที่เป็นตุ๊กตาทำมือ ประดับด้วยชุดแต่งกายตามราชสำนักญี่ปุ่นโบราณ สมัยยุคเฮอัง วางไว้บนชั้น 7 ชั้น รอบๆ ตุ๊กตาจะมีเครื่องบูชาต่างๆ โดยมีตุ๊กตาที่วางชั้นบนสุด คือ ตุ๊กตาเจ้าชายโอไดริซามะ และเจ้าหญิงโอฮินะซามะครับ ช่วงเวลาจัดงาน : วันที่ 3 มีนาคม ของทุกปี เที่ยวญี่ปุ่น เดือนมีนาคม : เทศกาลแสงไฟ คุระชิกิ ถือว่าเป็นเวลาที่ดีที่จะได้ไปเที่ยวย่านเมืองเก่าของญี่ปุ่นกันบ้างครับ กับเทศกาลแสงไฟที่เมืองคุระชิกิ ที่เป็นเทศกาลที่บ่งบอกว่า ฤดูใบไม้ผลิได้มาถึงแล้วนั่นเอง โดยในอดีต เมืองคุระชิกิเคยเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองมากๆ และเป็นศูนย์กลางทางการค้าตั้งแต่สมัยเอโดะ ที่มีอายุยาวนานกว่า 300 ปี ปัจจุบันเป็นกลุ่มโบราณสถานที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีเลยครับ ไฮไลท์ของงานเทศกาลแห่งนี้ คือทั้งเมืองจะถูกเรียงรายไปด้วยแสงไฟอันอบอุ่น จากเปลวเทียน โคมไฟกระดาษรูปทรงต่างๆ และร่มกระดาษแบบญี่ปุ่น ทั่วบริเวณตามริมฝั่งแม่น้ำคุระชิกิครับ และนักท่องเที่ยวก็สามารถล่องเรือชมความงามของไฟได้ โรแมนติกและเพลินเพลินสุดๆ เลยล่ะครับ ช่วงเวลาจัดงาน : ต่างกันไปในแต่ละปี แต่จะอยู่ในช่วงเดือนมีนาคม เที่ยวญี่ปุ่น เดือนมีนาคม : การแข่งขันซูโม่ประจำฤดูใบไม้ผลิ ในทุกๆปี จะมีการจัดแข่งขันซูโม่เวียนกันไปในแต่ละจังหวัดครับ โดยจะจัดในช่วงเดือนคี่ และสำหรับเดือนมีนาคมนั้นก็จะเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิพอดี ใครที่อยากเห็นการแข่งขันซูโม่ของจริงสักครั้งในชีวิต แนะนำให้ซื้อตั๋วเข้าไปชมดูนะครับ แล้วจะได้สัมผัสความเป็นญี่ปุ่นอย่างเต็มเปี่ยมเลยล่ะ ได้ฟีลความเป็นญี่ปุ่นแท้ๆ เป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจยากที่จะลืมแน่นอนครับ ช่วงเวลาจัดงาน : เดือนมีนาคม (หรือเดือนคี่อื่นๆ) เที่ยวญี่ปุ่น เดือนมีนาคม : เทศกาลวันไวท์เดย์ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันวาเลนไทน์ ถัดมาอีกหนึ่งเดือนก็จะเป็นวันไวท์เดย์ครับ เดิมทีวันนี้เป็นวันที่บริษัทขนม ตั้งใจทำการตลาดเมื่อปี 1987 แต่กลับได้รับความนิยมอย่างมาก จนกลายมาเป็นเทศกาลวันไวท์เดย์ถึงปัจจุบัน โดยวันวาเลนไทน์ ฝ่ายหญิงจะให้ของขวัญกับฝ่ายชาย และเมื่อถึงวันไวท์เดย์ ฝ่ายชายจะต้องให้ของขวัญกลับ และต้องมีมูลค่ามากกว่าถึง 3 เท่าครับ ไฮไลท์ของเทศกาลนี้ คือการที่ขนมแต่ละชนิดจะมีความหมายแตกต่างกันไป เช่น มาร์ชเมลโล่ หมายถึง การปฏิเสธ , คุกกี้ หมายถึง อยากเป็นเพื่อน และ ลูกอม หมายถึง ฉันรักคุณ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่แค่ขนมเท่านั้นที่ให้เป็นของขวัญได้นะครับ ตุ๊กตา ดอกไม้ หรือของขวัญอื่นๆ ก็นิยมเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นใครไปญี่ปุ่นในช่วงวันไวท์เดย์ ก็ไม่ต้องแปลกใจหากเห็นสาวๆ และหนุ่มๆ ญี่ปุ่นเดินถือของขวัญเต็มไม้เต็มมือ ไม่ต่างจากวันวาเลนไทน์ครับ ช่วงเวลาจัดงาน : วันที่ 14 มีนาคม ของทุกปี เที่ยวญี่ปุ่น เดือนมีนาคม : ส่งท้ายหิมะด้วยการเล่นสกี และสโนว์บอร์ด ในช่วงเดือนมีนาคมนั้น ทางภาคเหนือของญี่ปุ่นในบางจังหวัดยังมีหิมะอยู่ และยังสามารถเล่นสกี และสโนว์บอร์ดส่งท้ายได้ครับโดยช่วงนี้หิมะจะเริ่มจับตัวเป็นก้อน มีคุณภาพดี เป็นผง และไม่เปียก อากาศก็ดีมากๆ ด้วย ซึ่งจริงๆ แล้วช่วงนี้เป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุดในการเล่นสกีด้วยซ้ำ สำหรับใครที่อยากไปเล่นสกี หรือสโนว์บอร์ดในช่วงนี้ แนะนำให้ไปที่ Gala Yuzawa จะเป็นจุดที่ดีที่สุด สำหรับการทำกิจกรรมนี้ครับ เที่ยวญี่ปุ่น เดือนมีนาคม : ชมดอกซากุระ ปิดท้ายกันกับไฮไลท์ของประเทศญี่ปุ่น อย่างการชมดอกซากุระ น้อยคนนักที่จะรู้ว่าดอกซากุระแล้วจริงๆ จะเริ่มบานตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคมเลยครับ โดยดอกซากุระนั้น จะเริ่มบานจากภาคใต้สู่ภาคเหนือ เพราะฉะนั้นใครมีแผนจะเดินทางไปทัวร์ญี่ปุ่น เดือนมีนาคม ให้เลือกไปหลังจากกลางเดือน และไปเที่ยวยังภาคใต้ ก็จะมีโอกาสได้เจอกับดอกซากุระบานก่อนใครเพื่อนเลยล่ะครับ แถมนักท่องเที่ยวในช่วงนี้ก็ยังไม่เยอะ ได้ภาพสวยๆ แน่นอน   อ่านต่อ  >>4 เหตุผล ทำไมคนญี่ปุ่นถึงให้ความสำคัญกับการชม ‘ซากุระ’ ที่ญี่ปุ่น<<      

อ่านเพิ่มเติม
 7 ร้านกาแฟบรรยากาศดีในโตเกียว พร้อมพิกัด
7 ร้านกาแฟบรรยากาศดีในโตเกียว พร้อมพิกัด

21 ก.พ. 62

ด้วยเหตุนี้จึงมีร้านกาแฟและโรงคั่วกาแฟมากมายในประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะกรุงโตเกียวที่มีวัฒนธรรมกาแฟอันหลากหลายให้เลือกสรรกันแบบคาเฟ่ฮอปเปอร์ต้องกรี๊ดดดด แล้วมาตามมาตำกันด่วน อย่ารอช้าไปดูกันเลยจ้า   1. น้อยแต่มากต้องยกให้ร้านนี้ KOFFEE MAMEYA ร้านหมอกาแฟเพราะคนชงใส่ชุดเหมือนหมอไม่ใช่อะไรหรอก 5555 ร้านนี้ตั้งอยู่ที่เดิมของ Ometosando Cafe ร้านคนที่คลั่งกาแฟน่าจะรู้จักกันดี ตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นร้าน KOFFEE MAMEYA ที่นี่มีเมล็ดกาแฟจากทั่วโลก และทั้งในญี่ปุ่น คั่วในญี่ปุ่นก็มี หรือคั่วเองในร้านก็มี สายกาแฟของจริง คอนเซปของร้านก็เท่สุดๆ ไปเลย แถมคนชงก็มีกันแค่ 2 คน แต่ฝีมือเฉียบไม่ธรรมดา เน้นวัตถุดิบ กรรมวิธีเน้นๆ น้อยแต่มากของแท้ โดยพื้นหลังของจะจัดกาแฟไล่สีตามระดับความเข้มของการคั่ว เท่มาก เวลาสั่งก็จะมีเมล็ดกาแฟให้เลือกเราก็เลือกวิธีชง เขาก็จะทำให้ดูเลย เวลาเขาดริป เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของร้านนี้ เพราะขนาดร้านไม่ใหญ่มากทำให้ใกล้ชิดกับคนชงแบบสุดๆ ถึงจะพูดกันเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างก็เถอะแต่แค่ดูเขาดริปกาแฟก็ฟินไประดับ 10 แล้ว ญี่ปุ่นนี่เขาขึ้นชื่อเรื่องความประณีตของกรรมวิธีต่างๆ จริงๆ นะต้องให้ วิธีเดินทาง : นั่ง Tokyo Metro สาย Z-Hanzomon (สีม่วง), C-Chiyoda (สีเขียว), สาย G-Ginza (สีส้ม) ลงสถานี Z02, C04, G02 - Omote-sando https://en.goodcoffee.me/column/vaughan/the-opening-of-koffee-mameya/   2. SINGLE O TASTING BAR ร้านกาแฟคนชิคในโตเกียว เป็นแบบคอฟฟี่บาร์เหมือนที่บ้านเราฮิตๆกันอยู่ช่วงนี้ ตั้งอยู่ในย่าน Ryogoku ร้านนี้จริงๆแล้วเป็นโรงคั่วกาแฟเล็กๆมาก่อนเพิ่งจะมาเปิดเป็นคาเฟ่ให้คนได้เข้ามาชิมกันเมื่อไม่นานมานี้ แถมยังเปิดแค่ 3 วันต่อสัปดาห์ คือ เสาร์-อาทิตย์-จันทร์ เท่านั้น ใครอยากชิมก็ต้องจัดตารางวางแผนให้ดีจะได้ไม่พลาดกันนะจ๊ะ ส่วนเรื่องรสชาติกาแฟนั้นนนไม่ต้องสืบจ้า เพราะคั่วเอง ชงเอง หอมกรุ่น สดใหม่แน่นอน ใครคอกาแฟต้องเลิฟร้านนี้แน่นอน เมนูแนะนำ ขอยกให้เป็นลาเต้ เพราะเขาให้เมล็ดของ SINGLE O ที่นำเข้าจากออสเตรเลียทำให้มีการชงลาเต้ร้อนในแบบฉบับออสเตรเลีย ที่แปลกใหม่และหาทานได้ยาก อยากให้ทุกคนมาลองชิมกันรับรองติดใจแน่นอน วิธีเดินทาง JR East : นั่งรถไฟสาย JB-Chuo-Sobu Line (สีเหลือง) ลงสถานี JB21-Ryogoku Tokyo Metro : นั่งรถไฟ Tokyo Metro (Toei Line) สาย E-Oedo (สีชมพูบานเย็น) ลงสถานี E12-Ryogoku http://singleo.com.au/news/coffee-adventure-japan/   3. AMAMERIA COFFEE ROASTERS คอกาแฟพันธุ์แท้ของโตเกียวต้องรู้จักร้านนี้ เพราะ Toshiaki Ishii ที่ก่อตั้งร้านนี้เป็นบุคคลสำคัญแถวหน้าในวงการกาแฟญี่ปุ่น ร้านนี้ก็เป็นอีกหนึ่งร้านที่ทำโรงคั่วเองตั้งอยู่ในชุมชนที่เงียบสงบ หากไม่ได้ตั้งใจไปกินจริงๆ อาจจะหาไม่เจอเพราะไม่ได้อยู่ติดกับสถานที่ท่องเที่ยวฮิตๆ เท่าไร แต่ถ้าคุณเป็นสายกาแฟของแท้ เราขอแนะนำร้านนี้ว่าควรมามากๆ ที่ร้านมีเพียงเก้าอี้ยาวเล็กๆ ให้นั่งจิบกาแฟ เก๋ๆ เป็นเอกลักษณ์ของร้านเขาเลยล่ะ ทีเด็ดของโรงคั่วนี้ก็คือ Aroma Testing โซนให้ทดลองดมกลิ่นกาแฟ เราสามารถเลือกกลิ่นที่ชอบแล้วซื้อกลับบ้านบ้านได้เลย หรือจะเอาไปเป็นของฝากก็เก๋ดูดีมีรสนิยมไปอีก ในเรื่องของรสชาติเราขอแนะนำเมนูที่ต้องลองคือกาแฟดริปที่ชงแบบ Pour Over ถือเป็นไฮไลท์ของที่นี่เลยยิ่งถ้าได้ดมกลิ่นกาแฟก่อนด้วยแล้วยิ่งจินตนาการได้ล้ำลึกเป็นการกินกาแฟที่เต็มไปด้วยศิลปะจริงๆ วิธีเดินทาง Tokyu Line : จาก Shibuya (ต้นทาง) นั่งรถไฟสาย TY-Tokyu Toyoko Line (สีชมพูบานเย็น) ลงสถานี TY05-Gakugei-daigaku Tokyo Metro : นั่งรถไฟ Tokyo Metro สาย F-Fukutoshin (สีน้ำตาล) ขบวนที่จะเปลี่ยนสู่สาย TY อัตโนมัติ (ปลายทางYokohama) แล้วลงสถานี TY05-Gakugei-daigaku https://en.goodcoffee.me/coffeeshop/amameria-coffee-roaster/   4. คาเฟ่ขวดสีฟ้า Blue Bottle Coffee ด้วยการรีโนเวททำให้สถาปัตยกรรมภายในร้านมีความเก๋แบบที่ร้านอื่นๆไม่มี เป็นคาเฟ่ดังมีต้นกำเนิดจากโอ๊คแลนด์ ซานฟราน อเมริกาและกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในโตเกียว ทำให้มีหลายสาขามากๆส่วนสาขาที่วันนี้เราจะไปกันก็คือ Aoyama แหล่งฮิปของโตเกียวบรรยากาศภายในร้านเป็นสีขาวสะอาดตา สบายๆ ด้านนอกมีต้นไม้ร่มรื่นคิดว่าสาวๆ น่าจะชอบร้านนี้กัน เพราะบาริสเตอร์เอ้ย ไม่ใช่เพราะด้วยกาแฟคุณภาพเยี่ยม บวกกับบรรยากาศร้านเก๋ๆให้ความรู้สึกสบาย เพิ่มพลังบวกให้กับชีวิตได้ดีมากๆ วิธีเดินทาง : อยู่ในซอยตรงสถานี Omoto-Sando http://schemata.jp/blue-bottle-coffee-aoyama-cafe/   5. Maruyama Coffee ร้านการแฟสายคั่วอ่อน สัญชาติญี่ปุ่นแท้ๆพอบอกว่าเป็น Single Origin Store ก็รู้เลยว่าเป็น Specialty Coffee จุดขายของร้านนี้จะเสิร์ฟแค่กาแฟ Single Origin จากหลากหลายแหล่งที่มาทั่วทุกมุมโลก ดีหน่อยที่มีคำอธิบายบอกรสสัมผัส คนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องกาแฟก็ยังพอจะเลือกกาแฟที่ถูกใจได้ไม่ยากนัก สามารถเลือกวิธีการชงได้มากมาย ทั้ง Espresso, Hand Drip, Syphonและ French Press ที่หาได้ยากมากๆ ยังไม่เคยเห็นที่ไทยเท่าไร ใครไปเราแนะนำการชงแบบ French Press เลยจ้า บรรยากาศก็สบายๆ สบายจิบกาแฟชิวๆ นั่งเล่นกับเพื่อนได้หลังช้อปปิ้งที่ Omotesando เสร็จ วิธีเดินทาง : เดินจากสถานี Omote-sando sta. exit A4 3 นาที https://en.goodcoffee.me/coffeeshop/maruyama-coffee-omotesando-single-origin-store/   6. Coffee Wrights คาเฟ่เอาใจเหล่าฮิปสเตอร์ เป็นร้านกาแฟเล็กๆ เท่ๆ ของ Yuki Muneshima ที่สาขาแรกสุดนั้นตั้งอยู่ในย่าน Sangenjaya ซึ่งเป็นหนึ่งในย่านกาแฟดังของโตเกียว “THIS IS WHERE COFFEE WRIGHTS WORK” – นี่คือที่ที่นักทำกาแฟทำงาน คอนเซปของเขาล่ะ อารมณ์คล้ายๆ ร้านกาแฟแถวย่านอารีย์ เล็กๆ บรรยากาศน่ารัก ถ่ายรูปชิคกันได้ กาแฟดริปที่นี่ก็ขึ้นชื่อเช่นกันเราสามารถสั่งแล้วนั่งดูเขาทำได้ กาแฟของทางร้านจะเสิร์ฟมาในถ้วยเซรามิกญี่ปุ่นให้กลิ่นอายความดั้งเดิมของญี่ปุ่นได้ดีมากๆ วิธีเดินทาง : ออกจากสถานี Sangenjaya Station แล้วเดินลัดเลาะชุมชนย่านการค้าไปไม่ไกลนัก https://en.goodcoffee.me/coffeeshop/coffee-wrights/   7.BEAR POND ESPRESSO ร้านกาแฟสายคั่วเข้มสายติสท์  อีกหนึ่งร้านที่คอกาแฟทั้งหลายไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เมนูยอดฮิตหลักๆก็คือ Angel Stain ขายวันละไม่กี่แก้วแล้วแต่อารมณ์ของเจ้าของร้าน อ่าว ติสท์ไปอีก แต่ถ้าใครได้ชิมล่ะก็บอกเลยว่าฟินมากก ต้องมาลองกันให้ได้ ยิ่งได้ยากยิ่งมีค่ามากล่ะ เขาว่ากัน 55555 บรรยากาศร้านตกแต่งด้วยหน้าต่างไม้สีขาวและเครื่อง Espresso Machine สีขาวที่ตกแต่งเป็นลายเลอะสีด้วยสีน้ำมันสีแดง คอนเซปของร้านคงความเป็นเอกลักษณ์ ใครอยากลองลิ้มรสความเก๋า ขอเชิญร้านนี้ได้เลย วิธีเดินทาง : การเดินทางไปร้าน Bear pond espresso นั่งรถไฟไปลงสถานี Shimokitazawa ออกทาง north gate https://en.goodcoffee.me/coffeeshop/bear-pond-espresso/  

อ่านเพิ่มเติม
ชมซากุระทั้งทีต้องถูกต้น! 3 วิธีแยกต้นไหนคือซากุระ พลัม และดอกท้อ
ชมซากุระทั้งทีต้องถูกต้น! 3 วิธีแยกต้นไหนคือซากุระ พลัม และดอกท้อ

24 เม.ย. 62

แต่สำหรับใครที่เป็นเจ้าแห่งการวางแผน ตั๋วไปเที่ยวญี่ปุ่นก็จองแล้ว ที่พักก็จองแล้ว แอพพยากรณ์อากาศบอกว่าเมื่อไหร่ดอกซากุระบานก็มีแล้ว แต่พอไปถึงแล้วถ่ายรูปกับต้นซากุระออกมา ปรากฏว่าโป๊ะแตก กลายเป็นดอกท้อหรือต้นพลัมซะงั้น! เพราะทั้งต้นซากุระ ต้นพลัม และต้นท้อ ล้วนออกดอกสีชมพูเล็กๆคล้ายๆกันหมด จึงไม่แปลกที่จะมีหลายคนสับสนและถ่ายรูปต้นซากุระมาผิด คงเสียดายแย่เลยใช่ไหมล่ะครับ อุตส่าห์ดั้นด้นวางแผนอย่างดีเพื่อไปชมซากุระถึงที่ญี่ปุ่น แต่กลับถ่ายรูปมาผิดต้น น้ำตาเช็ดหัวเข่ากันมาแล้วหลายราย ไม่เป็นไรนะครับในวันนี้ พี่หมีจะมาบอกเคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยให้เพื่อนๆแยกออกว่าต้นไหนคือต้นซากุระ ต้นไหนคือต้นพลัมหรือต้นท้อ เพื่อนๆจะได้ชมซากุระได้อย่างสบายใจว่าเราจะถ่ายรูปดอกซากุระถูกต้น แบบ authentic ของแท้ พี่หมีมี 3 ข้อง่ายๆให้สังเกตกันครับ 1.สังเกตรูปทรงของกลีบดอก ถ้าอยากรู้ว่าสถานที่ที่เพื่อนๆไปชมซากุระมีต้นซากุระจริงๆอยู่หรือเปล่า ก็ให้ดูลักษณะของดอกเป็นหลักเลยครับ ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการสังเกต โดยดอกซากุระนั้นจะมีรอยหยักที่บริเวณปลายกลีบดอก ดังเช่นที่เพื่อนๆมักเห็นตามรูปวาดหรือรูปโปรโมทส่วนใหญ่ อันเป็นเอกลักษณ์ของดอกซากุระที่ไม่เหมือนดอกไม้อื่นๆ ส่วนดอกของต้นพลัมนั้น แม้จะมีลักษณะดอกที่เล็กจิ๋วเช่นเดียวกับดอกซากุระ แต่ว่ากลีบดอกจะเป็นกลีบกลมมน ไม่ได้เป็นกลีบแบบมีแฉกเหมือนดอกซากุระ แต่ถ้าเป็นดอกท้อ รูปทรงของกลีบจะยาวยิ่งขึ้น โดยมีกลีบดอกเป็นรูปหยดน้ำนั่นเองครับ 2.สังเกตสีของกลีบดอก แม้ว่าดอกไม้ทั้ง 3 ประเภทจะมีโทนสีชมพูเช่นเดียวกัน ทำให้หลายคนมักสับสนเวลาไปชมซากุระ เพราะมักมีโทนสีใกล้ๆกัน แต่ถ้าหากเพื่อนๆลองสังเกตดีๆ ก็จะสามารถแยกความแตกต่างของโทนสี ดอกไม้ทั้ง 3 ชนิดได้ครับ สำหรับดอกซากุระและดอกพลัม ทั้งคู่อาจจะมีสีแตกต่างกันไปได้ทั้งสีชมพูรวมไปถึงสีขาว แต่สำหรับ ดอกพลัมแล้ว กลีบดอกจะเป็นสีออกโทนม่วงมากกว่า และบางทีก็จะเป็นสีชมพูที่เข้มมากกว่าต้นซากุระทำให้สามารถแยกความแตกต่างได้ไม่ยาก แต่ถ้าหากเป็นดอกท้อแล้วละก็ นอกจากจะมีกลีบดอกสีชมพูจางๆแล้ว ในส่วนตรงกลางก็จะมีสีออกแดงม่วงแทนครับ 3.สังเกตกิ่งก้านที่ติดกับตัวดอก ถ้าเพื่อนๆจะไปชมซากุระ แล้วทั้งสองวิธีข้างต้นยังไม่ช่วยให้เราดูออก ก็มีอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้เพื่อนๆสังเกตได้ ก็คือการดูในส่วนของกิ่งก้านที่มีดอกบานอยู่ครับ ถ้าเป็นดอกซากุระ จะมีกิ่งก้านที่ยาว เรียวเล็ก แล้วในส่วนเป็นกิ่งก้านนี้ก็จะแตกออกมาเป็นกลุ่มดอกซากุระที่กระจุกอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่มๆ ถ้าเป็นดอกพลัม ตัวดอกจะบานออกจากกิ่งก้านโดยตรง และไม่ได้แตกเป็นหน่อๆหรือกลุ่มก้อนกระจุกตัวแบบดอกซากุระ ส่วนถ้าเป็นดอกท้อ จะมีกิ่งก้านที่สั้นกว่า และมักแตกหน่อออกมาเป็นดอกคู่ 2 ดอกอยู่ใกล้ๆกัน   เพียงเท่านี้เพื่อนๆก็สามารถชมซากุระได้อย่างแฮปปี้ และมั่นใจได้ว่าจะไม่ชมผิดต้นแน่นอน ให้ไปชมซากุระที่ไหนก็ไม่กลัว แต่อย่างไรก็ดี ก่อนเดินทางไปชมซากุระก็อย่าลืม ทำประกันเดินทางญี่ปุ่น ติดตัวเอาไว้ เพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝันอาจจะส่งผลได้มากกว่าการชมซากุระผิดต้นนะครับ เพื่อนๆสามารถเปรียบเทียบประกันเดินทางญี่ปุ่น ได้ที่ เว็บไซต์ GoBear เลยนะครับ

อ่านเพิ่มเติม
9 พิกัดเก็บจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่น โอซาก้า
9 พิกัดเก็บจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่น โอซาก้า

13 ก.ย. 62

สำหรับเราๆ การไปเที่ยวโอซาก้าและได้ไปดูใบไม้เปลี่ยนสีคือเป้าหมายของเรา ส่วนตัวเป็นคนชอบเที่ยวประเทศญี่ปุ่นเพราะบรรยากาศ ความเป็นอยู่ และวัฒนธรรมของเขาที่มันดูมีความญี่ปุ๊นญี่ปุ่น ที่ไม่สามารถหาที่ไหนได้ ส่วนสถานที่ๆ ไปชมใบไม้เปลี่ยนสีที่โอซาก้าจะมีที่ไหนน่าเที่ยวบ้างไปดูกันเลยครับ จองทัวร์ญี่ปุ่น ชมใบไม้เปลี่ยนสี กับ ทัวร์ครับ   1. สวนมิโน ถ้าพูดถึงการไปชมใบไม้เปลี่ยนสีที่โอซาก้าก็คงไม่พ้นสวนมิโนที่เรียกได้ว่าเป็นสวนอันดับหนึ่งของโอซาก้าก็ว่าได้ ระหว่างทางก็มีธรรมชาติอันสวยงามให้ชมตลอด เส้นทางจะลัดเลาะไปตามเทือกเขาระหว่างสองข้างทางจะมีการเปลี่ยนสีของใบไม้ ทำให้รู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ใน MV เพลงเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่าเป็นถึงสวนอันดับหนึ่งของโอซาก้าแล้วไม่ได้มีแค่นี้แน่นอน ที่นี่ยังมีน้ำตกที่ทางเดินเต็มไปด้วยต้นไม้และยังมีการปีนเขาเหมาะสำหรับสายแอดเวนเจอร์สุดๆ บรรยาศใบไม้สีแดงกับน้ำตกคงเป็นบรรยากาศทีน่าจดจำและอยากกลับมาอีกสักครั้ง  ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีจะอยู่ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน – ต้นเดือนธันวาคม 2. สวนสาธารณะรอบปราสาทโอซาก้า  แผนที่ : Osaka Castle ขึ้นชื่อว่าปราสาทความสวยงามคงไม่ต้องพูดกันเยอะ แล้วยิ่งเป็นปราสาทกับใบไม้เปลี่ยนสีแบบนี้คงสุดยอดแน่ๆ เพราะปราสาทโอซาก้าเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ เมื่อมาโอซาก้าถ้าไม่มาที่นี่ถือว่าพลาด นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะชอบมาในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีเพราะมันจะทำให้รู้สึกเวลาใบไม้กำลังเปลี่ยนสีแล้วมองเข้ากับปราสาทหลังเก่ามันคงสวยและมีมนต์เสน่ห์ สำหรับใครที่ชื่นชอบการเดินทางที่สะดวกสบาย ไม่ชอบเดินหลงทางเข้านู่นออกนี่ล่ะก็เราแนะนำให้จองเพคเกจทัวร์จะดีกว่า แต่ต้องเลือกดีๆ กันหน่อยเพราะคงไม่อยากมีใครไปทัวร์ชะโงกหรอกจริงมั้ย? สำหรับเราที่เราใช้บริการประจำจะเป็นของทัวร์ครับ ขั้นตอนก็ไม่ยุ่งยากแค่เข้าเว็บไซต์ของเขาก็เลือกสถานที่ที่อยากไปได้แล้ว ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีจะอยู่ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน – ต้นเดือนธันวาคม  3. ถนนมิโดสุจิ แผนที่ : Midosuji ต่อกันที่ถนนมิโดสุจิ ถนนที่มีความยาว 4 กิโลเมตร เป็นถนนที่เชื่อมเขตคิตะทางเหนือและเขตมินามิทางใต้เข้าด้วยกัน สองข้างทางจะมีต้นแปะก๊วยเรียงยาวแล้วเมื่อมาถึงฤดูเปลี่ยนสีของใบไม้จะทำให้ใบไม้เปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองยาวเลยทีเดียว เมื่อได้ขับรถผ่านเส้นทางนี้คงฟินน่าดูเพราะตลอดเส้นทางจะมีต้นแปะก๊วยตลอดเส้นทางแล้วยิ่งตอนใบไม้ร่วงที่พื้นจะเต็มไปด้วยใบไม้สีเหลืองเปรียบเสมือนถนนสีเหลืองเลยก็ว่าได้ แถมยังมีงานประติมากรรมของศิลปินชื่อดังหลากหลายท่าน จำนวนรวม 27 ชิ้น จัดวางไว้ตามจุดต่างๆเพื่อเพิ่มความงามให้กับถนนสายนี้ จนถนนแห่งนี้กลายเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์สำคัญของเมืองโอซาก้า  ช่วงที่ใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนสีจะอยู่ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน – ต้นเดือนธันวาคม 4. สวนโฮชิดะ ที่สวนโฮชิดะมีทางเดินอุโมงค์ต้นไม้ให้เดินชมลำธารและผาหินเทียมความสูง 16.5 เมตร แถมยังมีการเดินป่าหรือจะปีนเขาก็ได้เหมาะแก่นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการออกกำลังกายและยังมีสะพานแขวน โฮชิโนะบลังโก ที่มีความหมายแสนโรแมนติว่าเป็นชิงช้าแห่งดวงดาวแค่ความหมายก็ชวนพาคู่รักไปเที่ยวแล้วสิ และยังสามารถชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีได้แบบ 360 องศา เมื่อมองออกไปแล้วเห็นใบไม้เปลี่ยนพร้อมกับสะพานแขวนมันคงคุ้มค่าแน่นอน  ช่วงที่ใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนสีจะอยู่ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน – ต้นเดือนธันวาคม   5. น้ำตกมิโนะ  แผนที่ : Minoo Waterfall น้ำตกมิโนะนั้นจะตั้งอยู่บนอุทยานแห่งชาติมิโนะ ทางทิศเหนือของเมืองโอซาก้า หลายคนมาชมใบไม้เปลี่ยนสีพร้อมกับสะพานสีแดงชื่อดังของโอซาก้า ที่ตั้งอยู่หน้าน้ำตกที่มีความสูง 33 เมตร บรรยากาศเทือกเขาและมีใบไม้หลากสีจำนวนมาก ทำให้เหมือนเราหลุดไปให้หนังเลยล่ะ เมื่อมายังจุดที่สะพานสีแดง น้ำตกมิโนะยังมีจุดให้บริการขนมตามฤดูกาลอย่าง โมมิจิ เทมปุระ ตามร้านค้าโดยรอบ  ช่วงที่ใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนสีจะอยู่ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน – ต้นเดือนธันวาคม 6. สวนอนุสรณ์บัมปาคุ สวนอนุสรณ์บัมปาคุเป็นสวนที่ใช้สำหรับจัดงานมหกรรมโลก World Expo เมื่อครั้งที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพในปี ค.ศ. 1970 ซึ่งจะมี 2 โซนหลัก คือ โซนน้ำตกโมมิจิแล้วยิ่งในช่วงฤดูเปลี่ยนสีของใบไม้แล้วนั้นจะทำให้เห็นใบไม้สีแดงพร้อมกับน้ำตกเป็นความงามทึ่ควรค่ามากๆ และอีกโซนคือสวนญี่ปุ่นขนาดใหญ่ สวนในรูปแบบญี่ปุ่นค่อนข้างมีเอกลักษณ์ทำให้ใน ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน – ปลายเดือนพฤศจิกายน มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมเยอะเป็นพิเศษ 7. วัดเรียวอันจิ (Ryuan-ji temple) แผนที่ : Ryuan-ji temple วัดเรียวอันจิจะตั้งอยู่บริเวณเทือกเขามิโนะทางทิศเหนือของโอซาก้า วัดมีความเงียบสงบแค่นึกภาพก็รู้เลยว่าคงจะทำให้รู้เหมือนเรามาพักผ่อน เสพความเงียบ ความสงบที่วัดเรียวอันจิแถมยังได้ชมธรรมชาติอันสวยงาม แล้วยิ่งในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีแล้วนั้นจะทำให้วัดเรียวอันจิมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีกเพราะใบไม้ที่เปลี่ยนเป็นสี ส้ม เหลือง แดง ผสมกันด้านรอบข้างวัดเรียวอันจิทำให้ตัดกับบรรยากาศเงียบสงบของวัดเรียวอันจิให้ดูมีมนต์ขลังมากขึ้น ช่วงที่ใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนสีจะอยู่ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน – ต้นเดือนธันวาคม 8. วัดไดอิโทคุจิ แผนที่ : Daitokuji Temple วัดไดอิโทคุจิอยู่บนเขาอุชิทาคิ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของโอซาก้าติดกับจังหวัดวากายามะ เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในการชมใบไม้เปลี่ยนสี มีเจดีย์ทะโฮโต (Tahoto) ทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติที่มีความสวยตามสไตล์ญี่ปุ่นแล้วยิ่งเป็นช่วงฤดูเปลี่ยนสีของใบไม้แล้วนั้นจะทำให้เจดีย์ทะโฮโตกับใบไม้สีแดงสดใสนั้นกลมกลืนเข้ากันได้อย่างลงตัว เราก็ไม่พลาดที่จะถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกเช่นเดิม ยิ่งไปกว่านั้นในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีจะมีเทศกาลโมมิจิ จะมีร้านค้าขายสินค้าจากเทศกาลดันจิริ และขนมญี่ปุ่นบวกกับบรรยากาศเย็นสบายเดินกลางธรรมชาติบอกเลยว่าฟินมาก  ช่วงที่ใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนสีจะอยู่ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน – ปลายเดือนธันวาคม 9. สวนเซ็ตสึเคียว ใครที่ไม่ชอบเดินทางไกลแต่ชื่นชอบธรรมชาติแนะนำเลย สวนเซ็ตสึเคียวถึงจะเดินทางไม่ไกลแต่ธรรมชาตินั้นมีความอุดมสมบูรณ์ไม่ต่างจากสถานที่ไกลๆ เลย ที่นี่เป็นที่นิยมของชาวโอซาก้าเลยก็ว่าได้ สวนเซ็ตสึเคียวนั้นมีทางเดินให้เลือกถึง 5 เส้นทางแต่ละเส้นก็จะแบ่งไปตามฤดูกาล แต่เส้นทางที่นิยมไปดูใบไม้เปลี่ยนสีคือเส้นทางชูฟุกุ ชิเซ็นริน (Chufuku Shizenrin Course) เป็นเส้นทางลัดเลาะไปตามเทือกเข้าสองข้างทางเต็มไปด้วยใบไม้สีแดงและเหลือง และในเส้นทางนี้ยังมีน้ำตกพร้อมกับธรรมชาติอันสวยงามอีกด้วย และยังมีอีกเส้นทางคือ เคโคคุ (Keikoku Course) เป็นเส้นทางเลียบลำธารใสและก้อนหินรูปร่างแปลกตา  ช่วงที่ใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนสีจะอยู่ในช่วงปลายเดือนตุลาคม – ปลายเดือนพฤศจิกายน เป็นไงกันบ้างครับ? กับ 9 จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่โอซาก้าที่เราเลือกมาให้แค่เห็นภาพก็อยากไปจริงแล้วใช่มั้ยล่ะ แน่นอนว่าโอซาก้า ไม่เคยทำให้เราผิดหวัง จะไปกี่ครั้งก็ประทับใจทุกครั้งที่ได้เดินทางไปเที่ยว อยากไปเที่ยวโอซาก้าอีก ก็กดจองทัวร์โอซาก้า กับ ทัวร์ครับ ที่นี่ เลย     

อ่านเพิ่มเติม
เก็บไว้ตามรอย ! เที่ยวญี่ปุ่น 4 เส้นทางยอดฮิตที่ไม่ควรพลาด
เก็บไว้ตามรอย ! เที่ยวญี่ปุ่น 4 เส้นทางยอดฮิตที่ไม่ควรพลาด

12 ก.พ. 63

ประเทศญี่ปุ่น หนึ่งในชื่อประเทศท่องเที่ยวที่หนึ่งในใจของคนไทยหลายคน ไม่ว่าจะไปกี่ทีก็ไม่มีเบื่อ ไปแล้วไปอีกไม่เคยพอ แถมยังเดินทางไปเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะฤดูไหนๆ การเดินทางในประเทศญี่ปุ่นก็สะดวกสบาย แต่ละสถานที่มีป้ายบอกชัดเจน ทำให้ไปเที่ยวเองได้ไม่ยาก ล่าสุดญี่ปุ่นเปิดฟรีวีซ่า แถมสายการบินก็แข่งกัน ทำโปรโมชั่น ทัวร์ญี่ปุ่นก็อยู่ในราคาที่เอื้อมถึง ทำให้การไปญี่ปุ่นเป็นเรื่องง่ายขึ้นเยอะ แต่สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มวางแผนอย่างไร จะไปเที่ยวญี่ปุ่นเมืองไหนดี วันนี้ทัวร์ครับก็ได้คัด 4 เส้นทางยอดฮิตพร้อมบอกสถานที่เที่ยวในทริปญี่ปุ่นให้ได้ตามรอยกันง่ายๆ พร้องแล้วตามมาเซฟข้อมูลกันได้เลยยย  จองทัวร์ญี่ปุ่น กับ ทัวร์ครับ คลิกเลย ทัวร์ญี่ปุ่น เที่ยวโตเกียว  สถานที่เที่ยวญี่ปุ่น โตเกียวที่ต้องไปเก็บให้ครบ  วัดอาซากุสะ  วัดชื่อดังที่มีความศักดิ์สิทธิ์ และได้รับความเคารพนับถือมากที่สุดในโตเกียว ภายในประดิษฐานองค์เจ้าแม่กวนอิมทองคำ ที่ผู้คนเดินทางมากราบไหว้ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล และเป็นที่ตั้งของโคมไฟยักษ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก  ซึ่งแขวนห้อยอยู่ ณ ประตูทางเข้าที่อยู่ด้านหน้าสุดของวัด จุดไฮไลท์ยอดนิยมในการถ่ายรูปเช็คอินของโตเกียวเลยล่ะ พิกัด: Asakusa ถนนนากามิเซะ ถนนคนเดินใกล้ๆวัดอาซากุซะ ที่ตั้งของร้านค้าขายของที่ระลึกพื้นเมืองต่างๆ มากมาย อาทิ ขนมนานาชนิด ของเล่น รองเท้า พวงกุญแจที่ระลึก ฯลฯ ให้เราได้เลือกซื้อเป็นของฝากของที่ระลึกจากโตเกียว พิกัด: Nakamise Shopping Street โตเกียวสกาย ทรี  แลนด์มาร์กแห่งใหม่ของกรุงโตเกียว ณ ริมแม่น้ำสุมิดะ โตเกียวสกาย ทรี ที่สามารถมองเห็นได้วิวความสวยงามจากทุกหนทุกแห่งของเมืองโตเกียว ถือว่าเป้นจุดเช็คอินอีกแห่งที่คนไปโตเกียวไม่ควรพลาด พิกัด: Tokyo Skytree ย่านโอไดบะ  แหล่งช้อปปิ้ง และแหล่งบันเทิงในโตเกียว นอกจากเป็นแหล่งช้อปปิ้งแล้วย่านโอไดบะยังมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามตั้งอยู่มากมายแล้ว แต่ก็ยังคงความเป็นธรรมชาติไว้ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่สีเขียวอีกด้วย พิกัด: Odaiba ฟูจิเท็น สกีรีสอร์ท ลานสกีญี่ปุ่รชื่อดัง มีฉากหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิสุดอลังการ เพลิดเพลินกับการเล่นสกี กระดานเลื่อน สำหรับสาวๆที่ไม่อยากเล่นสกี ก็มีมุมถ่ายรูปสวยๆให้ถ่ายรูปกันด้วยนะครับ พิกัด: Fujiten Snow Resort หมู่บ้านโอชิโนะฮักไก  แหล่งนํ้าตามธรรมชาติตั้งอยู่ในหมู่บ้านโอชิโนะ สัมผัสอากาศบริสุทธิ์ และไอเย็นจากแหล่งนํ้าธรรมชาติและที่สำคัญหมู่บ้านโอชิโนะยังเป็นแหล่งช้อปปิ้งสินค้าโอท็อปชั้นเยี่ยมอีกด้วย พิกัด: Oshino Hakkai Village ย่านช้อปปิ้งชินจุกุ  แหล่งช้อปปิ้งที่ใครมาเที่ยวโตเกียวต้องห้ามพลาด เพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งสินค้ามากมาย ตั้งแต่ เครื่องใช้ ไฟฟ้า กล้องถ่ายรูปดิจิตอล นาฬิกา เครื่องเล่นเกมส์ กระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า แบรนด์เนม เครื่องสำอางยี่ห้อดังของญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็น KOSE, KANEBO, SK II, SHISEDO และอื่นๆ อีกมากมาย แลกเงินมาเท่าไหร่ก็ไม่พอนะบอกก่อน  พิกัด: Shinjuku ทัวร์ญี่ปุ่น เที่ยวโอซาก้า ทาคายาม่า เกียวโต  สถานที่เที่ยวญี่ปุ่น โอซาก้า ทาคายาม่า เกียวโต ที่ต้องไปเก็บให้ครบ วัดคินคะคุจิ  เริ่มกันที่ทัวร์เกียวโตกับวัดคินคะคุจิที่คนไทยนิยมเรียกกันว่า วัดทอง เนื่องจากที่วัดนี้จะมีอาคารหลักเป็นสีทองเกือบทั้งหลังตั้งโดดเด่นอยู่กลางน้ำ ทำให้เกิดเป็นเงาสะท้อนกับพื้นน้ำเบื้องหน้า จนเกิดเป็นภาพที่สวยงามเป็นอีกสัญลักษณ์หนึ่งของเมืองเกียวโต พิกัด: Kinkakuji ศาลเจ้าเฮอัน ศาลเจ้าเฮอันถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ระลึกถึงจักรพรรดิคามมุและจักรพรรดิ์โคเมอิ ผู้ที่มีความสำคัญต่อเมืองเกียวโต สถาปัตยกรรมของศาลเจ้าเฮอันนั้นเมื่อเทียบกันแล้วค่อนข้างจะโดดเด่นจากศาลเจ้าอื่นๆของญี่ปุ่น ภายในศาลเจ้าจะมีส่วนที่เป็นสวนขนาดใหญ่ที่มีต้นซากุระอยู่มากมาย ทำให้ศาลเจ้าเฮอันเป็นจุดชมซากุระที่มีชื่อเสียงของเมืองเกียวโตด้วย หากอย่างไปชมซากุระให้ไปช่วงมีนาคม-เมษายน พิกัด: Heian Shrine เมืองนาโกย่า  เมืองที่ใหญ่ที่สุดในภาคชูบุ และมีประชากรมากเป็นอันดับ 4 ของประเทศญี่ปุ่น เป็นเมืองเอกของจังหวัดไอจิและเป็นหนึ่งในเมืองท่าหลักของญี่ปุ่น ปัจจุบันจัดเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญ เป็นเมืองอุตสาหกรรม โดยมีฐานการผลิตรถยนต์, ยานอวกาศ, เครื่องจักร, เซรามิก ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจให้ท่านมาเที่ยวชมอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี พิกัด: Nagoya เทศกาลแสงสี Nabana no Sato Winter Illumination ธีมพาร์คสวนดอกไม้ ที่มีทุ่งดอกไม้ให้ชมตลอดทั้ง 4 ฤดูกาล สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงตลอดจนถึงปลายฤดูหนาว ช่วงเดือนตุลาคม-มีนาคม จะได้รับความนิยมมากเป็นพิเศษ เนื่องจากมีการประดับไฟขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น พิกัด: Nabana no Sato Winter Illumination ทาคายาม่า  เมืองเก่าแก่อยู่ในหุบเขาล้อมรอบด้วยเทือกเขาเจแปนแอลป์ เยือน ซันมาชิซูจิ หมู่บ้านอนุรักษ์ ที่ถูกขนานนามไว้ว่าเป็น ลิตเติ้ลเกียวโต หรือ เกียวโตน้อย เป็นเมืองเก่าแก่ที่ยังคงอนุรักษ์ไว้ซึ่งอารยธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีในอดีตของชาวญี่ปุ่นได้อย่างสมบูรณ์ บ้านเรือนสร้างขึ้นด้วยไม้แบบโบราณ บรรยากาศเก่าแก่ อายุเป็นร้อยๆปี พิกัด: Takayama ชิราคาวาโกะ  ชิราคาวาโกะ มรดกโลกทางวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่น เป็นหมู่บ้านชาวนาที่มีรูปร่างแปลกตาติดอันดับ The most beautiful village in Japan และเป็นเมืองมรดกโลกที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง พิกัด: Shirakawa-go ปราสาทโอซาก้า เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองโอซาก้า หอคอยปราสาทจะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 8 ชั้น ตัวปราสาทถูกล้อมรอบด้วยกำแพงหินคอนกรีต, คูน้ำ และสวนนิชิโนมารุซึ่งอยู่ทางป้อมตะวักตก ความงดงามของปราสาท ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโอซาก้า ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต่างให้ความสนใจที่จะมาเยือนและชมตลอดทั้งปี พิกัด: Osaka Castle ทัวร์ญี่ปุ่น เที่ยวเซนได สถานที่เที่ยวญี่ปุ่น เซนได ที่ต้องไปเก็บให้ครบ วัดจูซนจิ  สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองฮิราอิซูมิ ก่อตั้งขึ้นในปี 850 เป็นวัดของพระพุทธศาสนานิกายเทนได ประกอบด้วยอาคารต่างๆ สิบกว่าหลังในพื้นที่ขนาดใหญ่ แต่หลังจากการล่มสลายของตระกูลฟูจิวาระในปลายศตวรรษที่ 12 ปัจจุบันจึงเหลืออาคารดั้งเดิมเพียง 2 หลัง บริเวณที่ตั้งของวัดชูซนจินั้น ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 2011 อีกด้วย พิกัด: Chuson-ji หมู่บ้านเอะสะชิ ฟูจิวาระ  หมู่บ้านโบราณในบรรยากาศประวัติศาสตร์สมัยเฮอัน เป็นสถานที่สำหรับถ่ายภาพยนต์ ละครทีวี มากกว่า 200 เรื่องด้วยกัน นอกจากจะเดินชมบรรยากาศสไตล์ย้อนยุคแล้วนั้น ภายในยังมีกิจกรรมสนุกๆ อีกมากมาย เช่น การแต่งกายเป็นขุนนางสมัยเฮอัน การแต่งกายแบบซามูไร โดยทดลองสวมเกราะแบบซามูไร การลองฝึกยิงธนู นอกจากนี้ยังมีโซนถ่ายภาพแบบ ART 3 มิติ อีกด้วย พิกัด: Esashi Fujiwara Heritage Park ปราสาทสึรุงะ หรือ ปราสาทนกกระเรียน  เป็นปราสาทเพียงแห่งเดียวที่ยังคงเอกลักษณ์ดั้งเดิมของญี่ปุ่นไว้ ปราสาทหลังคาสีเเดงอันเป็นสัญลักษณ์แห่งเมืองไอสุวาคามัทซึ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟไอสุวาคามัทซึ เดิมมีชื่อว่า ปราสาทคุโระคะวะ สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1384 โดยตระกูลอะชินะ แต่เกิดแผ่นดินไหวในปี ค.ศ. 1611 ทำให้ปราสาทเสียหายหนักและได้มีการบูรณะและปรับจากปราสาท 7 ชั้น เหลือเพียง 5 ชั้นเท่านั้น ปราสาทแห่งนี้ ถือเป็นอนุสรณ์สถานที่ยังทิ้งร่องรอยของเหล่านักรบซามูไรกลุ่มสุดท้ายในญี่ปุ่น ที่ได้เลือกปลิดชีพตัวเองลง ณ สถานที่นี้ (ไม่รวมค่าเข้าชมท่านละ 410 เยน) พิกัด: Tsuruga Castle Fukushima หมู่บ้านโออุจิ จูคุ  บ้านโบราณที่อดีตเคยเป็นเมืองสำคัญในยุคเอโดะถูกสร้างเมื่อหลายร้อยปีก่อน เป็นบ้านชาวนาญี่ปุ่นโบราณที่มุงหลังคาทรงหญ้าคาหนาๆ เรียงรายกันสองฝั่งกินระยะทางประมาณ 500 เมตร โดยรวมมีบ้านโบราณประมาณ 40-50 หลัง ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเขตอนุรักษ์สิ่งปลูกสร้างอันทรงคุณค่าของชาติ ซึ่งในปัจจุบันหมู่บ้านโบราณหลายหลังในโออุจิ จูคุได้รับการบูรณะใหม่ จนกลายเป็นร้านขายของที่ระลึก ร้านค้าขายสินค้าพื้นเมือง ร้านอาหารและที่พักแบบญี่ปุ่นเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว (ไม่รวมค่าเข้าชม โออุจิจูคุ มะชินะมิ เท็นจิคัง ท่านละ 250 เยน) พิกัด: Ouchi-Juku ทะเลสาบอินาวะชิโระ  เป็นทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ที่เมืองอินะวะชิโระ ใจกลางของจังหวัดฟุคุชิมะ และเป็นทางเข้าสู่อุทยานแห่งชาติบันได อะซะฮี ซึ่งเป็นเทือกเขาที่มีชื่อเสียงในแถบนี้ ทะเลสาบอินะวะชิโระเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ ทำให้น้ำมีลักษณะของธาตุที่เป็นกรดจนสิ่งมีชีวิตไม่สามารถอาศัยอยู่ใต้น้ำได้ ส่งผลให้น้ำใสจนได้รับขนานนามว่า “ทะเลสาบแห่งกระจกสวรรค์” พิกัด: Lake Inawashiro หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกซาโอะ  มีอาณาบริเวณถึง 18,000 ตารางฟุต รวบรวมเอาสุนักจิ้งจอกหลายหลายสายพันธ์ หลากสี ที่ญี่ปุ่นนั้นเชื่อว่าจิ้งจอกเป็นผู้ส่งสารของ Inari Okami เทพเจ้าชินโตด้านความอุดมสมบูรณ์ ที่นี่แบ่งออกเป็นสองโซน คือโซนสัตว์ที่อยู่ในกรง มีทั้ง แพะ แกะ กระต่าย ม้า สุนัขจิ้งจอก ซึ่งสามารถให้อาหารได้ กับโซนเปิดที่มีจิ้งจอกเดินไปมา อิสระให้ท่านชมความน่ารัก ขนฟูตัวนุ่มของสุนัขจิ้งจอกตามอัธยาศัย พิกัด: Zao Fox Village ภูเขาซาโอะ  เป็นภูเขาไฟที่ตั้งอยู่เป็นแนวกันพรมแดนระหว่าง Yamagata กับ Miyagi ของภูมิภาคโทโฮคุ ทางฝั่งจังหวัดยามากาตะ และเป็นจุดหมายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยวในการมาชมทัศนียภาพอันงดงามตลอดทั้งปี ในช่วงฤดูหนาวหิมะจะปกคลุมทั่วพื้นที่เป็นสีขาวโพลน ชมปีศาจหิมะ หรือภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า จูเฮียว ซึ่งเป็นน้ำแข็งที่เกิดจากจะสะสมของหิมะที่ตกลงมาจนก่อตัวเป็นรูปร่างต่างๆ พออยู่รวมๆ กัน ดูราวคล้ายกับปีศาจ และในเวลากลางคืนยังมีการเปิดไฟไลท์อัพเพิ่มความสวยงามอีกด้วย พิกัด: Mount Zao ซากปราสาทเซนได หรือ ปราสาทอาโอบะ  สร้างขึ้นในปี 1600 โดยขุนนางนามว่า ดาเตะ มาซามูเนะ สร้างขึ้นสำหรับป้องกันเมือง ปราสาทแห่งนี้ล้อมรอบไปด้วยแม่น้ำ ภูเขาและป่าซึ่งยังคงอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติ แม้ปัจจุบันเหลือเพียงเศษซาก แต่กำแพงหินและประตูนั้นได้รับการบูรณะขึ้นใหม่อีกครั้ง จากทำเลที่ตั้งของบริเวณปราสาท ท่านสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่งดงามของเมืองเซนได พิกัด: Aoba Castle ช้อปปิ้งที่มิตซุย เอ้าท์เล็ต  ศูนย์รวมแฟชั่นทันสมัยแหล่งรวมพลของสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังจากทั่วโลกประกอบด้วยแบรนด์ดังถึง 128 แบรนด์ เพียบพร้อมด้วยสินค้าสำหรับทุกคนตั้งแต่สินค้าแฟชั่นหญิงชาย และเด็ก จนถึงอุปกรณ์กีฬา และสินค้าทั่วไป นอกจากนี้ภายในห้าง ยังมีศูนย์อาหารขนาดใหญ่ ที่จุได้ 650 ที่นั่ง และมี Hokkaido Roko Farm Bridge ซี่งเป็นพื้นที่ที่มีสินค้าท้องถิ่นและสินค้าจากฟาร์มสดมาขายอีกด้วย พิกัด: Mitsui Outlet Park ทัวร์ญี่ปุ่น เที่ยวฮอกไกโด  สถานที่เที่ยวญี่ปุ่น ฮอกไกโด ที่ต้องไปเก็บให้ครบ หมู่บ้านราเมน  หมู่บ้านชื่อดังของเกาะฮอกไกโด นับย้อนหลังไปตั้งแต่สมัยต้นโชวะ ซึ่งช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่ถือกำเนิดราเมนขึ้น ณ เมืองซัปโปโรโดยการผสมผสานบะหมี่หลากหลายชนิดของประเทศจีนเข้าด้วยกัน และต่อมาหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้เสร็จสิ้นลงราเมนของเมืองอาซาฮิกาว่า ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นจากความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน พิกัด: Asahikawa Ramen Village สวนสัตว์อาซาฮิยาม่า  ซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งในแต่ละปีจะมีผู้เข้าชมความน่ารักของสัตว์ต่างๆ ที่ไม่ได้ถูกกักขังในกรงแบบที่ท่านเคยเห็นในสวนสัตว์ทั่ว ๆ ไปถึงกว่าปีละ 3 ล้านคนจากทั่วโลก โดยสวนสัตว์แห่งนี้ได้มีแนวความคิดที่ว่า สัตว์ต่างๆ ควรที่จะอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีและเป็นไปตามธรรมชาติของสัตว์นั้นๆ จึงทำให้ทุกท่านได้สัมผัสถึงชีวิตความเป็นอยู่ที่แท้จริงของสัตว์แต่ละประเภท อาทิเช่น หมีขาวจากขั้วโลก นกเพนกวินสายพันธุ์ต่างๆ รวมถึงครอบครัวลิงอุลังอุตังแสนรู้ พิกัด: Asahiyama Zoo คลองโอตารุ  คลองโอตารุเป็นคลองที่เกิดขึ้นจากการถมทะเล สร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1923 เพื่อเป็นเส้นทางขนถ่ายสินค้าจากเรือใหญ่สู่โกดังในเมือง ภายหลังเลิกใช้จึงถมคลองครึ่งหนึ่งเป็นถนนสำหรับนักท่องเที่ยวแทนโกดังต่างๆ ซึ่งเป็นอาคารอิฐสีแดงจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมือง และได้ปรับปรุงเป็นร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกนั่นเอง พิกัด: Otaru พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี  ซึ่งมีอายุเกือบร้อยปี ท่านสามารถชมกล่องดนตรีในรูปแบบต่างๆ สวยงามมากมายที่ถูกสะสมมาจากอดีตจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งยังสามารถเลือกคิดแบบทำกล่องดนตรีในสไตล์ของตัวเองขึ้นมาเป็นที่ระลึกหรือเป็นของฝากให้คนรักได้อีกด้วย พิกัด: Otaru Music Box Museum ทานุกิโคจิ  เป็นแหล่งช้อปปิ้งอาเขตบนถนนคนเดินที่มีหลังคามุงบังแดดบังฝนและหิมะ มีความยาว 7 บล็อกถนน มีร้านค้าตั้งเรียงรายอยู่กว่า 200 ร้านค้า Susukin มีร้าน BIG CAMERA จำหน่ายกล้องดิจิตอล, เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็คทรอนิคส์, ร้าน100เยน, ร้านUNIQLO ขายเสื้อผ้าแฟชั่นวัยรุ่น, ร้าน MATSUMOTO KIYOSHI ขายยาและเครื่องสำอาง พิกัด: Tanukikoji ตลาดปลานิโจ  ตลาดอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดของเมืองซัปโปโร ตลาดปลาแห่งนี้ สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1903 และตลาดแห่งนี้รู้จักกันในนาม “ครัวทะเลของชาวเมืองซัปโปโร” เพราะสัตว์ทะเลที่จับได้ส่วนใหญ่จะหาได้จากทะเลแถบนี้ทั้งสิ้น ซึ่งจะมีความสดมากเหมือนไปเดินซื้อที่ ท่าเรือเลยทีเดียว ลูกค้าส่วนใหญ่จะมีทั้งนักท่องเที่ยวในประเทศและต่างประเทศรวมถึงชาวบ้านเข้า มาจับจ่ายใช้สอยกันเสมอ ที่นี่ยังขึ้นชื่อเรื่อง ไข่หอยเม่นและไข่ปลาแซลมอน พิกัด: Nijo Fish Market จิโกคุดานิ หรือ หุบเขานรก  ภายในบริเวณนี้ประกอบไปด้วยบ่อน้ำพุร้อนและบ่อโคลนเดือดเกิดขึ้นตามธรรมชาติ จากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อหนึ่งพันปีก่อน ทำให้มีลักษณะคล้ายกระทะทองแดง ซึ่งจะมีควันพวยพุ่งอยู่ตลอดเวลา จากใต้พิภพ พิกัด: Jigokudani noboribetsu สำหรับใครยังไม่จุใจกับสถานที่เที่ยวญี่ปุ่น 4 เส้นทางยอดฮิต ทัวร์ครับเราก็ยังมีเส้นทางการเที่ยวประเทศญี่ปุ่นมาแนะนำอีกมากมาย ไปเที่ยวเองตามรอยก็ได้ไปกับทัวร์ก็สนุกสะดวกสบายไปอีกแบบ บอกเลยว่าถ้าได้ไปเที่ยวญ๊่ปุ่นสักครั้งแล้วจะติดใจ ไปแล้วไปอีกอย่างแน่นอน   

อ่านเพิ่มเติม