All articles abouts เที่ยวต่างประเทศ

เที่ยวต่างประเทศครั้งนี้ มีแต่รูปชิคๆ รวม 5 กล้อง Mirrorless ใช้ง่าย ราคาสุดคุ้ม!

เที่ยวต่างประเทศครั้งนี้ มีแต่รูปชิคๆ รวม 5 กล้อง Mirrorless ใช้ง่าย ราคาสุดคุ้ม!

27 มิ.ย. 61

        ไอเทมสำคัญของนักเที่ยวสมัยนี้ ไม่ว่าจะไปเที่ยวในประเทศ หรือต่างประเทศ ก็คงหนีไม้พ้น กล้องถ่ายรูป นั่นเองค่ะ แน่นอน ว่านานๆเราจะได้ไปเที่ยวต่างประเทศทั้งที และก็ไม่ได้กันบ่อยๆใช่ไหมล่ะ ก็ต้องมีกล้องดีๆซักตัว เพื่อเก็บความทรงจำดีๆ สถานที่สวยๆ กล้อง  Mirrorless จึงเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่มาแรงในตอนนี้ เนื่องจากเป็นกล้องที่มีขนาดเล็ก พกพาสะดวก แถมราคาย่อมเยา และที่สำคัญคุณภาพเทียบเคียงกล้อง DSLR ได้สบายๆเลยล่ะค่ะ ซึ่งวันนี้ทัวร์ครับจะขอแนะนำ 5 กล้อง Mirrorless ราคาน่ารัก แถมยังมีประสิทธิภาพคุ้มค่าเกินราคา ใช้งานง่าย รับรองว่าคุณจะได้รูปชิคๆ สวยๆอย่างกับถ่ายด้วยมืออาชีพ เอาไปอัพลงโซเซี่ยลเก๋ๆ ตามทัวร์ครับไปดูกันเลย  Fujifilm X-A3           เริ่มที่ตัวแรก Fujifilm X-A3 เป็นกล้อง Mirrorless ดีไซน์สไตล์ Retro หุ้มด้วยหนัง มีให้เลือกถึงสามสี แถมน้ำหนักเบากระทัดรัด จุดเด่นของกล้อง Mirrorless ตัวนี้ก็คือ ความละเอียด 24.2 ล้านพิกเซล เทียบเท่ากล้อง DSLR เลยค่ะคุณขา  รองรับการถ่ายวีดีโอระดับ Full HD ให้คุณได้เก็บความทรงจำได้อย่างชัดเจน หน้าจอสัมผัสขนาด 3 นิ้ว พลิกกลับได้ 180 องศา Selfie ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เอาใจขาเซลฟี่แบบสุดๆ ไปเลยค่ะ          นอกจากนั้นยังมีโหมด Portrait Enhancer ที่ช่วยทำให้ผิวดูสว่างและเรียบเนียน แต่ดูเป็นธรรมชาติ ถูกใจสาวๆกันสุดๆไปเลย แต่คุณผู้ชายก็ใช้ได้นะคะ ใช้ถ่ายรูปเอาใจแฟนสาวไงล่ะค่ะ รับรองไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอนค่า ราคาพร้อมเลนส์คิทจะอยู่ที่ประมาณสองหมื่นต้นๆเท่านั้นเอง เห็นไหมค่ะ คุณภาพคุ้มเกินราคาจริงๆค่ะ Sony A6000           มาต่อกันที่ค่าย Sony กันบ้างค่ะ กับ Sony A6000 ที่มี ดีไซน์สวย บอดี้ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา และมีระบบโฟกัสเร็วที่สุดในโลกอีกด้วย ว้าว!! กันแล้วใช่ไหมค่ะ ถึงตัวจะจิ๋ว แต่คุณภาพไม่จิ๋วนะคะ เพราะมาพร้อมกับเทคโนโลยีการถ่ายภาพที่มีประสิทธิภาพสูง ด้วยจุดโฟกัสถึง 179 จุด แบบ Phase Detection ซึ่งเหนือกว่ากล้อง DSLR หลายรุ่นซะอีกค่ะ          นอกจากนั้น ยังมีระบบ Eye Detection เพื่อโฟกัสให้ตรงกับบริเวณดวงตา  แถมด้วยเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ APS-C ความละเอียด 24.3 ล้านพิกเซล และยังมีเอฟเฟคท์ต่างๆครบที่ให้คุณแต่งภาพโดยไม่ต้องง้อคอมพิวเตอร์อีกต่อไป ราคาพร้อมเลนส์คิทประมาณ 27,990 บาท ถือเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจของคนที่กำลังมองหากล้องขนาดเล็ก คุณภาพสูง ราคาคุ้มค่าจริงเลยค่ะ Panasonic Lumix GF9           สายเซลฟี่ต้องยกให้ตัวนี้เลยค่ะ ตัวจริงเลยการเซลฟี่ ก็แหม!! เที่ยวต่างประเทศทั้งทีก็ต้องมีรูปเซลฟี่กันซะหน่อย เพราะกล้องตัวนี้เค้ามีฟังก์ชั่นใหม่ Beauty Retouch ให้คุณเลือกปรับความสวยใสได้ถึง 10 ระดับ สวยได้ง่ายๆ เพียงปลายนิ้วสัมผัส หน้าจอ LCD ขนาด 3 นิ้ว ที่ปรับหน้าจอได้ 180 องศา พร้อมกับความละเอียด 16 ล้านพิกเซล และถ่ายวีดีโอระดับ 4K ได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมี Hand-Free Selfie ที่พร้อมเก็บภาพคุณด้วย Face Shutter, Buddy Shutter และ Jump Snap ที่จะทำให้ได้ภาพสวยๆแบบที่คุณต้องการ          และยังมีฟังก์ชั่น Time Lapse Shot และ Stop Motion Animation โอโหววว!! สเปคดีงามมากมาย แตราคาสุดคุ้มเพียง 20,000 ต้นๆเท่านั้นเองค่ะ Canon EOS m10           มาที่ฝั่งค่ายยักษ์ใหญ่กันบ้าง ที่ไม่ได้มีดีแค่กล้อง DSLR เท่านั้น กล้อง Mirrorless น้องเล็กก็ดีไม่แพ้กัน อย่างรุ่นนี้เลยค่ะ Canon EOS m10 มีลูกเล่นมากมาย ใช้งานง่าย จอสัมผัส แถมมี Wi-Fi เชื่อมต่อเข้ากับมือถือได้อีกด้วย และยังมาพร้อมกับโหมด Creative Assist ฟังก์ชั่นสำหรับมือใหม่ได้ฝึกปรับแต่งสีและโทนของภาพให้โดดเด่นแบบง่ายๆ ไม่ต้องง้อแอพเลยค่ะ ง้อโปรแกรมคอมพิวเตอร์อีกต่อไป และทำให้การไปเที่ยวต่างประเทศของคุณนั้นมีสีสันมากยิ่งมากขึ้นอีกด้วยค่ะ สุดยอดจริงๆเลยค่ะเจ้ากล้อง Mirrorless จาก Cannon ตัวนี้         นอกจากนั้นยังมีเซนเซอร์ขนาดใหญ่ และโฟกัส Hybrid CMOS AF II ทั้งยังการันตีว่า สามารถใช้ในสภาพอากาศที่มีอุณหภูมิต่ำ ถึง 0 องศา เหมาะมากค่ะสำหรับการไปเที่ยวเมืองหนาว ซึ่งหากใครมองหากล้อง Mirrorless สำหรับการไปเที่ยวต่างประเทศราคาไม่ถึง 20,000 บาท Canon EOS m10 ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆเลยทีเดียวค่ะ Nikon J5         มาที่ตัวสุดท้ายกล้อง Mirrorless ขนาดจิ๋วแต่แจ๋ว เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ หน้าจอของ Nikon 1 J5 เป็นแบบทัชสกรีนขนาดหน้าจอ 3 นิ้ว ซึ่งทำงานได้ลื่นไหล และยังสามารถบิดพับได้ 180 องศา พร้อมด้วยระบบโฟกัสที่รวดเร็วมาก สามารถถ่ายต่อเนื่องได้ที่ 60 ภาพต่อวินาทีเลยล่ะค่ะ นอกจากนี้ยังสามารถถ่ายภาพแบบ Slow Motion ได้อีกด้วยนะคะ เหมาะมากสำหรับการไปเที่ยวต่างประเทศแบบลุยๆ รับรองเก็บภาพได้ทันทุก shot ไม่พลาดทุก moment เด็ดๆอย่างแน่นอนเลยค่า ด้วยราคาเพียงหมื่นต้นๆเท่านั้น เป็นอีกกล้อง Mirrorless ที่คุ้มค่าอีกตัวหนึ่งเลยล่ะค่ะ ทัวร์ครับขอคอนเฟิร์ม!!         หวังว่าทัวร์ครับจะช่วยให้หลายคนที่กำลังมองหากล้อง Mirrorless สำหรับการไปเที่ยวต่างประเทศได้ง่ายขึ้น ชอบแบบไหน ก็สามารถไปลองเล่นกันได้ตามร้านขายกล้องชั้นนำ แต่ถ้าเป็นเรื่องเที่ยวต่างประเทศ ก็ต้องทัวร์ครับเลยค่ะ รับรองว่าจะได้ทริปเที่ยวต่างประเทศที่ราคาคุ้มค่าแน่นอนค่ะ  

อ่านเพิ่มเติม
7 มรดกโลกต้องไป ดีต่อใจแค่ไหน ต้องดู!
7 มรดกโลกต้องไป ดีต่อใจแค่ไหน ต้องดู!

19 ก.ค. 61

        ขึ้นชื่อว่าเป็นมรดกโลก ก็สัมผัสได้ถึงเรื่องราว และร่องรอยของประวัติศาสตร์อันยาวนาน ทำให้แต่แหล่งท่องเที่ยวนั้นน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งวันนี้ทัวร์ครับจะพาทุกคนไปดู 7 มรดกโลก ที่ขึ้นเรื่องความสวยงาม และเรื่องราวประวัติศาสตร์ จนได้รับขี้นทะเบียนเป็นมรดกโลก จาก UNESCO มาดูกันสิว่า จะดีต่อใจขนาดไหน ? ตามมดูกันเลยค่ะ คัปปาโดเกีย ประเทศตุรกี (Cappadocia, Turkey)           ภาพของบอลลูนที่กำลังลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า หลากหลายสีสัน ท่ามกลางหินรูปร่างแปลกตาที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟกว่า 3 ล้านปีมาแล้ว กลายเป็นลักษณะภูมิประเทศที่ดูแปลกตา เชื้อเชิญให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาสัมผัส ทำให้คัปปาโดเกีย ประเทศตุรกีกลายเป็นที่เที่ยวที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกใฝ่ฝัน อยากจะมาสัมผัส จาก ความแปลกที่เกิดจากสร้างสรรค์ของธรรมชาติ จึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เมื่อปี ค.ศ.1985 ซึ่งคัปปาโดเกีย จึงกลายเป็นมรดกโลก ที่ควรค่าแก่การไปสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้งในชีวิตค่ะ  มาชูปิกชู ประเทศเปรู (Machu Picchu, Peru)           ดินแดนอารยธรรมโบราณของชาวอินคา บนยอดเขาแอนดีสที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลกว่า 2,450 เมตร และถึงแม้จะผ่านมาหลายร้อยปี แต่ร่องรอยของสถาปัตยกรรมก็ยังคงเหลือเพื่อคอยบอกเหล่าความมหัศจรรย์ของชาวอินคาโบราณ ในการวางระบบสาธารณูปโภคผังเมืองให้เข้าธรรมชาติ สภาพแวดล้อม นอกจากสถาปัตยกรรมสุดอลังการแล้ว ทัศนียภาพของธรรมชาติรอบก็สวยงามไม่แพ้กันค่ะ มาชูปิกชู ประเทศเปรูปแห่งนี้ จึงได้กลายเป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ.1983 รวมถึงเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกและข่าวดีสุดๆเลยก็คือ คนไทยสามารถไปเที่ยวมาชูปิกชูได้ แบบไม่ต้องขอวีซ่า ค่ะ   เพตรา ประเทศจอร์แดน (Petra, Jordan)           หากพูดถึงที่เที่ยวที่ควรไปเยือนให้ได้สักครั้งในชีวิต มหานครเพตรา จะต้องติดอยู่ในลิสนั้นอย่างแน่นอนค่ะ เพตรา คือนครลึกลับที่เกิดจากการแกะสลักภูเขาหิน ให้กลายเป็นเมืองขนาดย่อมๆที่ซ่อนอยู่ในหุบเขาวาดี มูซา ประเทศจอร์แดนค่ะ ว่ากันว่านครเพตราแห่งนี้ เป็นต้นกำเนิดของอารยธรรมในแถบตะวันออกกลาง ความวิจิตรงดงามของสถาปัตยกรรมที่เกิดจากการความปราณีตของงานช่างโบราณ ซึ่งแม้ในปัจจุบันเราก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าแท้จริงแล้ว เพตราแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างไร ? แต่ที่สำคัญคือร่องรอยของอารยธรรมที่ยังคงรอคอยให้เราไปสัมผัสอยู่นั่นเองค่ะ  เวนิช ประเทศอิตาลี (Venice, Italy)           อดีตเมืองศูนย์กลางแห่งการเดินเรือของทวีปยุโรป จนได้รับฉายาให้เป็น “ เมืองแห่งสายน้ำ ”  กับเมืองเวนิช ประเทศอิตาลี ซึ่งภายในเมืองเวนิชนั้นเต็มไปด้วยคลองกว่า 150 สายที่ชาวเมืองใช้สัญจรแทนถนน ซึ่งหลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดี กับภาพของเรือกอนโดล่า สัญลักษณ์ประจำเมืองเวนิช กิจกรรมสุดคลาสสิคที่ไม่ว่าใครก็ต้องไม่พลาด ท่ามกลางสีสันบรรยากาศของเมืองเวนิชที่แสนจะมีสเน่ห์ แค่คิดก็ดีต่อใจแล้วค่ะ  พุกาม ประเทศพม่า (Bagan, Myanmar)           กลับเข้ามาประเทศเพื่อนบ้านกันบ้างค่ะ กับพม่า ประเทศที่เต็มไปด้วยมนต์สเน่ห์แห่งวัฒนธรรม โดยเฉพาะพุกาม อดีตอาณาจักรโบราณของพม่า จึงทำให้เป็นที่ตั้งของวัดวาอารามเก่าแก่มากมายกว่า 4,000 องค์ จนได้ชื่อว่าเป็นเมืองทะเลเจดีย์ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก โดยเฉพาะภาพความสวยงามของทะเลเจดีย์ กับพื้นหลังที่เต็มไปด้วยบอลลูนมากมาย เป็นภาพความสวยงามที่ใครๆต่างก็ต้องตะลึง ทัวร์ครับขอรับประกันค่ะ  นครวัด ประเทศกัมพูชา (Angkor Wat, Cambodia)           ต้นกำเนิดวัฒนธรรมขอมโบราณอันยิ่งใหญ่ กับสิ่งก่อสร้างที่แม้จะผ่านมากี่พันปี ก็ยังคงแสดงให้เห็นรับรู้เรื่องราว ความสวยงามของสถาปัตยกรรมโบราณ  และพลังความศรัทธาในพระพุทธศาสนา ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นศาสนสถานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ไม่ว่าใครก็อยากจะมาสัมผัสสเน่ห์อันลึกลับของนครวัดแห่งนี้ นอกจากจะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้ว นครวัดยังได้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก อีกด้วยค่ะ แถมอยู่ไม่ไกลจากประเทศไทยอีกด้วย ทัวร์ครับบอกเลยว่าห้ามพลาดค่ะ  ดูบรอฟนิก ประเทศโครเอเชีย (Dubrovnik, Croatia)          ปิดท้ายด้วยประเทศที่กำลังโด่งดังจากมหกรรมฟุตบอลโลก 2018 อย่าง ประเทศโครเอเชีย ซึ่งมีหลายเมืองของโครเอเชียทีได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก แต่ครั้งนี้ทัวร์ครับจะขอแนะนำเมืองดูบรอฟนิก เมืองท่องเที่ยวสุดโด่งดังของโครเอเชีย ซึ่งหลายคนอาจจะคุ้นหูกับภาพความสวยงามของอาคารบ้านเรือนที่มีหลังคาสีส้ม ตัดกับสีฟ้าของน้ำทะเล ผสมผสานกับเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ กลายเป็นสเน่ห์ที่ชวนให้หลงใหล รวมถึงวิถีชีวิตที่ไม่เร่งรีบ สโลว์ไลฟ์ ไม่ว่าใครที่ได้ไปเยือนเมืองดูบรอฟนิกแห่งนี้ ต่างตกหลุมกันโครเอเชียทุกรายเลยค่ะ         โห...แต่ละที่น่าไปทั้งนั้นเลย ยิ่งหากไปกับทัวร์ครับแล้วล่ะก็ จะได้เที่ยวต่างประเทศแบบสบายๆ ไม่ต้องวางแผนเที่ยว หรือจองตั๋วให้ปวดหัว ส่วนครั้งหน้า ทัวร์ครับจะมีที่เที่ยวที่ไหนเด็ดๆมานำเสนออีกนั้น อย่าลืมติดตามกันด้วยนะคะ หากใครอยากรู้เคล็ดลับในการเที่ยวสบาย แบบไม่กลัว Jet Lag อ่านต่อได้เลยที่  5 เคล็ด (ไม่) ลับ ฉบับคนขี้เที่ยว ตอน “ Jet lag เหรอ...ฉันไม่กลัวหรอก! ”

อ่านเพิ่มเติม
เทศกาลน่าเที่ยวในญี่ปุ่น แบบนี้ก็มีด้วยหรอ?
เทศกาลน่าเที่ยวในญี่ปุ่น แบบนี้ก็มีด้วยหรอ?

12 ก.ย. 61

เทศกาลในญี่ปุ่น รวมถึงเทศกาลที่ ค่อนข้างมีความเป็นทางการที่ดูจริงจังมากๆ แต่วันนี้ทัวร์จะพาไปดู 5 เทศกาลที่ทัวร์ญี่ปุ่นมีบริการพาไป จะมีอะไรน่าสนใจกันบ้างนะ? ไปดูกันเล้ยยจ้าาา.... เทศกาลเนบุตะ มัตสึริ Nebuta Matsuri เทศกาลหุ่นโคมไฟ สืบสานกันมายาวนานกว่า 300 ปี มีวัตถุประสงค์เพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย จัดขึ้นที่เมืองอาโอโมริ ไฮไลท์ของเทศกาล คือ ขบวนพาเหรดโคมไฟขนาดใหญ่ยักษ์ที่มีการสร้างสรรค์จำลองตัวละครจากละครคะบุกิ เรื่องเล่าตามวัฒนธรรม หรือละครอิงประวัติศาสตร์ที่ได้รับความนิยม หากจะเรียกว่ามันเป็นเทศกาลที่งดงามตระการตามากที่สุดก็คงไม่ผิดนัก มีการแสดงกลองอันสนุกสนาน ไทโกะและนักเต้นฮาเนโตะที่จะการร่ายรำแบบพื้นเมืองไปตลอดทาง และในวันสุดท้ายของงานจะมีการแสดงดอกไม้ไฟริมแม่น้ำตระการตาเพื่อเป็นการปิดท้ายงานเทศกาลอย่างยิ่งใหญ่ จัดงานทุกวันที่ 2-7 สิงหาคมของทุกปี งานเทศกาลหิมะที่ซัปโปโร Sapporo Yuki Matsuri จัดขึ้นที่เขตซัปโปโร เทศกาลนี้กินเวลาถึง 7 วัน อยู่ในช่วงเมืองฮอกไกโด ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกๆปี โดยเปิดโอกาสให้ทุก ๆ คนรวมไปถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่สามารถเข้ามาเที่ยวฮอกไกโด และร่วมการแข่งกันแกะสลักน้ำแข็งได้ ทำให้ออกมาให้โดดเด่นที่สุด เป็นเทศกาลหิมะที่มีชื่อเสียงแห่งฮอกไกโด บนพื้นที่จัดงานมี 3 ส่วน คือ สวนสาธารณะโอโดริ, ย่านการค้าซูซูกิโน และซัปโปโรคอมมูนิตีโดม ภายในงานมีการนำเสนอประติมากรรมที่สร้างจากหิมะและน้ำแข็งเป็นจำนวนนับร้อยชิ้น เทศกาลหิมะซัปโปโรเป็นเทศกาลหิมะที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และมีผู้เข้าชมงานจากทั่วโลกกว่า 2 ล้านคนทุกปี เทศกาลแสงไฟริมคลองโอตารุ Otaru Snow Light Path Festival เป็นงานเทศกาลประจำฤดูหนาว ที่จัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี ใกล้เคียงกับช่วงที่จัดงานเทศกาลหิมะที่ซัปโปโร โดยทั่วทั้งบริเวณคลองและในตัวเมืองจะประดับไปด้วยแสงไฟท่ามกลางหิมะ เป็นระยะเวลาทั้งหมด 10 วัน สถานที่จัดงานจะอยู่ในเขตบริเวณ Unga Kaijo และ Temiyasen Kaijo ที่สามารถเดินจากสถานี Otaru ได้เพียง 15 นาที โดยเมืองโอตารุจะประดับประดาไปด้วยแสงไฟ และรูปปั้นหิมะขนาดเล็ก บรรยากาศของเมืองที่ปกคลุมด้วยหิมะ รวมกับแสงจากโคมไฟระยิบระยับทำให้รื่นรมย์ ภายในเมืองจะแบ่งออกเป็น 2 พื้นที่หลักในการจัดเทศกาลในช่วงเวลา 17:00 - 21:00 นอกจากนี้ชาวบ้านในพื้นที่ก็จะตกแต่งร้านค้าและที่อยู่อาศัยของพวกเขาด้วยโคมไฟบริเวณด้านหน้าอีกด้วย เทศกาลทุ่งดอกไม้ ฟูจิชิบะซากุระ Fuji Shibazakura Festival เป็นหนึ่งในเทศกาลที่ดีที่สุด และมีชื่อเสียงที่สุดในการชมดอกชิบะซากุระ ซึ่งจัดขึ้นในบริเวณทะเลสาบทั้งห้าของภูเขาไฟฟูจิ คือถ้าเราเดินทางไปเที่ยวโตเกียว ส่วนใหญ่ทัวร์จะพาไปชมภูเขาไฟฟูจิอยู่แล้วเป็นไฮไลท์ ในช่วงเทศกาล เราจะได้ชมทิวทัศน์ที่งดงามของทุ่งดอกชิบะซากุระอันกว้างใหญ่มีฉากหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิที่สูงตระหง่านในวันที่ฟ้าโปร่งใส ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมดอกไม้จะแตกต่างกัน แต่มักจะอยู่ในช่วงสามสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม เทศกาลจัดขึ้นในช่วงประมาณกลางเดือนเมษายน – ต้นเดือนมิถุนายนเป็นประจำทุกปี บรรยากาศภายในจะเต็มไปด้วยต้นชิบะซากุระประมาณ 800,000 ต้น รวม 5 สายพันธุ์ มีทั้งสีชมพู สีขาว และสีม่วงในเฉดต่างๆ เทศกาลซากุระ ปราสาทฮิเมจิ Himeji Sakura Festival ปราสาทมรดกโลกที่ขึ้นว่าเป็นปราสาทที่สวยที่สุดของประเทศญี่ปุ่น บริเวณรอบๆ ปราสาทจะมีสวนต้นซากุระขนาดใหญ่ เป็นสถานที่ชมซากุระของเมืองที่มีเสน่ห์ด้วยฉากหลังอันโอ่อ่าอลังการของปราสาทเก่าแห่งนี้ ในช่วงเทศกาลชมดอกซากุระบานประจำปีในเดือนเมษายน เป็นช่วงเวลาชมดอกซากุระบานของประเทศญี่ปุ่นที่จะเริ่มตั้งแต่ช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิไปจนถึงต้นฤดูร้อน จะมีเทศกาลชมดอกซากุระ และการแสดงดนตรีโบราณในสวนซากุระ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเทศกาลชมซากุระที่ปราสาทฮิเมจิ ซึ่งเส้นทางนี้ส่วนใหญ่ก็จะไปเที่ยวที่โอซาก้าก่อน เพราะปราสาทฮิเมจินั้นอยู่ในภูมิภาคคันโต ภูมิภาคเดียวกันกับโอซาก้านั้นเอง Asakusa Samba Matsuri และเทศกาลสุดท้ายนี้เป็นเทศกาลที่มีมายาวนานกว่า 30 ปี ถือเป็นหนึ่่งในเทศกาลที่ดังที่สุดในโตเกียว เป็นเทศกาลที่สนุกสนานมาก ใครจะรู้..? ว่าที่ญี่ปุ่นก็มีการจัดเต้นแซมบ้าด้วยเหมือนกัน โดยจัดขึ้นที่หน้าวัดเซนโซจิ กรุงโตเกียว ซึ่งเป็นสถานที่หลักในการมาเที่ยวทัวร์โตเกียว สำหรับเทศกาลจะจัดช่วงปลายเดือนสิงหาคมของทุกปีหรือช่วงปลายฤดูร้อน ภายในงาน เราจะได้เห็นสาวๆญี่ปุ่นมากมาย ใส่ชุดเต้นแซมบ้ามาเต็มยศ ร้องเพลงและเต้นอย่างสนุกสนาน พร้อมทั้งขบวนพาเหรดชุดใหญ่ไฟกระพริบ ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวอย่างเรานี่อึ้ง ทึ่ง กันไปเลยจ้าาา....

อ่านเพิ่มเติม
Best in travel 20 city  บุกตะลุย 20 เมืองห้ามพลาด เที่ยวต่างประเทศที่ไหนดี ??
Best in travel 20 city บุกตะลุย 20 เมืองห้ามพลาด เที่ยวต่างประเทศที่ไหนดี ??

08 มี.ค. 60

สวัสดีค่ะ วันนี้ ทัวร์ครับ มานำเสนอ Best in travel 20 city บุกตะลุย 20 เมืองในต่างประเทศห้ามพลาด ว่าแต่ว่าในปีนี้ใครมีแพลนไปเที่ยวที่ไหนกันบ้างเอ่ย ถ้าใครยังคิดไม่ได้นึกไม่ออก ทัวร์ครับก็มีสถานที่เที่ยวต่างประเทศมาแนะนำให้ได้เก็บเอาไปคิดและวางแผนเที่ยวกัน หรือใครที่ยังเก็บสถานที่เที่ยวต่างประเทศไม่ครบก็ตามเชคลิสกันได้เลยจ้า.. LOS ANGELES : USA ลอสแอนเจลิสหรือที่ใครหลายคนรู้จักในนามของ แอลเอ(LA) พูดไปใครๆก็รู้จักเพราะที่นี่เขาดังมาจากอุตสาหกรรมภาพยนต์(หนังฮอลลีวูด) แถมยังเป็นศูนย์รวมความบันเทิงต่างๆ อย่างสถานที่จัดการประกาสรางวัลออสการ์ รวมถึงแหล่งช้อปปิ้งสุดหรูอย่างโรดิโอไดรฟ์ สนุกสนานไปกับสวนสนุกดิสนีย์แลนด์และยูนิเวอร์แซลสตูดิโอ ไฮไลท์สำคัญที่ต้องห้ามพลาดนั่นก็คือถนนฮอลลีวูดวอร์กออฟเฟม ที่ประดับด้วยแผ่นหินเป็นรูปดาวห้าแฉก ที่ดาราระดับฮอลลีวูดได้มาจารึกชื่อ รอยมือ รอยเท้าไว้ตามท้องถนนแห่งนี้   LONDON : ENGLAND เป็นที่รู้กันดีว่าลอนดอน เมืองหลวงสุดฮิปของประเทศอังกฤษที่มีสถานที่น่าสนใจมากมาย ลอนดอน มีชื่อเสียงในเรื่องของพิพิธภัณฑ์ที่เป็นแหล่งความรู้ชั้นนำของโลก มีผู้คนเข้ามาท่องเที่ยวเยี่ยมชมไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็นที่ บริติชมิวเซียม พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ จุดแลนด์มาร์กอย่างหอนาฬิกาบิ๊กเบน เดินเก็บภาพบรรยากาศบนสะพานทาวเวอร์บริดจ์ และห้ามพลาดกับหัวใจหลักของลอนดอนนั่นคือถนนอ็อกฟอร์ด (Oxford Street) แหล่งช็อปปิ้งชื่อดังซึ่งมีระยะทางถึง 1.6 กิโลเมตร   LISBON : PORTUGAL โปรตุเกสประเทศที่ถูกลืมสำหรับใครหลายคนเมื่อนึกถึงทวีปยุโรป เมืองลิสบอนเมืองเล็กๆที่มากล้นด้วยเสน่ห์ ทั้งบ้านเมืองที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมและอารยธรรมอันสวยงาม เที่ยวชมเมืองด้วยรถราง อาคารสิ่งปลูกสร้างถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีความเก่าคลาสสิคอายุพันปี แต่ก็มีความสวยงามตามแบบโคโลเนียล ดึงดูดให้นักเดินทางต้องไปเยือนให้ได้ซักครั้งในชีวิตไฮไลท์ของลิสบอนคือการไปชมปราสาทของเซนต์จอร์จ ปราสาทขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง สามารถชมวิวเมืองได้ 360 องศา ถือว่าเป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดของเมืองลิสบอนเลยหล่ะ   PISTOIA : ITALY พิสโตเอีย เป็นเมืองชนบทเล็กๆที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของอาคารบ้านเรือนใน ยุคกลาง มีมหาวิหาร Cattedrale di San Zeno ด้านหน้าโบสถ์โดดเด่นด้วยศิลปกรรม สไตล์โรมัน ส่วนภายในโบสถ์ก็ตกแต่งอย่างสวยงาม ไฮไลต์เด่นภายในมหาวิหารนี้คือแท่นบูชาของเซนต์เจมส์   VIENNA : AUSTRIA เวียนนา 1 ในเมืองที่คลาสสิกและโรแมนติกที่สุดในแถบยุโรปตะวันออก เมืองที่ยูเนสโกยกให้เป็นมรดกในด้านความงดงามด้านศิลปะและประวัติศาสตร์อันยาวนาน ชมความสง่างามของพระราชวังเบลเวเดียร์, มหาวิหารเซนต์ สตีเฟน และจุดสำคัญที่เรียกได้ว่าถ้าไปแล้วต้องไปเยือนที่นี่ก่อนเป็นอันดับแรก ก็คือ พระราชวังเชินบรุนน์ศูนย์กลางการปกครองของจักรวรรดิออสเตรียนั่นเอง   PRAGUE : CZECH REPUBLIC กรุงปราก กลิ่นอายของเมืองเก่าและความโรแมนติก ทั้งความสวยงามในเรื่องรูปแบบสถาปัตยกรรม สิ่งก่อสร้างโบราณที่โดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นปราสาทปราก, สะพานชาร์ลส์ และสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์อีกมากมาย ทำให้กรุงปรากเป็นเมืองที่สามารถทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนหลงไหลในความสวยงามและอบอุ่นของเมืองแห่งนี้   AMSTERDAM : NETHERLANDS เขาว่ากันว่ากรุงอัมสเตอร์ดัมนั้นถือเป็นเมืองหลวงที่สวยที่สุดเมืองหนึ่งในยุโรป ดินแดนแห่งจักรยานของโลก เป็นเมืองต้นแบบแห่งวัฒนธรรมการปั่นจักรยาน อีกทั้งยังมีสถานที่เที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามและประวัติศาสตร์มากมาย ส่วนสิ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวชอบเดินทางมาเที่ยวที่นี่ก็คือ การล่องเรือชมความสวยงามของเมืองทั้งสองข้างทาง ไฮไลท์ของอัมสเตอร์ดัมคงไม่พ้น Nescio Bridge สะพานข้ามแม่น้ำที่สวยที่สุดในอัมสเตอร์ดัมและเป็นสถานที่ยอดฮิตของนักท่องเที่ยว   BARCELONA : SPAIN บาร์เซโลน่าในที่นี้ไม่ใช่ชื่อทีมฟุตบอลแต่อย่างใด แต่เป็นเมืองหนึ่งในประเทศสเปน ซึ่งหากใครได้มีโอกาสมาเที่ยวสเปนแล้ว คุณห้ามพลาดที่จะไปเยือนเมืองบาร์เซโลน่า บาร์เซโลน่าเป็นเมืองหนึ่งที่นักท่องเที่ยวชาวไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวกันมากนัก แต่จริงๆแล้ว เมืองนี้เป็นเมืองที่มีความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรม อาหาร และชื่อเสียงด้านกีฬา นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่มีสถาปัตยกรรมที่หลากหลายและสวยงามมากอีกด้วย   TAITUNG : TAIWAN เชื่อว่านักท่องเที่ยวหลายๆคนอาจจะยังไม่รู้จักไถตงมากนัก จริงๆแล้วไถตงก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่อยากให้ลองไปเที่ยวดูสักครั้ง “ไถ” มาจาก “ไต้หวัน” ส่วน “ตง” แปลว่า “ตะวันออก” เพราะฉะนั้นไถตงก็คือไต้หวันตะวันออกนั้นเอง ที่ไถตงนั้นจะเน้นที่เที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม เหมาะสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปเป็นอยากมาก หากมีโอกาสได้ลองมาเที่ยวที่นี่ แนะนำให้ลองนั่งรถไฟชมวิวทะเลแปซิฟิตดูสักครั้ง รับรองภาพความสวยงามของธรรมชาติจะตาตรึงคุณไปอีกนานเลยทีเดียว (การนักรถไฟชมวิวควรมีเวลาสัก 2 วัน เพื่อที่จะได้คุ้มค่ารถไฟ)   SPLIT : CROATIA ขึ้นชื่อว่าอยู่ในโครเอเชียแล้วต้องยกให้ความโรแมนติกเป็นที่หนึ่งเลยทีเดียว เมืองสปลิทที่อยู่ในโครเอเชียนั้นถือว่าเป็นเมืองที่มีความเก่าแก่มาก ในปัจจุบันถือเป็นเมืองท่าที่สำคัญทางการค้าและการท่องเที่ยวของโครเอเชียเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีบรรยากาศดี ทิวทัศน์งดงาม มีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง ใครที่ได้ไปแล้วถ่ายรูปออกมาจะสังเกตได้ว่ารูปทุกรูปนั้นมีความชิคความคูล ความชีวิตดีอยู่ในรูปทุกรูปแน่นอน หากอยากไปพักผ่อนชิลๆล่ะก็ ต้องนึกถึงที่นี่ที่แรกเลย   DUBAI : ARUB EMIRATESNCE สุดยอดเมืองที่กำลังเจริญรุ่งเรือง เชื่อว่าหลายๆคนคงรู้กันอยู่แล้วว่าดูไบเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเศรษฐี ท้องถนนจะเห็นรถซุปเปอร์คาร์ตลอดเส้นทาง จึงทำให้ดูไบมีสถานที่ท่องเที่ยวที่อลังการกว่าที่อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ตึกที่สูงที่สุดในโลก (burj khalifa) ชายหาดที่ถูกถมให้เป็นรูปต้นปาล์ม (palm jumeirah) ตู้ปลาขนาดยักษ์ที่อยู่ในใจกลางห้าง (dubai mall) หรือจะเล่นสกีในเมืองทะเลทรายที่ห้างก็ทำได้ (Mall of the Emirates) หรือใครอยากไปผจญภัยสัมผัสทรายด้วยตนเองก็มีกิจกรรมนั่งรถตะลุยทะเลทรายเพื่อไปแคมป์ไฟกลางทะเลก็มีให้คุณลองเช่นกัน   PARIS : FRANCE ปารีส เมืองในฝันของขาเที่ยวเกือบทุกคน หากพูดถึงยุโรปแล้วล่ะก็ปารีสต้องเป็นหนึ่งในเมืองที่คุณต้องมาลองเที่ยวสักครั้งแน่นอน เนื่องจาก ปารีส เป็นเมืองที่โรแมนติกที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง เช่น หอไอเฟล พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ประตูชัยฝรั่งเศส เป็นต้น นอกจากสถานที่เที่ยวแล้ว ยังมีแหล่งช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมอีกมากมาย ให้ขาช้อปได้ช้อปกันเพลินเลยทีเดียว ถ้าคุณได้มีโอกาสไปเที่ยวปารีสแล้วล่ะก็ รับรองว่าทั้งรูปถ่ายทั้งของฝากได้กลับมาบ้านอย่างล้นหลามแน่นอน   HOKKAIDO : JAPAN ฮอกไกโด ชื่อนี้ไม่น่าจะมีใครไม่รู้จักเพราะเป็นไฮไลท์ของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ ฮอคไกโดเป็นเกาะเหนือสุดและหนาวสุดของประเทศญี่ปุ่น ด้วยธรรมชาติทัศนียภาพที่งดงามตลอดทั้งปี มีกิจกรรมอีกหลากหลายเพื่อสัมผัสกับธรรมชาติ อาหารหลากหลายเปลี่ยนไปตามฤดูกาล เที่ยวเล่นอย่างเพลิดเพลินใจ คนที่เคยไปแล้วต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าต้องกลับไปอีกอย่างแน่นอน   REYKJAVIK : ICELAND   ที่เรคยาวิกแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่ใกล้ขั้วโลกเหนือมากที่สุด เป็นเมืองที่มีทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และ เที่ยวชมวิถีชีวิตของชาวเมืองได้ การที่มาเดินชมอาคารบ้านเรือนภายในเมืองเรคยาวิกที่มีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองก็สามารถสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นไอซ์แลนด์ได้เป็นอย่างดี ทั้งยังมีสิ่งก่อสร้างที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม อาหารการกินก็เป็นที่ถูกปากถูกคอของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ หรือใครต้องการตามล่าแสงเหนือก็สามารถตามล่าได้ที่นี่เช่นกัน เพียงแต่ช่วงเวลา และสถานที่อาจจะต้องวัดดวงกันสักนิด แต่ถ้าหากได้เห็นแสงเหนือแล้วล่ะก็บอกได้เลยว่าคุ้มเกินคุ้ม   JIUZHAIGOU : CHINA อุทยานแห่งชาติจิ่วไจ้โกว ประเทศจีน ตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของเทือกเขาหมินซานห่างจากเมืองเฉิงตูไปทางเหนือ ด้วยความสวยงามของธรรมชาติทำให้จิ่วไจ้โกวได้ถูกยกย่องให้เป็นสุดยอดประติมากรรมความงามจากธรรมชาติอย่างแท้จริง ทั้งน้ำตก ลำธาร ทะเลสาบสีฟ้าเหมือนหลุดไปอยู่ในโลกแห่งเทพนิยาย และที่นี่คือสถานที่ในฝันของนักเดินทางหลายๆคนที่ตั้งเป้าหมายว่าต้องมาจิ่วไจ้โกวให้ได้สักครั้งในชีวิต   SEOUL : SOUTH KOREA อีกหนึ่งประเทศที่คนไทยใครๆก็รู้จัก เกาหลีใต้ประเทศสุดฮิต ดินแดนของอปป้าของสาวไทยทั้งหลาย บางคนไปแล้วไปอีกจนนับครั้งไม่ถ้วนและกรุงโซลก็เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยว ทั้งถนนศิลปะและวัฒนธรรม สถานที่ประวัติศาสตร์ สวนสนุก ร้านอาหารชั้นเลิศ แหล่งช็อปปิ้งขนาดใหญ่ทั้งแหล่งสินค้าขายส่ง สินค้าแบรนด์เนมและแฟชั่นสไตล์เกาหลีมากมาย และห้ามพลาดที่จะไปคล้องกุญแจคู่รักที่โซลทาวเวอร์นะจ๊ะ   MANDALAY : MYANMAR มิงกะลาบา ใครว่าพม่าไม่น่าเที่ยว มัณฑะเลย์เคยเป็นอดีตเมืองหลวงและเมืองใหญ่อันดับที่สามของพม่า มัณฑะเลย์เมืองศูนย์กลางการค้าและคมนาคมทางตอนเหนือและเป็นเมืองอันดับต้นๆที่มีชื่อเสียงในด้านพระพุทธศาสนา คนไทยและนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมไปไหว้พระและสถาปัตยกรรมอันงดงามของกรุงมัณฑะเลย์ ไฮไลท์สำคัญของการเยือนมัณฑะเลย์ครั้งนี้ คือการเข้าร่วมพิธีล้างพระพักตร์ พระมหามัยยมุนี พระพุทธรูปทองคำขนาดใหญ่ทรงเครื่องกษัตริย์ 1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในประเทศพม่า   OSAKA : JAPAN โอซาก้า เมืองที่ใหญ่อันดับสองของประเทศญี่ปุ่น นอกจากจะเป็นเมืองธุรกิจสำคัญของประเทศแล้ว ยังขึ้นชื่อด้านอาหารในราคาย่อมเยา เพราะไม่ว่าจะมุมไหนของเมือง คุณก็สามารถหาร้านอาหารรสชาติเป็นเลิศ แต่ราคาสบายกระเป๋าได้ไม่ยาก นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง (Kaiyukan) ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) ยูนิเวิร์ลซัล สตูดิโอ (Universal Studio) แห่งญี่ปุ่น และสวนลอยน้ำ (Floating Garden Observatory)   MOSCOW : RUSSIA กรุงมอสโก รัสเซีย เป็น 1 ในประเทศมหาอำนาจของโลกเสมอมา รัสเซียตั้งอยู่ระหว่างทวีปยุโรปตะวันออกและทวีปเอเชียติดกับมองโกเลีย ค่อนไปทางเหนือของโลก ซึ่งแน่นอนว่าย่อมมีภูมิอากาศที่หนาว-หนาวจัด แต่ที่สำคัญมากไปกว่านั้น คือ สภาพภูมิประเทศและธรรมชาติป่าเขาที่สวยงามจับใจแบบเมืองในเทพนิยาย ไม่นับรวมสถาปัตยกรรมอาคารบ้านเรือนที่มีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง เมืองและสถานที่ท่องเที่ยวรัสเซียมีอยู่หลากหลาย เมืองหลวงเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์สำคัญมากมาย รวมไปถึงเมืองสมัยใหม่ที่ยังมีกลิ่นอายศิลปะดั้งเดิม   SINGAPORE สิงคโปร์ ประเทศใกล้ๆที่อาจจะเป็นประเทศแรกๆที่ทุกคนนึกถึงเวลาจะไปเที่ยวต่างประเทศ ปัจจุบันสิงคโปร์ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเจริญสูงสุดในแถวหน้าของโลก ทั้งด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยี รวมสุดยอดแหละท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์สำหรับคนทุกกลุ่ม ทั้งช็อปปิ้ง สวนสนุก กินอาหารอร่อย หรือชมความงามธรรมชาติต่างๆมากมาย ถ้าใครมีโอกาสได้ไปก็อย่าลืมไปถ่ายรูปเชคอินกับจุดแลนด์มาร์กอย่างรูปปั้นเมอร์ไลอ้อนกันนะคะ

อ่านเพิ่มเติม
รวม 7 สไตล์เที่ยวต่างประเทศ ตามวันเกิด ไปเถิดมันดี…
รวม 7 สไตล์เที่ยวต่างประเทศ ตามวันเกิด ไปเถิดมันดี…

05 ต.ค. 61

        แค่ได้ไปเที่ยวก็มีความสุขแล้ว แต่ถ้าหากได้ไปเที่ยวต่างประเทศที่สไตล์ตรงกับนิสัยอีกด้วยละก็ รับรองว่าการไปเที่ยวต่างประเทศคราวนี้สนุกกว่าเดิมแน่นอนครับ เพราะแต่ละคนต่างก็มีนิสัย และสไตล์การเที่ยวที่แตกต่างกันไป แล้ว นิสัยของแต่ละวันจะเหมาะกับการไปเที่ยวที่ไหนบ้างนะ ตามทัวร์ครับมาดูกันเลยดีกว่าครับ… 🔮 คนเกิดวันจันทร์  🔮 (Northen Lights)         ว่ากันว่านิสัย คนเกิดวันจันทร์เป็นคนที่ ชื่นชอบธรรมชาติ แต่เป็นธรรมชาติระดับอลังการงานสร้างเท่านั้นต้องเป็นสถานที่เที่ยวที่มีความสวยงามระดับโลก ถ้างั้นจึงเหมาะกับการไป ชมแสงเหนือ (Northern Lights) ที่ไอซ์แลนด์ หรือจะไปชื่มชมสถาปัตยกรรมระดับโลกอย่าง วิหารเพตรา (Petra) ดินแดนมหานครสีชมพู แห่งจอ์แดน วิหารที่ถูกแกะสลักจากภูเขาทั้งลูก ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางหุบเขา ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความอลังการสุดๆไปเลยครับ และที่สำคัญเลยคือคนที่เกิดวันจันทร์นั้น เป็นคนค่อนข้างขี้เหงา เวลาไปเที่ยวต่างประเทศจึงชอบไปแบบเดอะแก๊งค์มาก กว่าไปคนเดียว ครับ 🔮 คนเกิดวันอังคาร 🔮   (Cebu, Philiphines)         ตามนิสัย คนเกิดวันอังคารแล้วส่วนใหญ่ ชื่นชอบทะเล เสียงคลื่นและความสงบของทะเล จะช่วยเยียวยาจิตใจคนที่เกิดวันอังคารได้ครับ ดังนั้นผู้ที่เกิดวันอังคารจึงเหมาะกับการฟังเสียงคลื่น กับน้ำทะเลใสๆ ใกล้ชิดธรรมชาติที่ เกาะเซบู (Cebu) ประเทศฟิลิปินส์ เพราะทะเลที่เซบูนั้น ได้รับเสียงการันดีว่าน้ำใส และสวยงามสุดๆ เผลอๆอาจได้ ว่ายน้ำคู่กับปลาฉลามวาฬ บอกได้เลยว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีสุดๆเลยครับ หรือจะไปมัลดีฟก็ได้ เพราะว่ามัลดีฟก็มีทะเล และธรรมชาติที่งดงาม จนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกเลยทีเดียวครับ ซึ่งนอกจากชมทะเล แล้วชาววันอังคารยังชื่นชอบความสะดวกสบายในการท่องเที่ยว ดังนั้นการไปเที่ยวทัวร์ต่างประเทศน่าจะเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนเกิดวันอังคาร สุดๆครับ 🔮 คนเกิดวันพุธ 🔮         ชาววันพุธ ชื่นชอบความเป็นส่วนตัว และการได้ไปเที่ยวแบบใกล้ชิดธรรมชาติ คนเกิดวันพุธ จึงเหมาะกับการไป เที่ยวประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ พร้อมวิวสุดอลังการ ที่จะได้สูดอากาศบริสุทธิ์ ดื่มด่ำกับธรรมชาติกันจนจุใจ สวิสเซอร์แลนด์ (Switzerland) คือคำตอบเลยครับ อย่างที่รู้กันดีว่า ประเทศสวิสเซอร์แลนด์นั้นขึ้นชื่อเรื่องธรรมชาติระดับโลก หรือถ้าใครคิดว่าสวิสเซอร์แลนด์อาจจะดูไกลไป วังเวียง (Vang Vieng) ประเทศลาว ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่เหมาะกับคนชื่นชอบธรรมชาตินะครับ แถมใช้งบไม่เยอะอีกด้วยครับ 🔮 คนเกิดวันพฤหัสบดี 🔮   (Moraine Lake, Canada)         ชาววันพฤหัสบดีนั้น มีนิสัยเป็นคนรักสงบ ชอบใช้เวลาอยู่กับตัวเอง จึงเหมาะกับการไปเที่ยวธรรมชาติ นอนฟังเสียงน้ำ เสียงนก เสียงไม้ โดยสถานท่องเที่ยวที่เหมาะกับคนรักสงบอย่างชาววันพฤหัสบดี ก็คงจะต้องไปสัมผัสความสงบกันที่ทะเลสาบ ซึ่งทัวร์ครับขอแนะนำ 2 ทะเลสาบที่สวยงามราวกับภาพวาด ที่แรกก็คือ Blue Moon Valley เมืองลี่เจียง ประเทศจีน กับภาพของน้ำสีฟ้าสด ที่ตัดกับสีเขียวของภูเขาจนสวยงามราวกับภาพวาด เป็นที่เที่ยวที่เหมาะกับคนรักสงบอย่างชาววันพฤหัสฯจริงๆครับ แต่หากชาววันพฤหัสฯคนไหนอยากไปเที่ยวไกลกว่านั้น ก็สามารถไปตามหาความสงบจากธรรมชาติได้ที่ประเทศแคนาดา กับ อุทยานแห่งชาติแบมฟ์ ซึ่งมี ทะเลสาบน้ำสีฟ้า Moraine Lake ซึ่งเกิดจากการละลายของธารน้ำแข็ง ตัดกับภาพของภูเขาที่มีหิมะปกคลุมและสีเขียวจากต้นสน หลายคนยืนยันว่าเป็นภาพที่สวยงามจนหยุดหายใจเลยทีเดียวครับ รับรองว่าชาววันพฤหัสฯต้องถูกใจแน่นอน  🔮 คนที่เกิดวันศุกร์ 🔮 (Alishan, Taiwan)         ตามนิสัยของคนที่เกิดวันศุกร์ ชอบการท่องเที่ยวแบบชมธรรมชาติไปเรื่อยๆ แต่อาจจะมีแวะช้อปปิ้งบ้าง แต่ไม่ค่อยชอบไปสถานที่เที่ยวที่คนเยอะๆ ถ้างั้นชาววันศุกร์ควรไปเที่ยว โตเกียว (Tokyo) ประเทศญี่ปุ่น ค่ะ เพราะว่าโตเกียวนั้น มีทั้งแหล่งช้อปปิ้ง และยังมีวิวธรรมชาติแบบ Sighseeing ของภูเขาไฟฟูจิให้ชื่นชม หรือถ้าไปเที่ยวญี่ปุ่นกันจนเบื่อแล้ว ลองเปลี่ยนบรรยากาศไปเที่ยวไต้หวันกันดูบ้าง ซึ่งไต้หวันก็มี อุทยานอาลีซาน (Alishan) ไต้หวัน พร้อม วิวธรรมชาติแบบพาโนราม่า ให้เราได้ชิลกับความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ พร้อมแหล่งช้อปปิ้งในเมืองไทเป ให้ได้ละลายเงินกันเล็กน้อย แค่นี้ชาววันศุกร์ก็เพลิดเพลินกับทริปสุดๆแล้วครับ ทัวร์ครับขอบอก! 🔮 คนที่เกิดวันเสาร์ 🔮   (Leh Ladakh, India)         ชาววันเสาร์เป็นกลุ่มคนที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวแบบลุยๆ สไตล์ Advanture ไม่เน้นความสะดวกสบาย ดังนั้นที่เที่ยวของคนที่เกิดวันเสาร์ จึงต้องเป็นที่เที่ยวที่เหมาะกับสายลุยโดยเฉพาะอย่าง เล่ห์ ลาดักห์ (Leh Ladakh) ประเทศอินเดีย จุดหมายปลายทางในใจของนักเที่ยวสายลุย ที่อยากจะไปพิชิตที่กันให้ได้สักครั้ง ซึ่งเหมาะกับชาววันเสาร์สุดๆเลยครับ นอกจากจะชอบลุยแล้ว คนที่เกิดวันเสาร์ยังชื่นชอบเรื่องราวประวัติศาสตร์ สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ (Terracotta Warriors) เมืองซีอาน ประเทศจีน จึงน่าจะถูกในชาววันเสาร์กันนะครับ เพราะที่สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้นั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่เป็นของจริง และยังสามารถจับต้องได้ ไม่ว่าคนจะเกิดวันไหน หากชื่นชอบประวัติศาสตร์แล้ว ต้องชื่นชอบที่นี่แน่นอนครับ 🔮 คนที่เกิดวันอาทิตย์ 🔮  (New York, USA)         มาถึงสไตล์การเที่ยวของคนเกิดวันอาทิตย์ ที่มีนิสัยสนุกสนาน จึงทำให้ชอบเที่ยวแบบเน้นช้อปปิ้ง ความแสงสี และความตื่นเต้น รวมถึงเป็นคน ไม่ชอบไปเที่ยวคนเดียว จึงนิยมไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อน หรือครอบครัวนั่นเองครับ ซึ่งเมื่อพูดถึงเรื่องช้อปปิ้งและแสงสีแล้ว ชื่อของ นิวยอร์ค (New York) สหรัฐอเมริกา ก็ต้องเป็นตัวเต็งอย่างแน่นอน เมืองแห่งแสงสีของโลก สวรรค์ของนักช้อปเพราะที่นิวยอร์คนั้นเต็มไปด้วยแสงสี และความสนุกสนาน ยิ่งถ้าได้ไปกัยเพื่อนที่รู้จัก จะยิ่งสนุกมากขึ้นไปอีก หรือหากชาววันอาทิตย์คนไหน คิดว่านิวยอร์คยังไม่ชิคพอ ถ้างั้นต้องไปที่นี่เลยค่ะ ปารีส (Paris) ฝรั่งเศส (France) เพราะที่นี่คือที่สุดแห่งเมืองสีสัน จนได้ชื่อว่าเป็นเมืองสีสันระดับโลกเลยละครับ ซึ่งนอกจากทั้ง 2 ทีเที่ยวนั้นจะเต็มไปด้วยสีสัน เอาใจคนเกิดวันอาทิตย์แล้ว ยังเต็มไปด้วยที่เที่ยวน่าโดนอีกมากมาย รับรองว่าชาววันอาทิตย์ต้องชื่นชอบเมืองแห่งสีสันทั้ง 2 แห่งนี้แน่นอน แต่เผลอช้อปมากเกินนะครับ เดี่ยวจะกระเป๋าแบนจะหาว่าทัวร์ครับไม่เตือน!         แต่ไม่ว่าจะเกิดวันไหน หากได้ไปสถานที่เที่ยวที่ชอบ อยากไป สไตล์ที่ใช่ กับคนที่ชอบ ไม่ว่าทริปไหน ก็เป็นทริปที่สนุกสนาน และเต็มไปด้วยความทรงจำดีดี ยิ่งไปกับทัวร์ครับด้วยแล้ว รับรองว่าไม่จะทริปไหน ก็ดีทั้งนั้นครับ ทัวร์ครับพาไปเที่ยวตามวันเกิดแล้ว หากใครยังไม่หนำใจทัวร์ครับจะพาไปเปิดดวง กับราศีที่ไปเที่ยวต่างประเทศแล้วจะรุ่ง กับ... >>>ไปนอกแล้วจะรุ่ง! เปิดดวง 4 ราศีที่มีเกณฑ์เดินทางไปต่างประเทศ<<<  

อ่านเพิ่มเติม
6 สิ่งห้ามพลาด ! เมื่อมีโอกาสไปเยือน “ฝรั่งเศส”
6 สิ่งห้ามพลาด ! เมื่อมีโอกาสไปเยือน “ฝรั่งเศส”

11 ต.ค. 61

  1. ห้ามพลาด ไปถ่ายรูปกับหอไอเฟล แลนด์มาร์คของประเทศฝรั่งเศส หากใครไม่มาเช็คอินที่หอไอเฟล พร้อมโพสต์ท่าเก๋ๆ ชิคๆ ถือว่าผิดมหันต์เลยนะครับ บอกเลยว่าถ้าไม่ได้ภาพมุมนี้ ไม่มีใครเชื่อแน่ๆ ว่าเรามาเยือนฝรั่งเศสแล้ว เพราะฉะนั้นเตรียมชุดเก๋ๆ จากเมืองไทย แล้วไปใส่ถ่ายรูปกับหอไอเฟลกันเถอะ 2. ห้ามพลาด ไปดิสนีย์แลนด์ พิกัด : Disneyland Paris หนึ่งในความฝันของสาวๆ หลายคน คือการไปเยือนดิสนีย์แลนด์ให้ครบทั่วโลก เพราะฉะนั้นมาถึงฝรั่งเศสทั้งที ก็ต้องไปย้อนวัยเด็ก เติมเต็มความฝันที่ ดิสนีย์แลนด์ มันเป็นอะไรที่ฟินมากๆ มีความสุขสุดๆ เมื่อเราได้ย้อนวัยเด็ก แล้วเพลิดเพลินไปกับเหล่าตัวการ์ตูนในดวงใจ แค่คิดก็แฮปปี้แล้ววว 3. ห้ามพลาด มาการองชื่อดัง ถึงแม้ว่าตอนนี้ร้านมาการองชื่อดังอย่าง Laduree จะมีที่เมืองไทยแล้ว แต่บอกเลยว่าไม่ได้ฟีลเท่ามากินที่ฝรั่งเศสแน่นอน แพลนทริปฝรั่งเศสให้มีวันฟรีเดย์สักวันหนึ่ง ออกจากโรงแรมสายๆ มานั่งจิบ Afternoon Tea เคล้ากับมาการองรสโปรด เพลินอย่าบอกใครเชียว 4. ห้ามพลาด ไปหาโมนาลิซา รูปภาพอันโด่งดัง ก็อยู่ที่ฝรั่งเศสนะจ๊ะ มาเยือนบ้านเค้าทั้งทีอย่าลืมแวะไปทักทายกันด้วยล่ะ ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟว์ ( Louvre Museum ) นอกจากภาพของโมนาลิซาแล้ว ก็ยังมีภาพศิลปะจากศิลปินชื่อดังมากมายด้วย เห็นภาพในเน็ตกี่ร้อยครั้ง ก็ไม่เท่าได้มาสัมผัสด้วยตาตัวเองหรอกครับ 5. ห้ามพลาด ไปประตูชัย อีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่สำคัญของฝรั่งเศส ตื่นตาตื่นใจกับความยิ่งใหญ่และสวยงาม และอย่าลืมที่จะขึ้นไปด้านบนเพื่อชมพิพิธภัณฑ์และเรียนรู้ประวัติอันยาวนาน ที่สำคัญมองจากประตูชัยลงมาด้านล่าง จะเห็นถนนทั้ง 12 สายมุ่งหน้ามาที่ประตูชัยด้วยล่ะครับ 6. ห้ามพลาด ไปช้อปปิ้ง แน่นอนว่ามาถึงเมืองแห่งแฟชั่นทั้งที หากพลาดการช้อปปิ้งไปคงเสียดายแน่ๆ เพราะฉะนั้น เตรียมเงินให้พร้อม เตรียมบัตรเครดิตให้ดี แล้วไปครับ !! จะเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า หรือเครื่องสำอางน้ำหอมต่างๆ จัดไปอย่าให้เสีย จัดหนักเอาให้เต็มกระเป๋าไปเลยยย และนี่ก็เป็น 6 สิ่งห้ามพลาดเมื่อไปเยือนประเทศฝรั่งเศส ขาดไปข้อนึงนี่ถือว่าไม่ครบสูตรเลยนะครับ เพราะฉะนั้นหากมีโอกาสไปทั้งที แพลนดีๆ แพลนเป๊ะๆ จะได้เที่ยวแบบลื่นไหลไม่มีเซ็ง และหากใครที่ยังไม่มีแพลนไปเที่ยวฝรั่งเศส ก็ลองมาดูทัวร์ฝรั่งเศสกันก่อนได้ที่ ทัวร์ครับ.คอม ได้เลย รับรองว่าเที่ยวสนุกไม่แพ้เที่ยวเองเลยล่ะครับ แถมเดินทางสะดวก พักสบาย อีกด้วย 

อ่านเพิ่มเติม
รวม 7 ที่เที่ยวต่างประเทศ ฤดูไหนดี ที่ไหนโดน ไปดูกัน !!
รวม 7 ที่เที่ยวต่างประเทศ ฤดูไหนดี ที่ไหนโดน ไปดูกัน !!

16 ต.ค. 61

มาดูกันว่า แต่ละประเทศมีช่วง High season ที่น่าสนใจอะไรบ้าง ทัวร์ครับ รวบรวมมาให้แล้ว !!   🍁 1. เที่ยวญี่ปุ่น - ใบไม้เปลี่ยนสี 🍂  พิกัด : Japan ประเทศแรกมาเริ่มกันที่ญี่ปุ่น ประเทศในใจที่คนไทยหลงรัก ซึ่ง ทัวร์ครับ เลยมาแนะนำว่า หากจะไปเที่ยวญี่ปุ่น ถ้าไม่ไปสัมผัสหิมะตก อากาศหนาว ก็มีช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีนี่แหละครับ ที่ถือว่าเป็น High season ของที่ญี่ปุ่นเลย เพราะใบไม้จะเปลี่ยนเป็น สีแดง ส้ม เหลือง สวยสดใสไปทั่วประเทศญี่ปุ่น แถมอากาศก็กำลังดี ไม่หนาวเกินไป ใส่เสื้อโค้ทถ่ายภาพกำลังสวยเลยล่ะ ใครมีแพลนจะไปญี่ปุ่น ต้องไป ช่วงปลายตุลาคม - ต้นธันวาคม นะครับ จะได้เจอใบไม้เปลี่ยนสีเต็มๆแบบฟินสุดๆ อ่านต่อ : เที่ยวญี่ปุ่นเมืองไหน เท่าไหร่บ้าง ? ❄️ 2. เที่ยวเกาหลี - หน้าหนาว ⛄️ พิกัด : Korea ไปเกาหลี นอกจากจะไปช้อปปิ้งแล้ว ก็ถือว่าที่เที่ยวส่วนใหญ่ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจมากนัก นอกจากในช่วง High Season ช่วงปลายธันวาคม - ต้นมีนาคม ที่จะมีหิมะตก ทำให้เมืองทั้งเมืองขาวโพลน ดูสะอาดตา แถมได้สัมผัสอากาศหนาวจับใจเลยล่ะครับ ส่วนใหญ่แล้วช่วงฤดูหนาวนี้นักท่องเที่ยวจะนิยมไปสกี รีสอร์ท เล่นหิมะกัน ใครเบื่ออากาศร้อนบ้านเรา ก็ลองไปเที่ยวเกาหลีช่วงปลายปี - ต้นปีดูนะครับ อ่านต่อ : เตรียมตัวไปเกาหลีแบบชิลชิลไม่มีเอาท์ !!  🌸 3. เที่ยวไต้หวัน - ซากุระ 🌸 พิกัด : Taiwan ประเทศที่มีที่เที่ยวทางธรรมชาติเยอะมากกก ทำให้ควรไปสัมผัสกับใบไม้สีเขียว ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เดือนมีนาคม - เดือนพฤษภาคม แบบสุดๆ จะได้เห็นความเขียวชอุ่มของใบไม้ และอากาศที่ยังไม่ร้อนและไม่หนาวเกินไป แถมไม่เจอฝนอีกด้วย อ้อ! และหากใครแต้มบุญสูงๆ อาจจะโชคดีได้เจอซากุระบานอีกด้วยนะ อ่านต่อ : รีวิวเที่ยวไต้หวัน 5 วัน 3 คืน พาไปไหนบ้าง มาดูกัน !! ⛄️ 4. เที่ยวปักกิ่ง - ปลายฤดูหนาว ❄️ พิกัด : China หลายๆ ประเทศช่วง High Season มักจะเป็นฤดูหนาว แต่ไม่ใช่ที่ปักกื่งนะ เพราะช่วงฤดูหนาวจะหนาวมาก จนไม่น่าเที่ยวเลย ดังนั้นช่วง High Season ของเค้าเลยเป็น ช่วงฤดูร้อน มากกว่า แต่ที่พีคสุดๆ เที่ยวชิลๆ ไม่ร้อนเกินและไม่หนาวไป ก็คือ ช่วงปลายฤดูหนาว ปลายเดือนมีนาคม - กลางเดือนเมษายน นั่นเอง อากาศกำลังดี เดินเล่นบนกำแพงเมืองจีนเพลินๆ เลยล่ะ อ่านต่อ : อัพเดท !! 12 สถานที่ท่องเที่ยวจีน..สวยจนหยุดหายใจ 🌴 5. เที่ยวมัลดีฟส์ - ซัมเมอร์ 🌊  พิกัด : Maldives ไปทะเลทั้งที แน่นอนว่าก็ต้องไปช่วงซัมเมอร์ใช่ไหมล่ะครับ  ซึ่งมัลดีฟส์ก็เป็นทะเลในฝันของหลายๆ คน ถึงแม้จะราคาสูงแต่ก็อยากจะไปลองสัมผัสดูสักครั้ง ถ้าหากไปในช่วง Low season อาจจะถูกลงหน่อย แต่ก็เสี่ยงกับการเจอพายุ เที่ยวไม่คุ้ม ทะเลไม่สวยอีกต่างหาก เพราะฉะนั้นไป ช่วงเดือนธันวาคม - เดือนเมษายน ที่เป็นช่วง High season จะดีกว่านะครับ น้ำใสฟ้าสวย บอกเลยว่าได้รูปสวยๆกลับมาเพียบ !!   🌌 6. เที่ยวไอร์แลนด์ - แสงเหนือ ☄️ พิกัด : Ireland สักครั้งในชีวิต เราทุกคนก็คงอยากจะไปเห็นแสงเหนือด้วยตาของตัวเอง และคงไม่มีที่ไหนเหมาะสมที่จะดูแสงเหนือมากไปกว่าที่ไอร์แลนด์นั่นเอง ซึ่งช่วงที่ถือว่าเป็น High season ก็คือ ช่วงปลายเดือนตุลาคม - ต้นเดือนมีนาคม ที่เป็นช่วงอากาศหนาว และช่วงกลางคืนก็จะยาวนานมากกว่าปกติ ทำให้เพิ่มโอกาสในการเห็นแสงเหนือมากขึ้นนั่นเอง   🎅🏼 7. เที่ยวฟินแลนด์ - หน้าหนาว 🦌 พิกัด : Finland มันคงจะฟินไม่น้อย ถ้าหากเราได้ไปเที่ยวที่หมู่บ้านซานตาครอส ที่ เมืองโรวาเนียมิ ประเทศฟินแลนด์ ในช่วงคริสมาสต์ บอกเลยว่าหมู่บ้านนี้มีความโรแมนติกและน่ารักมากๆ เลยล่ะ ยิ่งช่วงคริสมาสต์ที่มีหิมะขาวโพลน ตัดกับสีแดงสีเขียวของสารพัดของกุ๊กกิ๊ก ที่ตกแต่งไว้สำหรับเทศกาลคริสมาสต์ เป็นอะไรที่เข้ากันได้ดีสุดๆ เลยล่ะครับ ต้องลองไปดูสักครั้งบอกเลยว่าโรแมนติกสุดๆ เป็นไงบ้างครับ ?? บอกแล้วว่าในช่วง High season ของแต่ละประเทศ ก็มีความพีคแตกต่างกันไป ซึ่งไม่เหมือนกับเที่ยวช่วง Low season แน่ๆ  ยอมเก็บเงินเพิ่มอีกนิด เพื่อไปเที่ยวในช่วง High season รับรองว่าสวยฟินประทับใจไม่ลืมแน่นอน  

อ่านเพิ่มเติม
ทัวร์ครับ ชวนรู้!  วิธีเตรียมตัวรับมือให้พร้อม ก่อนเดินทางไปต่างประเทศ
ทัวร์ครับ ชวนรู้! วิธีเตรียมตัวรับมือให้พร้อม ก่อนเดินทางไปต่างประเทศ

09 พ.ย. 61

           ก่อนเดินทางไปต่างประเทศทุกครั้ง นอกจากจะต้องจองทัวร์ต่างประเทศให้พร้อม เรายังต้องเตรียมตัวและร่างกายให้พร้อมก่อนการเดินทางด้วยนะครับ ในปัจจุบันบางครั้งในแต่ละประเทศก็จะมีการเหตุการฉุกเฉินไม่คาดฝันขึ้น เช่น โรคระบาดต่างๆ ซึ่งวันนี้ ทัวร์ครับจะพาทุกคนไปทำความเข้าใจกับระดับการเฝ้าระวัง หากจะต้องเดินทางไปในพื้นที่สุ่มเสี่ยง จะได้ ปฏิบัติตัวกันได้ถูกต้องและเที่ยวต่างประเทศได้อย่างปลอดภัยและราบรื่น ครับ โดยหากเมื่อประเทศใด เกิดการระบาดของโรคติดต่อในพื้นที่ จะมีระดับการเฝ้าระวัง ซึ่งสามารถ แบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับที่ 1 ระดับจับตา ( Travel Watch ) 👁‍🗨         ในระดับที่ 1 นั้น ยังไม่ห้ามการเดินทางไปยังประเทศนั้นๆ สามารถ เดินทางได้ตามปกติ ครับ เพียงแต่นักท่องเที่ยวอาจจะมีการป้องกันตัวเองเบื้องต้น ด้วยการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกัน หรือหากใครที่ยังไม่ได่รับวัคซีนของโรคที่กำลังระบาด สามารถไปรับวัคซีนป้องกันได้ แต่ต้อง 21 วันก่อนเดินทางเท่านั้นนะครับ เพื่อให้วัคซีนได้มีเวลาเข้าไปสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายของเรานั่นเองครับ       ระดับที่ 2 ระดับเฝ้าระวังและแจ้งเตือน ( Travel Alert ) 📢         ในระดับที่ 2 นั้น ก็ยังคง อนุญาตให้เดินทางได้ตามปกติ เพียงแต่ทาง ภาครัฐจะมีคำแนะนำในการปฏิบัติตนให้ถูกต้อง หากต้องเดินทางเข้าไปยังพื่นที่ของโรคระบาด ครับ จะได้เดินทางได้อย่างปลอดภัย ราบรื่นและถูกต้องครับผม     ระดับที่ 3 ระดับเตือนภัย (Travel Warning) ⛔️         สำหรับระดับนี้ เรียกได้ว่าเป็นระดับสุดท้าย หากพื้นที่สุ่มเสี่ยงใดเข้าถึงระดับที่ 3 แล้วนั้นหมายความว่า ห้ามเข้าไปยังพื้นที่โดยเด็ดขาด เนื่องจากมีความรุนแรงของโรคค่อนข้างสูงซึ่งอาจทำให้เราติดเชื้อได้ครับ จึงไม่ควรเสี่ยง เข้าไปยังพื้นที่ระบาดโดยเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัย  นั่นเองครับ               แต่ไม่ว่าระดับการเฝ้าระวังของพื่นที่นั้นจะอยู่ที่ระดับไหน หญิงที่ตั้งครรภ์ก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากจะมีความเสี่ยงกับทารกในครรภ์ได้ครับครับ ทางที่ดีทัวร์ครับแนะนำให้ ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำ หรือหลีกเลี่ยงการเดินทางในช่วงนั้นไปก่อนจะดีที่สุดครับ และหากใครกำลังมีแพลนจะเดินทางไปพื้นที่สุ่มเสี่ยง ทัวร์ขอแนะนำให้คอยติดตามข่าวสารให้ดี และปฏิบัติตัวให้ถูกต้อง รับรองว่าจะได้เที่ยวเพลิน อย่างปลอดภัย สบายใจไร้กังวลแน่นครับผม แน่นอนว่าทัวร์ครับยังมีบทความดีดี ให้ได้ไปฟินกันต่อ กับเคล็ดลับสุดเด็ดเตรียมตัวเที่ยวต่างประเทศ ตามไปอ่านได้เลยที่...   >>> เที่ยวยังไงให้รอด 7 เคล็ดลับ!! เตรียมตัวก่อนไปเที่ยวต่างประเทศ <<<  

อ่านเพิ่มเติม
แบกเป้เที่ยว กับ 10 ที่เที่ยวแบบฮิปสเตอร์ !! เที่ยวสนุก ถ่ายรูปเพลินในต่างแดน
แบกเป้เที่ยว กับ 10 ที่เที่ยวแบบฮิปสเตอร์ !! เที่ยวสนุก ถ่ายรูปเพลินในต่างแดน

12 ธ.ค. 61

พร้อมจะไปออกทริปไปเที่ยวกับเราแล้วหรือยัง? ถ้าพร้อมแล้ว ก็ไปหยิบกล้องถ่ายรูปมาให้พร้อม แล้วหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย เกาะให้แน่นๆ ดูให้ดีๆ เพราะวันนี้ ทัวร์ครับ จะพาไปแนะนำให้รู้จักที่เที่ยวแบบฮิปสเตอร์ ชิคๆ คูลๆ ถ่ายรูปออกมาสวยมว๊าก! อย่ารอช้าเวลาไม่คอยท่า มีที่ไหนบ้างไปดูกันเล้ยยย 1. วังเวียง - ลาว พิกัด : Vang Vieng เริ่มต้นกันแบบใกล้ๆ กันก่อน กับสถานที่ท่องเที่ยวที่สายฮิปสเตอร์ทั้งหลาย ไม่มีใครไม่รู้จัก ถือว่าเป็น destination หลักๆ ที่คนมักจะคิดถึงถ้าอยากจะเที่ยวแบบชิคๆ เลยล่ะ วัยรุ่นไทยไปเช็คอินกันให้พรึ่บ เพราะค่าครองชีพไม่แพง เดินทางง่าย มีเวลาแค่ 2 วันก็ไปตะลอนเที่ยว และถ่ายรูปเก๋ๆ กันที่วังเวียงได้แล้ววววว 2. The Cafe Apartment - เวียดนาม พิกัด : The Cafe Apartment cr.baanlaesuan.com ขยับออกไปอีกนิด กับประเทศที่มาแรงสุดในซีซั่นนี้! ใครๆ ก็ไปเวียดนามกันทั้งนั้น และแน่นอนว่า มาถึงโฮจิมินห์ ถ้าไม่ไปเยือนที่คาเฟ่อพาร์ทเม้นท์ถือว่าพลาดมั่กๆเลยแก คือมันชิค มันคูล มันฮิปสเตอร์อย่าบอกใครเชียวล่ะ สายคาเฟ่ต้องไป! ไม่ไปถือว่าผิด! พูดแค่นี้ !!! ใครที่ไปทัวร์เวียดนาม สามารถหาวันอิสระไปได้นะครับ รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอน 3. ดาลัด - เวียดนาม พิกัด : Dalat cr.wechoice.vn ยังอยู่กันที่เวียดนามกันต่อ ก็บอกแล้วว่าซีซั่นนี้เค้ามาแรงเว่อร์ วัยรุ่นไทยจองตั๋วบินไปเช็คอินกันให้พรึ่บ! วางแพลนทริปดีๆ วันนึงอยู่โฮจิมินห์ อีกวันก็ออกมาดาลัดซะหน่อย ที่นี่มีมุมให้เหล่าฮิปสเตอร์ได้ลั่นชัตเตอร์กันพรึ่บ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กำแพงสีเหลืองสดใสที่เธอเห็นกันเต็มไอจี ก็อยู่ที่นี่น้าาา 4. ตึกตึก Montane Mansion - ฮ่องกง พิกัด : Montane Mansion ใครกำลังแพลนไปทัวร์ฮ่องกง ต้องมีตึกนี้อยู่ในลิสต์ด้วยแน่ๆ เพราะถือว่าเป็นมุมที่ฮิตมากมุมนึงเลยล่ะ ใครๆ ก็คุ้นเคยตึกนี้เป็นอย่างดี เพราะเป็นฉากหนึ่งในหนังดัง เรื่องทรานส์ฟอร์เมอร์นั่นเอง แต่ขอแนะนำอย่างนึงว่า ตึกนี้เป็นที่พักอาศัยของคนฮ่องกงเค้า ถึงแม้จะอนุญาตให้เข้าไปถ่ายภาพได้ แต่เหล่าฮิปสเตอร์ทั้งหลายก็ต้องรักษามารยาท ไม่เสียงดังให้เค้ารำคาญใจนะครับ เพิ่มเติมอีกสถานที่หนึ่งในฮ่องกงที่ห้ามพลาด .. คือ ตึก Choi Hung ครับ สำหรับอาคาร Choi Hung ลงสถานี Choi Hung ออกประตู C3 เดินตรงไปที่โรงเรียนเลยครับเเล้วทะลุตึกไปถึงเลย ซึ่งที่นี่มีมุมให้ถ่ายหลายมุมมาก ไฮไลท์ก็ไม่พ้นตึกแถวสีสันสวยงามนี่แหละครับ แถมพื้นสนามก็ยังเป็นเฉดสีที่เหมาะกับฉากหลังด้วย ใครมาเที่ยวฮ่องกงแล้วไม่ได้มาถ่ายรูปที่นี่ถือว่าพลาดจริงจังครับ 5. เสียมเรียบ - กัมพูชา พิกัด : Siem Reap จะบอกว่า ตอนนี้เหล่านักท่องเที่ยวสายฮิปสเตอร์หลายๆ คนได้จดที่นี่ไว้ในใจแล้วล่ะครับ เมืองที่ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ขอบอกว่ามีมุมชิคๆให้ลั่นชัตเตอร์เต็มไปหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือจุดที่เป็นไฮไลท์อย่าง อังกอร์วัด หรือนครวัด-นครธม 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกนั่นเอง ใครที่มองข้ามไป อยากให้ลองมองดูใหม่น๊า 6. มะละกา - มาเลเซีย พิกัด : Melaka กลับลงมายังประเทศทางใต้ของไทยเราบ้าง กับเมืองมรดกโลก อย่างมะละกา ถึงแม้ว่ากว่าจะไปถึงมะละกา จะต้องนั่งรถออกจากกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของมาเลเซียมาเกือบ 3 ชั่วโมง แต่ก็คุ้มค่าที่จะมาแน่นอน เพราะเป็นเมืองที่มีความสวยงามตามแบบฉบับของเมืองมรดกโลก และมีมุมเก๋ๆ ให้ถ่ายภาพอัพโซเชียลเพียบเลย 7. ฮาจิเลน - สิงคโปร์ พิกัด :  Haji lane Singapore เขยิบไปประเทศข้างเคียงมาเลเซีย ที่วัยรุ่นไทยนิยมไปสุดๆ อย่างสิงคโปร์กันครับ ที่นี่ก็มีหลากหลายมุมให้ไปเช็คอินพร้อมกับถ่ายภาพเช่นกัน อย่างฮาจิเลน Street Art ชื่อดัง ที่มีสีสันสดใส มีลวดลายความอาร์ตที่สวยงามฝุดๆ ไปสิงคโปร์ห้ามพลาดที่นี่เด็ดขาดนะครับ 8. Fort Canning Park - สิงคโปร์ พิกัด : Fort Canning Park หรือที่เราเรียกกันว่า อุโมงค์ต้นไม้ ครับ ใครเช็คอินที่สิงคโปร์ จะต้องมีภาพมุมนี้มาอวดกันด้วยแน่ๆ เป็นสวนสาธารณะที่มีความเก๋และชิคสุดๆ ถ่ายภาพออกมาได้ความฮิปสเตอร์เต็ม 100 บินไปถึงเมืองสิงโตทั้งที ต้องไปเยือนที่นี่สักหน่อยนะครับ 9. บาหลี - อินโดนีเซีย พิกัด : Bali ชื่อนี้การันตีความเก๋อย่างแน่นอน ไม่ได้มีแต่ความสวยของน้ำทะเลเท่านั้น แต่ที่บาหลียังมีความชิคของเมือง คาเฟ่ ร้านอาหารต่างๆ เรื่อยไปจนถึงโรงแรมเลยล่ะครับ ออกตัวเป็นฮิปสเตอร์ทั้งที พลาดบาหลีไปถือว่าผิดมหันต์เลยนะจะบอกให้ 10. ภูเก็ต - ประเทศไทย พิกัด : Phuket ปิดท้ายกันที่ ภูเก็ตบ้านเรา เมืองที่มีความชิคแอนด์คูล อู้หู!!สุดๆ ทั้งกำแพงสตรีทอาร์ต ทั้งถนนคนเดิน ทั้งตึกต่างๆ แล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ที่นำสายไฟลงดิน เปิดเผยความสวยงามของตึกเก่าๆ ตามย่านต่างๆ ของภูเก็ตมากขึ้น ยิ่งต้องไปเช็คอินเลยนะ สายฮิปสเตอร์ที่อ่านจบแล้ว อยากไปเช็คอินถ่ายรูปชิคๆ กลับมาอัพโซเชียลที่ไหนกันบ้าง ไหนลองคอมเม้นท์บอกกันหน่อยนะ หรือใครที่ซื้อทัวร์กับ ทัวร์ครับ ไปเที่ยววันอิสระ อย่าลืมส่งรูปกลับมาอวดกันหน่อยน๊าาาาา   อ่านต่อ >> รวม 7 สไตล์เที่ยวต่างประเทศ ตามวันเกิด ไปเถิดมันดี… <<    

อ่านเพิ่มเติม
รวม 10 ทุ่งดอกไม้ในต่างประเทศ สายถ่ายรูปห้ามพลาด !!
รวม 10 ทุ่งดอกไม้ในต่างประเทศ สายถ่ายรูปห้ามพลาด !!

18 เม.ย. 62

และแน่นอนว่าวันนี้ ทัวร์ครับ ก็มีทุ่งดอกไม้ในต่างประเทศสวยๆ มาให้สาวกชาวทัวร์ครับทุกคนได้เดินทางไปเที่ยวในช่วงซัมเมอร์นี้กัน รับรองว่ากลับมามีรูปเปลี่ยนโปรไฟล์กันได้ตลอดทั้งปีเลยทีเดียว ... 1.Gardens by the Bay : สิงคโปร์ เริ่มกันที่แรก ใกล้ๆ ประเทศไทยกันก่อน ไปง่ายสบายกระเป๋า ลางานวันนึงแล้วพ่วงเสาร์ - อาทิตย์ไปก็เที่ยวได้ครบแล้วครับ กับประเทศสิงคโปร์นั่นเอง ที่ Gardens by the Bay นี่ถึงแม้จะไม่ได้เป็นทุ่งดอกไม้ แต่ก็เป็นสวนพฤกษศาสตร์ที่เรียกได้ว่าชื่อดัง และมีรางวัลการันตีเพียบ! แถมดอกไม้และต้นไม้นานาพันธุ์ที่เค้าปลูกไว้ให้ชมเนี่ยก็สวยงามไม่แพ้ที่ไหนเลยนะเออ แถมยังได้ชมความงามของดอกไม้ที่หลากหลาย และชมได้ตลอดทั้งปีด้วยล่ะ ใครอดใจไม่ไหวอยากไปดูดอกไม้ไวๆ ก็รีบจองตั๋วกันเลย! 2. เมืองดาลัท : เวียดนาม ยังอยู่กันในแถบใกล้ๆ บ้านเราอีกสักนิด เพราะนี่ก็เป็นอีกเมืองที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งทุ่งดอกไม้! เพราะมีสวนดอกไม้ ฟาร์ม รวมไปถึงเทศกาลดอกไม้เพียบ และบอกเลยว่าชมกันได้ทั้งปีเลยทีเดียว! ใครชอบดอกไม้มาที่นี่ไม่มีผิดหวังแน่นอนล่ะ แถมยังได้เที่ยวได้หลากหลายอีกด้วยนะ เพราะเส้นทางที่จะมาเที่ยวดาลัท คือเส้นทาง โฮจิมินห์ อดีตเมืองหลวงของเวียดนาม ต่อด้วยมุยเน่ เมืองแห่งทะเลทราย และปิดท้ายกันฟินๆ กับดาลัท เมืองแห่งทุ่งดอกไม้ครับ 3. เมืองหม็อกเจิว : เวียดนาม ไม่ได้มีแค่ดาลัทนะเออ เพราะที่เวียดนามยังมี ‘เมืองหม็อกเจิว’ เมืองชนบทที่อยู่ห่างจากเมืองฮานอย เมืองหลวงของเวียดนามประมาณ 180 กิโลเมตรที่มีทุ่งดอกไม้สวยๆ ซ่อนตัวอยู่ ซึ่งบอกเลยว่าหากจะมาที่นี่นั้น จะต้องมาในช่วงเดือนมีนาคม - เดือนกันยายน เท่านั้นนะครับ เพราะเป็นช่วงที่ดอกไม้ผลิบาน แต่ช่วงที่สวยที่สุดก็คือในช่วงเดือนมีนาคมนั่นเอง นอกจากจะได้ชมความงามของทุ่งดอกไม้ ที่ได้ฉากหลังเป็นทิวเขาแล้ว ยังได้สูดอากาศบริสุทธิ์อีก เรียกได้ว่ามาทริปเดียวคุ้มไปสองต่อกันเลยจ้า   4. Tomita Farm Hokkaido : ญี่ปุ่น ภาพนี้คงคุ้นตาใครหลายๆ คน และเรียกได้ว่าเป็นภาพที่ทำให้หลายคนตัดสินใจจองตั๋วเพื่อไปเที่ยวยังเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่นในหน้าร้อนกันเลยทีเดียว! เพราะที่นี่คือทุ่งดอกไม้ชื่อดังแห่งเมืองฟุราโนะ ที่มีดอกไม้หลากสีสันบานสพรั่งในช่วงเดือนมิถุนายน - กันยายน ที่ถึงแม้ว่าอากาศจะไม่เย็นชื่นใจ แต่บอกเลยว่าโคตรคุ้มในการมาที่นี่ ใครที่ชอบดอกไม้ห้ามพลาดโดยเด็ดขาดนะครับ จองตั๋วเลยสิรออะไร 5. Fuji Shibazakura Festival : ญี่ปุ่น หากใครอยากได้ภาพปังๆ ไปตั้งเป็นรูปโปรไฟล์ ที่นี่แหละเหมาะสมที่สุด! เพราะดอกชิบะซากุระกว่า 8 แสนดอก ณ ทุ่งดอกชิบะซากุระ เมืองมินะมิสึรุ จังหวัดยามานาชิ จะพร้อมใจกันบานสะพรั่ง อวดสีสันอันสดใส เข้ากันได้ดีสุดๆ กับฉากหลังที่เป็นวิวของฟูจิซัง ภูเขาไฟอันยิ่งใหญ่ของญี่ปุ่น บอกเลยว่าฟินสุดๆ เลยล่ะครับ ซึ่งภาพแบบนี้มีแค่ปีละครั้งเท่านั้นในช่วงเดือนเมษายน - พฤษภาคม เพราะฉะนั้นบอกเลยว่าช้าไม่ได้แล้ว ไม่จองตอนนี้ไม่ทันนะครับ 6. Hitachi Seaside Park : ญี่ปุ่น ประเทศญี่ปุ่นนี่ก็ถือว่าเป็นเมืองแห่งทุ่งดอกไม้เหมือนกันนะครับ เพราะเรียกได้ว่าแทบจะทุกเมืองดังๆ มักจะมีทุ่งดอกไม้อยู่ และที่จังหวัดอิบารากิ ที่อยู่ทางตอนเหนือของโตเกียวก็เช่นกันครับ ซึ่งบอกเลยว่าที่นี่จะมีดอกไม้นานาพันธุ์ผลัดเปลี่ยนมาสร้างภาพที่สวยงามตลอดทั้งปีเลยทีเดียว แต่ดอกไม้ที่โดดเด่นที่สุด ที่นักท่องเที่ยวหลายคนอยากมาเห็นด้วยตาของตัวเองก็คือดอกนีโมฟีล่า ที่จะเบ่งบานปูพรมสีม่วงน้ำเงินไปทั่วบริเวณในช่วงเดือนเมษายน - พฤษภาคมครับ ใครอยากชมความงามแบบนี้ รีบไปอ้อนแฟนด่วนๆ 7. Nabana No Sato : ญี่ปุ่น ชื่อนี้คงคุ้นหูกันเป็นอย่างดี เพราะในช่วงฤดูหนาว สวนดอกไม้แห่งนี้จะแปรสภาพกลายเป็นงานประดับไฟสุดอลังการของญี่ปุ่น หรือ Nabana No Sato Winter Illumination ครับ แต่ในช่วงฤดูอื่นๆ (หรือจริงๆ ในช่วงฤดูหนาวเองก็ด้วย) นักท่องเที่ยวจะนิยมมาชมความงามของทุ่งดอกไม่กัน เพราะมีดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์ปลูกเต็มพื้นที่ไปหมด และบอกเลยว่าชมได้ตลอดทั้งปีด้วยนะครับไฮไลท์เด็ดของที่นี่คงหนีไม่พ้น ทุ่งดอกทิวลิปหลากสีสัน ที่เชิญชวนให้เราหยิบกล้องขึ้นมาลั่นชัตเตอร์สุดๆ ครับ 8. Yeomiji Botanic Garden : เกาหลีใต้ สวนพฤกษศาสตร์ที่ว่ากันว่าใหญ่ที่สุดในเอเชียแห่งนี้ ตั้งอยู่บนเกาะสุดโรแมนติกอย่างเกาะเชจู ประเทศเกาหลีใต้ครับ บอกเลยว่าใครที่มีภาพในจินตนาการ เป็นภาพของทุ่งดอกไม้และมีฉากหลังเป็นทะเลล่ะก็ ที่นี่แหละครับ คือภาพที่เป็นจริง เพราะความสวยงามของดอกไม้ สีสันอันสดใสได้เบ่งบานสะพรั่งตัดกับสีฟ้าของท้องฟ้าและน้ำทะเลสุดๆ เป็นฉากโรแมนติกที่จะตราตรึงใจแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดือนเมษายนที่จะมีเทศกาล Jeju Canola Flower Festival ด้วยแล้ว ยิ่งทวีคูณขึ้นไปอีก! 9. ทุ่งดอกลาเวนเดอร์ เมืองโพรวองซ์ : ฝรั่งเศส ข้ามกันไปที่ฝั่งยุโรปบ้าง ทุ่งดอกลาเวนเดอร์สีม่วงนี้ถือเป็นภาพจำของใครหลายคนเลยทีเดียว ที่ไม่ว่าใครก็อยากจะมาเห็นด้วยตัวเองสักครั้ง นอกจากจะได้สัมผัสกับมนต์เสน่ห์อันสุดแสนจะโรแมนติกของเมืองโพรวองซ์แล้ว การได้มาถ่ายภาพคู่กับทุ่งดอกลาเวนเดอร์ ที่บานสะพรั่งพร้อมเพียงกันกว่าหลายร้อยไร่ มองไปได้ไกลสุดลูกหูลูกตา ในเดือนมิถุนายน - สิงหาคม ก็ถือเป็นอีกหนึ่ง Bucket List ที่ต้องมานะครับ 10. ทุ่งดอกทิวลิป : เนเธอร์แลนด์ เมื่อพูดถึงทุ่งดอกไม้แล้ว หากไม่มีประเทศนี้ก็คงจะไม่ได้ เพราะทุ่งดอกทิวลิปแห่งเมืองอัมสเตอร์ดัมนี่เรียกได้ว่ามีชื่อเสียงอย่างมาก ทำให้ในเดือนมีนาคม - พฤษภาคมของทุกปี นักท่องเที่ยวต่างก็ตบเท้าเข้ามาเที่ยวที่เมืองนี้ เพื่อชมความงามของเหล่าดอกทิวลิปสีสวย ที่ออกมาทักทายทุกคนไปพร้อมๆ กับกังหันลม และสถาปัตยกรรมเก่าแก่ของเมือง เรียกได้ว่าเป็นความลงตัวที่น่าสนใจ และน่าไปสุดๆครับ 11. ทุ่งดอกทานตะวัน : อิตาลี เมืองทัสคานี (Tuscany) มีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องของไร่องุ่นและไวน์ ทำให้ที่เมืองนี้เป็นเมืองชนบทที่มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจในการมาพักผ่อนตากอากาศเมืองหนึ่งของโลกเลยทีเดียว และด้วยความที่เป็นชนบทนี่แหละ ทำให้ทิวทัศน์ของเมืองทัสคานีดูสวยงามตามธรรมชาติและลงตัวสุดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุ่งดอกทานตะวัน ที่มักจะบานสะพรั่ง ย้อมสีของเมืองให้กลายเป็นสีทอง ดูมหัศจรรย์สุดๆ เลยครับ อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้แล้ว เลือกได้หรือยังครับว่าจะชวนคุณแฟนคุณเพื่อนหรือครอบครัวไปชมความงามของทุ่งดอกไม้ที่ไหนดี? เราคัดมาให้หลากหลายทั้งในประเทศเพื่อนบ้านเรา ทั้งในเอเชีย และข้ามมหาสมุทรไปที่ยุโรปเลยทีเดียว เลือกให้ตรงกับใจ เลือกที่อยากไปสุดๆ จะได้เป็นอีกหนึ่งทริปในความทรงจำนะครับ   

อ่านเพิ่มเติม