สวรรค์บนดิน 10 เมืองที่สวยที่สุดในโลก ไปให้เห็นกับตาสักครั้ง

เมื่อนึกถึงคำว่า "สวรรค์บนดิน" เรามักจะนึกถึงภาพวิวทิวทัศน์ที่งดงาม แต่โลกของเรานั้นเต็มไปด้วยความสวยงามล้ำค่าอีกมากมาย ด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรม สถาปัตยกรรมที่วิจิตงดงาม บ้านเรือน ผู้คน ความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ ฯลฯ จึงก่อให้เกิดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละเมือง และนี่คือ 10 เมืองที่สวยที่สุดในโลกที่ทัวร์ครับคัดมาให้แล้วว่า ต้องไปให้เห็นกับตาสักครั้งในชีวิต 

เที่ยวยุโรป จองแพ็คเก็จ ทัวร์ยุโรป กับ ทัวร์ครับ
https://tourkrub.co/europe-tour 

10 เมืองที่สวยที่สุดในโลก

1. เมืองเวียนนา ประเทศออสเตรีย (Vienna, The Republic of Austria)

ทัวร์ครับ ขอยกให้เวียนนา เมืองหลวงของประเทศออสเตรีย ที่ตั้งอยู่ตอนกลางของทวีปยุโรป เป็นหนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดในโลก ด้วยความโดดเด่นของสถาปัตยกรรมที่สะท้อนถึงประวัติศาสตร์ ศิลปะ วัฒนธรรมตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญมากมาย และเต็มไปด้วยพระราชวังสวยงามอลังการจำนวนมาก ที่ควรค่าแก่การไปชมให้เห็นกับตาสักครั้งในชีวิต เช่น

• พระราชวังเชินบรุนน์ (Schoenbrunn Palace) พระราชวังสีเหลืองขนาดใหญ่ที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบรอคโคโค (Rococo) พร้อมสวนสวยสไตล์อังกฤษรอบพระราชวังที่น่าไปเดินเล่นชมความงาม และเป็นที่ตั้งของน้ำพุ Sun Fountain ด้วย
• พระราชวังฮอฟบวร์ก (Hofburg Palace) พระราชวังเก่าแก่อายุกว่า 600 ปี ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในมีห้องมากกว่า 2,000 ห้อง ซึ่งแต่เดิมเป็นที่ประทับของจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ฮับส์บูร์ก แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นที่พักและทำเนียบประธานาธิบดีออสเตรีย  
• หอสมุดแห่งชาติออสเตรีย (Austrian National Library) ที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์บารอค และหนังสือมากกว่า 200,000 เล่ม 

นอกจากนี้ ยังมีสถานที่สำคัญสวย ๆ ที่ต้องไปเยือนอีก เช่น โรงโอเปร่าแห่งกรุงเวียนนา (Vienna State Opera), พระราชวังเบลวีเดียร์ (Belvedere Palace), มหาวิหารเซนต์สตีเฟน กรุงเวียนนา (St. Stephens Cathedral Vienna), ถนนกราเบน (The Graben), ถนนโคห์ลมาร์ท (The Kohlmarkt) ฯลฯ

2. เมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก (Copenhagen, Denmark)

เมืองโคเปนเฮเกน ก็เป็นอีกหนึ่งเมืองที่สวยดั่งเทพนิยาย ตั้งอยู่แถบสแกนดิเนเวีย หากมีโอกาสได้ไปทัวร์ยุโรปขอเลยว่าอย่าพลาดไปเที่ยวกัน ด้วยความงดงามของธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม โดยสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่ห้ามพลาดเมื่อไปเยือนโคเปนเฮเกน เช่น 

• ท่าเรือนูฮาวน์ (Nyhavn Harbour)  ท่าเรือเก่าแก่ริมฝั่งตะวันออกของตัวเมือง โดดเด่นด้วยอาคารบ้านเรือนโบราณสีสันสดใส
• พระราชวังคริสเตียนสบอร์ก (Christiansborg Palace) ใจกลางกรุงโคเปนเฮเกน พระราชวังที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 สวยงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบดัตช์เรเนซองส์ (Dutch Renaissance) ปัจจุบันคือที่ทำการรัฐสภา  
• ปราสาทโรเซนเบิร์ก (Rosenborg Castle) ที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าคริสเตียนที่ 4 สวยงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบดัตช์เรเนซองส์ (Dutch Renaissance) ภายในมีห้องใต้ดินที่เปรียบเสมือนคลังมหาสมบัติเก็บครื่องราชอิสริยาภรณ์ เครื่องเพชร และมหามงกุฎสำคัญอย่าง “Crown Jewels”  

3. เมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (Zurich, Switzerland)

ซูริคตั้งอยู่ทางภาคกลางตอนเหนือของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยความงดงามของอาคารยุคกลางและพิพิธภัณฑ์มากมาย เช่น 

• พิพิธภัณฑ์แห่งชาติสวิตเซอร์แลนด์ (Swiss National Museum) ที่ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟซูริค เป็นอาคารพิพิธภัณฑ์ที่ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1898 งดงามตามสถาปัตยกรรมแบบปราสาทฝรั่งเศสเรอเนชองส์ 
• โบสถ์เซนต์ปีเตอร์ (St. Peter’s Church) โบสถ์เก่าแก่ที่สุดในเมืองซูริค ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 ด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์บารอก (Baroque) ผสมกอทิก (Gothic) ไฮไลท์สำคัญของโบสถ์แห่งนี้คือหน้าปัดนาฬิกาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปนั่นเอง
• โบสถ์กรอสมุนสเตอร์ (Grossmunster Church) โบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำลิมมัต (Limmat River) เป็นโบสถ์ของนิกายโปรแตสแตนท์ โดดเด่นด้วยหอคอยคู่แฝด ประตูแกะสลักในศิลปะยุคกลาง หน้าต่างประดับกระจกสี ประตูทองสัมฤทธิ์ และบนหอคอยเป็นจุดชมวิวเมืองซูริคด้วย
• ทะเลสาบซูริค (Lake Zurich) ที่พร้อมให้เราได้ไปล่องเรือชมความสวยงามรอบทะเลสาบ ที่เต็มไปด้วยอาคารสวย ๆ มากมาย
• ย่านเมืองเก่าซูริค (Zurich Old Town) ที่มีหมู่บ้านยุโรปโบราณยุคเมดิอิวัล (Medieval) ที่อนุรักษ์ไว้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 และเป็นจุดชมวิวแม่น้ำลิมมัต (Limmat River) แม่น้ำสายสำคัญของซูริค

4. เมืองกรานาดา ประเทศสเปน (Granada, Spain)  

หลายคนอาจไม่คุ้นหูกับชื่อเมืองกรานาดา แต่บอกเลยว่านี่คือหนึ่งในเมืองที่ทัวร์ครับยกให้เป็นอีกเมืองที่สวยที่สุดในโลก ซึ่งตั้งอยู่ตอนใต้สุดของประเทศสเปน เป็นเมืองในหุบเขาที่โดดเด่นด้วยการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมตะวันตกและตะวันออกกลางอย่างลงตัว พร้อมสถาปัตยกรรมอันงดงามที่ควรค่าแก่การไปเห็นกับตาสักครั้งในชีวิต เช่น พระราชวังอาลัมบรา (Alhambra Palace) พระราชวังและป้อมปราการสุดอลังการบนเนินเขา, มหาวิหารกรานาด้า (Granada Cathedral) มหาวิหารที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก และเป็นผลงานชิ้นเอกแห่งสถาปัตยกรรมเรอเนซองส์ของสเปน ภายในมีหอสวดมนต์อันงดงาม รูปปั้นและภาพเขียนที่สามารถเดินชมได้ เป็นต้น

5. เมืองเชสเตอร์ ประเทศเวลส์ (Chester, Wales)   

เชสเตอร์เป็นเมืองเล็ก ๆ ของประเทศเวลส์ แต่ก็ต้องยกให้เป็นเมืองสวยที่สุดในโลก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความงดงามของธรรมชาติและสถาปัตยกรรมแบบทิวดอร์ (Tudor) สีขาวดำอันเป็นเอกลักษณ์ โดยสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่ไม่ควรพลาด เช่น 

• หอนาฬิกาอีสต์เกท (Eastgate Clock) ที่ถูกสร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองเชสเตอร์เลยก็ว่าได้  
• กําแพงเมืองเชสเตอร์ (Chester City Wall) ที่พร้อมให้คุณเดินเล่นตามรอยทหารยุคโรมันและนักรบชาวนอร์มัน พร้อมชมทิวทัศน์ของเมือง 
• มหาวิหารเชสเตอร์ (Chester Cathedral) ที่มีความยิ่งใหญ่และมีประวัติมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยยุคกลาง ซึ่งมีการผสมผสานสถาปัตยกรรมสไตล์อังกฤษ ทั้งนอร์มัน (Norman) กอทิก (Gothic) อดีตมหาวิหารเชสเตอร์นี้เคยเป็นสำนักสงฆ์ของคณะนักบุญเบเนดิกต์

6. กรุงโรม ประเทศอิตาลี (Rome, Italy)

หากพูดถึงเมืองที่สวยที่สุดในโลก จะไม่พูดถึงกรุงโรม ประเทศอิตาลีก็คงไม่ได้ ด้วยความโรแมนติกของเมือง ทิวทัศน์อันงดงาม โบราณสถานที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ มนต์เสน่ห์ของอารยธรรมตะวันตกและสถาปัตยกรรมสุดอลังการ ที่เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดแห่งศิลปะของยุโรปเลยก็ว่าได้ โดยสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงโรมที่ไม่ควรพลาด เช่น โคลอสเซียม (Colosseum), จัตุรัสโรมัน (Roman Forum), มหาวิหารแพนธีออน (Pantheon), น้ำพุเทรวี (Trevi Fountain), มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ (St. Peter's Basilica), จัตุรัสนาโวนา (Piazza Navona), ย่านตราสเตเวเร (Trastevere) ฯลฯ

7. กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ (Athens, Greece)

เอเธนส์ เป็นเมืองหลวงของประเทศกรีซ ที่เป็นศูนย์กลางของศิลปะ การเรียนรู้ และปรัชญา และว่ากันว่าเป็นต้นกำเนิดของอารยธรรมตะวันตกอีกด้วย ที่นี่พร้อมให้คุณดื่มด่ำอารยธรรมโบราณและประวัติศาสตร์แบบเต็มอิ่ม บอกเลยว่าต้องไปเห็นกับตาสักครั้งในชีวิต ไม่ว่าจะเป็น

• วิหารพาร์เธนอน (Parthenon) สุดยิ่งใหญ่บนเนินอะโครโพลิส (Acropolis) ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาล เพื่อเป็นศาสนสถานบูชาเทพีอะธีนา  
• วิหารโอลิมเปียน เซอุส (Temple of Olympian Zeus) ที่สร้างขึ้นเมื่อสมัยศตวรรษที่ 1 และใช้เวลาสร้างนานกว่า 700 ปีเลยทีเดียว เพื่อใช้บูชาเทพเจ้าแห่งโอลิมปัส  
• วิหารฮีเฟสตัส (Temple of Hephaestus) ที่ใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาคริสต์ในสมัยก่อน ซึ่งยังคงความงดงามของสถาปัตยกรรมของกรีกโบราณและสไตล์คลาสสิกไว้ให้เราได้ชม  

8. เมืองสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน (Stockholm, Sweden)

เมืองสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางในการทัวร์ยุโรปที่หลายคนเก็บไว้ใน Wishlist ด้วยความงดงามของเมืองจนได้รับฉายาว่าเป็นราชินีแห่งทะเลบอลติก (Baltic Sea) เพราะถูกโอบล้อมด้วยทะเลบอลติกนั่นเอง สำหรับที่เที่ยวสวีเดนที่ห้ามพลาด เช่น ย่านเมืองเก่า (Gamla Stan),  พระราชวังหลวง (The Stockholm Palace), ศาลาว่าการเมืองสตอกโฮล์ม (Stockholm City Hall), สถานีรถไฟใต้ดินสตอกโฮล์ม (Stockholm Metro), พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ (Swedish Museum of National Antiquities), พิพิธภัณฑ์วาซา (The Vasa Museum), สะพานเออเรซุนด์ (Oresund Bridge) ฯลฯ

9. กรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก (Prague, Czech)

ปราก เมืองหลวงของสาธารณรัฐเช็ก เป็นอีกหนึ่งเมืองโรแมนติกที่ควรมากับคนรัก ด้วยความสวยงามของอาคารบ้านเรือน สถาปัตยกรรมของปราสาท โบสถ์ แม้กระทั่งโรงแรม ที่คงไว้ซึ่งการเป็นอาณาจักรแห่งศิลปะ ทั้งสไตล์กอทิก บารอก เรอเนสซองส์ ทำให้ทัวร์ครับยกให้ที่นี่เป็นหนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดในโลก โดยสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่ห้ามพลาด เช่น 

• ปราสาทปราก (Prague Castle) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การ UNESCO เป็นปราสาทที่งดงามด้วยศิลปะสไตล์กอทิกและนีโอกอทิก อดีตถูกใช้ที่ประทับของกษัตริย์แห่งเช็ก แต่ปัจจุบันถูกใช้เป็นทำเนียบประธานาธิบดีและพิพิธภัณฑ์ศิลปะทางสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์ของสาธารณรัฐเช็ก ซึ่งนับว่าเป็นปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีขนาดใหญ่เกือบ 70,000 ตารางเมตร  
• สะพานชาร์ลส์ (Charles Bridge) ใจกลางกรุงปราก โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์กอทิก เป็นสะพานที่ใช้ข้ามแม่น้ำวัลตาวา (Vltava River) เชื่อมระหว่างยุโรปตะวันออกและตะวันตก สองข้างทางมีรูปปั้นโลหะสไตล์บารอกของนักบุญ ที่มีความเชื่อว่าหากได้มาลูบรูปปั้นจะได้กลับมาที่ปรากอีกครั้ง  
• นาฬิกาดาราศาสตร์ (Astronomical Clock) เป็นอีกไฮไลท์ที่ห้ามพลาด เพราะนี่คือนาฬิกาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก

10. เมืองทรอมโซ ประเทศนอร์เวย์ (Tromso, Norway)    

ปิดท้ายกันที่เมืองทรอมโซ ประเทศนอร์เวย์ เมืองแห่งการล่าแสงเหนือที่ต้องไปให้เห็นกับตาสักครั้งในชีวิต และแน่นอนว่าต้องเป็นหนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดในโลกด้วยอยู่แล้ว ซึ่งทรอมโซก็ไม่ได้มีดีแค่แสงเหนือเท่านั้น แต่ยังเป็นมืองเก่าแก่แห่งสแกนดิเนเวีย เต็มไปด้วยสิ่งปลูกสร้างสไตล์คลาสสิกและธรรมชาติที่งดงาม โดยสถานที่สำคัญที่ต้องไปให้เห็นกับตา เช่น จุดชมวิว Fjellheisen ที่สามารถขึ้นเคเบิลคาร์ไปไปชมวิวเมืองแบบพาโนราม่า, ห้องสมุดประจำเมือง (Tromso Library and City Archive) ที่เหล่าหนอนหนังสือไม่ควรพลาด, มหาวิหารทรอมโซ (Tromso Cathedral) ที่สร้างด้วยไม้และเป็นหนึ่งในโบสถ์ไม้ที่ใหญ่ที่สุดของนอร์เวย์, มหาวิหารอาร์กติก (Arctic Cathedral), พิพิธภัณฑ์ขั้วโลก(Polar Museum) ฯลฯ

และนี่ก็คือ 10 เมือง ยุโรปที่สวยที่สุด ทัวร์ครับยกให้เป็นเมืองยอดเยี่ยม แต่ละเมืองแต่ละประเทศเที่ยวเองได้ไม่ยาก แต่ถ้าไม่อยากเหนื่อยเรื่องการเตรียมตัว เอกสาร ทัวร์ยุโรป จองกับ ทัวร์ครับ เป็นคำตอบดีที่สุด อุ่นใจ เที่ยวง่าย สะดวก ราคาดี คลิกเลย https://tourkrub.co/europe-tour  ทัวร์ยุโรปหลากหลายรอคุณอยู่