นอกจากญี่ปุ่นจะถูกเรียกว่าแดนปลาดิบแล้ว อีกหนึ่งคำยอดฮิตที่สื่อถึงตัวตนของคนที่นี่ได้เป็นอย่างดีก็คือ ‘แดนซากุระผลิบาน’ นี่แหละครับ ซึ่งพอพูดถึงซากุระทีไรคนส่วนใหญ่ก็จะแวบคิดถึงประเทศนี้ขึ้นมาทันที แล้วเคยสงสัยกันบ้างมั้ยคะว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ เหตุใดกันน้าที่ทำให้ซากุระกลายเป็นตัวแทนของประเทศญี่ปุ่นไปซะได้
วันนี้ ทัวร์ครับ จะพาทุกคนไปเปิดประวัติความเป็นมาของซากุระในประเทศญี่ปุ่นกัน ว่ามันมีที่มาที่ไปเป็นยังไงกันบ้างก่อนจะกลายมาเป็นมาสคอตของญี่ปุ่นได้
กุญแจสำคัญที่ทำให้ต้นซากุระมีบทบาทและเป็นตัวแทนความรักและสงบสุขแบบทุกวันนี้ ก็เพราะความเก่งกาจและชาญฉลาดของคนญี่ปุ่นนี่แหละครับ เพราะชาวญี่ปุ่นมักจะหยิบยกสิ่งต่างๆ รอบตัวมาสร้างคุณค่าและปลูกฝังมูลค่าให้มันน่าสนใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ เหมือนกับที่เราเห็นมาสคอตต่างๆ ในประเทศที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรแท้ๆ แต่ก็กลับสร้างให้มีชื่อเสียงและกลายเป็นแลนด์มาร์กที่น่าสนใจได้ซะอย่างนั้น
โดยซากุระเองก็ถูกหยิบจับมาสร้างเป็นผลงานทางวัฒนธรรมมากมายในอดีต อย่างเช่นบทกวีที่มีการแต่งออกมาประมาณว่า ‘ถ้าหากโลกนี้ไม่มีดอกซากุระ ก็คงดำเนินชีวิตได้อย่างสงบ ไม่ต้องมาตื่นเต้นหรือเสียดายช่วงเวลาฤดูใบไม้ผลิหรอก’ ซึ่งเป็นบทประพันธ์ของ ‘อะริวาระโนะ นาริฮิระ’ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าต้นซากุระนั้นเป็นสิ่งที่คนญี่ปุ่นเค้าเฝ้ารอดูอย่างใจจดใจจ่อถึงการผลิบานของมันมานับตั้งแต่อดีตแล้ว
แถมจิตรกรในสมัยนั้นก็มักจะวาดภาพต้นซากุระบวกกับพื้นหลังของภูเขาไฟฟูจิ ทำให้ทั้งสองสิ่งกลายเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นฝังหัวคนทั้งโลกไปโดยปริยาย ไม่ว่าสิ่งใดก็ตามในญี่ปุ่นมักจะมีซากุระอยู่ด้วยเสมอ ทำให้ความย้ำคิดเหล่านี้เองถูกปลูกฝังลงในจิตสำนึกของทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง
เรื่องของความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการคนญี่ปุ่นเค้าล้ำเลิศไม่แพ้ใครอยู่แล้วล่ะครับ เพราะฉะนั้นพวกการฝีมือ ตกแต่งต่างๆ เค้าจึงมักจะทำออกมาได้อย่างโดดเด่นมากเลย ซึ่งซากุระนั้นไม่ใช่ปรากฏแต่เพียงในรูปภาพ หรือบทกวี แต่ถูกส่งต่อมาจนถึงวิถีชีวิตอย่างเช่นอาหารการกิน และกลายเป็นขนมของฝากหน้าตาน่ารักที่ทำเลียนแบบดอกซากุระได้สวยงามสะดุดตามาก
นำเอาเอกลักษณ์ของความเป็นซากุระมาใช้งาน สร้างมูลค่า และสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำได้เป็นอย่างดี ทั้งสี รูปร่าง และกลิ่น ซึ่งไม่ว่าจะเป็นประเทศไหนๆ ก็ไม่มีทางทำได้ และไม่มีทางสื่อถึงความเป็นซากุระออกมาได้อย่างเรียบเนียนแบบนี้แน่นอน
ต้องบอกเลยนะครับว่าการชมซากุระในบ้านเค้าไม่ใช่เพิ่งจะมีเร็วๆ นี้ หรือเพิ่งฮิตกัน แต่จริงๆ เค้ามีมาเป็นพันปีแล้วล่ะครับ ซึ่งสิ่งที่ทำให้ซากุระครองใจคนญี่ปุ่นได้เนิ่นนานแบบนั้น ก็เพราะสมัยก่อน เกษตรกรจะจัดงานเลี้ยงฉลองขึ้น เพื่อคอยอธิษฐานให้การเก็บเกี่ยวพืชผลของเค้านั้นทำได้อย่างราบรื่นอุดมสมบูรณ์ และแน่นอนว่าแต่ก่อนก็ยังไม่มีการระบุเดือนระบุอะไรชัดเจนมากมาย คนสมัยนั้นเลยใช้การเบ่งบานของซากุระนี่แหละครับแทนปฏิทิน ทำให้ความสำคัญของซากุระมีมาตั้งแต่ตอนนั้นเลย
ซึ่งความที่สีของดอกซากุระนั้นอ่อน ขาว ชมพู แสดงถึงความบอบบาง น่าทะนุถนอม อ่อนโยน ทำให้กลายเป็นดอกไม้ขวัญใจคนญี่ปุ่นอย่างมาก ซึ่งเอกลักษณ์ที่สวยงามดูผู้ดีแบบนี้แหละครับที่ถูกใจขุนนางในสมัยนั้นสุดๆ จนถูกสั่งให้นำไปปลูกในเมืองหลวงเพื่อประดับตกแต่งไปทั่ว แสดงถึงความเป็นญี่ปุ่นได้ดีมากๆ และสุดท้ายก็กลายมาเป็นวัฒนธรรมและเอกลักษณ์จนถึงปัจจุบันนี้นั่นเองครับ
เอกลักษณ์สุดท้ายที่ทำให้ดอกซากุระกลายเป็นดอกไม้ที่มีชื่อเสียงและคนชื่นชอบทั่วทั้งโลก ก็เพราะความงามของมันที่มีเวลาเชยชมที่จำกัดนี่แหละครับ สิ่งใดที่สวยตลอดไป มองเมื่อไหร่ก็ได้ แบบนี้จ้องแป๊บเดียวก็คงเบื่อ แต่ซากุระนั้นแตกต่างกัน มันจะคอยเผยโฉมความสวยงามของมันในเฉพาะเวลาที่มันต้องการ ไม่ออกมาสวยพร่ำเพรื่อให้น่าเบื่อ แต่จะเบ่งบานแค่เพียงไม่กี่วัน และหลังจากนั้นความงดงามก็จะถูกเก็บไว้ รอวันเปิดเผยครั้งใหม่ต่อไป
ทำให้ความลี้ลับในความสวยงามครั้งนี้เป็นสิ่งกระตุ้นให้ผู้คนต้องมาคอยเฝ้ารอและรับชมโอกาสที่นานๆ ครั้งจะโคจรมาสักที และกลายเป็นประสบการณ์การรับชมดอกไม้ที่สวยงามที่จะคอยสร้างความตราตรึงใจ และทำให้ทุกคนที่เห็นประทับใจแบบไม่มีวันลืม
เรื่องราวอันยาวนานของซากุระนี้ก็จะยังคงมีสืบต่อไปในประเทศญี่ปุ่นแห่งนี้นี่แหละครับ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ควรทำให้ได้สักครั้งก่อนตายจริงๆ เลย โดยเฉพาะในช่วงเดือนเมษายนเนี่ยเป็นช่วงเดือนที่ซากุระผลิบานได้สวยที่สุดแล้ว เพื่อนๆ เลิกลังเล และไม่ต้องคิดอะไรเยอะเลย เข้ามาจองทัวร์เที่ยวชมซากุระ กับทาง ทัวร์ครับ เพื่อประจักษ์ความงดงามและตำนานอันเป็นนิรันดฺร์นี้ไปพร้อมๆ กันได้เลย
คุณชอบบทความนี้
อยากบอกต่อให้เพื่อนรู้ง่ายๆ แค่แชร์ให้เพื่อนเลย