อิตาลี ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของทวีปยุโรป และหากดูจากแผนที่โลกประเทศอิตาลีจะมีรูปร่างคล้ายรองเท้าบู๊ต มีพรมแดนอยู่ติดกับประเทศ ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรีย และสโลเวเนีย โดยยังมีอาณาเขตที่เป็นเกาะอยู่ร่วมด้วยอีกมากมาย อิตาลีถูกล้อมรอบไว้ด้วยทะเลหมดทุกด้าน ยกเว้นแค่ทางภาคเหนือของประเทศเท่านั้น ทำให้มีชายฝั่งที่ยาวหลายพันกิโลเมตร ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมากมายเดินทางมาเยือนประเทศนี้
นอกจากนี้ ทัวร์อิตาลี ยังเป็นประเทศที่มีทะเลสาบบนปล่องภูเขาไฟมากที่สุดในโลก และยังมีสภาพภูมิประเทศที่เป็นภูเขาและทะเลสาบอีกหลายแห่ง นอกจากความสวยของธรรมชาติแล้ว ผู้คนส่วนใหญ่ยังนิยมมาทัวร์อิตาลีเพื่อเที่ยวชมพื้นที่ประวัติศาสตร์และโบราณสถานซึ่งมีอยู่มากมาย โดยหลายแห่งเป็นสถานที่ยิ่งใหญ่ซึ่งมีความมหัศจรรย์อยู่ในระดับโลก เนื่องจากที่นี่มีผู้คนเข้ามาอยู่อาศัยตั้งแต่ 50,000 ปีที่แล้ว และยังเป็นประเทศที่ได้รับอารยธรรมมากมายมาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณอีกด้วย
อิตาลีมีประเทศขนาดเล็กซึ่งเป็นประเทศอิสระตั้งอยู่ด้วย นั่นคือประเทศซานมารีโนและนครรัฐวาติกัน ซึ่งเป็นที่อยู่ขององค์สมเด็จพระสันตปาปา องค์ประมุขของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ผู้คนส่วนใหญ่นิยมเดินทางมาทัวร์อิตาลีเพื่อชมสภาพอาคารบ้านเรือนที่สวยงาม ซึ่งมีสถานที่ยอดฮิตมากมายไม่ว่าจะเป็นโรม ฟลอเรนซ์ หรือเวนิส และนอกจากสถานที่ท่องเที่ยวทั้งหลาย ทัวร์อิตาลียังได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในผู้นำแฟชั่นระดับโลกอีกด้วย นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวอิตาลี จึงนิยมช้อปปิ้งสินค้าแฟชั่นหลากหลายประเภทกลับไป อิตาลีจึงเป็นประเทศที่มีความสวยงามของสภาพแวดล้อม รุ่มรวยด้วยวัฒนธรรมอันหลากหลาย และยังเป็นหนึ่งในสวรรค์ของคนรักแฟชั่นและการช้อปปิ้งอีกด้วย หากทั้งหมดนี้ตรงกับไลฟ์สไตล์และความชื่นชอบของคุณ การมาทัวร์อิตาลี ถือเป็นสิ่งที่พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงเลยทีเดียว
ต้องบอกว่าการไป ทัวร์อิตาลี ในช่วงเวลาที่มีเทศกาลสำคัญจะได้พบกับความรื่นเริง สนุกสนาน และความสุขแบบเต็มที่นอกเหนือจากการได้สัมผัสความงดงามทั่วไปด้วย ซึ่งเทศกาลน่าสนใจของอิตาลีมีหลายเทศกาล
ปลายเดือนมกราคม – ต้นเดือนกุมภาพันธ์ เทศกาลคาร์นิวัล มีจัดอยู่หลายเมืองแต่ที่ดัง ๆ ต้องเมืองเวนิส ประชาชนแต่งกายแบบแฟนซีพร้อมสวมหน้ากากมาเต้นรำ ร้องเพลงสนุกสนาน
เดือนมีนาคม – เดือนเมษายน เทศกาลอีสเตอร์ มีเดินขบวนกู๊ดฟรายเดย์ และกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อฉลองพระสันตะปาปาทรงมีกระแสรับสั่งถึงประชาชน
ช่วงเดือนกรกฎาคม ใครเป็นสายช็อปต้องห้ามพลาดกับเทศกาลลดราคาประจำปี ร้านค้าต่าง ๆ จะลด แลก แจก แถมกันแบบสุด ๆ เนื่องจากในเดือนถัดไปถือเป็นวันหยุดที่พวกเขาจะไปพักผ่อนกันแบบเต็มที่
ถือว่าเป็นประเทศที่น่าสนใจในเรื่องสภาพอากาศมาก ๆ ใครไป ทัวร์อิตาลี ต้องตรวจสอบให้ดีเนื่องจากความที่ประเทศนี้มีพื้นที่บนท้องทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทำให้ทางตอนเหนือมีความร้อนชื้น แต่ส่วนที่ติดกับทะเลจะมีสภาพอากาศอบอุ่นตลอดปีด้วยลมจากแอฟริกาที่พัดเข้ามา ด้านพื้นที่ชายฝั่งคาบสมุทรก็มีสภาพอากาศต่างกันเพราะระดับความสูงจากบรรดาหุบเขาทั้งหลาย ทำให้ช่วงหน้าหนาวบนที่สูงจะหนาวจัด มีหิมะ โดยฤดูกาลต่าง ๆ แบ่งออกได้ดังนี้
ฤดูหนาว ช่วงปลายธันวาคม – ปลายมีนาคม สภาพอากาศหนาวจัดในบางพื้นที่ เช่น เทือกเขาแอลป์ อุณหภูมิ 0 องศาเซลเซียส โดยเฉลี่ย แต่ถ้าบนเกาะซิซิลีไม่หนาวมากราว 12 องศาเซลเซียส
ฤดูใบไม้ผลิ ช่วงปลายมีนาคม – ปลายมิถุนายน อากาศกำลังดีแต่อาจมีฝนบ้างแต่สภาพอากาศโดยรวมนับว่าเหมาะกับการมาท่องเที่ยวสุด ๆ ไปเลย
ฤดูร้อน ช่วงปลายเดือนมิถุนายน – ปลายเดือนกันยายน สภาพอากาศร้อนจัด มีอุณหภูมิตั้งแต่ 20 -30 องศาเซลเซียส หรืออาจมากกว่านั้น
ฤดูใบไม้ร่วง ช่วงปลายเดือนกันยายน – ปลายเดือนธันวาคม สภาพอากาศกำลังดี มีลมพัดเย็นสบาย ดอกไม้ใบไม้ต่าง ๆ เปลี่ยนสีมีความสวยงามไปอีกแบบ
การจะไป ทัวร์อิตาลี จำเป็นอย่างมากที่ต้องเตรียมการต่าง ๆ ให้พร้อมเสร็จสรรพไม่อย่างนั้นหากผิดพลาดขึ้นมาจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้
การไปยังอิตาลีจำเป็นต้องใช้วีซ่าและพาสปอร์ต หากต้องการอยู่อิตาลีนานกว่า 8 วัน ต้องรายงานตัวกับสถานีตำรวจใกล้ที่พักที่สุด
ต้องมีการแสดงเงินสดที่จะใช้จ่ายในอิตาลี หากมีแต่บัตรเครดิตโอกาสโดนกักตัวส่งกลับมีสูง
น้ำหนักกระเป๋าเดินทางขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการสายการบิน ทั้งนี้ควรตรวจสอบให้ดีก่อนเดินทาง
ปลั๊กไฟของการไป ทัวร์อิตาลี เหมือนกับบ้านเราคือมี 2 ขา หรือบางแห่งอาจมี 3 ขา
ค่าเงินของอิตาลีที่นักท่องเที่ยวใช้กัน คือ ยูโร โดย 1 ยูโร เท่ากับประมาณ 40 บาท
เมืองหลวงในการเดินทางไป ทัวร์อิตาลี เป็นเมืองขนาดใหญ่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีความเจริญรุ่งเรืองมาก ๆ พร้อมด้วยสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย อาทิ โคลอสเซียม, มหาวิหารแพนธีออน, น้ำพุเทรวี เป็นต้น
เมืองแห่งแฟชั่นของโลกบวกกับเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของอิตาลี อยู่ทางตอนเหนือของประเทศ เวลามีงานแฟชั่นหรือเทศกาลต่าง ๆ เมืองนี้นับว่ามีสีสันมาก มีสถานที่สวยงามมากมายให้ได้เยี่ยมชมรวมถึงอากาศที่ดีตลอดทั้งปี
เป็นเมืองที่มีความรุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยยุคเรเนซองส์ ปัจจุบันนี้เรายังสามารถพบเห็นบ้านเรือนอาคารต่าง ๆ ที่เคยเป็นความรุ่งโรจน์ในยุคนั้นได้อยู่ มีความคลาสสิกจนหลาย ๆ คนอยากลองสัมผัสด้วยตนเองสักครั้ง สิ่งสำคัญคือต้องไปจิบกาแฟเอสเพรสโซเสียหน่อยจะได้เข้าถึงเมืองฟลอเรนซ์อย่างแท้จริง
เมืองที่มีมหาวิทยาลัยเบอร์ต้น ๆ ของโลก ตัวเมืองอยู่ในหุบเขาทำให้สภาพอากาศเย็นสบาย บรรยากาศสวยงาม บ้านเมืองยังคงรักษาความเจริญรุ่งเรืองในยุคกลางได้อย่างดี เหมาะกับการมาพักผ่อนแบบสุด ๆ ไปเลย
เมืองที่ได้ชื่อว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติสวยที่สุดในโลก เมื่อผสมผสานกับความเจริญรุ่งเรืองเข้าไปด้วยแล้วทำให้เมืองนี้ดูมีความทันสมัยกว่าเมืองอื่น ๆ มีความสะดวกสบาย และเทคโนโลยีต่าง ๆ ครบครันมาก
สุดยอดเมืองที่หลาย ๆ คนเมื่อไป ทัวร์อิตาลี ต้องอยากไปสัมผัส สร้างขึ้นโดยการเชื่อมเกาะเล็ก ๆ บริเวณทะเลสาบเวนิเทียจำนวนมากเข้าหากัน การมาที่นี่ต้องนั่งเรือกอนโดล่าเพื่อสัมผัสวิถีชีวิตอันหาได้ยากยิ่งมาก ๆ มีความสวยงามไม่เหมือนใคร
เมื่อมาทัวร์อิตาลี ห้ามพลาด โคลอสเซียม เป็นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม ของประเทศอิตาลี สร้างขึ้นตั้งแต่ยุคจักรวรรดิโรมัน ประมาณศตวรรษที่ 1 โดยใช้อิฐและหินทรายเป็นวัสดุในการก่อสร้าง ความยาวโดยรอบ 527 เมตร สูง 57 เมตร สามารถจุผู้ชมได้ถึงประมาณ 50,000 คน และเป็นสถานที่ซึ่งมีการออกแบบและก่อสร้างอย่างน่าทึ่งหลายอย่าง จนได้รับการเลือกให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ เรียกว่ามาทัวร์อิตาลีเมื่อไหร่ ไม่ควรพลาดการได้มาเห็นที่นี่เลยเชียว
เป็น 1 ใน 4 ของมหาวิหารแห่งกรุงโรม ซึ่งตั้งอยู่ในนครรัฐวาติกัน และนับเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญซึ่งได้ชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแห่งหนึ่งของศาสนาคริสนิกายโรมันคาทอลิกอีกด้วย มหาวิหารแห่งนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่ 14 ไร่ ด้านในจุได้ถึงราวๆ 60,000 คนเลยทีเดียว ที่นี่คือสถานที่ฝังร่างของนักบุญเปโตร ซึ่งเป็นบิชอปองค์แรกของพระสันตปาปาองค์แรกของกรุงโรม และต่อมายังเป็นที่ฝังพระศพขององค์พระสันตปาปาองค์สำคัญอีกมากมายกว่า 91 พระองค์เลยทีเดียว และด้วยเพราะเป็นสถานที่สำคัญซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์และงดงาม ทำให้ที่นี่กลายเป็นหนึ่งไฮไลท์ซึ่งคนที่มาทัวร์อิตาลีพลาดไม่ได้เลยทีเดียว
ถือว่านี่คือหนึ่งสัญลักษณ์ของกรุงโรม และยังเป็นน้ำพุแห่งหนึ่งซึ่งมีความสวยงามและมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโลกอีกด้วย น้ำพุแห่งนี้เป็นน้ำพุแบบบาโร้กที่ใหญ่ที่สุดของกรุงโรม โดยมีความกว้างถึง 65 ฟุต และสูง 85 ฟุต ก่อสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1732 และมาแล้วเสร็จในปี ค.ศ.1762 ตัวน้ำพุได้รับการตกแต่งด้วยรูปปั้นของเทพเจ้ามากมาย นักท่องเที่ยวที่มาทัวร์อิตาลีส่วนใหญ่เชื่อกันว่า ถ้าใครได้มาอธิษฐานแล้วโยนเหรียญข้ามไหล่ซ้ายของตัวเองลงไปในน้ำพุได้ คนคนนั้นจะได้กลับมาเยือนกรุงโรมอีกครั้ง หากคุณได้ไปทัวร์อิตาลีและได้ไปเยือนกรุงโรมเมื่อไหร่ อย่าลืมไปลองโยนดูแล้วกัน
เป็นหอระฆังทรงกระบอก 8 ชั้น สูง 55.58 เมตร ตั้งอยู่ในเมืองปิซ่า ซึ่งนอกจากจะเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางแล้ว ที่นี่ยังได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย ที่นี่เคยเป็นสถานที่ที่นักวิทยาศาสตร์ระดับตำนานของโลกอย่างกาลิเลโอมาใช้เป็นสถานที่ซึ่งทดสอบในเรื่องทฤษฎีแรงโน้มถ่วง หอเอนปิซ่าแห่งนี้ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 177 ปี เนื่องจากปัญหาของสภาพพื้นที่และภาวะสงคราม เชื่อว่าความมหัศจรรย์ของที่นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ผู้คนจากทั่วโลกใฝ่ฝันจะเดินทางมาทัวร์อิตาลีอย่างแน่นอน
ซากเมืองโบราณปอมเปอี
ปอมเปอีคือมหานครอันแสนจะรุ่งเรืองในอดีตกาลเมื่อประมาณ 2,000 กว่าปีที่แล้ว แต่มหานครแห่งนี้กลับล่มสลายไปในเวลาแค่ชั่วพริบตาเพียงเพราะต้องประสบกับโศกนาฏกรรมครั้งยิ่งใหญ่จากการระเบิดของภูเขาไฟ ซึ่งทำให้เมืองทั้งเมืองกลายเป็นซากปรักหักพัง และเกิดการสูญเสียอย่างประเมินไม่ได้ทั้งชีวิตผู้คนรวมถึงทรัพย์สินทั้งหลาย ภายหลังจากกลายเป็นนครสาบสูญไปเป็นเวลานาน ก็มีการขุดค้นพบซากเมืองนี้ด้วยความบังเอิญในปี ค.ศ.1599 ในปัจจุบัน ซากเมืองโบราณแห่งนี้ ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองเนเปิลส์ที่อยู่ทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี และกลายเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มาทัวร์อิตาลีทั้งหลายมักไม่ยอมพลาดการได้มาเยือน
หนึ่งเมืองที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองสุดโรแมนติกแห่งหนึ่งของโลก เวนิสมีฉายาต่างๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก เมืองแห่งสายน้ำ เมืองแห่งสะพาน และเมืองแห่งแสงสว่าง เวนิสเป็นเมืองที่สร้างจากการเชื่อมโยงเกาะเล็กๆ ในทะเลสาบเวนิเทียเข้าไว้ด้วยกัน เมืองนี้จึงมีการคมนาคมทางน้ำเป็นเส้นทางหลักและเต็มไปด้วยสะพานน้อยใหญ่ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเชื่อมพื้นที่ต่างๆ เอาไว้ เวนิสเต็มไปด้วยสถานที่สวยงามเก่าแก่มากมาย นักท่องเที่ยวที่มาทัวร์อิตาลีและเดินทางมาที่นี่มักไม่พลาดการได้มานั่งเรือกอนโดล่าชมซอกเล็กซอยน้อยต่างๆ ในเมืองนี้ นับเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ควรมองข้ามไปเมื่อคุณได้มาทัวร์อิตาลีด้วยตนเอง
เป็นมหาวิหารในสไตล์โกธิกที่ใหญ่ที่สุดในโลก นับเป็นแลนด์มาร์คสำคัญซึ่งพลาดไม่ได้เมื่อมาทัวร์อิตาลีและมาที่เมืองมิลาน ตัวมหาวิหารมีความสูง 157 เมตร และกว้างถึง 92 เมตร เริ่มสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1386 แต่ภายหลังจากก่อสร้างกลับพบกับปัญหาจากหลากหลายด้าน จึงทำให้การก่อสร้างมีความล่าช้าออกไป ทำให้โบสถ์นี้ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานถึง 579 ปีเลยทีเดียว ตัววิหารได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามและยังเป็นสถานที่สำคัญทางศาสนา มาทัวร์อิตาลีที่เมืองมิลานเมื่อไหร่ คุณจึงพลาดที่นี่ไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงจริงๆ
อาหารอิตาเลียนคงเป็นอะไรที่คนทั่วโลกคุ้นเคยกันอยู่แล้ว แต่ไหน ๆ ก็มีโอกาสไป ทัวร์อิตาลี ทั้งทีคงต้องสัมผัสกันหน่อยว่ารสชาติอาหารจากต้นตำรับแท้ ๆ เขาเป็นอย่างไรกันบ้าง
พิซซ่าการไปทานพิซซ่าที่อิตาลีแนะนำให้ไปเมืองนาโปลี เน้นแป้งแบบบางนุ่ม เน้นวัตถุดิบหน้าพิซซ่าที่มีความสดใหม่ แน่นอนว่าอย่าพลาดหน้าไหนก็ได้ที่มีมะเขือเทศที่ปลูกจากดินภูเขาไฟ อร่อยจนลืมพิซซ่าบ้านเราไปได้เลย
Ossobuco alla Milaneseอาหารชุดสเต็กเนื้อเสิร์ฟกับไวน์ขาว ผัก และน้ำซุป แม้ไม่ได้โด่งดังไปทั่วโลกแต่ขอบอกเลยว่าการมา ทัวร์อิตาลี ต้องทานอาหารดั้งเดิมเมนูนี้ยิ่งเมืองมิลานถือว่าอร่อยสุด ๆ
ลาซานญ่า มีการสลับชั้นของพาสต้า ชีส เนื้อ อัดด้วยซอสกับชีสอีกชั้น มีหลายรูปแบบให้ได้เลือกทาน แม้ในบ้านเราก็มีหลายร้านที่ขายแต่ถ้าไปถึงที่ต้องลองสักหน่อยจริงไหมละ
Focaccia อาหารชื่อดังของคนอิตาลีที่โปรดปรานกันมาก เป็นอาหารเก่าแก่ของอิตาลี ลักษณะคือเหมือนขนมปังแล้วมีไส้ต่าง ๆ เหมือนเบอร์เกอร์แต่รสชาติอร่อยกว่ากันเยอะเลย
Panzanella อาหารสายสุขภาพมีส่วนผสมหลักคือสลัดมะเขือเทศกับขนมปัง ส่วนใหญ่เสิร์ฟตอนกลางวันของฤดูร้อน รสชาติแปลก ใหม่ น่าลองสัมผัสมาก ๆ
มาทัวร์อิตาลีทั้งที หนึ่งมื้อที่ต้องมีคือการมาชิมพิซซ่าแบบต้นตำรับ และว่ากันว่านี่คือร้านพิซซ่าที่อร่อยที่สุดของกรุงโรมกันเลยทีเดียว ร้านนี้มีอาหารอิตาเลียนหลายรูปแบบให้บริการ แต่ที่ขึ้นชื่อที่สุดต้องยกให้กับพิซซ่าซึ่งอบด้วยเตาหิน ตัวร้านเป็นสไตล์เรียบง่ายไม่ถึงกับหรูหรา แต่ตื่นตาตื่นใจเพราะมีคิวลูกค้ายืนคอยกันยาวชนิดล้นซอยเลยทีเดียวละ ถ้ามาที่นี่เมื่อไหร่ เผื่อเวลารอเอาไว้หน่อยแล้วกัน
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 12.00 - 15.30 น. และ 18.30 - 24.30 น.
พิกัด: Via del Governo Vecchio, 114, 00186 Roma RM, Italy
Google Map : https://maps.app.goo.gl/EqNL5JsCEdXoyJ8GA
ร้านอาหารหน้าตาทันสมัย ตกแต่งในรูปแบบโปร่ง โล่ง สบายตา และตั้งอยู่ในบรรยากาศดีๆ ที่มีวิวสุดเจ๋งเป็นวิหาร Duomo แสนสวยอยู่ตรงหน้า ร้านนี้มีเมนูอาหารอิตาเลียนหลากหลายสไตล์เอาไว้ให้คุณได้เลือกชิม ราคาอาหารอยู่ในระดับปานกลางพอสัมผัสได้ มีโอกาสไปเยือนมิลานในการไปทัวร์อิตาลีเมื่อไหร่ ลองแวะไปชิม
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 12.00 - 24.00 น.
พิกัด: Via Guglielmo Marconi, 1, 20123 Milano MI, Italy
Google Map : https://maps.app.goo.gl/NM6JZMgocdYpDs63A
ร้านนี้เป็นร้านอาหารอิตาลีขนาดไม่ใหญ่ ตกแต่งอย่างเรียบง่ายไม่หรูหราตระการตา แต่ว่ากันว่ารสชาติอาหารไม่เป็นรองใคร เป็นอีกหนึ่งร้านที่หากคุณได้มาทัวร์อิตาลี และมาที่เมืองเวนิส ควรได้มาลองชิม ร้านนี้เสิร์ฟเมนูอาหารอิตาเลียนประเภทพาสต้าต่างๆ เป็นหลักใหญ่ ซึ่งเป็นเมนูที่ชาวไทยค่อนข้างคุ้นเคยอยู่แล้ว มาถึงประเทศต้นตำรับทั้งที ต้องลองกันหน่อยสิว่าอร่อยเบอร์ไหน!
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.30 - 23.30 น.
พิกัด: Calle Priuli dei Cavaletti, 106, 30121 Venezia VE, Italy
Google Map : https://maps.app.goo.gl/cLjGK9GV9n1xA2NX7
ก่อนเสร็จสิ้นภารกิจ ทัวร์อิตาลี อย่าลืมว่าของฝากเป็นสิ่งสำคัญที่ห้ามพลาดเลย ว่าแล้วมาดูดีกว่ามีอะไรน่าซื้อบ้าง
เครื่องดื่มขึ้นชื่อของประเทศ สังเกตว่าเวลาทานอาหารอิตาเลียนต้องมีไวน์เป็นเครื่องดื่มประกอบตลอด และนั่นคือเหตุผลสำคัญที่อุตส่าห์ไปถึงถิ่นจะไม่ซื้อกลับมาได้อย่างไร
ประเทศนี้นับเป็นประเทศแห่งแฟชั่น ดังนั้นสาว ๆ สายช็อปทั้งหลายอย่าพลาดกับเครื่องประดับแบรนด์เนมต่าง ๆ อย่างแบรนด์ดังของอิตาลี เช่น กุชชี่ เป็นต้น
อย่างที่รู้กันว่าเมืองนี้เป็นต้นตำรับของบรรดาเส้นพาสต้าหลากหลายประเภท หากต้องการรสชาติแท้ ๆ สูตรดั้งเดิมไหน ๆ ไป ทัวร์อิตาลี ทั้งทีก็อย่าลืมเลือกซื้อเส้นพาสต้าอบแห้งมาไว้ใช้งานกันหน่อย เผื่อวันไหนอารมณ์อยากกินอาหารอิตาเลียนขึ้นมาจะได้มีเส้นคุณภาพสูงไว้ทานให้เอร็ดอร่อย
เครื่องประดับที่พบได้ทั่วไปตามร้านอาหาร ใครที่อยากได้ความงดงามแบบต้นฉบับของเซรามิกพอร์ซเลนก็ต้องซื้อมาจากอิตาลีเลย แต่ระวังเรื่องการขนส่งหน่อยเพราะของแบบนี้แตกหักได้ง่าย แนะนำให้บอกทางร้านหีบห่อเอาไว้ให้ดีที่สุดเพื่อป้องกันการกระทบกระเทือนระหว่างโดยสารกลับบ้าน
ใครเป็นสายอาหารฝรั่งจะรู้ดีว่าน้ำมันมะกอกคือหัวใจสำคัญอย่างหนึ่งในการประกอบอาหาร เมื่อมีโอกาสได้เดินทางไป ทัวร์อิตาลี ก็อย่าลืมซื้อน้ำมันมะกอกคุณภาพดีเอาไว้ใช้งานด้วย บอกเลยว่าของที่นี่ผ่านการตรวจสารเจือปนสามารถใช้กับอาหารหลากประเภทได้ตามต้องการเลย มีหลายกลิ่น หลายรสให้ได้เลือก หรือจะซื้อมาเป็นของฝากให้กับคนที่บ้านเพื่อทำอาหารให้คุณทานก็ดีไม่น้อย